ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
somchai หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009 ตอบ: 1281
|
ตอบ: 18/09/2009 12:46 pm ชื่อกระทู้: กิน ผักอินทรีย์ ปลอดภัย จริงหรือ |
|
|
คุยสัพเพเหระ กันบ้างครับ
ได้ยินแต่ผู้มีความรู้จากหลายๆสำนักหรือแม้ กระทั่ง ตัวคุณหมอ
ก็ออกมาให้ กินผักที่ปลูกโดยไม่ใช้ เคมี จะมีความปลอดภัย แต่
ผมยังไม่เคยได้ยินใครบอกสักคนว่า การนำผักอินทรีย์ มาประกอบ
อาหารมีความปลอดภัย อย่างไร หรือ ปลอดภัย หรือไม่ จากเครื่อง
ปรุง น้ำปลา ชูรส ซอสน้ำมันหอย และอื่นๆ
ท่านทราบหรือไม่ว่า ใน เครื่องปรุงอาหารหลายๆชนิด หรือแม้อาหาร
ที่สำเร็จแล้วแต่เก็บไว้ได้ระยะเวลานานๆ มีการเติมสารเคมีเพื่อปรุง
แต่งให้ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดมีคุณภาพ ลดต้นทุน และอะไรอีกหลายๆ
อย่าง ก็แล้วแต่
เครื่องดื่มผลไม้แต่ละชนิดที่บรรจุขวดจะยี่ห้ออะไรก็แล้วแต่ ท่านคิด
หรือว่า คือ น้ำคั้นผลไม้สดๆแล้วบรรจุขวด
อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์หลายๆชนิดที่มีขายตามท้องตลาด คิดหรือว่า
ไม่มีสารเคมี
อาหารประเภทแป้ง การเก็บรักษาได้ไม่นาน มีการใช้เคมี ตัวไหนช่วย
ยืดระยะเวลา
อาหารประเภทเส้น ใช้เคมีตัวไหน ช่วยทำให้เส้นเหนียว นุ่ม ขาว ใส
น่า กิน
อาหารทุกประเภท ที่มีกลิ่น เกิดจากการใส่กลิ่น ธรรมชาติ หรือ กลิ่น
สังเคราะห์ของเคมีหลายๆชนิดผสมกัน
เคมีอาหาร คือ สารปรุงแต่ง จะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ จะมีกำหนดให้ใช้ใน
ปริมาณที่พอเหมาะ แต่
ถ้าเราสะสมไว้ในร่างกายทุกๆวัน จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราใน
ระยะยาว
ไว้ผมจะเล่าให้ฟัง ในอาหารแต่ละชนิดๆที่แปรรูป มีการใส่เคมีชนิด
ไหนบ้าง หรือ เอาสูตรไปทำขายได้ด้วยเลยครับ
.....ผักอินทรีย์ ปลอดภัยจริงหรือ....... หากกินผัก
อย่างเดียวปลอดภัยแน่ครับ........
สมชาย กลิ่นมะลิ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Aorrayong หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009 ตอบ: 869
|
ตอบ: 18/09/2009 8:30 pm ชื่อกระทู้: Re: กิน ผักอินทรีย์ ปลอดภัย จริงหรือ |
|
|
somchai บันทึก: |
ฯลฯ
ไว้ผมจะเล่าให้ฟัง ในอาหารแต่ละชนิดๆที่แปรรูป มีการใส่เคมีชนิด
ไหนบ้าง หรือ เอาสูตรไปทำขายได้ด้วยเลยครับ
.....ผักอินทรีย์ ปลอดภัยจริงหรือ....... หากกินผัก
อย่างเดียวปลอดภัยแน่ครับ........
สมชาย กลิ่นมะลิ |
จะรอฟังค่ะ แต่คุณสมชาย (ตกลงกลิ่นอะไรกันแน่ละเนี่ย) คงต้องแนะนำเมนูอาหาร ที่ปลอดภัยให้พวกเราด้วย ว่ามั้ย...
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Aorrayong เมื่อ 18/09/2009 8:46 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 18/09/2009 8:32 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
งั้นเอาใหม่.....สมชาย "เปลี่ยนกลิ่น" ดีไหม ? |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Aorrayong หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009 ตอบ: 869
|
ตอบ: 18/09/2009 9:07 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
"เปลี่ยนกลิ่น" ก็ดีค่ะ แต่อย่าใช้ "เปลี่ยนสี" ละกัน เหมือนนักการเมืองยังงัยก็ไม่รู้
ที่มา http://news.sanook.com/politic/politic_104788.php
จิ้งจกเปลี่ยนสี
โดย มติชน วัน อาทิตย์ ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2550 09:33 น.
คอลัมน์ แคะคำในข่าว
จิ้งจกเปลี่ยนสี เป็นคำพูดเปรียบเปรยนักการเมืองที่มีแนวคิดอุดมการณ์เปลี่ยนไป
โดยเมื่อครั้งออกหาเสียง ยึดหลักประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ จนประชาชนเชื่อมั่นว่าเป็นคนมีอุดมการณ์ พึ่งพาได้
หากเป็น ส.ส. หรือรัฐมนตรี ประโยชน์สุขก็เกิดแก่ประชาชน
แต่เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรี กลับกลายเป็นว่า ไปอยู่ในกลุ่มนักการเมืองที่เอื้อประโยชน์ให้ นายทุน หรือเห็นด้วยกับผู้มีอำนาจที่มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ต่อสู้เพื่อประโยชน์ประชาชน
อุดมการณ์ ที่ประกาศไว้ ถูกกลืนหาย
ทำนองเดียวกับ จิ้งจกที่เปลี่ยนสี ไปตามสภาพแวดล้อม
ถ้าอยู่ในที่ มืด ก็จะ ตัวสีดำ แต่ถ้าอยู่ในที่ สว่าง ตัวก็จะเป็น สีขาว หรือ สีเทา
คำว่า จิ้งจกเปลี่ยนสี ใกล้เคียงกับคำว่า แปรพักตร์ ซึ่งใช้กับบุคคลที่อยู่ในฝ่ายการเมืองข้างหนึ่งแล้วต่อมาเปลี่ยนใจไปเข้ากับ ฝ่ายตรงข้าม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
somchai หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009 ตอบ: 1281
|
ตอบ: 18/09/2009 10:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ตอนนี้ ที่บริษัทในเครือ ผลิตกลิ่นพริกไทดำ ได้แล้วครับ คุณภาพเหนือกว่า พริกไท แท้ๆบด
ที่บริษัท นำเข้ากลิ่น (เฟลเวอร์) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เป็นส่วนใหญ่ เลยเอาชื่อกลิ่นแต่ละกลิ่นมาต่อเติมชื่อครับ
แรกเริ่มเดิมที ผมเคยเอากลิ่นไปให้ลุงที่ไร ประมาณ 4-5ปี มาแล้ว คนชื่อ สมชาย ก็มีหลายๆคน ในคาราวาน ผมเลย เอาชื่อ กลื่นมะพร้าวมาต่อท้าย ลุงจะได้จำได้ครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
somchai หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009 ตอบ: 1281
|
ตอบ: 18/09/2009 10:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เกริ่นๆให้ฟังพอรู้นิดๆก่อนครับ
แหนม หรือ หมูส้ม แล้วแต่จะเรียก สมัยก่อน ชาวบ้านจะทำกินเองแล้ว ห่อใบตอง เมื่อได้เวลาหรือที่เรียกว่า เป็นแล้ว หรือ กินได้แล้ว แหนมที่ทำไว้กินเอง อายุการเก็บจะสั้น สีจะซีดๆ
แหนมดอนเมือง หรือแหนมที่ทำขาย ทำอย่างไรจะให้อายุการวางขายได้นานขึ้น สีต้องแดงนิดๆเหมือนเนื้อหมูใหม่ๆ จะเห็นว่าแหนมที่ซื้อตามท้องตลาดจะมีความแห้ง แข็ง มีน้ำน้อย
ฟอสเฟตอาหารแต่ละชนิดมีคุณสมบัติ ต่างๆกัน ในการทำให้คุณภาพผลิตภัณฑ์ดีขึ้น จำเป็นต้องใช้ หากคิดจะทำแหนมขาย
ส่วนแหนมทีมีสีสดๆใสๆเกิดจากการใช้ สี ส่วนหนึ่งใช้ ไนไตร์ท
ต้องการ สูตร ทำแหนม ขอมาได้ครับ เผื่อจะเอาไปทำขาย แหนมกับ ไส้กรอกอิสาน ทำคล้ายๆกัน
แหนมย่างจะใช้เศษหมูมาทำมากกว่า ใช้ เนื้อดีๆ
สำคัญคือ ใช้เคมี ชนิดเดียวกัน
สมชาย กลิ่นผลไม้รวม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
pomphet สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009 ตอบ: 29 ที่อยู่: อ.ฝาง
|
ตอบ: 19/09/2009 12:04 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
แหนมที่เชียงใหม่ขายตามท้องตลาด เรียกว่าแหนมหม้อ
ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ในการผลิต นอกจากเกลือป่น กระเทียม และข้าวสุก หมักไว้จนได้ที่ก็จะเปรี้ยวและหอมแบบธรรมชาติ แต่ต้องทำให้สุกก่อนนะครับเมื่อทานแล้วจะได้ปลอดภัยครับ จากเชื้อโรคและพยาธิที่มีในเนื้อหมู นำแหนมไปทำหลนแหนมก็อร่อยดีนะครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
somchai หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009 ตอบ: 1281
|
ตอบ: 19/09/2009 10:57 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ส่วนลูกชิ้นกับหมูยอ ก็ใช้ กลุ่มฟอสเฟตคล้ายๆกันกับแหนมต่างกันเพียงอัตราส่วนผสม รวมทั้งแป้งผสมต้องเป็นแป้งชนิดที่ดีหน่อย สามารถผสมเป็นเนื้อเดียวกับเนื้อและสามารถดูดซับน้ำแข็งได้มากเท่าไรก็จะเปลี่ยนเป็นปริมาณลูกชิ้นได้มากขึ้น
สาเหตุต้องใช้เคมีเข้ามาช่วย ก็เพราะว่า เนื้อวัวหรือเนื้อหมูที่ใช้ทำลูกชิ้น ไม่ใช่เนื้อที่มาใหม่ๆและเซลล์ของเนื้อได้ตายแล้ว บางแห่งต้องแช่น้ำแข็งไว้ก่อน เมื่อนำมาทำต้องผสมกับแป้ง และส่วนผสมอื่นๆทั้งเครื่องปรุงรส และน้ำแข็ง เคมีตัวนี้สามารถช่วยให้ส่วนผสมมีการรวมตัวกันได้ดี ผิวของลูกชิ้นสวย กรอบ หากเป็นลูกชิ้น ที่ต้องปิ้งหรือย่างขาย ต้องผสม ผงกันบูดลงไปด้วยเพื่อให้สามารถเก็บได้นานขึ้นหากขายไม่หมด
ส่วนลูกชิ้นเกรดดีๆใส่ก๋วยเตี๋ยว บางรายใส่แป้งน้อยมากๆลูกชิ้นจึงอร่อย กรอบ บางร้านไม่ใส่ชูรสแน่ครับ แต่อาจจะใส่ หัวชูรส ซึ่งสามารถลดต้นทุนลงได้เนื่องจากการใช้ในปริมาณน้อยกว่าเมื่อเทียบปริมาณและราคามีความประหยัดกว่า
จะมีสักกี่ร้านที่ไม่ใช้เคมี เพียงแต่เขาจะกล้าบอกหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ
สมชาย กลิ่นมะพร้าว |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 20/09/2009 6:41 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ยังมีสารเคมีอีกหลายตัวที่เราๆ รู้แต่เพียงว่านั่นคือ "ปุ๋ยเคมี" สำหรับพืช
อาหารที่ พืช - สัตว์ - คน คือ ตัวเดียวกัน แต่ต่างกันที่ "รูป" ซึ่ง
เราเรียกว่า "GRADE นั่นแหละ
รู้ก็กิน - ไม่รู้ก็กิน.....กินแล้วตาย - กินแล้วไม่ตาย......นี่คือประเด็น
กินแล้วตาย เพราะ กินครั้งละมากๆ กินบ่อยๆ กินเกินอัตราที่ร่างกาย
พึงรับได้ (แพ้)....
กินแล้วไม่ตาย เพราะ กินครั้งละพอดีๆ นานๆกินที กินไม่เกินอัตราที่ร่าง
กายรับได้.....ที่สำคัญ คือ เป็น FOOD GRADE
ปุ๋ยเคมีระดับ FOOD GRADE ที่คนกินได้นั้น คือ ปุ๋ยเคมีชั้นดีสำหรับพืช
ปุ๋ยเกรดนี้สามารถผ่านปากใบ ผ่านปลายราก เข้าสู่ต้นได้ จึงเท่ากับ 2 เด้ง
ขอบคุณมาก สมชาย กลิ่นมะพร้าว.... ตกลง เปลี่ยนกลิ่น ไม่เปลี่ยนสีนะ
ลุงคิมครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
somchai หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009 ตอบ: 1281
|
ตอบ: 20/09/2009 11:37 am ชื่อกระทู้: |
|
|
จะอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนสีแน่นอนครับ
แต่"กลิ่น" อาจเปลี่ยนบ้างครับ ตามความชอบ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
somchai หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009 ตอบ: 1281
|
ตอบ: 20/09/2009 1:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สูตร แหนมย่าง แบบที่ขายทั่วไป
ส่วนผสม
หมูเนื้อแดง 7.5 กิโลกรัม
มันหมู 10 กิโลกรัม
กระเทียมสด 2 กิโลกัม
น้ำตาลทราย 300 กรัม
เกลือ 200 กรัม
ชูรส 100 กรัม
ฟอสเฟส 40 กรัม
ผงแหนม 80 กรัม
ซอยโปรตีน 30 กรัม
ข้าวสวยบด 100 กรัม
วิธีทำ
1.บดหมูให้ละเอียด
2.บดมันหมูให้ละเอียด
3.ผสม หมู มัน ฟอสเฟต ผงแหนม ให้เข้ากันดี
4.เติมเครื่องปรุงทั้งหมด คลุกให้เข้ากัน บรรจุถุงเก็บในอุณหภูมิปกติประมาณ 24 ชั่วโมง แล้วจึงนำเข้าตู้เย็น
ผงแหนมมีขายตามห้างใหญ่ๆทั่วไปช่วยทำให้ส่วนผสมเข้ากันดี เหนียว ซอยโปรตีนคือ โปรตีนจากถั่วเหลือง ช่วยอุ้มน้ำในแหนมทำให้แหนมแห้ง เนื้อหมูดีมีราคาแพงอาจเปลี่ยนเป็นหมูจากส่วนอื่นๆได้ เช่นหัวหมูหรือเศษหมูก็ได้
ที่โคราช มีรายหนึ่ง รับซื้อเศษหมูทุกๆตลาดมาแช่เย็นไว้เพื่อทำแหนมย่างราคาถูกขายตามตลาดนัดทั่วๆไป |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
somchai หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009 ตอบ: 1281
|
ตอบ: 20/09/2009 1:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ส่วนแหนมกระดูกหมู มีส่วนผสมดังนี้
หมูเนื้อแดงหรือกระดูกอ่อน 8 กิโลกรัม
กระเทียมปลอกเปลือก 500 กรัม
เกลือป่น 150 กรัม
น้ำตาลทราย 40 กรัม
ผงแหนม 40 กรัม
ข้าวสวย 600 กรัม
วิธีทำ
หั่นหมูหรือกระดูกให้เป็นชิ้นพอเหมาะ ใส่หมู และเครื่องปรุงทั้งหมดลงคลุกเคล้ากันให้ทั่วถึง
นำไปบรรจุถุงมัดให้แน่นทิ้งไว้ 2-3 วัน แหนมเริ่มจะเปรี้ยวเริ่มรับประทานได้
ลองทำดูก่อนครับ แล้วแจกจ่ายบ้านใกล้เรือนเคียง รอคำติชม อร่อยหรือไม่อร่อย แล้วมาปรับเป็นสูตรใหม่ของ
เราเอง
สมชาย กลิ่นเดิมๆครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 20/09/2009 5:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
บ๋อยยยย......แหนมย่างจาน...เบียร์สิงห์ยกขาหลัง ป๋องนึง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 25/09/2009 5:33 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
somchai หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009 ตอบ: 1281
|
ตอบ: 25/09/2009 8:32 am ชื่อกระทู้: |
|
|
คัดลอกจากบทความจากหนังสือเล่มหนึ่ง
ด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคมและชีวิต ประจำวันที่เปลี่ยนไปทำให้มนุษย์ต้องมีชีวิตที่เร่งรีบขึ้นเนื่องจากความจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สิ่งที่ตามมาคือ สุขภาพ่างกายที่เริ่มมีปัญหาและความเจ็บป่วยต่างๆมากขึ้นโดยเฉพาะโรคติดต่อไม่เรื้อรัง แน่นอนสาเหตุสำคัญคือการบริโภคที่ไม่เหมาะสม ในขณะเดียวกันสภาพแวดล้อมก็เสื่อมโทรมลง เนื่องจากการใช้ทรัพยากรอย่างไม่ปราณีตั้งแต่การปฎิวัติอุตสาหกรรม
จึงได้มีบุคคลหลายกลุ่มทั้งจากเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภคในเมือง คิดถึงการปรับวิธีการนำไปสู่การผลิตและการบริโภคที่ปลอดภัยต่อร่างกายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมดังที่เคยเป็นมาในยุค บุพกาล เพิ่มเติมด้วยหลักเหตุผลและวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์ ซึ่งกลายเป็นคำที่เรียกหลากหลายบ่งบอกถึงหลักการนี้อย่างชัดเจนอาทิ
เกษตรอินทรีย์ (Organic agriculture)
อาหารอินทรีย์ (Organic food )
อาหารธรรมชาติ (Natural food)
ตามนิยามของ USDA (the U.S Department of Agriculture) คำว่า ธรรมชาติ (Natural) เป็นคำที่ใช้อธิบายลักษณะของอาหารซึ่งไม่ได้เป็นข้อบังคับตามกฎหมาย ยกเว้นเนื้อสัตว์และสัตว์ปีก ที่ระบุคำว่า Natural บนฉลาก หมายถึง อาหารจะต้องผ่านกระบวนการน้อย ปราศจากสารสังเคราะห์ เช่น สารกันเสียสารให้ความหวาน สี สารให้กลิ่นรส น้ำมันที่มีการเติมไฮโรเจน อิมัลซิไฟเออร์ แต่ใช้วัตถุเจือปนอาหารที่เป็นสารธรรมชาติ เช่น น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี สีจากพืช เป็นต้น
ส่วนคำว่า อินทรีย์ (Organic) มีความหมายไม่ได้ครอบคลุมเพียงแค่อาหารและกระบวนการผลิตแต่รวมไปถึงวิธีการเพาะปลูก กระบวนการผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่าย โดยพืชจะต้องปลูกโดย
ไม่มีการใช้ปัจจัยการเกษตรสังเคราะห์ เช่น ยาฆ่าแมลง การตัดต่อพันธุกรรม ปุ๋ยสังเคราะห์หรือปุ๋ยที่มาจากของเสีย รวมทั้งไม่อนุญาติให้ใช้ปุ๋ยที่จากมูลสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยงแบบอินทรีย์
ส่วนเนื้อสัตว์อินทรีย์จะต้องเป็นการเลี้ยงแบบปล่อย ไม่มีการใช้ ฮอร์โมนและยาปฎิชีวนะ กระบวนการผลิตจะต้องไม่มีการฉายรังสี ผลิตภัณฑ์อินทรีย์จะมีข้อบังคับรวมถึงสิทธิมนุษยชนและสวัสดิภาพสัตว์ในกระบวนการผลิตอีกด้วย |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|