-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - จะปลูกข้าวหอมที่เชียงรายครับ .................. Sombutt
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

จะปลูกข้าวหอมที่เชียงรายครับ .................. Sombutt

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11625

ตอบตอบ: 24/07/2011 6:32 am    ชื่อกระทู้: จะปลูกข้าวหอมที่เชียงรายครับ .................. Sombutt ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จาก : Sombutt
ถึง : kimzagass

ตอบ : 23/07/2011 11:13 pm
ชื่อกระทู้ : จะปลูกข้าวหอมที่เชียงรายครับ



ขอเรียนรายงานผลความคืบหน้าที่ผมจะปลูกข้าวหอมที่เชียงรายต่อครับ...

ผมเงียบหายไปเดือนครึ่ง คงต้องคุยยาวสักนิด เผื่อว่าคนที่เขาเจอปัญหาแบบผมจะได้เตรียมทำใจเอาไว้ การทำนาอินทรีย์นำเคมีเสริมตามแบบลุงคิมครั้งแรกของผมมีทั้งเรื่องที่น่ายินดีและอุปสรรคนานานับประการ

สุภาษิตฝรั่งบอกไว้ว่า Good start is a half done. การเริ่มต้นที่ดีเท่ากับมีความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะแค่ทำเทือก, แช่เมล็ดพันธุ์, หว่านกล้า ตามสูตรของลุงคิมก็ยิ้มออกแล้วครับว่า จากต้นกล้าไปเป็นต้นข้าวในวันหน้าดีแน่ ๆ เพราะกล้าที่ชาวบ้านหว่านกันตามแบบเดิม ๆ ที่เค้าเคยทำกันมา มันถอนยาก เพราะนาเป็นดินปนทราย บางครั้งรากขาด บางครั้งดินเกาะติดรากขึ้นมาด้วย เอาฟาดกับแข้งให้ดินหลุด ต้นข้าวจะช้ำ แต่กล้าที่ผมทำตามสูตรของลุง มันถอนง่ายมาก ๆ ดึงปึ๊ด ดึงปึ๊ด รากขาว สะอาด ไม่มีดินติด รากไม่มีขาด แถมต้นอ้วนแข็งแรง ชาวบ้านเริ่มสงสัยว่าทำไมกล้าของผมมันถอนง่ายดีจัง


ขั้นตอน คือ :
7 มิ.ย. 54 ทำเทือกโดยใช้ 30-10-10 (5 ลิตร) + 16-16-16 (10 กก.) + น้ำยาสมุนไพร 1 ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร ตักใส่ถังเดินสาดไร่ละ 100 ลิตร หมักทิ้งปล่อยเอาไว้ ให้จุลินทรีย์ปฏิบัติการ (ดูว่า 30-10-10 น้อยไปหน่อย เพราะพี่ชายซื้อส่งไปให้แค่ 2 แกลลอน ก็เลยต้องแบ่งใส่ให้ครบที่นา 4 ไร่) แต่ว่า....เกรงจะผิดสูตรเพราะลุงบอกให้ใช้ 30-10-10 (5 ลิตร) ต่อไร่ก็เลย....


16 มิ.ย. 54 ใช้น้ำหมักจุลินทรีย์หน่อกล้วย 10 ลิตร (ทำเอง) ผสมน้ำ 200 ลิตร ตักใส่ถังเดินสาดไร่ละ 100 ลิตร คิดว่าคงช่วยได้อีกแรงหนึ่ง

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Private_Messages&file=index&folder=inbox&mode=read&p=1624&sid=0c12a842b249b29706025efe49a50cff





18 มิ.ย.54 แม่ภรรยาถามว่า "จะหว่านกล้าวันใด" ผมก็บอกว่า "วันผัดตี้ซาวสาม" (วันพฤหัสบดี ที่ 23 มิ.ย..ครับ)

พอเย็นวันที่ 19 แกมาบอกว่า "อีแม่แจ้ข้าวหื้อแล้วในโอ่งเขียวฮั่น" (แม่แช่ข้าวให้แล้วอยู่ในโอ่งเขียวนั่น) เอาละซีตู แม่เมียทำพิษซะแล้ว พูดไม่ออก ก็เลยถามว่า "อีแม่เอาข้าวอิหยังแจ้ จะไดบ่เอิ้นก่อน" (แม่เอาข้าวอะไรแช่ ทำไมไม่บอกกันก่อน) แกบอกว่า " กข.ซิบห้า" (กข.15) ยุ่งละซี ผมบอกแล้วว่าจะลองปลูกข้าวหอมนิล แกเอา กข.15 มาแช่ ก็เลยต้องบอกให้แม่ลูกเค้าคุยกัน สุดท้ายงานครั้งนี้ผมพูดไม่ออกเพราะลุงบอกว่าห้ามเถียง ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่า ที่เคยๆ ทำกันมา กับการทำคราวนี้ผลได้ผลเสียมันเป็นอย่างไร (ความจริงความเห็นไม่ตรงกันตั้งแต่ตอนก่อนเริ่มทำเทือกแล้วครับ แกให้ฉีดยาฆ่าหญ้า ผมบอก ห้ามฉีด จะใช้ชีววิธีตามสูตรที่ผมเจอในเน็ท หลังจากผมทำแล้วหญ้ามันเหี่ยวแห้ง แกก็เลยเลิกบ่น)

วิธีการแช่ก็อย่างที่ลุงเคยพูด แกเอาข้าวใส่ถุงผ้าขาวบาง ลงแช่ในโอ่งทั้งถุง (ก็คงดีกว่ากระสอบปุ๋ยหน่อยละนะ) มีสองถุง ๆหนึ่งก็ประมาณ 2 ถังกว่าๆ น้ำในโอ่งมีประมาณเกินครึ่งโอ่ง เอาวะตู ไหนๆ ก็ไหนๆ ตกดึกผมก็แอบเอา ไคโตซาน 50 ซีซี. เทใส่ลงในโอ่งแล้วก็กวนๆ ๆๆ ๆ โดยไม่ให้แกรู้

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Private_Messages&file=index&folder=inbox&mode=read&p=1625&sid=e4d5cb7810f2af214a9ba5592b9e49d6





พอเช้าวันที่ 21 มิ.ย. ผมก้เอาถุงข้าวขึ้นจากโอ่ง เอาตะกร้าพลาสติกที่มีรูมาวางคว่ำลงเอาถุงข้าวขึ้นตั้งให้สะเด็ดน้ำ เอากระสอบป่านคลุมเพื่อบ่มอีก 2 วัน

เย็น 22 มิ.ย. ก็เตรียมแปลงที่จะหว่านกล้า เรียบร้อยดี

สายๆ 23 มิ.ย. แกะถุงข้าวที่บ่ม เทออกใส่ถัง ที่ออกรากยาวประมาณ 1/2 ซม. ที่ไม่ออกรากก็มีแยะ ขนาดว่าผมไม่เคยทำนา ไม่ต้องบอกก็รู้ เพราะแกพูดเองว่า "ข้าวลีบนักแต๊ๆ" (ข้าวลีบแยะจริง ๆ ) ผมก็เฉย ..... จะมาแยกข้าวลีบออกตอนนี้ไม่ทันซะแล้ว ก็เลยต้องหว่านไปทั้งข้าวมีรากและข้าวลีบ

25 มิ.ย. หลังหว่านกล้าสองวัน ผมก็เริ่มบรรเลง ไบโออิ + แคลเซี่ยม-โบร่อน + สมุนไพร อย่างละ 20 ซีซี. + น้ำ 20 ลิตร + บรเพ็ดทุบๆ ขยำลงไปด้วย ฉีดพ่นในแปลงกล้า แกเห็นก็บ่นกับลูกสาวว่า "ฟ่าวฉีดอิหยังบ่ฮู้ บึ๊ดข้าวจะบ่โต" (รีบฉีดอะไรไม่รู้เดี๋ยวข้าวก็ไม่โตกันพอดี) ผมก็เฉยครับลุง ผลของสมุนไพร นกหนูไม่มากวนเลย

ตอนนี้ปล่อยน้ำแห้งโกร๊กเลย กะว่าวันที่ 5 ก.ค. ครบ 10 วัน จะฉีดซ้ำอีกรอบ ก็เกิดเรื่องเพราะ ...

เช้าวันที่ 4 มิ.ย. ออกไปดูแปลงกล้าแต่เช้า ชิบโหงละซี ใครมาเปิดน้ำเข้าแปลงกล้าน้ำเกือบมิดยอดข้าว .... ผมก็แจ้นมาเรียกลูกสาวของแม่ออกไปดู ปรากฎ ว่าผ่านมาสอบวัน ฤทธิ์สมุนไพรคงหมด เพราะหอยเชอรี่มากับน้ำชลประทานเต็มไปหมด แค่คืนเดียวกล้าบางส่วนถูกกัดกินไปแยะ ก็เลยบอกลูกสาวของแม่ให้หาตัวคนปล่อยน้ำเข้าแปลงให้ที บอกตามตรงว่าเริ่มหงุดหงิดแล้วนะเนี่ย

ได้ความว่า แม่เมียไปบ่นกับลูกเขยคนโตว่า ผมหว่านกล้าแล้วปล่อยดินแห้งหลายวัน เกรงว่าข้าวจะตาย (ความจริงข้าวขึ้นงามจะตายไป เพราะได้สารอาหารของลุงคิมเต็มพิกัด) เขยคนโตผ่านมาหาปลาตอนกลางคืนเลยปล่อยน้ำเข้าซะงั้น แถมบอกว่า ให้ไปซื้อยาฉีดหอย คือ เมทัลดีไฮด์ ซึ่งจะมี เอ็นโดซัลแฟน (ที่ห้ามขายโดยตรง) ผสมอยู่ด้วย เอามาฉีดฆ่าหอย ผมก็ได้แต่ยืนปลง พูดไม่ออก ผลสุดท้ายก็ใช้วิธีง่าย ๆ คือ

ขอให้พี่เขยเอากระสอบปุ๋ยใส่สาลี่เล็กไปที่โรงสีของหมู่บ้าน ขอแกลบดิบยัดใส่กระสอบปุ๋ยมา 4-5 กระสอบ ยังมีหน้ามาถามว่า "เอามาอิหยัง" ผมก็บอกว่า " ไปเอามาก็แล้วกัน เดี๋ยวก็รู้" พอได้มาผมก็หว่านลงในแปลงกล้าซึ่งมีน้ำอยู่ แม่เมียวีน (ภาษาวัยรุ่นครับ) เลย ผมขี้เกียจจะฟัง แต่พอหอยได้กลิ่นรำที่ติดมากับแกลบ ก็รี่เข้าใส่เลย แกลบดิบก็หลุดเข้าติดในปากหอย กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขณะเดียวกันก็ปล่อยน้ำออก ตรงทางน้ำออกก็ขุดเป็นหลุมกว้างราว 2 ฟุต เอาตะกร้าพลาสติกมีรู เอามุ้งเขียวใส่ เอาใบตำลึง ใบมะละกอ ขยำๆ ใส่ในมุ้งเขียว ทีนี้ทั้งหอยที่กินแกลบ กับหอยที่ยังไม่ได้กิน พอรู้ว่าน้ำจะแห้งก็ไหลตามน้ำออกมา ก็ตกลงในตะกร้า ก็ปล่อยทิ้งไว้จนน้ำในแปลงแห้ง แต่ในหลุมที่วางตะกร้ามีน้ำ หอยที่เหลือก็จะลงมาที่นี่ กินใบมะละกอกับใบตำลึงเพลินไป

พอเช้าวันที่ 5 ก็มายกออก หอยเกือบเต็มตะกร้า ก็เอาใส่ถังสี 20 ลิตร เทกากน้ำตาลลงไป เอาน้ำหมักหน่อกล้วยเทลงไป (30-10-10 หมดแล้ว เพราะพี่ชายส่งไปให้ 2 แกลลอนเองกำลังจะบอกให้ซื้อส่งไปให้ใหม่) กวนๆๆ ๆๆ ปิดฝา ก็คงได้น้ำหมักหอยเชอรี่ + น้ำหมักหน่อกล้วย ก็พอกล้อมแกล้มใช้ผสมน้ำรดผักได้ละน่ะ

หลังจากนั้น ผมก็ผสมอาหารจานเด็ด ไบโออิ + แคลเซี่ยม-โบร่อน + สมุนไพร อย่างละ 20 ซีซี. + น้ำ 20 ลิตร + บรเพ็ดทุบๆ ขยำลงไปด้วย ฉีดพ่นในแปลงกล้าซ้ำเป็นรอบที่ 2 คิดว่า วันที่ 17 หรือ 18 ก.ค. หลังเข้าพรรษา กล้าครบ 25 วัน จะถอนออกมาดำ คิดว่าคราวนี้คงไม่มีเหตุที่จะทำให้หงุดหงิดอีก แต่ก็มีจนได้ครับลุง กรรมของผมจริง ๆ เริ่มทำนาครั้งแรกก็ชักจะท้อต่ออุปสรรคซะแล้ว...

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Private_Messages&file=index&folder=inbox&mode=read&p=1626&sid=9f37e1b41c6fae8f39890da0be06f659




ลุงเบื่อที่จะอ่านหรือยังครับ บอกตามตรงว่า ทำตามสูตรของลุงนี่นะ ต้องใช้ธรรมะของพระพุทธเจ้าหลายข้อที่เดียว ขันติ อิทธิบาทสี่ ที่ว่าเกิดอารมณืหงุดหงิดก็คือ ...

เย็นวันที่ 14 ก.ค. ผมเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปเยี่ยมโยมพ่อ แล้วพบปะญาติเพื่อทำบุญวันเข้าพรรษา (นัดกันไว้แล้ว) จะกลับเย็นวันที่ 17 ก.ค. แล้วก็เพื่อจะมาขนอินทรีย์นำ เคมีเสริม หลายอย่างของลุงที่ฝากพี่ชายซื้อเอาไว้ให้ (เห็นเค้าบ่นบอกว่า ที่ร้านหน้ามหิดลมีไม่ครบ เลยต้องรอไปเอาที่วัดท่าตำหนัก

ที่ลุงเคยบอกว่า ซื้อไปทำอะไรเยอะแยะ (วะ) ก็ทางโน้นไม่มีขาย ของไม่เน่าไม่เปื่อยซื้อเก็บไว้คงได้ใช้ (แล้วเกิดว่า ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ของลุงก็อาจขึ้นราคาตามไปด้วย อย่างปุ๋ย 16-16-16 ผมซื้อ 786.- ตอนนี้ 805.- แล้ว) ที่ให้พี่ชายซื้อก็มี ยูเรีย จี เกรด. กลูโคสน้ำ. ไคโตซาน. แมกนีเซี่ยม. สังกะสี. แต่ก็ยังไม่เต็มสูตร เพราะบางอย่างยังไม่ได้ซื้อ ก็ตามอัตภาพครับ

ลุงครับ แคลเซี่ยม โบร่อน. และ ไคโตซาน. ตามสูตรของลุงนะ เทียบกับของ ปูดำ...แล้วปริมาณ 1 ลิตรเท่ากัน ของคิม ซา กัสส์ หนักกว่า เทียบกันไม่ได้เลย ทางเชียงราย ปูดำ .... เค้านิยมกัน แต่ซักวันที่ คิม ซา กัสส์ จะดังกว่า เพราะถูกกว่าและดีกว่า (ไม่ได้ค่าโฆษณา แถมเสียตังค์ให้อีกด้วย และเรื่องหน้าม้าไม่ต้องห่วง เพราะหน้าม้าเล็กไป ต้องหน้าช้างครับ ถึงจะหน้าใหญ่) .... คุยเรื่องข้าวหอมที่อาจไม่หอมต่อ

กลับจากกรุงเทพฯเย็นวันที่ 17 ก.ค. นอนฝันในรถทัวร์ว่า พรุ่งนี้จะดำนาแล้ว แต่เช้าวันที่ 18 ฝันสลายเมื่อตอนสายวันที่ 18 เดินเข้าไปดูแปลงกล้าก่อนเลย .... เฮ้ย เว้ย อะไรกันวะนี่ แปลงกล้าของ กรู กลายเป็นอะไรไปแล้ววะ ก็ขอโวยมั่งละวะ "แม่มึง แปลงกล้าปี้เป็นจะไดนี่ ไผมายะจะอี๊" (แม่มึง แปลงกล้าพี่ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ ใครมาทำอะไรนี่) แม่เมียแทรกเสียงมาเลย " อีแม่หื้ออ้าย...มาซีมกล้า" (แม่ให้อ้าย .... ชื่อพี่เขย มาปลูกกล้าใหม่) กว่าจะเข้าใจเล่นเอาเหนื่อย

ผมก็เพิ่งมารู้ครับว่า ถ้าทำนาดำ ทางเหนือเค้าจะทำสามขั้นตอน (1) หว่านกล้า (2) พอกล้าอายุได้ 20-25 วัน ถ้าทางภาคกลางเค้าถอนแล้วดำเลย แต่ทางเหนือเค้าจะต้องเอามา ซีม คือ ถอนกล้ามาแยกแล้วก็เอาดำใหม่ เพื่อให้ได้ต้นกล้าแตกต้นมากขึ้น (3) พอ ซีมได้ 15 วันจึงจะถอนแล้วดำเพื่อปลูกครั้งสุดท้าย ซึ่งเค้าว่าจะปลูกนา (ดำนา) วันที่ 1 หรือ 2 สิงหาคม .... ฮ่วย แล้วเค้าก็ดันมา ซีม เอาตอนเช้าวันที่ 17 ยังดีว่า เค้าปล่อยน้ำแห้งเพื่อรอให้รากยึดดินก่อน ผมจะร้องเพลงอะไรดีครับลุง (ถ้าทำนาหว่านเค้าหว่านครั้งเดียวจบ)

วันที่ 20 ก.ค. ผมผสม ระเบิด 30-10-10 (ของใหม่) +ไบโออิ + แคลเซี่ยม โบร่อน + น้ำส้มควันไม้ ผสมฉีดลงไป คิดว่าวันที่ 26 จะฉีดซ้ำอีกครั้งก่อนถอนกล้าเพื่อปลูกเป็นการถาวร แต่ต้องคอยระวังเรื่องเขยใหญ่จะมาแอบเปิดน้ำเข้า เพราะผมปล่อยหน้าดินแฉะๆ ถึงวันนี้ 24 ก.ค. ข้าวสูตรลุงคิม แตกใบเขียวอมเหลืองสวยงามดีครับ ลูกสาวของแม่มาบอกผมว่า เจ้าพี่เขยใหญ่แอบบอกแม่ยายบอกให้ผมใส่ยูเรีย 46-0-0 เพราะข้าวไม่เขียว .... ผมประกาศว่า ห้ามยุ่ง ใครขืนยุ่งตอนนี้ผมจะเอา กรัมม๊อกโซน + ไกรโฟเซ็ท ฉีดข้าวของทุกคนให้หมดทุกแปลงเลย ไม่เชื่อลองดู

ก็เป็นเสียงลือลั่นโดยเฉพาะจากแม่เมียว่า ข้าวแปลงนี้จะไม่ได้กินข้าว แต่อีกกระแสหนึ่งก็บอกว่า "อาบั๊ตเปิ้นใจ๊ปุ๋ยอะหยังบ่ฮู้ กล้าลกง่ายแต๊ว่า" (อาบัติเค้าใช้ปุ๋ยอะไรไม่รู้ กล้าถอนง่ายจริงๆ ) จนแม้กระทั่ง พี่สาวใหญ่ กับพี่สาวรอง มาถามผมเหมือนกันว่าผมใช้ปุ๋ยอะไร จะได้เอาไปฉีดแปลงกล้าของเค้าบ้าง ผมก็บอกว่า ผมใช้ยูเรียน้ำ จากกำลังภายในสูตรซูเปอร์ อยู่ในแกลลอนนั่น เอาไปใช้ได้เลย (คิดว่าลุงคงเข้าใจนะครับ ยูเรียจากกำลังภายใน ต้องแบบนี้ถึงจะแสบ)

ก็มีหลายคนเริ่มแวะเวียนมาดู วิธีการปราบหอย แล้วก็เริ่มเลียบๆ เคียงๆ ถามสูตรปุ๋ย ขออุบไว้ก่อนครับ

ลุงเคยพูด ถึงการรวมกลุ่ม คนเหนือคงรวมยากส์ ไม่เหมือนคนอีสาน คนเหนือมักจะคิดว่า ฮานี่เก่งกว่าคิง (กรูต้องเก่งกว่ามึง)

มีเรื่องอยากถามลุงคิมว่า พันธุ์ข้าวหอมนิล ที่ผมยังไม่ได้ปลูก จะเก็บไว้ได้นานแค่ไหน ที่อายุการงอกจะไม่ดี มีอยู่ประมาณ 5 ถังครับ คิดว่า เมษาหน้าร้อนไม่มีน้ำทำนา แต่ผมคิดของผมบ้าๆ ว่า ผมจะลองทำ มีบ่อที่น้ำไม่เคยแห้งอยู่ ใช้ปั๊มท่อขนาด 2 นิ้วดูดน้ำ เหมือนใช้เครื่องสูบน้ำทางภาคกลาง (ขอยืมแผงโซล่าเซลล์ของเพื่อนที่กรุงเทพฯไว้แล้ว) ไม่ลองก็ไม่รู้ครับ คือ เกี่ยวรุ่นนี้แล้ว จะไถเปิดแปลงนาเป็นแปลงเดียว ปรับที่ให้เรียบเสมอกัน แล้วจะปลูกถั่วเขียว จะลองทำปุ๋ยหมักกลางแปลงตามที่ลุงแนะนำ ปลายกุมภา 55 เริ่มเลย

ขออภัยที่เขียนมายาว ความจริงมีเรื่องกินใจมากกว่านี้ บางครั้งนึกท้อเหมือนกัน เพราะจากที่เคยบอกว่า ทำ 4 ไร่ แต่ตอนนี้ พี่สาวใหญ่ เอากล้าข้าวเหนียวที่เหลือจากที่ส่วนของตัวเอง เอามา ซีม ในส่วนของน้องสาวหรือส่วนที่ผมทำ กินเนื้อที่ไป 1 ไร่ ก็เหลือส่วนของน้องสาว 3 ไร่ ฟังแล้วมึนมั๊ยครับลุง ผมคงอาจหาเช่าที่นาใกล้ๆ ลองทำข้าวหอมนิลดู แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วเพราะเนื้อที่ไม่มีว่าง ..... เอารถมาไถปลูกมันกลางลานหน้าบ้านเลยดีไหมครับ

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Private_Messages&file=index&folder=inbox&mode=read&p=1627&sid=d8a1c7777363bc84cc362ec6eb8f110f
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11625

ตอบตอบ: 24/07/2011 8:26 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)


จาก : kimzagass

ถึง : Sombutt

ตอบ : 24/07/2011 9:20 pm
ชื่อกระทู้ : จะปลูกข้าวหอมที่เชียงรายครับ



copy :
สายๆ 23 มิ.ย. แกะถุงข้าวที่บ่ม เทออกใส่ถัง ที่ออกรากยาวประมาณ 1/2 ซม. ที่ไม่ออกรากก็มีแยะ ขนาดว่าผมไม่เคยทำนา ไม่ต้องบอกก็รู้ เพราะแกพูดเองว่า "ข้าวลีบนักแต๊ๆ" (ข้าวลีบแยะจริง ๆ ) ผมก็เฉย ..... จะมาแยกข้าวลีบออกตอนนี้ไม่ทันซะแล้ว ก็เลยต้องหว่านไปทั้งข้าวมีรากและข้าวลีบ


ตอบ :

เทคนิคคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวสำหรับพันธุ์พันธุ์...

1. ตรวจสอบรุ่นเมล็ดพันธุ์ว่า ปลูกมากี่รุ่นแล้ว .... น้อยรุ่นดีกว่ามากรุ่น เพราะลักษณะทางพันธุกรรมประการหนึ่ง คือ พอออกมาจากสถานีขยายพันธุ์ข้าว แล้วเอามาปลูกเป็นรุ่นแรกเลย จะปลูกต่อได้แค่ 3-4 รุ่นเท่านั้น จากนั้นจะเริ่มกลายพันธุ์ ทั้งที่ตัวมันเองผสมกันเองในต้นเดียวกัน ทั้งผสมกับต้นอื่นที่ปะปนมา มั่วกันไปหมด หนักๆเข้า ข้าวที่ได้ก็เลยกลายเป็น ข้าวไม่ตรงตามสายพันธุ์ ที่เขาเรียกว่า "ข้าวปน" ไงล่ะ

2. คัดแยกด้วยมือ แผ่เมล็ดพันธุ์บนพื้น ทีละน้อย (1-2 กำมือ) เกลี่ยให้บางที่สุด พิจารณา ลักษณะ (ขนาด สี), รูปทรง (ยาว สั้น อ้วน ผอม กลม แบน ฯลฯ), มีเชื้อโรคติดมากับเปลือก (แกลบ) พบแล้วคัดออก ทีละเมล็ดๆ

3. แช่ในน้ำเกลือ ละลายเกลือในน้ำ ทดสอบความเข้มข้นของน้ำเกลือโดยใช้ไข่สดลอยน้ำ สังเกตุส่วนของไข่ที่ลอยพ้นผิวน้ำ

- ถ้าขนาดเท่าเหรียญห้าบาท แสดงว่าความเค็มพอดี ใช้การได้
- ถ้าขนาดเล็กกว่าเหรียญห้าบาท แสดงว่าความเค็มน้อย ให้เติมเกลือลงไปอีก
- ถ้าขนาดใหญ่กว่าเหรียญห้าบาท แสดงว่าความเค็มมากเกิน ให้เติมน้ำ

ได้น้ำเกลือเจือจางแล้ว ใส่ข้าวเปลือกลงไป สังเกตุ
- ข้าวเมล็ดลอย คือ ข้าวลีบ ให้คัดออก
- ข้าวเมล็ด กึ่งลอยกึ่งจม คือ ข้าวนก ให้คัดออก
- ข้าวเมล็ดจม คือ เมล็ดดี ใช้ทำพันธุ์ได้



เทคนิคแช่เมล็ดพันธุ์แบบไต้หวัน :
เนื่องจาก การงอกของเมล็ดพันธุ์พืชทุกชนิดตจ้องอาศัยอ๊อกซิเจน ชาวนาไต้หวันบรรจุเมล็ดพันธุ์ลงถุงตาข่ายไนล่อน (ตาห่างๆ) ในลงถังที่มี น้ำ+ไคโตซาน+โบรอน รอไว้ก่อนแล้ว ใส่ถุงตาข่ายไนลช่อนบรรจุเมล็ดพันธุ์ข้าวลงไปแล้วเปิดก๊อกให้น้ำในถังไหลออกมา จากนั้นใช้ปั๊มสูบน้ำที่ออกมาจากถังกลับเข้าไปในถังอีกครั้ง การที่น้ำหมุนวนแบบนี้เท่ากับเป็นการเติมอ๊อกซิเจนลงไปในน้ำตลอดเวลา และอ๊อกซิเจนก็จะไปสู่เมล็ดพันธุ์ข้าวนั่นเอง

คนไทยโบราณท่านแช่เมล็ดพันธุ์ข้าวในน้ำไหล (คลอง แม่น้ำ) ที่น้ำไหลตลอดเวลา โดยไม่ได้ผสมไคโตซาน หรือสารเคมีใดๆ เมล็ดพันธุ์ข้าวก็งอกดีได้ ดีแบบชาวนาโบราณซึ่งจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้

แช่ในน้ำวน 24 ชม.แล้ว เอามาห่ม (ไม่รู้ว่าไต้หวันห่มเมล็ดพันธุ์ข้าวหรือเปล่า เพราะในข้อมูลไม่ได้แจ้ง) ช่วงการห่มนี้ให้หาวิธีการทำให้เมล็ดข้าวได้สัมผัสอ๊อกซิเจนบ้าง ก็น่าจะช่วยให้เปอร์เซ็นต์งอก (รากโผล่) ดีขึ้นก็ได้



ประสบการณ์ตรง เรื่อง การงอกของเมล็ดกับอ๊อกซิเจน :
- เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวาน แช่ใน น้ำ+ไคโตซาน+โบรอน นาน 24 ชม. นำขึ้นมาห่มต่ออีก 24-36 ชม. จังหวะห่มนี่แหละ คือ ปัญหา

- ห่มแบบใส่ในภาชนะกระบอกทรงสูง แล้วปิดทับด้วยผ้าชุบน้ำ ปรากฏว่า เมล็ดด้านบนงอกรากดี - ดีมากๆ แต่เมล็ดที่อยู่ด้านล่างไม่งอกรากเลย ... คิดอัตราส่วน งอก 1 ส่วน (ด้านบน) ไม่งอก 9 ส่วน (ด้านล่าง)

- ห่มแบบใช้ผ้าขนหนูหนาๆ ชุบน้ำเปล่าปูเป็นพื้นบนถาดแบนๆ โรยเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ผ่านการแช่มาเรียบร้อยแล้วลงไป เกลี่ยเมล็ดพันธุ์อย่าให้ทับซ้อนกัน หรือทับซ้อนกันน้อยที่สุด คลุมทับด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอีกครั้ง ทิ้งไว้ 24-36 ชม. ปรากฏว่าเปอร์เซ็นต์งอกสูงถึง 90-99% รากยาวใหญ่อวบอ้วนขาวสด สมบูรณ์ดีมากๆ

แสดงว่า อ๊อกซิเจน มีผลอย่างมากต่อการงอกของเมล็ดพันธุ์....จากประสบการณ์ตรงนี้ เมื่อต้องการให้เมล็ดพันธุ์ข้าวมีเปอร์เซ็นต์งอกรากดีๆ ก็ต้องให้เมล็ดพันธุ์นั้นได้รับอากาศด้วย....การที่รากงอกดี ย่อมส่งผลไปถึงความสมบูรณ์ของต้นเมื่อโตขึ้นอีกด้วย




COPY :
วันที่ 20 ก.ค. ผมผสม ระเบิด 30-10-10 (ของใหม่) +ไบโออิ + แคลเซี่ยม โบร่อน + น้ำส้มควันไม้ ผสมฉีดลงไป คิดว่าวันที่ 26 จะฉีดซ้ำอีกครั้งก่อนถอนกล้าเพื่อปลูกเป็นการถาวร แต่ต้องคอยระวังเรื่องเขยใหญ่จะมาแอบเปิดน้ำเข้า เพราะผมปล่อยหน้าดินแฉะๆ ถึงวันนี้ 24 ก.ค. ข้าวสูตรลุงคิม แตกใบเขียวอมเหลืองสวยงามดีครับ ลูกสาวของแม่มาบอกผมว่า เจ้าพี่เขยใหญ่แอบบอกแม่ยายบอกให้ผมใส่ยูเรีย 46-0-0 เพราะข้าวไม่เขียว .... ผมประกาศว่า ห้ามยุ่ง ใครขืนยุ่งตอนนี้ผมจะเอา กรัมม๊อกโซน + ไกรโฟเซ็ท ฉีดข้าวของทุกคนให้หมดทุกแปลงเลย ไม่เชื่อลองดู

ตอบ :
อย่าไปว่าเขา อย่าไปห้ามเขา อย่าไปขู่เขา มันบาป รู้ไหม ?
อย่าทะเลาะกับใคร อย่าเก่งกว่าใคร อย่าสอนใคร อย่าบอกใคร มะเร็งกินอารมย์ รู้ไหม ?

ถึงเขาจะเอาปุ๋ยอะไรมาใส่ มันก็อั้ยแค่ N-P-K หรือไม่ก็แค่ N ตัวเดียวโด่เด่เท่านั้น ไม่มีธาตุรอง ธาตุเสริม ฮอร์โมน วิตามิน และอื่นๆเลยซักกะแหมะ ในขณะที่ของเรามีครบทั้ง หลัก/รอง/เสริม/ฮอร์โมน/วิตามิน ทุกอย่างในของเราจะไปเสริมปุ๋ยที่เขามาใส่ให้ แค่นี้ข้าวก็สบายแล้ว.....ง่ายไหมล่ะ ?




copy:
ลุงเคยพูด ถึงการรวมกลุ่ม คนเหนือคงรวมยากส์ ไม่เหมือนคนอีสาน คนเหนือมักจะคิดว่า ฮานี่เก่งกว่าคิง (กรูต้องเก่งกว่ามึง)

ตอบ :
ภาคไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ เกษตรกรไทยรวมกลุ่มกันได้กรณีเดียว "กู้เงิน" เท่านั้นแหละ จำใจรวมกลุ่มตามระเบียบการกู้เงิน ถ้าไม่มีกลุ่มเขาไม่ให้กู้ รวมกลุ่มแล้ว มึงค้ำกู-กูค้ำมึง ถ้าใครไม่ค้ำให้มีหวังโกรธกันยันลูกบวช ถึงตายก็ไม่ไปเผาผี

คนไทยน่ะเก่ง เก่งทุกคนแต่ "ต่างคนต่างเก่ง" สุดท้ายเอาตัวไม่รอดซักคน จนทั้งนั้น เป็นหนี้ทั้งประเทศ วันนี้ "หนี้นิ่ง" ธ.ก.ส. 800,000,000,000 จะทำยังไง เพราะฉนั้น ไม่ต้องไปชวนใครรวมกลุ่ม ไม่ต้องห่วงใคร คุณรวยเมื่อไหร่ เมื่อคุณพูดคนจะฟังคุณ แต่ถ้าวันนี้คุณยังจนอยู่ ถึงพูดดี พูดถูกต้อง พูดเท่าไหร่ก็ไม่มีมีใครฟังคุณหรอก....ว่ามั้ย




copy :
มีเรื่องอยากถามลุงคิมว่า พันธุ์ข้าวหอมนิล ที่ผมยังไม่ได้ปลูก จะเก็บไว้ได้นานแค่ไหน ที่อายุการงอกจะไม่ดี มีอยู่ประมาณ 5 ถังครับ คิดว่า เมษาหน้าร้อนไม่มีน้ำทำนา แต่ผมคิดของผมบ้าๆ ว่า ผมจะลองทำ มีบ่อที่น้ำไม่เคยแห้งอยู่ ใช้ปั๊มท่อขนาด 2 นิ้วดูดน้ำ เหมือนใช้เครื่องสูบน้ำทางภาคกลาง (ขอยืมแผงโซล่าเซลล์ของเพื่อนที่กรุงเทพฯไว้แล้ว) ไม่ลองก็ไม่รู้ครับ คือ เกี่ยวรุ่นนี้แล้ว จะไถเปิดแปลงนาเป็นแปลงเดียว ปรับที่ให้เรียบเสมอกัน แล้วจะปลูกถั่วเขียว จะลองทำปุ๋ยหมักกลางแปลงตามที่ลุงแนะนำ ปลายกุมภา 55 เริ่มเลย

ตอบ :
- เก็บได้นานนับปี ตากแห้งสนิท เก็บในร่ม อุณหภูมิห้อง อากาศถ่ายเทดี
- ในภาชนะเก็บ ใส่ใบมะกรูดเข้าไป ป้องกัน มอด/แมลง ข้าวเปลือก
- ในภาชนะเก็บ ใสถ่านหุงข้าว ช่วยดูดซับความชื้นได้เป็นอย่างดี


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 24/07/2011 10:34 pm, แก้ไขทั้งหมด 4 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11625

ตอบตอบ: 24/07/2011 9:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จาก : Sombutt
ถึง : kimzagass

ตอบ : 24/07/2011 9:20 pm
ชื่อกระทู้ : จะปลูกข้าวหอมที่เชียงรายครับ



ขอบคุณครับลุงคิมที่เตือนสติ และให้ความรู้ ยอมรับว่า อารมณ์โกรธทำให้คิดโง่ไป ความจริง ถ้าเค้าเอา 46-0-0 มาใส่ให้เรา เราก็เอา 30-10-10 ของลุงฉีดพ่นทับลงไป ก็จะได้ 30-10-10 + 46 -0-0 = 38-5-5 ตามที่ลุงเคยพูดอยู่เสมอว่า ตัวหน้าก็ยังสูงแถมมีตัวกลางกับตัวหลังด้วย ถ้าเราเอา ไบโออิ + ลงไปด้วย ว๊าว ธาตุอาหารครบ .... ไอ้โง่เอ๊ยตู และยังได้รับคำแนะนำอื่น ๆ อีกมากหลาย ขอบคุณครับขอบอย่างสูงเลย จริงแท้ที่ว่า ตามก้นผู้ใหญ่หมาไม่กัด (ผู้ใหญ่ แต่กัดเด็ก เพราะเด็กเดินตามก้นผู้ใหญ่ 555)


ส่วนที่บอกว่จะดำวันต้นเดือนนั้นต้องเปลี่ยนแผน เพราะวันนี้ (24 ก.ค.) นารอบข้างเค้าให้รถไถเข้าทำเทือกครั้งที่สองก่อนดำ - ก่อนหว่าน เนื่องจากเป็นดินปนทรายทำเทือกแล้วคนที่ทำนาดำต้องรีบดำ มิฉะนั้นดินมันจะแข็ง และกล้าของผมซึ่งผ่านแปลงกล้ามากว่ายี่สิบห้าวันแล้วถูกถอนขึ้นมาซีมก็ผ่านไปได้ 10 วัน ด้วยพลังสารอาหารทั้งธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ในระเบิด, ไบโออิ, แคลเซี่ยม-โบร่อน แล้วก็ยังมีน้ำหมักหน่อกล้วยที่หมักไว้เองด้วย ขนาดว่าคนไม่เคยทำนาดูแล้วต้นมันเขียว แกร่ง สวยมีเสน่ห์บอกไม่ถูกครับ บรรดาคนที่จะมาช่วย เอามื้อ (ลงแขก) ถอนกล้าและช้วยดำนา ยังชมว่า ข้าวนี้ งามแต๊ ๆ รกง่าย (ถอนง่าย) อีกต่างหาก คิดว่าข้าวรุ่นนี้ประมาณปลายเดือน พ.ย. 54 คงจะได้เกี่ยว


ทำให้นึกไปถึงว่า อันว่าข้าว เป็นพืชชนิดเดียวที่มีเทพนารีประจำอยู่ คือ แม่โพสภ ก่อนนอนคืนนี้ และก่อนถอนกล้าเอามาดำพรุ่งนี้ คงต้องจุดธุปบอกกล่าว ขอให้การทำนาครั้งแรกนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อย่าได้มีอุปสรรคใด ๆ อีกด้วยเถิด และก็ขอขอบคุณ ปรมาจารย์ คิม ซา กัสส์ มา ณ ที่นี้ด้วยความจริงใจ

ขอเรียนตามตรงว่าฟังรายการเกษตรทางวิทยุมาหลายอาจารย์ ไม่เคยที่คิดจะบันทึกเสียงเอาไว้ฟังเลย แต่ของลุง พี่ชายเค้าเปิดโทรศัพท์ไปถึงผมโดยรับฟังรายการลุงตอนเช้า - เย็น จากวิทยุ ผมก็เปิดโทรศัพท์บันทึกเสียงลุงทางเชียงราย จบแล้วก็บันทึกเอาไว้เปิดฟังเมื่อไหร่ก็ได้ แต่บางวันถ้าทาง กทม.พี่เค้าติดภาระกิจ ผมก็ไม่ได้ฟัง แต่รู้สึกในเน็ทจะมีคนเค้าอัดเสียงลุงเอาไว้ สามารถเปิดฟังย้อนหลังได้

ขอบคุณอีกครั้งครับลุง


http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Private_Messages&file=index&folder=inbox&mode=read&p=1632&sid=f726d90a7e14c1912aa40d19487c0a7c
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11625

ตอบตอบ: 24/07/2011 10:12 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)


จาก : kimzagass

ถึง : Sombutt

ตอบ : 24/07/2011 9:20 pm
ชื่อกระทู้ : จะปลูกข้าวหอมที่เชียงรายครับ



ก่อนอื่น ขอบคุณมากที่แจ้งกลับ บางคนถามมา ลุงคิมตอบไปแล้ว เขาได้อ่านคำตอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นหายซับหายสอยไปเลย หรือว่าถามทิ้งถามขว้าง เราก็เลยกลายเป็นตอนทิ้งตอบขว้างไปด้วย


COPY :
ขอบคุณครับลุงคิมที่เตือนสติ และให้ความรู้ ยอมรับว่า อารมณ์โกรธทำให้คิดโง่ไป ความจริง ถ้าเค้าเอา 46-0-0 มาใส่ให้เรา เราก็เอา 30-10-10 ของลุงฉีดพ่นทับลงไป ก็จะได้ 30-10-10 + 46 -0-0 = 38-5-5 ตามที่ลุงเคยพูดอยู่เสมอว่า ตัวหน้าก็ยังสูงแถมมีตัวกลางกับตัวหลังด้วย ถ้าเราเอา ไบโออิ + ลงไปด้วย ว๊าว ธาตุอาหารครบ .... ไอ้โง่เอ๊ยตู และยังได้รับคำแนะนำอื่น ๆ อีกมากหลาย ขอบคุณครับขอบอย่างสูงเลย จริงแท้ที่ว่า ตามก้นผู้ใหญ่หมาไม่กัด (ผู้ใหญ่ แต่กัดเด็ก เพราะเด็กเดินตามก้นผู้ใหญ่ 555)

ตอบ :
อย่ากังวลกับธาตุหลัก N-P-K นักเลย ไงๆขอให้ดู Mg-Zn-Ca-B กับ AMINO PROTINE ไว้ก่อนดีกว่า




COPY :
ส่วนที่บอกว่จะดำวันต้นเดือนนั้นต้องเปลี่ยนแผน เพราะวันนี้ (24 ก.ค.) นารอบข้างเค้าให้รถไถเข้าทำเทือกครั้งที่สองก่อนดำ - ก่อนหว่าน เนื่องจากเป็นดินปนทรายทำเทือกแล้วคนที่ทำนาดำต้องรีบดำ มิฉะนั้นดินมันจะแข็ง และกล้าของผมซึ่งผ่านแปลงกล้ามากว่ายี่สิบห้าวันแล้วถูกถอนขึ้นมาซีมก็ผ่านไปได้ 10 วัน ด้วยพลังสารอาหารทั้งธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ในระเบิด, ไบโออิ, แคลเซี่ยม-โบร่อน แล้วก็ยังมีน้ำหมักหน่อกล้วยที่หมักไว้เองด้วย ขนาดว่าคนไม่เคยทำนาดูแล้วต้นมันเขียว แกร่ง สวยมีเสน่ห์บอกไม่ถูกครับ บรรดาคนที่จะมาช่วย เอามื้อ (ลงแขก) ถอนกล้าและช้วยดำนา ยังชมว่า ข้าวนี้ งามแต๊ๆ รกง่าย (ถอนง่าย) อีกต่างหาก คิดว่าข้าวรุ่นนี้ประมาณปลายเดือน พ.ย. 54 คงจะได้เกี่ยว

ตอบ :
อย่าหวังอะไรกับธรรมชาติมากนัก บอกแล้วไง ทำเกษตรน่ะต้อง เก่ง+เฮง ถึงจะไปรอด ไงๆรุ่นนี้กะเอาแค่ประสบการณ์ก็พอ อันที่จริง ประสบการณ์นี่ต้องสะสมอย่างน้อยซัก 3 รุ่นนะ ถึงจะคุยกับเขาได้




COPY :
ทำให้นึกไปถึงว่า อันว่าข้าว เป็นพืชชนิดเดียวที่มีเทพนารีประจำอยู่ คือ แม่โพสภ ก่อนนอนคืนนี้ และก่อนถอนกล้าเอามาดำพรุ่งนี้ คงต้องจุดธุปบอกกล่าว ขอให้การทำนาครั้งแรกนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อย่าได้มีอุปสรรคใด ๆ อีกด้วยเถิด และก็ขอขอบคุณ ปรมาจารย์ คิม ซา กัสส์ มา ณ ที่นี้ด้วยความจริงใจ

ตอบ :
งวดหน้าวางแผนทำนาขาย "ข้าวปลูก" ซี่ ขายแปลงข้างๆนั่นแหละ ราคาดีกว่าขายโรงสี ดีกว่าจำนอง ธ.ก.ส.เยอะเลย หรือไม่ก็ทำ "ข้าวกล้องโอทอป" ขายปลีกถุงละ 50 บาท/กิโล ก็ได้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©