ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
jukgree สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 02/05/2011 ตอบ: 25
|
ตอบ: 09/12/2012 10:38 am ชื่อกระทู้: มือใหม่ ทำนาปรัง..... |
|
|
สวัสดีครับ ลุงคิมและพี่ๆทุกท่านครับ
ผมชื่อ จักรี ปัจจุบันอายุ 25 ปีครับ อยู่จังหวัดเดียวกับพี่ sombutt จ.เจียงฮาย ครับผม ^^
ปัจจุบันพ่อให้ลุงกับป้าเช่าที่ทำนาอยู่ประมาณ 25 ไร่ นาปีที่ผ่านมาผมก็ได้ไปช่วยและศึกษาการทำนาเป็นครั้งแรก
จากที่ไม่เคยทำนามาก่อนเลย พอจะได้ทราบขั้นตอนและความรู้ติดสมองอันน้อยนิดมานิดหน่อยครับ
นาปรังปีหน้าผมก็เลยขอพ่อว่าผมขอทำ 15 ไร่ครับ ผมได้อ่านกระทู้ HOTLINE : ชาวนา กับ ยูเรีย ....
โอ้โห ! ! ! มันใช่เลยครับลุง ผมก็ทำตามสูตรนั้นเลย ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 กับ ปุ๋ย 16-20-0 ยังไงยังงั้นเลย
ครับ นาปีปลูกข้าว กข.15 แปลงแรก 15 ไร่ ได้ข้าวประมาณ 7 ตันกว่า ผมก็ไม่รู้นะครับว่าได้มากหรือได้
น้อยเพราะยังไม่เคยทำนามาก่อน แต่ที่เห็นๆ ข้าวล้มเรียบเป็นหน้ากองเลยครับ พอถึงวันเกี่ยวเจ้าของรถเกี่ยว
ข้าวมาเห็นก็บอกว่า น่าจะเกี่ยวยากขอค่าเกี่ยวไร่ละ 650 บาท ลุงกับป้าจำใจต้องยอมครับ
ผมพูดเรื่องอย่าเผาตอซังนะ หันมาใช้ "เคมีร่วมกับอินทรีย์" บ้างจะได้ลดต้นทุนได้บ้าง ยิ่งผมได้ฟังลุง
บอกว่านาปรังลงทุนสูงกว่านาปีเยอะนะ ไหนจะค่าปุ๋ย ค่าฮอร์โมนปล่อยให้ต้นข้าวเหลืองไม่ได้เลยนะ
จะต้องเติมปุ๋ย ฉีดฮอร์โมน ฉีดยาตลอด ฮอร์โมนขวดนึงก็เป็นพัน ผมก็ได้แต่ฟังไม่สามารถโต้แย้งได้
เพราะคำพูดของผมไม่มีน้ำหนักเลย
ผมคิดว่า นาปรังผมจะลุยเองครับ ทำให้เห็นน่าจะดีกว่าพูดให้ฟังครับ น้ำที่นาดีครับสามารถสูบเข้าออก
ได้ตลอด
ผมก็เลยอยากทราบขั้นตอนที่ลุงคิมแนะนำกระทู้ "ชาวนา กับ ยูเรีย" ว่าทำตามขั้นตอนนั้นได้เลยใช่มั้ย
ครับ และปุ๋ยต่างๆที่ใช้ผมจะซื้อได้ช่องทางไหนบ้างครับ แถวภาคเหนือมีไหมครับ หรือลุงคิมช่วยจัดส่งให้ได้
ไหมครับ ผมจะทำนาทั้งหมด 15 ไร่ครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jukgree สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 02/05/2011 ตอบ: 25
|
ตอบ: 09/12/2012 10:55 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ลืมเล่าให้ฟังครับ.....
นาปีที่ผ่านมา ผมได้ขอแบ่งนาจากลุงประมาณ งานกว่า ปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ไว้ทำพันธุ์ได้ข้าวเปลือกมา
ประมาณ 200 กว่าโล
ไม่ได้พ่นยาฆ่าหญ้า
ไม่ได้ใส่ยาหอยเชอรี่
ใส่ปุ๋ยขี้ไก่ + ปุ๋ยเคมี 15-15-15 ครับ
นาปรังพ่อไม่ต้องปลูกข้าวไรซ์เบอรี่แล้ว ใส่แค่พอกินก็พอ ปลูกเยอะก็ไม่รู้จะเอาไปขายที่ไหน ให้ปลูกข้าว
ตามท้องตลาด ตามที่โรงสีรับซื้อ ในราคาจำนำดีกว่า
ผมก็เลยสองจิตสองใจครับ จะเอาไงดี ก็เลยบอกพ่อขอปลูกข้าวไรซ์เบอรี่สัก 1 ไร่แล้วกันเอาไว้กิน เหลือก็
สีเป็นข้าวกล้องขาย นาส่วนที่เหลือก็น่าจะลง พิษโลก 2 ทั้งหมดครับ
ก็เลยอยากขอคำแนะนำเพิ่มเติมการจากปลูกข้าว ว่าผมจะเปิดช่องทางตลาดยังไงดีครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11626
|
ตอบ: 09/12/2012 7:30 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
jukgree บันทึก: |
ใส่ปุ๋ยขี้ไก่ + ปุ๋ยเคมี 15-15-15 ครับ
ตอบ :
- ขี้ไก่ฟรี ค่าแรงฟรี ก็ใส่เถอะ แต่ถ้ามีค่าใช้จ่ายก็ให้พิจารณาว่า ในขี้ไก่มีสารอาหาร P-K มากกว่าขี้สัตว์
อย่างอื่นเท่านั้น แต่ปุ๋ย 2 ตัวในขี้ไก่นี้ไม่ใช่ตัวสำคัญสำหรับต้นข้าว ถ้าจะให้ดีต้อง ขี้ไก่ + ขี้วัว 1:3 แต่
ปริมาณสารอาหารก็ยังไม่พอต้องเสริมปุ๋ยเคมีอยู่ดี
ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 มีสารอาหารที่เป็นอินทรีย์จากปลาทะเล (แม็กเนเซียม แมงกานิส
ทองแดง โซเดียม ไซโตไคนิน ฟาโวนอยด์ โพลิตินอล โอเมก้า อะมิโนโปรตีน) เลือด ไขกระดูก นม
น้ำมะพร้าว ..... มีสารอาหารที่เป็นเคมี 30-10-10 แม็กเนเซียม สังกะสี ธาตุรอง ธาตุเสริม ฮิวมิก กาก
น้ำตาล .... ถ้าซื้อก็ลิตรละ 100 บาท เนื้อที่ 1 ไร่ ใส่ 2 ครั้ง ๆละ 2 ลิตร รวมเป็นเงิน 400 บาท ....
เงิน 400 บาท ได้ปุ๋ยสำหรับนาข้าวครบทุกตัว แถมได้สารอาหารสำหรับจุลินทรีบย์ประจำถิ่นอีกด้วย เอา
ไปเปรียบเทียบกับขี้ไก่ อย่างไหนมีประโยชน์ต่อต้นข้าว แล้วก็ประหยัดต้นทุนได้มากกว่ากัน.....ทำเอง
ซี่ ประหยัดสุดๆ
- ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ไม่เหมาะกับนาข้าว ต้องใช้ 16-8-8 หรือ 25-7-7 หรือ 30-10-10 จะ
เหมาะกว่า .... สังเกตุตัวหน้าสูง ตัวกลางตัวท้ายต่ำ ถึงยังไงก็ยังดีกว่ายูเรีย 16-20-0 เพราะ 15-15-
15 มีธาตุหลักครบทั้ง 3 ตัว
นาปรังพ่อไม่ต้องปลูกข้าวไรซ์เบอรี่แล้ว ใส่แค่พอกินก็พอ ปลูกเยอะก็ไม่รู้จะเอาไปขายที่ไหน ให้ปลูกข้าว
ตามท้องตลาด ตามที่โรงสีรับซื้อ ในราคาจำนำดีกว่า ผมก็เลยสองจิตสองใจครับ จะเอาไงดี ก็เลยบอก
พ่อขอปลูกข้าวไรซ์เบอรี่สัก 1 ไร่แล้วกันเอาไว้กิน เหลือก็สีเป็นข้าวกล้องขาย นาส่วนที่เหลือก็น่าจะลง
พิษโลก 2 ทั้งหมดครับ
ตอบ :
ข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นของใหม่ คนรวยคนมีความรู้จริงเท่านั้นถึงจะกิน คุณจะเอาไปให้ชาวบ้านทั่วๆไป เขา
ไม่เอากับคุณหรอก
บอกแล้วไง "การตลาดนำการผลิต" ทำอั้ยที่ขายได้ อั้ยที่คนไม่รู้จัก คนไม่ซื้อ จะทำออกมาขายทำไม.
....อยู่เชียงราย แหล่งที่จะขายข้าวไรซ์เบอร์รี่ได้ดี คือ แหล่งท่องเที่ยวครับ ขายให้นักท่องเที่ยว เพราะ
นักท่องเที่ยวทุกคนมีเงิน ก็ถ้าไม่มีเงินเขาจะไปเที่ยวทำไม....หรือไม่ก็ขายส่งยกล๊อต หรือขายปลีกทาง
ปณ. เปิดดูตามเว้บซี่ เขาขายทาง ปณ.กันเยอะแยะ กก.ละ 120 บาท สั้งครั้งละ 10 กก.ขึ้นไป คนซื้อ
ออกค่าส่งเอง....เขาขายได้ไง
ก็เลยอยากขอคำแนะนำเพิ่มเติมการจากปลูกข้าว ว่าผมจะเปิดช่องทางตลาดยังไงดีครับ
ตอบ :
อยากให้มอง "ข้าวปลูก" บ้าง ขายให้แปลงข้างบ้าน หรือขายให้โรงสี ก็น่าจะได้ราคาดีขึ้นนะ
. |
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/12/2012 7:02 am, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jukgree สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 02/05/2011 ตอบ: 25
|
ตอบ: 09/12/2012 8:28 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ลุงคิมครับ
ขี้ไก่ไม่ฟรีกระสอบละ 25 บาทครับ 80 แต่ค่าแรงนี่ไม่ได้จ้างครับ ตัวผมทำเอง ที่ลุงคิมบอกว่าทำเองประหยัดที่สุดใช่เลยครับ
แต่รอบนี้ขออุดหนุนปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงก่อนแล้วกันนะครับ เพราะเห็นว่าต้องหมักข้ามปี ตอนนี้ผมได้แค่หมักจุลินทรีย์หน่อ
กล้วย หมักน้ำหมักผลไม้ และหมักสมุนไพร ไว้ครับ ได้ประมาณ 4 เดือนแล้ว กะว่าจะใช้น้ำหมักจุลินทรีย์หน่อกล้วย ร่วมกับปุ๋ยน้ำชีว
ภาพระเบิดเถิดเทิงครับ
ลุงคิมครับขั้นตอนการทำนา ผมทำตามอย่างที่ลุงคิมแนะนำได้เลยนะครับ ไม่อยากผิดสูตร ผิดขั้นตอนครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11626
|
ตอบ: 09/12/2012 9:06 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ขั้นตอนการทำนาข้าว แบบ อินทรีย์นำ-เคมีเสริม-ตามความเหมาะสม....
1. เตรียมแปลง ทำเทือก
2. เตรียมเมล็ดพันธุ์
3. บำรุงระยะกล้า
4. บำรุงระยะแตกกอ
5. บำรุงระยะตั้งท้อง ออกรวง
6. บำรุงระยะน้ำนม
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3155&sid=9cd70d513937dde17f2b64750be59d5a
นาข้าว สูตร ก....ทำกับมือ
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3118&sid=d7a0edc30401d658db738d2a6ef2c078
HOTLINE : นาข้าว กับ ยูเรีย
24 ชม. กับการค้นหาเรื่องราวของนาข้าวที่ "ยังไม่ได้เขียน-ยังไม่ได้พูด-ยังไม่ได้รับฟัง-ยังไม่เห็น-ยัง ฯลฯ" ยิ่งค้นหายิ่งรู้ว่า การเรียนรู้ไไม่มีที่สิ้นสุด LEARNNING ALL THE LIVE คือสัจจะธรรมที่แท้จริง ใครพูดว่า "รู้แล้ว-รู้แล้ว" คนนั้นขี้โม้ ไม่ขี้โม้ก็โกหกตัวเอง เพราะที่ว่ารู้แล้วนั้น แท้จริงเป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนล้านของความรู้ทั้งหมดเท่านั้น
ในความง่ายมีความยาก ในความยากมีความง่าย ยากหรือง่าย อยู่ที่ใจ....แม้ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีตัวเลข แต่มีหลักการและเหตุผลให้คิด คิดแล้ววิเคราะห์หาต้นตอ....
ต้นข้าว คือ ต้นข้าว แต่ต้นข้าวในแต่ละพื้นที่ต่างกัน ที่เรียกว่า ความต่างบนความเหมือน-ความเหมือนบนความต่าง ขึ้นกับเหตุปัจจัยอันมาจาก "6 ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูก" เช่น ข้าวสายพันธุ์เดียวกัน ปลูกที่เชียงรายกับปลูกที่นราธิวาส หรือ ปลูกกันคนละแปลง เป็นแปลงติดกันก็ยังต่างกันได้ ความต่างนี้เเกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง ใน 6 ปัจจัยนั่นเอง
ปลูกข้าวอ่าน LINE ธรรมชาติของต้นข้าวให้กระจ่าง แล้วปฏิบัติต่อต้นข้าวตรงตามความต้องการที่แท้จริงของต้นข้าว แล้วจะประสบความสำเร็จ
หลัการคิดจากกระทู้นี้ :
จากหัวข้อการปฏิบัติต่อต้นข้าวทั้ง 6 หัวข้อที่ให้ เป็นกรอบกว้างๆ ครั้นลงมือทำแล้วจะพบปัญหาตามมามากมาย วิธีป้องกันปัญหาวิธีหนึ่ง คือ LIST รายการปัญหาทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นถึงจบไว้ล่วงหน้า ปัญหาใดรู้แล้วให้วางมาตรการป้องกันล่วงหน้า ปัญหาใดที่ไม่เคยรู้มาก่อนหรือปัญหาที่อาจรู้ล่วงหน้าได้ก็ให้ยิงคำถามมาที่นี่
วิเคราะห์ความ เป็นไปได้/เป็นไปไม่ได้ จากลิงค์อ้างอิง ก....ทำกับมือ แล้วยิงคำถามมาเป็นประเด็นๆ เป็นเรื่องๆ เพื่อให้การแก้ปัญหาตรงกับต้นตอของปัญหา ภายใต้พื้นฐาน ความเหมือนบนความต่าง-ความต่างบนความเหมือน
เตรียมตัวเตรียมใจ ทำกับมือ 3 รุ่น จึงจะเห็นแนวทาง.....
อย่ามุ่งปริมาณผลผลิต แต่ให้ระวังต้นทุน ปฏิบัติต่อต้นข้าวเท่าที่ต้นข้าวต้องการจริง..อย่าบอก-อย่าสอน-อย่ารับปาก กับใคร ถ้ายังไม่ แม่นสูตร-แม่นหลักการ จริง เขาจะหัวเราะเยาะ...
กรุงโรมมิได้สร้างเสร็จในวันเดียว ฉันใด นาข้าวแปลงนี้ก็ต้องใช้เวลา ฉันนั้น....
ไม่มีอะไรใต้ฟ้านี้ ที่ลูกผู้ชายอย่างเราทำไม่ได้.....................O.K. ?
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 01/03/2013 3:34 pm, แก้ไขทั้งหมด 9 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jukgree สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 02/05/2011 ตอบ: 25
|
ตอบ: 09/12/2012 9:42 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
รับทราบครับลุง ศิษย์คนนี้ใจมาเกินร้อยแน่นอนครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
teeen2005 สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 19/11/2012 ตอบ: 161
|
ตอบ: 10/12/2012 2:04 am ชื่อกระทู้: Re: มือใหม่ ทำนาปรัง..... |
|
|
jukgree บันทึก: | สวัสดีครับ ลุงคิมและพี่ๆทุกท่านครับ
นาปรังปีหน้าผมก็เลยขอพ่อว่าผมขอทำ 15 ไร่ครับ ผมได้อ่านกระทู้ HOTLINE : ชาวนา กับ ยูเรีย .... โอ้โห ! ! ! มันใช่เลยครับลุง ผมก็ทำตามสูตรนั้นเลย ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 กับ ปุ๋ย 16-20-0 ยังไงยังงั้นเลยครับ นาปีปลูกข้าว กข.15 แปลงแรก 15 ไร่ ได้ข้าวประมาณ 7 ตันกว่า ผมก็ไม่รู้นะครับว่าได้มากหรือได้น้อย
. |
สวัสดีครับ ลุงคิม คุณjukgree และเพื่อนๆ
ถ้าใช้ปุ๋ยเคมี + สารเคมี (คลุมหญ้า ฆ่าแมลง เพลี้ย) แล้วได้ข้าวขนาดนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศน่ะครับ ถ้าได้ข้าว 7 ตันกว่า (ประมาณ 7,500 kg) เนื้อที่ทั้งหมด 15 ไร่ ก็ได้ต่อไร่ คือ 500 kg/ไร่ ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงก็ต้องลองดูครับ แบบอย่างมีที่ลุงคิม
ผมมีตัวอย่างเรื่องจริง จากบ้านผมน่ะครับ ลุงผมทำนาใช้ปุ๋ยเคมี + สารเคมี มาทั้งชีวิต มีนา 9 ไร่ ได้ข้าวไม่มาก 400-600 kg/ไร่ แต่เมื่อระหว่าง ก.ค.-พ.ย. 55 ลุงผมได้ขโมยเอาน้ำจุลินทรีย์ที่แม่ผมหมักจากถัง 200 ลิตร คือ ใช้พวกเศษผัก ผลไม้จากห้องครัว (ล้างสะอาดแล้ว) หมักในถังข้ามปีโดยไม่ได้เติมจุลลินทรีย์ (มันมาเอง มีอยู่แล้วในอากาศ) ตอนแรกลุงก็ไม่เชื่อผมกับแม่ แล้วยังแย้งว่าจะได้ข้าวอะไร กับพวกหมักพวกนี้ แต่ในใจลุงก็อยากทดลอง แต่ไม่ลองหมักจุลินทรีย์เอง
สุดท้ายกลัวเสียหน้า เลยต้องเอาของแม่ผมไปทดลอง ไปโดยไม่บอก (ขโมยนั่นเอง มารู้ตอนเกี่ยวข้าว ป้ามาบอก) เมื่อเกี่ยวข้าวแล้วลุงได้ข้าวประมาณ 800 kg/ไร่
โดยผมอ่านในเวบลุงคิม ลุงคิมบอกว่าพวกจุลินทรีย์พวกนี้ไปทำให้ดินนุ่ม อ่อนตัว (เคมีที่เคยใส่มาก่อน เลยส่งผลเต็มที่) รากข้าวขยายได้ดี ยาว
ลุงผมบอกว่าดินนุ่มขึ้น(เมื่อก่อนไม่เคยมีความรู้สึกนี้) เดินลงนาแล้วลึกประมาณครึ่งแข้ง ผมเลยสรุปว่า..... อินทรีย์นำ + เคมีเสริม เป็นทางรอดของชาวนา และเป็นทางเดินสายกลางในแนวทางเกษตร
เมื่อก่อนผมเคยผสมปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง (สูตรในเวบมากมาย ) ชาวบ้านก็ว่าผมบ้า เสียเวลาทำอะไรไม่เข้าเรื่อง ซื้อเขาดีกว่า แต่ได้ผลช้า ผลที่ผมได้รอนานเลยล้มความคิด (อินทรีย์ตกขอบ) เมื่อรอ 2-3 ปีเห็นผล นี่คือบทเรียนครับ ตอนแรกก็เข้าเวบเกษตรพอเพียง บางกระทู้เพื่อนสมาชิกก็แนวผมเลยอินทรีย์ตกขอบ สุดท้ายก็กลับมาทางเก่าแบบผม เคมีเช่นเดิม มัน ทันใจ-ง่าย-สบาย-จ้าง
เมื่อไม่นานนี่เอง ผมมาเจอเวบลุงคิม เลยเข้าใจหลักการทำงานของอินทรีย์ผสมผสานเคมี (อินทรีย์ นำ + เคมี เสริม) ของพวกนี้ผมแต่ต้องเรียนรู้อีกมาก แค่อยากบอกเล่าประสบการณ์น่ะครับ
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย teeen2005 เมื่อ 10/12/2012 11:50 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
teeen2005 สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 19/11/2012 ตอบ: 161
|
ตอบ: 10/12/2012 2:37 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ผมคิดว่าถ้าทำเกษตรแบบลุงคิมบอก น่าจะพัฒนาให้เข้าหลักเกณฑ์ของมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ แต่ละเกณฑ์ก็มีมากมาย (โหลดได้ในเวบ) ศึกษาไว้น่ะครับ เผื่ออนาคตเพื่อนจะทำอาหารปลอดภัยเอาไปขายในราคาแพง
การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
อันเนื่องมาจากการประกาศใช้มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของประเทศไทย โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกิดการผลิตพืชอินทรีย์ภายในประเทศเป็นไปตามมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และเพื่อให้เกิดความมั่นคงและมั่นใจในระบบการผลิต การตลาด และการบริโภค จึงจำเป็นต้องสร้างกฎเกณฑ์และระเบียบปฏิบัติให้มาตรฐานการผลิตมีระบบการตรวจสอบ และออกใบรับรอง โดยรัฐมีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแล
เพื่อให้การผลิตอาหารอินทรีย์เข้าสู่ระบบที่เป็นมาตรฐานสากล กรมวิชาการเกษตร ซึ่งมีหน้าที่ในการวิจัยและพัฒนาพืชจึงต้องเร่งรัดวางแผนดำเนินงานการผลิตพืชอินทรีย์ให้ทันต่อสถานการณ์ความต้องการในปัจจุบัน และในเวลาเดียวกันระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานก็จะต้องมีการตรวจสอบและออกใบรับรองควบคู่กันไปพร้อมกันโดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีอำนาจและหน้าที่ในการให้การรับรองหน่วยงานที่มีขีดความสามารถจะรับรองการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ที่กำหนด ซึ่งองค์กรรับรองมาตรฐานในประเทศไทยมีทั้งองค์กรภาครัฐ องค์กรของคนไทย และองค์กรที่เป็นของต่างชาติ
-กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : ยินยอมให้ใช้สารเคมีได้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคตามมาตรฐาน GAP
-กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : ยินยอมให้ใช้สารเคมีได้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
-กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ และพันธุ์ที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม
-สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไทย : มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ และพันธุ์ที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม ได้รับการรับรองจาก IFOAM
-กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข : ยินยอมให้ใช้สารเคมีได้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
ข้อมูลอ้างอิง สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว (ศูนย์ปัตตานี)
โค้ด: | http://ptn.brrd.in.th/web/index.php/2009-09-23-10-33-01/10-2009-09-03-12-45-08 |
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11626
|
ตอบ: 10/12/2012 5:22 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
teeen2005 บันทึก: |
-กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : ยินยอมให้ใช้สารเคมีได้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคตามมาตรฐาน GAP
-กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : ยินยอมให้ใช้สารเคมีได้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
-กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ และพันธุ์ที่
มีการดัดแปลงพันธุกรรม
-สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไทย : มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ และพันธุ์ที่มีการดัด
แปลงพันธุกรรม ได้รับการรับรองจาก IFOAM
-กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข : ยินยอมให้ใช้สารเคมีได้ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
. |
อย่าไปยึดติดกับโครงการประเภท "กระดาษเปื้อนหมึก" เลย....
ทำตามนี้.............ได้อะไร
ไม่ทำตามนี้..........เสียอะไร
สังคมเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ในอุ้งมือผู้รับซื้อ.....
ทางออกของตัวเอง คือ ทำให้ได้ ผลผลิตเพิ่ม (คุณภาพ/ปริมาณ) ต้นทุนลด อนาคตดี ยิ่งทำยิ่งดี ยิ่งขายคนยิ่งอยากซื้อ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jukgree สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 02/05/2011 ตอบ: 25
|
ตอบ: 12/12/2012 12:45 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ลุงคิมครับ
ปัญหาข้อที่ 1 เตรียมแปลง ทำเทือก = แถวบ้านผมคิดค่าทำเทือก ปั่นนา ไร่ละ 700 บาท ย่ำเทือกประมาณ 3 รอบ
ลุงคิมกับสมาชิกว่าคิดว่าแพงมั้ยครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11626
|
ตอบ: 12/12/2012 6:11 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ทำเทือก หมายถึง ไถ. ปั่น ตี. ย่ำ. ฯลฯ สุดแท้แต่จะเรียกกันตามภาษาพื้นบ้าน แต่วัตถุประสงค์เดียวกัน คือ ทำให้ดินเป็นเลน ซึ่งเลนก็คือ "เทือก" นี่แหละ
สนนราคาค่าจ้างที่คุณถามมาว่า "แพงหรือไม่แพง" อันนี้ตอบไม่ได้ เพราะค่าจ้างบ้านคุณบ้านเขาบ้านลุงคิม ไม่เหมือนกัน
ราคาไร่ละ 700 บาท ย่ำ 3 รอบ เป็นสภาวะจำยอม เพราะที่นั่นย่านนั้นจ้างกันราคานี้ ไม่จ้างก็ทำเอง ก็แค่นี้แหละ
ราคานี้ แพง/ไม่แพง ให้ดูที่เนื้องาน, ประสิทธิภาพของงาน, อนาคตนารุ่นหน้า รุ่นค่อ ๆๆ ๆๆ ไป, ฯลฯ
ในเมื่อต้นทุนสูงด้วยสภาวะจำยอมเยี่ยงนี้ ทางออกคือ
- ทำให้ผลผลิตข้าวที่จะออกมามีมูลค่าเพิ่ม ง่ายที่สุด คือ ทำนาดำขายข้าวปลูก ซึ่งจะขายได้ราคามากกว่าขายให้โรงสี หรือจำนอง ธ.ก.ส.
- ลดต้นทุนส่วนอื่น เช่น ค่าปุ๋ย ค่าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
- ลดต้นทุนค่ายาฆ่าหญ้า
ก็น่าจะแค่นี้แหละนะ.....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jukgree สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 02/05/2011 ตอบ: 25
|
ตอบ: 14/12/2012 8:56 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ลุงคิมครับ
ปัญหาข้อที่ 1 :
เป็นสภาวะจำยอมตามที่ลุงบอกบอกจริงๆครับ ต้องหันไปลดต้นทุนด้านอื่นๆ เช่น ลดค่าสารเคมี ส่วนนี้ผมลดได้แน่นอนครับ จะใช้สมุนไพรป้องกันครับ เรื่องยาฆ่าหญ้าสงสัยยังต้องใช้ไปก่อนครับ
ปัญหาข้อ 2 :
ตามมาอีกแล้ว เรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าว แพงมหาโหดมากๆครับ ราคาตกกระสอบละ 650-680 บาท คิดเป็นกิโลก็ 26-27 ต่อกิโล ตันนึงก็ 26,000-27,000 บาท (เห็นราคาแล้วน้ำตาจะตก คนขายพันธุ์ข้าวน้ำลายไหล นั่งลูบปากอย่างเดียว) ใจผมก็เลลังเลอยากปลูกข้าวทำพันธุ์ขายบ้างตามที่ลุงคิมแนะนำ แต่ผมยังไม่เคยทำนาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขั้นตอนการดูแลจะยุ่งยากซับซ๊อนกว่าปลูกข้าวขายให้โรงสีมั้ยครับ
และยังสงสัยอีกอย่างครับทำข้าวปลูกขายใช้วิธีหว่านได้หรือไม่ครับ หรือว่าต้องดำอย่างเดียว เพราะปัจจุบันค่าแรงแพงมากเลยครับ ทั้งจ้างดำ ทั้งจ้างถอนกล้า อีกทางนึงก็จ้างรถดำนา
ขายข้าวปลูกกำไรน่าจะงามนะครับลุงคิม
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11626
|
ตอบ: 14/12/2012 9:28 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
แดง ศาลายา.....นำร่องไปก่อนเลย....
คืนนี้หมดเวลาแล้ว พรุ่งนี้วันเสาร์ไปไร่กล้อมแกล้ม ที่นั่นเล่นเน็ตไม่ได้ กว่าจะกลับก็ค่ำ แล้วกว่าจะได้ตอบก็ต้องวันอาทิตย์ เผลอๆวันอาทิตย์ขี้เกียจซะอีก ก็ต้องวันจันทร์โน่นแหละ
ที่จริง สมช.ท่านอื่นๆ เข้ามาชี้แนะชี้นำบ้างก็น่าจะดี ช่วยกันสร้าง "สังคมแห่งการแบ่งปัน" ไง ..... เสนอแนะมาเถอะ ไม่มีผิด-ไม่มีถูก มีแต่ความเหมาะสมกับไม่เหมาะสมเท่านั้น
O.K. ?
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 01/03/2013 3:40 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
teeen2005 สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 19/11/2012 ตอบ: 161
|
ตอบ: 14/12/2012 11:18 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ลองเลือกวิธีดูครับ....
1. ปลูกข้าวขายพันธุ์ข้าว ก็ต้องปลูกอย่างประณีต แบบนาดำ และทำตามแบบลุงคิม (ไม่ได้เชียร์) แต่เป็นแนวทางที่หลายคนทำกันแบบนี้ กับปลูกข้าวขายพันธุ์ข้าว แต่ก็ต้องโปรโมทตัวเองหน่อย (ทางเนต ทำเวบเอง ปากต่อปาก อันนี้ต้องหาวิธีเอง) ต่อยอดสามารถรับจ้างปลูกข้าวครบวงจร (อนาคต)
2. ทำข้าวขายโรงสี แต่ไม่ใช่ขายตามฤดูที่เขาขายกัน (ดีมาน ซับพลาย) ขายตอนตลาดต้องการข้าว ราคาจะสูง แต่อย่าไปเทียบกับราคาที่รัฐประกันน่ะครับ (บิดเบือนตลาด) แต่สิ่งที่ต้องลงทุน คือ ที่เก็บขนาดใหญ่ (ถ้านามาก) ทุกอย่างไม่ได้อะไรมาฟรีๆ
3. ขายข้าวกล้อง (เปิดร้าน) จากข้าวของตัวเอง (แต่ต้องปลูกแบบอินทรีย์ รับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองขาย)
ข้าว = ทอง ขึ้นลงตามราตลาด (ก็ลองเก็งดูซิครับ) ยังมีอีกหลายสิ่งที่ทำได้
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sombutt สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2011 ตอบ: 84
|
ตอบ: 16/12/2012 12:25 am ชื่อกระทู้: ชื่อเป็นมงคลนาม |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม และคุณจักรี
ชื่อคุณเป็นมงคลนามดีจัง สงสัยจะเกิด วันจักรีนะ
คุณบอกว่าอยู่เชียงราย บริเวณไหน แม่สาย เชียงแสน ดอยหลวง เชียงของ เวียงแก่น(แถวนี้ทำนากันแยะ) เวียงเชียงรุ้ง-
พญาเม็งราย-ขุนตาล-เทิง (สี่อำเภอนี้ คนอีสานแยะ) ป่าแดด พาน แม่ลาว เวียงชัย แม่จัน แม่ฟ้าหลวง (ศูนย์รวมชนเผ่า)
แม่สรวย เวียงป่าเป้า (แถวนี้ มูเซอ ลีซอแยะ)
เรื่องค่าจ้างไถ ทำเทือกในเชียงรายค่อนข้างแพง ไร่ละ 700 ถือว่าหนักเอาการ พอดีพี่ชายของผมเค้า ส่งรูปรถตีนตะขาบไถ
นาทำเทือกไปให้ผมดู นา 50 ไร่ เสร็จภายใน 7-8 ชั่วโมง ขนาดฟางแยะ หญ้ารก ๆ รถมันปั่น ย่ำ ทำเทือก ราบเรียบทัน
ตาเห็น คิดว่าคุณคงได้เห็นแล้ว
แถวบ้านพี่ชายบอกว่า แต่ก่อนใช้รถไถเดินตามจ้างทั้งไถ ทุบ ทำเทือกก็ประมาณไร่ละ สี่ ห้าร้อย แล้วผลงานก็ไม่ค่อยดี
เพราะรับงานไว้แยะเลยรีบทำให้เสร็จแบบรวก ๆ
พอมีรถตีนตะขาบออกมา ค่าจ้างไร่ละ 150 - 200 งานดีกว่า เร็วกว่า ค่าเลี้ยงดูก็น้อยกว่า ....จ้างรถไถ 50 ไร่ อย่าง
น้อย ๆ ก็สองสามวัน ย่ำอีก สองวัน ทำเทือกอีกสองวัน ค่าเลี้ยงดูเข้าไปหลายสตางค์แล้ว ไม่ต่ำกว่า สามสี่ร้อย ใช้
รถตีนตะขาบ แรงงานคนเดียว ค่าเลี้ยงดูไม่เกินร้อย เวลานี้พวกรับจ้างไถ ทุบ ทำเทือก หน้าแห้ง เพราะแทบจะไม่มี
ใครจ้าง ใช้รถตีนตะขาบกันหมด
ถ้าเอามาเชียงรายได้ รับรองว่า ถ้าเป็นหน้าฤดูทำนา จุอยู่ยาวไม่ต้องกลับ กำลังคิดกับพี่ชายว่า ต่อออกมาใช้งานซักคัน
รับงานวันละ 100 ไร่ (กลางวัน 50 ไร่ กลางคืน 50 ไร่) รับงานนาปี ปีเดียวก็คงจะเกินค่ารถแล้ว น่าสนแฮะ
คุณบอกว่าจะทำนาปรัง ถ้าบ้านคุณมีน้ำดีก็ทำไปเถอะ แต่แถวบ้านผมต้องทำสลับกันปีเว้นปี ปีนี้ฝั่งเหนือทำ ปีหน้าก็ฝั่ง
ใต้ทำ เป็นมาแบบนี้ตั้งแต่อุ้ย ตั้งแต่หม่อน แก้ได้แต่ไม่มีใครแก้ ไม่ยากเลยถ้าจะแก้ ...ปีที่แล้วผมทำนาเป็นครั้งแรก
พอถึงทำนาปรัง ไม่มีน้ำ แต่ผมทำ มีแต่คนว่า ยะบ่ได้ บ่มีน้ำ ...ก็ฮาจะยะคิงมายุ่งก๋าฮายะบ่ะหยัง ผมก๊อเอาไดรโว่
สูบน้ำจากน้ำบ่อ แม่ยาย กับพวกพี่เมียบ่นพึม บึ๊ดจะบ่มีน้ำกิ๋น ....ขัดใจขึ้นมา ไปขอยืมไดรโว่เพื่อน ๆ มาอีก สามตัว
ดูด แม่ง พร้อมกัน สี่ตัวเลย ก็ไมใ่เห็นน้ำมันแห้งจะบ่อ ทุกคนเลยเงียบ ดีเสียอีกเท่ากับว่าได้ล้างบ่อไปด้วย ผลสุด
ท้ายก็ได้ข้าวกิน
มาปีนี้ทำนาปี บังเอิญถูกควาย(เหล็ก)มันถีบเอา ตอนนี้ก็ยังไม่หายดี ข้าวนาปีก็เลยให้แม่ยายกับลูกสาวทำกันสองคน ...
ก็ใช้ปุ๋ยตาคิมนี่แหละ ...
แม่ยายบอกว่า ข้าวใส่ปุ๋ยตามคิมต้นแข็งดีแต๊ โดยพายุข้าวบ่ต้าว ขณะที่นาข้างเคียง ล้มเรียบราบพนาสูญ
เวลาเขียนเรื่องลงกระทู้ ผมกับพี่ชายชอบที่จะมีรูปให้เพื่อน ๆ ได้ดู ให้เห็นได้ทันที ไม่ต้องไปเปิดลิ้งค์โน้น ลิ้งค์นี้ให้
เสียเวล่ำเวลา บางคนเปิดไม่เป็นก็มี หรือบางครั้งเปิดไปแล้ว เข้าเว็ปไม่ได้ก็มี รูปที่พี่ชายส่งมาให้ผมก็มีดังนี้ครับ อาจจะ
ซ้ำกับที่พี่ชายเคยลงไว้บ้างคงไม่เป็นไร เพราะเพื่อนสมาชิกจะได้เห็นกันทั่ว ๆ
รูป 1 คำอธิบายบอกว่า ถ่ายเมื่อ 10 ธันวา เวลาประมาณ 18 น. ตอนเย็นใกล้ค่ำ รูปเลยมืดไปหน่อย เจ้าของ
รถบอกว่าเป็นรถคันแรกทีี่ทำออกมา มันดูโล่งลูกทุ่งไปหน่อย ก็เลยปล่อยไว้แบบนี้ให้รู้ว่านี่เป็นคันแรก นาผืนนี้
เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ เริ่มปั่น ทุบ ย่ำทำเทือก เวลา 18 น. งานเสร็จประมาณ 4 ทุ่ม- 22 น.
รูป 2 พอลงนาได้ก็ไม่ฟังเสียง เริ่มลุยเลย จะเห็นหญ้าราบ ดินเละ
รูป 3 ดินจะเรียบ คันนาจะตรงแหน๋ว รถไถเดินตามคงทำไม่ได้แบบนี้แน่ ๆ ถ้าติด ผาล เข้าไปตรงแผ่นลูบเทือก
จะปั้นคันนาได้เลย
รูป 4 พี่เค้าบอกว่า นี่เป็นรถตีนจะขาบคันที่ 2 ใหญ่กว่าคันแรกขึ้นมาหน่อย พัฒนาการทำงานขึ้นมา
อีกหลายอย่าง นา 50 ไร่ ทั้ง ปั่น ย่ำ ทำเทือก ปรับหน้าดินทำ 2 รอบ งานเสร็จภายใน 8 ชั่วโมง เนื่องจาก
เป็นพี่น้องกัน เลยค่าจ้างไร่ละ 130 บาท ค่าข้าวคนขับ 2 กล่อง เอ็ม 2 ขวด (2 คน)
รูปที่ 5 ตรงแผ่นลูบเทือกจะติด เซ็นเซอร์ เพื่อบอกว่าตรงนี้ที่ดอน แผ่นก็จะกดลง ถ้าตรงนี้ที่ลุ่ม แผ่นลูบก็จะยกขึ้น
หน้าดินก็จะเสมอกัน
รูป 6
รูป 7
รูป 6 และ 7 พี่เค้ากลัวว่าผมอาจไม่ได้เปิดเน๊ตเพราะยังไม่หายดี เค้าเลยส่งรูปมาให้ผมพิจารณาว่า มันมีข้อ
แตกต่าง ข้อดีข้อเสียกันอย่างไร ....ผมส่งคำตอบให้พี่เค้าไปแล้ว ขอบอกเลยว่า
รูป 6 ตัวสีแดง ร้านทำออกมาขาย ทำเพื่อขาย จึงใช้วัสดุไม่ดีนัก (1) ฝาครอบสีแดงข้างบนดูสวยงาม แต่
ไม่ควรมี เพราะถ้าปั่นไปถูกหญ้าหรือฟางแล้วมันติด จะแกะลำบาก (2) แกนเพลาปั่นตัวเล็กนิดเดียว ใบมีดปั่น
บาง แล้วก็การออกแบ งอ 90 องศา ใช้ไปได้ไม่นาน ใบปั่นด้านล่างเวลาปั่น นอกจากจะปั่นหญ้าและฟาง
แล้วเวลาหมุนขึ้นใกล้จะพ้นผิวดินจะงัดดินไปด้วย ก้านจะแอ่นโค้ง ตามโดยอัตโนมัติ แล้ว สกีด้านล่างแผ่นเล็ก
เกินไปหน่อย ถ้าเจอดินเลน มันจะจมลึก ตัวปั่นก็จะทำงานหนักขึ้น ประสิทธิผลของงานที่ได้จะไม่ดีเท่าที่ควร
ใครอยากซื้อไปใช้ก็ไม่ว่ากัน แต่ผมคงไม่ซื้อ แล้วแผ่นปะั่นใช้วิธีเชื่อแบบ อ๊อกติดกับแกนเพลา ความทนทาน
จะมีน้อย
รูป 7 แกนเพลาจะใหญ่ ใบมีดปั่น จะเอียงเฉียงสลับกัน แผ่นใบมีดทำจากเหล็กกล้า ใช้วิธีเชื่อมต่อด้วยระบบเป่า
แล่นเพื่อให้เหล็กละลายติดเป็นเรื้อเดียวกัน เวลาใบมีดกดลงจะตัดหย็าและฟาง ตอนหมุนขึ้นจะงัดดินหรือพรวน
ดินไปด้วย ..ขาสกีกว้าง ไม่จนดินเลนง่าย เสาสองข้างใช้เหล็กตัว ยู สามารถที่จะเอาตัวลูบเทือกประกบแล้ว
ล๊อกติดเข้าไป จึงสามารถใช้ปั่นแล้วลูบเทือกไปพร้อมกันทีเดียวได้
รูป 8 มาถึงตัวนี้ยิ่งหนักเข้าไป เวลามันหมุน ไอ้ตัวที่เป็นแผ่นจะเป็นตัวกดหรือย่ำฟางและหญ้า ไอ้เจ้าเดือยที่เป็น
แท่งเหล็ก จะเป็นตัวงัดฟางและหญ้า เมื่อหมุนมาถึงตัวกด ก็กดหญ้าและฟางลงดิน ไอ้เจ้าตัวเดือยหมุนมาถึงก็จะ
งัดฟางและหญ้าที่กดขึ้นมาอีก แทนที่จะเป็นงัดแล้วกด กลับเป็นว่ากดแล้วงัด
ไอ้ผมแค่ชาวนาบ้านนอก อาจมองอะไรผิดพลาด แต่คงไม่ซื้อทั้งสองตัว ให้ฟรี ๆ ยังไม่อยากได้เพราะขี้เกียจเสีย
เวลามานั่งซ่อมใบปั่นที่มันงอ หรือมันหลุด
รูป 7 นั่นแหละ ใช้งานได้ดีกว่าหลายเท่า หญ้าและฟางจะไม่ติดใบปั่น
รูป 9 รูปนี้เป็นเครื่องในฝันเลยแหละ เครื่องหยอดเมล็ดข้าว ใช้รีโมทคอนโทรล หรือใช้บังคับด้วยวิทยุ
ใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 3 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาตัวรถไม่รวมเครื่องประมาณ หมื่น ตัวรีโมทผมมีแล้ว เพราะ
ใช้เล่นเครื่องบินบังคับวิทยุอยู่ เครื่องยนต์ก็มีอยู่แล้ว ขาดแต่ตัวรถ สามารถดัดแปลงใช้ติดเครื่องพ่นปุ๋ย
พ่นยาได้อีกด้วย อยากรู้ว่าทำอะไรได้บ้าง เปิดดูกระทู้ที่ 2942 คุณ Joroojungหรือ อจ.ประพันธุ์
เป็นอาจารย์อยู่ พิษณุโลก มี หนังให้ดูด้วย ลงเรื่องมานิดเดียว แล้วก็ไม่ลงต่อ หรือโดนพ่อค้าซื้อตัว
ไปแล้วก็ไม่รู้
ทีนี้มาถึงว่า อยากถามคุณจักกรีว่า พื้นที่ดินของเชียงราย ทิศไหน ลุ่ม ทิศไหน ดอน ถ้าคุณเป็นคน
เชียงรายน่าจะรู้ ผมเป็นคนกรุงเทพมาอยู่เชียงรายยังรู้เลย เอาเป็นว่า น้ำไหลจากทางทิศไหน ไป
ทิศไหน เอาตั้งแต่อำเภอเมืองไปเลย เพราะถ้าทำนาไม่รู้ว่าน้ำมาจากไหน ไปไหนแย่แล้วน้อง ..ลอง
สาธยายให้คนกรุงเทพมาอยู่เหนือฟังหน่อยซิเอ้า
...คุณสังเกตหรือเปล่าว่า พื้นนาเชียงรายส่วนมากจะเป็นนาขั้นบันได้ในพื้นราบ และทำเป็น ไฮ่ แถว
บ้านพี่นี่ 2 ไฮ่ เป็น 1 ไร่ ก้เพราะเรื่องระบบการกักเก็บน้ำนี่แหละ
เอาแค่นี้ก่อนนะ อย่าลืมตอบ ได้ก็บอก ไม่ได้ก็บอก เพราะถ้าวันหน้าเกิดได้รถตีนตะขาบมาใช้ คง
ต้องรื้อคันนา ปรับหน้านาให้เรียบกันขนานใหญ่
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sombutt เมื่อ 16/12/2012 7:10 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11626
|
ตอบ: 16/12/2012 12:36 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
jukgree บันทึก: | ลุงคิมครับ
ปัญหาข้อที่ 1 :
เป็นสภาวะจำยอมตามที่ลุงบอกบอกจริงๆครับ ต้องหันไปลดต้นทุนด้านอื่นๆ เช่น ลดค่าสารเคมี
ส่วนนี้ผมลดได้แน่นอนครับ จะใช้สมุนไพรป้องกันครับเรื่องยาฆ่าหญ้าสงสัยยังต้องใช้ไปก่อนครับ
COMMENT :
สภาวะจำยอม-สภาวะจำยอม เป็นเรื่องของธรรมชาติที่เรา "ปล่อย" ให้มันเกิดเองตามธรรมชาติ
โดยไม่มีการ "ควบคุม" หากคุณ "ยอม" ก็คือ "แพ้" ใน
เมื่อเราสามารถ
เอาชนะสภาวะจำยอมที่เกิดเองตามธรรมชาตินั้นได้ด้วยการ "ควบคุม" เราก็ควบคุมซี่ เช่น หญ้า/วัช
พืช ถ้าเราคุมกำเนิดมันได้ มันก็จะไม่เกิดอีก.... ถามว่า วิธี "คุมกำเนิด" หญ้า/วัชพืช ทำ
อย่างไร ? คำตอบ คือ "ย่ำอย่างประณีต" ย่ำซ้ำ-ย่ำซ้ำ หลายๆรอบ หญ้า/วัชพืช เมื่อถูกย่ำ
ขนาดนี้แล้วจะหมดโอกาสงอกใหม่อย่างแน่นอน
(.....ไม่มียาฆ่ายาคุมหญ้าวัชพืชชนิดใดยี่ห้อใดในโลกนี้ ที่ใช้ตามอัตราระบุข้างขวด
แล้ว กำจัดหญ้าวัชพืชให้ตายได้ อย่างดีแค่ใบไหม้ ไม่ช้าไม่นานก็งอกใหม่ เจริญ
เติบโตดีกว่าเก่า หากต้องการให้หญ้าวัชพืชตายสนิทจริงๆ ต้องใช้อัตรา 10 ล./ไร่
เมื่้อหญ้าวัชพืชตาย ต้นข้าวก็อยู่ไม่ได้ เพราะดินตายด้วย แล้วได้อะไร.....ตอนทำ
เทือกเห็นแต่หน้าดิน ไม่มีหญ้าวัชพืชขึ้นก็เพราะมันยังไม่งอกใหม่ ใช่หรือไม่.....
ข้าวระยะกล้า-ระยะแตกกอ ไม่มีหญ้าวัชพืช ก็เพราะมันยังต่ำกว่าต้นข้าว จึงมองไม
เห็น ใช่หรือไม่ งานนี้เจ้าของนาเชียร์ยาฆ่ายาคุม โอ้โฮ ยาตัวนี้ดีจริงๆ ฉนี้เรียกว่า
โกหกตัวเอง ใช่หรือไม่.....
ต้นข้าวถึงระยะแตกกอ-ตั้งท้อง-ออกรวง-น้ำนม-เกี่ยว ต้นหญ้าวัชพืช สูงแซงต้น
ข้าวให้เห็นเต็มนา เจ้าของนาเงียบกริ๊บ ไม่มีแม้กระทั่งข้อสงสัย ฉนี้เรียกว่า
กลืน "น้ำลายตัวเอง-กลัวเสียเหลี่ยม" ใช่หรือไม่....)
ในสมุนไพรมี "สารออกฤทธิ์-สารสำคัญ" (ภาษาองค์การเภสัชกรรม) มากน้อยแล้วแต่ชนิดของสมุนไพร.....รู้หรือไม่
ยารักษาโรคคน ชนิดแคบซูล เมล็ด
น้ำ ผง ครีม ในโลกนี้ 99% ทำมาจากสมุนไพร โดยการสกัดเอาเฉพาะสารสำคัญเฉพาะตัวมาใช้งาน.....สารสำ
คัญในสมุนไพรใช้กำจัดเชื้อโรคในร่างกายคนได้ ฉนี้แล้ว ทำไมจะกำจัดเชื้อโรคในพืชบ้างไม่ได้
หนอน ตัวเท่าก้านไม้ขีด มีแต่หนังกำพร้า จะมีภูมิต้านทานอะไรนักหนา โดนแดดยังตาย เมื่อโดนสารสำคัญในสมุนไพร
มันจะอยู่รอดได้ยังไง.....
เชื้อโรค สัตว์เซลล์เดียวแท้ๆ จะมีภูมิต้านทานอะไรนักหนา เชื้อโรคในตัวคนยังต้านสารสำคัญในสมุนไพรไม่ได้ แล้วเชื้อ
โรคในพืชมันเก่งกาจฉกาจฉกรรจ์มา
จากไหน....
อยู่แต่ว่า เรามีกรรมวิธีในการสสกัดเอาสารสำคัญในสมุนไพรนั้นอย่างไร หรือไม่
คนจะกินยาก ยังต้องเลือกยาที่ตรงกับโรค.....
ครั้นจะใช้สมุนไพรกำจัดศัตรูพืช ใยไม่เลือกสมุนไพรที่มีสารสำคัญตรงกับศัตรูพืชบ้าง.....
คน......ยาถูก + กินผิด = ไม่หาย
คน......ยาผิด + กินถูก = ไม่หาย
คน......ยาผิด + กินผิด = ตายจ้อย
คน......ยาถูก + กินถูก = O.K.
ฉันใด.... ยาสมุนไพรกับศัตรูพืช ก็ฉันนั้น....เพราะฉนั้น ทำให้เป็น-ใช้ให้เป็น อย่ามั่ว
วันนี้เกษตรกรไม่น้อย หมกมุ่น-สืบเสาะ-ค้นหา-ยึดติด อยู่แต่กับ ยาเคมี-ยาเคมี ยอมแม้กระทั่งเป็น "หนูลองยา" แต่
ไม่ใส่ใจ ยาสมุนไพร แถมคุยโม้ว่ารู้เรื่องสารเคมีเป็นอย่างดีซะอีก ขี้โม้ทั้งนั้น ..... ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะเป็นห่วงก็แต่ลูก
หลานเท่านั้น
ระวังเน้อ..... สารเคมีมากๆ ผู้ชายนกเขาไม่ขัน-ผู้หญิงหอยไม่ร้อง แบบนี้มีเงินเป็นล้านก็ไม่มีประโยชน์
อยู่ไปทำไม (วะ...) ..... เถียงซักคำซิเอ้า
ขายราคาเดิมแต่กำไรเพิ่มขึ้น เพราะ "ลด" ต้นทุนลงได้ ใช่ไหม ?
ปัญหาข้อ 2 :
ตามมาอีกแล้ว เรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าว แพงมหาโหดมากๆครับ ราคาตกกระสอบละ 650-680 บาท คิดเป็นกิโลก็ 26-27
ต่อกิโล ตันนึงก็ 26,000-27,000 บาท (เห็นราคาแล้วน้ำตาจะตก คนขายพันธุ์ข้าวน้ำลายไหล นั่งลูบปากอย่างเดียว)
ใจผมก็เลยลังเลอยากปลูกข้าวทำพันธุ์ขายบ้างตามที่ลุงคิมแนะนำ แต่ผมยังไม่เคยทำนาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขั้นตอนการดู
แลจะยุ่งยากซับซ๊อนกว่าปลูกข้าวขายให้โรงสีมั้ยครับ
COMMENT :
ถามตัวเอง....
- เพิ่งรู้เหรอ ?
- ทำไมเพิ่งรู้ล่ะ ?
- คนอื่นรู้บ้างไหม ?
- ข้าวปลูกที่เราซื้อ คนขายเอามาจากไหน ?
- ทำไมข้าวปลูกถึงราคาแพงขนาดนั้น ?
- ทำข้าวปลูกเอง แล้วใช้เอง ได้ไหม ?
-
ทำนาขายข้าวปลูก.....
- เลือกสายพันธุ์ที่ชาวนาย่านนั้นนิยม
- ขายให้โรงสี ควรรู้สเป็คที่โรงสีต้องการ
- ขายให้นาแปลงข้างเคียง ติดป้ายโฆษณา "ขายข้าวปลูก"
- ทำนาดำ
- ในแปลง หัวคันนา ไม่มีวัชพืชทุกชนิด
- ไม่มีข้าวปน หรือมีน้อยที่สุด
- ต้นข้าวในแปลงเจริญเติบโต เท่ากัน-พร้อมกัน-เสมอกัน ทั่วทั้งแปลง
- สภาพต้นสมบูรณ์ ตั้งแต่ปลายรากถึงปลายใบ
- ไม่มีร่องรอยศัตรูพืช
- เมล็ดล่างสุดโคนรวงทุกรวง เต็ม-แกร่ง-ใส ไม่เป็นท้องปลาซิว
- ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุุกชนิด
- ใช้ปุ๋ยเคมีน้อย หรือใช้เท่าที่ต้นข้าวต้องการจริง ไม่ใช่ยูเรียเด็ดขาด
-
และยังสงสัยอีกอย่างครับทำข้าวปลูกขายใช้วิธีหว่านได้หรือไม่ครับ หรือว่าต้องดำอย่างเดียว เพราะปัจจุบันค่าแรง
แพงมากเลยครับ ทั้งจ้างดำ ทั้งจ้างถอนกล้า อีกทางนึงก็จ้างรถดำนา
COMMENT :
นาดำ-ต้นห่าง.....โตไว โตดี โรคน้อย คุณภาพดี คนดูคนเห็นชอบ
นาหว่าน-ต้นถี่.....โตช้า โตไม่ดี โรคมาก คุณภาพด้อย คนดูคนเห็นว่า งั้นๆแหละ
ค่าแรง คือ สภาวะจำยอม แก้ไขด้วยการ เพิ่มมูลค่าในราคาขาย เช่น ขายเป็นข้าวปลูก, สีเป็นข้าวกล้องขาย,
ใช้เครื่องจักรกลทุ่นแรงแล้วทำเองแทนการจ้าง, จัดตารางเวลาในการทำงานให้เหมาะสมกับตัวเองเพื่อทำเองแทน
การจ้าง,
รถดำนา.....ย่านท่ามะกา เมืองกาญจน์ ไร่ละ 1,600 รวมค่าข้าวปลูก (เจ้าของนาเลือกสายพันธุ์เอง) ด้วย
ลดต้นทุนอื่นๆ เช่น ใช้ปุ๋ยทางรากทางใบถูกต้อง (ทำเอง + ซื้อ), ใช้สารสมุนไพร (ทำเอง + ซื้อ), ลง
ทุนครั้งแรกครั้งเดียวใช้งานได้หลายๆรุ่น (กำจัดวัชพืช ปรับเรียบหน้าแปลง ลดจำนวนคันนา ), ค่าขนส่ง (สั่งซื้อ
ปุ๋ยแบบส่งถึงบ้าน ขายข้าวปลูกให้แปลงข้างบ้าน)
ระลึกและวางแผนล่วงเสมอว่า.....เทคโนโลยีที่ยากที่สุด คือ เทคโนโลยีการตลาด
ขายข้าวปลูกกำไรน่าจะงามนะครับลุงคิม
COMMENT :
ในคำถามมีคำตอบ....ในคำตอบมีคำถาม....
ถามใจตัวเอง....ยากหรือง่าย อยู่ที่ใจ
เขาทำได้เพราะเขา....เราทำไม่ได้เพราะเรา....แล้วมันคืออะไรกันแน่....
จะจมตัวเองอยู่ในวังวนเดิมๆไปใย คิดก่อนทำซิว่า ทำแล้วได้อะไร ? ได้เท่าไร ?
บทเรียนของตัวเอง บทเรียนของ
คนอื่น เป็นอย่างไร ?
จะดีไหม ถ้าได้เมล็ดพันธุ์ข้าวจากหน่วยส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ กรมการข้าว มาปลูกทำพันธุ์รุ่น 1 ต่อรุ่น 2 ต่อรุ่น 3 ต่อรุ่น
4 ยังพอไหว ก็น่าจะดีกว่าข้าวปลูกที่เขาขายๆกันในทุกวันนี้ที่เป็นข้าวรุ่นที่ 20 รุ่นที่ 30 จนกระทั่ง จริงๆแล้วนั่นคือ
ข้าวพันธุ์อะไรแน่
. |
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 19/12/2012 8:49 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jukgree สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 02/05/2011 ตอบ: 25
|
ตอบ: 17/12/2012 10:39 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
ฮอร์โมนไข่ไทเป (สะสม/เปิด ตาดอก)
ส่วนประกอบ : นม. ไข่. อาเซติค แอซิด. ยิสต์.
น้ำมะพร้าว. ธาตุหลักสูตรตามชนิดพืช. เอ็นเอเอ.
แคลเซียม โบรอน. ธาตุรอง/ธาตุเสริม. อะมิโนโปรตีน.
สาหร่ายทะเล. กลูโคส.
ปุ๋ยน้ำดำ ไบโออิ (บำรุงต้น)
ส่วนประกอบ : แม็กเนเซียม. สังกะสี. ยูเรีย จี.
ธาตุรอง. ธาตุเสริม. ไคโตซาน. สาหร่ายทะเล.
แคลเซียม โบรอน. อะมิโนโปรตีน. กลูโคส.
ปุ๋ยทางใบ ยูเรก้า (สูตรขยายขนาด)
ส่วนประกอบ : 21-7-14 (น้ำ). ธาตุรอง/ธาตุเสริม.
ไคโตซาน. สาหร่ายทะเล. แม็กเนเซียม.
สังกะสี อะมิโน คีเลต. แคลเซียม โบรอน. กลูโคส.
แคลเซียม โบรอน
15-0-0 จี. โบรอนพืช. ธาตุรอง.
ธาตุเสริม. กลูโคส. แต่งกลิ่น. แต่งสี.
ปุ๋ยน้ำชีวภาพ ระเบิดเถิดเทิง (สูตรบำรุงตามระยะพืช)
ปลาทะเล. กากน้ำตาล. จุลินทรีย์. ไขกระดูก. เลือด. นม.
มูลค้างคาว . ฮิวมิก. น้ำมะพร้าว. ธาตุรอง. ธาตุเสริม.
หมักนาน 2-3 ปี ................... +ธาตุหลัก ก่อนใช้งาน
===============================================
ลุงคิมหรือพี่น้องสมาชิก....
ส่วนผสมของปุ๋ยทุกสูตรที่ลุงคิมให้มา ถ้าผมจะทำเองสามารถซื้อส่วนผสมได้ที่ไหนบ้างครับ
ทำเองใช้ดีเหลือก็ขายต่อ เผลอๆ ผมว่ารายได้ดีกว่าปลูกข้าวซะอีกนะครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11626
|
ตอบ: 18/12/2012 12:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
jukgree บันทึก: | .
ส่วนผสมของปุ๋ยทุกสูตรที่ลุงคิมให้มา ถ้าผมจะทำเองสามารถซื้อส่วนผสมได้ที่ไหนบ้างครับ
ทำเองใช้ดีเหลือก็ขายต่อ เผลอๆ ผมว่ารายได้ดีกว่าปลูกข้าวซะอีกนะครับ
.
|
หาซื้อตามร้าน "เกษตรเคีภัณฑ์" ทั่วราชอาณาจักร..... ร้านเล็กร้านใหญ่ได้ทั้งนั้น เพราะ มี คือ มี - ไม่มี คือ ไม่มี
ถ้ามีก็ซื้อ.....
ถ้าไม่มีก็ไม่ซื้อ หรือถามเขาหน่อยว่า เคยเอามาขายไหม ? สั่งให้หน่อยได้ไหม ? ร้านไหนมีขายบ้าง ?....
จำไม่ได้ว่าเคยเล่าไว้ในเว้บนี้ให้อ่านแล้วหรือยัง (หัวดีแต่ขี้ลืม) :
เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่า.....
ชายหนุ่ม : เจ๊ มี 15-0-0 จี เกรด ไหม ?
เจ๊ขายปุ๋ย : ไม่่มีหรอก
ชายหนุ่ม : มีโบรอนพืช เกรด 10 โมเลเกุลน้ำไหม ?
เจ๊ขายปุ๋ย : ไม่มีหรอก
เจ๊ขายปุ๋ย : (เงียบไปชั่วครู่) จะเอาไปทำอะไรเหรอ ?
ชายหนุ่ม : (ตอบด้วยความมั่นใจ) เอาไปทำแคลเซียม โบรอน....
เจ๊ขายปุ๋ย : ทำเองเหรอ ?
ชายหนุ่ม : ครับ ทำเอง
เจ๊ขายปุ๋ย : (เงียบนานกว่าเดิม) ทำเองได้ แล้วฉันจะขายอะไรล่ะ ?
ชายหนุ่ม : ?
เสี้ยนใจนี้ มีเรื่อง "เจ็บเจ็บ" จารึกลึกเรียกว่า "ฝังจำ" อยู่ในใจลุงคิม ชนิดตายแล้วนั่นแหละถึงลืมได้
มันทำให้ลุงคิมยังวางมืองานเกษตรไม่ได้ ตรงกันข้ามกลับยิ่ง "ฮึด" หนักกว่าเก่า
วันที่รอคอย คือ "วันกลืนน้ำลายตัวเอง" ของคนที่ "ด่า" เรานั่นแหละ
วันดี คืนดี อารมย์ดี จะระบายให้อ่าน......O.K. ?
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jukgree สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 02/05/2011 ตอบ: 25
|
ตอบ: 18/12/2012 4:06 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
จำไม่ได้ว่าเคยเล่าไว้ในเว้บนี้ให้อ่านแล้วหรือยัง (หัวดีแต่ขี้ลืม) :
เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่า.....
ชายหนุ่ม : เจ๊ มี 15-0-0 จี เกรด ไหม ?
เจ๊ขายปุ๋ย : ไม่่มีหรอก
ชายหนุ่ม : มีโบรอนพืช เกรด 10 โมเลเกุลน้ำไหม ?
เจ๊ขายปุ๋ย : ไม่มีหรอก
เจ๊ขายปุ๋ย : (เงียบไปชั่วครู่) จะเอาไปทำอะไรเหรอ ?
ชายหนุ่ม : (ตอบด้วยความมั่นใจ) เอาไปทำแคลเซียม โบรอน....
เจ๊ขายปุ๋ย : ทำเองเหรอ ?
ชายหนุ่ม : ครับ ทำเอง
เจ๊ขายปุ๋ย : (เงียบนานกว่าเดิม) ทำเองได้ แล้วฉันจะขายอะไรล่ะ ?
ชายหนุ่ม : ?
=============================================
ผมเคยอ่านไปรอบนึงแล้วครับ นานแล้วเหมือนกันยังจำได้ขึ้นใจเลย อ่านไปด้วยขำไปด้วย อย่าลืมมาระบาย
ให้ผมอ่านอีกนะครับลุง
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|