ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 28/08/2013 4:34 pm ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย |
|
|
DangSalaya บันทึก: |
(14)
รูปที่ 13 14 มีคำอธิบายว่า ....ได้ยินจากข่าวว่า กรุงเทพฯรถติด ได้เห็นกับตา
จึงรู้ว่า ทั้งที่รถติด กับสาเหตุที่ทำให้รถติด (รูปที่ 14) เพราะอะไร...
|
บอกผ่านสถานีวิทยุจราจร สวพ.91 มานานแล้วว่า....
เพราะค้นหน้ามันไม่ไปน่ะซี....(อั้ยเซ่อ)
แต่ไม่มีใครเชื่อ...
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 29/08/2013 10:40 am ชื่อกระทู้: ..(เกิดมาไม่เคย) นั่งรถไฟฟ้า ........ทางตันที่มีทางออก |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย
ตอนที่ 13 กะเหรี่ยงดอยเข้ากรุง ..(เกิดมาไม่เคย) นั่งรถไฟฟ้า BTS
ตอนที่ ชาชา มาเทียวกรุงเทพฯ ลูกสาวเป็นคนพาเที่ยว เค้าไปไหนกันมาบ้างผมก็ไม่ได้ถาม ...รู้แต่ว่า เที่ยวกันแหลกลาน เป็นที่สนุกสนาน อิ่มหมีพีมัน กันทั้งสองคน บางครั้งก็สาม บางครั้งสี่คน(ลูกสาวชวนเพื่อนไปด้วย)
รูปชุดนี้เป็นรูป กะเหรี่ยงนั่งรถไฟฟ้า ส่งรูปมาให้ดู มากมาย ผมตัดออกเสียแยะเอาเท่าที่พอสมควร มีคำอธิบายรูปสั้น ๆ
(1) กะไดเลื่อน....(เค้าเขียน บันได เป็น กะได ครับ แต่บอกเค้าไปแล้วว่า ต้องเรียน บันได ไม่ใช่ กะได )
(2) ขั้นกะไดเลื่อน
(3)
(4)
(5)
(6)
(7)
(4 - 7) มองจากบนสถานีระหว่างรอรถ
(8 ) ประตูรถไฟฟ้า
(9) เข้ามาในรถแล้ว
(10) ประตูปิด
(11) วิวภายนอกจากหน้าต่าง
(12) มองไปทางซ้าย
(13) มองไปทางขวา
(14) มองจากหน้าต่างประตูรถ
(15) มองจากหน้าต่าง รถกำลังข้ามแม่น้ำ
(16) ถึงที่หมาย ลงจากรถเพื่อกลับที่พัก
(17)
(18 )
(17 - 18 ) ขณะเดินลงกะได ไปข้างล่าง
(19) ขนมไทยบางอย่างคล้ายขนมกะเหรี่ยง พี่ผึ้งซื้อให้กิน อร่อยมาก เสียดายที่เอาไปฝากทางบ้านไม่ได้
(20) แม้จะเห็นว่าเป็นทางตัน ถ้ามองให้ดี จะมีทางออก....(ต้นไม้งอกจากข้างกำแพงครับ)
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 29/08/2013 10:17 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย
ตอนที่ 14 ส่งกะเหรี่ยงดอยกลับบ้าน ..แบบเซอร์ไพร้ส์ สุด ๆ
เมื่อได้เวลาอันสมควร ก็ถึงเวลาที่ต้องลาจากกัน ...บอกแล้วว่า จะต้องให้การกลับของกะเหรี่ยง ชาชา เป็นไปแบบเซอร์ไพร้ส์ ที่เจ้าตัวนึกไม่ถึง
ผมให้ผึ้งจองตั๋ว บางกอกแอร์ เอาไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้ว เมื่อถึงเวลาก็จำเป็นต้องบอกให้ ชาชา รู้ว่าจะให้นั่งเครื่องกลับ ไม่รู้ก็ต้องรู้ เพราะจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง
ชาชา......เครื่องจะออกเวลา 10.20 น. ถึงเชียงใหม่ประมาณ 11.35 น.เมื่อไปถึงเชียงใหม่แล้ว ให้ไปที่ประชาสัมพันธ์ เอาตั๋วใบนี้ให้เค้าดู เค้าจะบอกเองว่า เครื่องจากเชียงใหม่ ไปแม่ฮ่องสอน แล้วต่อไปลงที่ปาย...จะต้องทำอย่างไร ...เจ้าโชเล่ คงไปรอรับ(เมา)ที่บ้านลุงรัตน์แล้ว อย่าลืมของที่ฝากให้ลุงรัตน์กับป้าคำ ....บ่าย สามโมงกว่า ๆ คงถึงปาย ชาชา กับเจ้าโชเล่ ต้องค้างที่ปายอีกคืนนึง พี่ป้อมจะจัดการให้เอง....
..หนูไม่รู้จะขอบคุณพ่อและพี่ ๆ ทุกคนอย่างไร ..คงโดนทุกคนที่บ้านดุแน่ ๆ เลย ....
...อย่าคิดอะไรมาก ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจหลาย ๆ อย่างจากพวกเราทุกคน ฝากบอกส่างลอง(พ่อของชาชา) บอกแม่ บอกเจ้าโชเล่ บอกพี่สะใภ้ ตามนี้ ขอให้โชคดีและปลอดภัยในการเดินทาง คงจะต้องได้พบกันอีก..ไปเร็ว เค้าประกาศเรียกเที่ยวบินนี้แล้ว ผึ้งไปส่งน้อง โชคดี ชาชา อา บู อือ ย่า ....
ส่งชาชาขึ้นเครื่องเสร็จ สองคนพ่อลูกกลับมาเดินโต๋เต๋ต่อ แถว ๆ ประตูน้ำ ประมาณเที่ยง ชาชาโทรมาบอกว่า ถึงเชียงใหม่แล้ว เครื่องจากเชียงใหม่ไปปายจะออกประมาณ บ่ายโมงครึ่ง ....ประมาณบ่ายสี่โมงกว่า ๆ ชาชาโทรมาบอกอีกว่า
...หนูถึงปายแล้ว พี่ป้อมเตรียมที่พักไว้ให้เรียบร้อย...ตอนลงจากเครื่อง.โทรบอกให้พี่โชเล่มารับที่สนามบิน พอเจอหน้าเล่าให้ฟังสั้น ๆ โดนพี่โชเล่ดุก่อนเป็นคนแรกเลย...พ่อกับพี่ผึ้งถึงบ้านหรือยัง...
....ยัง ตอนนี้อยู่ซอยละลายทรัพย์ สีลม ขอคุยกับเจ้าตัวแสบหน่อยซิ....
....โน่น ไปนั่งกินเหล้าอยู่ที่บ้านลุงรัตน์โน่น ครบทีมเลย พี่โช่เล่ ลุงรัตน์ ลุงวรรณ หนานเป้ เดี๋ยวหนูอาบน้ำเสร็จจะไปบอก แล้วจะโทรกลับค่ะ
..
หลังจากชาชากลับถึงบ้าน ชาชาโทรมาบอกพ่อจะคุยด้วย ....ก็เป็นทำนองว่า ลูกเค้ามารบกวน เกรงใจ อะไรทำนองนั้น
....ผมก็บอกว่า ..ทั้งหมดเป็นเรื่องของพวกเฮา ทุกคนยินดีที่จะทำ ชาชาไม่รู้เรื่อง ครั้งหนึ่งในชีวิต อย่าคิดอะไรมาก เฮามารบกวนสู อยู่นานเป็นเดือน เฮาเกรงใจสูที่สุด ไม่มีสิ่งใดตอบแทน เรื่องแค่นี้ นิดเดียวเอง....
ชาชาส่งรูปมาให้ดู เขียนบอกว่า ..
..ครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่เคยคิดว่าจะเหาะได้ ...ความจริงเขียนมายาวครับ เป็นความประทับใจที่เค้าได้มีโอกาสเข้ามาเที่ยวในเมืองกรุง....ไปดูรูปกันดีกว่าครับ
(1) ลำนี้กำลังจะบินขึ้น พนักงาน(แอร์)เค้าบอกว่า หนูจะนั่งเครื่องแบบนี้ เลยถ่ายรูปเอาไว้
(2) ตื่นเต้น ไม่เคยเห็น ข้างในเป็นแบบนี้เอง คนตั้งแยะ มันบินขึ้นไปได้ยังไง ...ขอถ่ายรูปก่อนค่ะ
(3) กำลังจะบินขึ้นค่ะ ปีกเล็กนิดเดียว มันบินได้ยังไง มันจะ....สวดมนต์ก่อนค่ะ
พุทโธ ปลอดภัยนะ..... ขออภัย นึกว่าจะเก่ง สุดท้ายก็ อ๊อก... กลางอากาศ....
(4) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ 10 โมงครึ่ง อยู่กรุงเทพฯ เกือบเที่ยง ถึงเชียงใหม่ ...ฮาโหล หนูถึงเชียงใหม่แล้ว พ่อกับพี่ผึ้งอยู่ที่ไหน ถึงบ้านรึยังคะ....
.. ยังอยู่แค่ประตูน้ำเอง.....
(5) ยังตื่นเต้นไม่หาย มือสั่นไปหน่อย ถ่ายไว้รูปเดียวเอง
(6) ลำนี้แหละค่ะที่จะบินผ่านแม่ฮ่องสอน ต่อไปปาย ....ยังมึน ๆ อยู่ค่ะ อ๊อก
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 06/09/2013 10:42 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย |
|
|
"โอ๊ะ มื่อ โซ เปอ ลูง คิม "
สวัสดีครับลุงคิม
..และเพื่อนสมาชิกสีสันชีวิตไทยทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย
บทที่ 14 ส่งกะเหรี่ยงดอยกลับบ้าน ..แบบเซอร์ไพร้ส์ สุด ๆ
ตอน - บินเหนือเมฆ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ปาย
ประมาณ 13.30 เครื่องบินออกจากเชียงใหม่ ไปแม่ฮ่องสอนก่อน ไม่น่าเชื่อว่า เครื่องบินลำใหญ่ ใบพัดเล็กนิดเดียว จะพาเครื่องบินที่มีคนนั่งหลายคนบินไปได้ แต่ เนื่องจากเป็นเครื่องลำเล็ก เลยบินไม่สูงมากนักมองลงไปเห็นถนนที่เลี้ยวไป เลี้ยวมา สูง ๆ ต่ำ ๆ ไปตามยอดดอย เพิ่งจะมองเห็นว่า ถนนบนดอยเป็นแบบนี้เอง มองเห็นคนตัวเล็กนิดเดียว
(7) นักบินบอกว่า เนื่องจากเป็นเครื่องขนาดเล็ก อาจจะบินโครงเครงไปบ้าง (นึกในใจว่า จะบินอย่างไรก็ช่าง ขอให้ถึงที่หมายโดยปลอดภัยก็แล้วกัน) ....นักบินบอกอีกว่า จากเชียงใหม่จะบินผ่าน สะเมิง ผ่านบ้านวัดจันทร์ ไปแม่ฮ่องสอน....พอได้ยินว่าจะบินผ่านบ้านวัดจันทร์ ใจเต้น บ้านเรานี่นะ หายมึน หายอ๊อก
เสียงผ่านไมค์ ....ขณะนี้กำลังผ่านสะเมิงครับ.....งั้นขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ
(8 ) เสียงผ่านไมค์ ...กำลังจะไปบ้านวัดจันทร์ แต่ต้องบินอ้อมหลบลมปะทะจากดอยขุนขานครับ (อุทยานแห่งชาติดอยขุนขาน)
(9) เสียงผ่านไมค์ ...กำลังจะผ่านบ้านวัดจันทร์ จะเห็นชุมชนเป็นจุดขาว ๆ เล็ก ๆ ขวามือ ทางคดเคี้ยวตรงไปข้างหน้าเป็นทางไป อ.ปายครับ (...ผมก็เพิ่งจะเคยเห็น มันคดเคี้ยวอยู่บนยอดเขาแบบนี้เองนี่หว่า มิน่าระยะทางแค่ 75 กิโล ขับรถนานหลายชั่วโมง)
(10) เสียงผ่านไมค์ ...กำลังจะเข้าเส้นทางหลัก ขุนยวม แม่ฮ่องสอน ครับ
(11) เสียงผ่านไมค์ ....ถนนด้านซ้ายมือ มาจากขุนยวม ด้านขวามือจะไปแม่ฮ่องสอน จะเราบินเลี้ยวขวาไปตามถนนเส้นนี้ครับ
(12) เสียงผ่านไมค์ ...บินตามเส้นทางหลักนี้ เลยช่องเขาขวามือข้างหน้า ไปอีกนิดเดียวจะถึงสนามบินแม่ฮ่องสอน ครับ
(13) บินต่ำจนมองเห็นรถวิ่งบนถนนบนยอดดอยด้วย หมอกหรือเมฆค่อนข้างมาก (ความจริงบินอยู่ในระดับเดิม แต่จุดนี้เป็นยอดเขา เลยดูเหมือนบินต่ำ)
(14)
(15)
(16)
(14 17) ถึงสนามบินแม๋ฮ่องสอนแล้วครับ กรุณาปรับที่นั่งให้ตรงและรัดเข็มขัดด้วยครับ....นักบินต้องบินวนอ้อมพระธาตุดอยกองมู (เจดีย์ขาว ๆ ขวามือบนยอดดอยรูปที่ 15)เพื่อร่อนลงจอด.. เราขอถ่ายรูปก่อนนะ....
(18 )
(19)
(18 19) อยากเห็นตอนบินลง เลยต้องพยายามถ่ายรูปให้ได้ แค่แวบเดียวเสียงดัง....คึ่ก ๆๆๆๆๆๆ ล้อแตะพื้น เครื่องบินสั่นไปทั้งลำ เมื่อเครื่องจอดนิ่ง.... เฮ้อ รอดไปที .....ท่านผู้โดยสารที่จะลงแม่ฮ่องสอน กรุณาตรวจสอบ....... ท่านผู้โดยสารที่จะบินต่อไปปายกรุณานั่งรัดเข็มขัดอยู่กับที่ หลังจากท่านผู้โดยสารที่แม่ฮ่องสอนเรียบร้อยแล้วเราจะบินต่อไปปายครับ .....ทุกขั้นตอนจะมีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษด้วย ฟังไม่รู้เรื่องค่ะ...
(20) ออกเดินทางต่อ..เสียงนักบิน ..จุดนี้เป็นบริเวณอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินครับ ....เรามองเห็นแต่หมอก
(21) เสียงผ่านไมค์...ถึงบริเวณทางแยกซ้ายมือเข้าพระตำหนักปางตองครับ เราจะบินอ้อมเขาไปทางขวาเพื่อเข้าสู่ อ.ปายครับ
(22) เสียงผ่านไมค์ ใกล้จะถึงสนามบินปาย กรุณาปรับที่นั่งให้ตรง และรัดเข็มขัดครับ
(23) บริเวณยอดเขาตรงไหนไม่รู้ ...นักบินไม่ได้บอก รู้ว่าใกล้จะถึงสนามบินปาย...ใจเต้นอีกแล้ว ....
(24) เสียงผ่านไมค์ ...สนามบินปายอยู่ซ้ายมือครับ ....เรามองลงไป เห็นสะพานข้ามแม่น้ำปาย ข้ามแม่น้ำไปทางขวามือ เห็นแปลงถั่วลุงรัตน์กับหลังคาบ้านสีแดงอยู่มุมขวามือตรงกลาง
.เครื่องบินวน กำลังจะร่อนลง พุทโธ ธัมโม สังโฆ ปลอดภัยนะ ๆ ๆ ...คึ่ก ๆๆๆๆๆๆ ล้อแตะพื้น จนเครื่องจอดสนิท ...เฮ้อ โล่งอก แต่ยังมึน ๆ ....อ๊อก....
(25)
(26)
(27)
(25 27) เป็นรูปฝีมือพี่โชเล่ ไปรอรับที่สนามบิน ถ่ายตอนเครื่องกำลงลง และกำลังขึ้น ....เครื่องที่มาส่ง พอคนลงหมด มีคนขึ้น เสร็จแล้วบินกลับเชียงใหม่เลย
(28 )
(29)
(28 29) ยามเย็นใกล้ค่ำ ฟ้าครึ้มแบบนี้แหละค่ะ เหมือนฝนจะตก แต่ไม่ตก คนปลูกพืชบนดอยบ่นไปตาม ๆ กัน เพราะขาดน้ำ.....คืนนี้พักที่ปาย
ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร พูดไม่ถูก เพียงแต่จะบอกว่า......ขอบคุณค่ะพ่อ ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคน สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เคยนึก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยที่จะได้มีโอกาสมีวันนี้.....
.ครั้งแรก ตอนที่ได้ยินพ่อ คุยขออนุญาตกับพ่อหลวง แม่ แล้วก็พี่โชเล่ กับพี่สะใภ้ ขอพาหนูไปเที่ยวกรุงเทพฯ แค่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตื่นเต้นดีใจที่สุดแล้ว ...หนูใจคอไม่ดี คอยฟังว่า พ่อหลวงจะอนุญาตหรือเปล่า ....และขอยอมรับว่า พ่อสุดยอดจริง ๆ ...พอพ่อหลวงพูดว่า ...จะเป็นการรบกวนหรือเปล่า ...เท่านั้นแหละ พ่อตัดบททันที....ชาชา เก็บเสื้อผ้า สามชุดพอ ไปหาใหม่เอาข้างหน้า ...หนูดีใจที่สุด และขำแม่ ตอนที่ พี่โชเล่แปลความหมาย ที่พ่อหลวงพูดกับพ่อ แต่พ่อไม่ตอบ แต่กลับบอกให้หนูเก็บเสื้อผ้า ให้แม่ฟัง แม่หัวเราะแล้วยกหัวแม่มือให้พ่อ
ครับก็คงจะเป็นความประทับใจ เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของ ชาชา สาวกะเหรี่ยง จากบนดอย จะจดจำและเป็นเรื่องเล่าขานกันไปอีกนานแสนนาน
.
ชาชาบอกผมว่า หลังจากกลับจากกรุงเทพฯ ยิ่งรู้ว่า ได้เหาะ กลับบ้าน จะมีทั้งเพื่อนบ้าน ทั้งญาติมาฟังเรื่องเล่าเต็มบ้านทุกเย็น รวมทั้งเพื่อน ๆ ที่ทำงานด้วย คงจะต้องเอารูปที่ถ่ายไปอัดมาให้ดูกันซะแล้ว
...(อย่าสงสัยครับว่า ทำไม สาวกะเหรี่ยง เขียนภาษาไทยได้ดี เพราะเธอ จบ ปวส. ทำงานอยู่ที่ อบต. บ้านวัดจันทร์ และกำลังเรียน ปญ.ตรี อยู่ที่ ราชภัฏเชียงใหม่ภาคพิเศษ สาขาเกษตรกรรม)
.......... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 12/09/2013 11:28 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย
บทที่ 15 กะเหรี่ยงดอยกลับบ้าน
ความจริง ชาชา สาวกะเหรี่ยง กลับขึ้นดอยถึงบ้านหลายวันแล้ว และส่งรูปมาให้ผมก็หลายวันแล้วเช่นกัน แต่ผมยังไม่สะดวกที่จะนำมาลงให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน ....เกษตรสัญจรชุดนี้ จะว่าไปแล้ว เป็นการพาเที่ยวในที่ต่าง ๆ ตามเขาตามดอยซะมากกว่า
ไปดูกันครับว่า หลังจากที่ผมชวนสาวกะเหรี่ยงมาเที่ยวกรุงเทพฯ ส่งกลับไปถึงปายแบบ เซอร์ไพรส์ แล้วเธอก็จะต้องเดินทางกลับบ้านบนดอยที่บ้านวัดจันทร์โดยพี่ชายมารับ
(30) คำบรรยายรูปนี้สาวกะเหรี่ยงเขียนว่า พระอาทิตย์กำลังตก ค่ะ ....อ่านแล้วมันไม่ได้อารมณ์เอาซะเลย...เปลี่ยนใหม่เป็น ก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า...ดูโรแมนติคขึ้นมาหน่อยมั๊ย หรือว่า ก่อนจะสิ้นแสงตะวัน....หรือจะเอาเป็นโคลงของเจ้าฟ้ากุ้ง หรือเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ทรงแต่งไว้ในกาพย์ห่อโคลง ชุด เสด็จประพาสธารทองแดง ซะหน่อยมั๊ย
รอนรอนสุริยะโอ้ อัสดง
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว
รอนรอนจิตต์จำนง นุชพี่ เรียมแม่
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว คลับคล้าย เรียมเหลียว
อ่านแล้วซาบซึ้ง สุดยอด มองเห็นมโนภาพโดยไม่ต้องมีภาพเลย....
(31) บ้านจันทร์สว่าง ที่ปาย นอนหลับสบายมากเลยค่ะพ่อ รู้แล้วว่าทำไมพ่อชอบบ้านหลังนี้ และชอบแบบนี้ อยู่สบาย อบอุ่น มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง ...พี่โชเล่ถึงจำเอาไปทำตัวอย่างบนดอย อุตสาห์เอาส่างรัตน์ (ไทใหญ่ชื่อเหมือนลุงรัตน์ครับ) หนานวรรณ (คนเชียงรายได้เมียเป็นไทใหญ่) สองคนที่ทำบ้านนี้ให้พ่อขึ้นไปทำ...ทำออกมาได้ใกล้เคียงกันเลย .
..แต่ตกตอนเย็น เมากันทุกวัน พอเมาได้ที่ คุยกันไปคนละเรื่อง คนหนึ่งไทใหญ่ คนหนึ่งปกากะญอ อีกคนคนเหนือ ไก่แม่แทบจะหมดคอก
(32) สวยมาก ๆ หนูชอบจังเลย เป็นบานหน้าต่างเก่าแบบโบราณ พี่ป้อมบอกว่า เป็นหน้าต่างห้องที่พ่อเคยอยู่จากบ้านหลังเก่า พ่อขนมาจากกรุงเทพฯ รูปเขียนเป็นชาวเหนือ คนชุดแดง ใส่ วอบ ๆ แวม ๆ น่ารักดีจัง
(33) ละอองน้ำเหมยยามเช้าบนยอดข้าว ถ่ายย้อนแสงมากไปหน่อย
(34) หนูกำลังจดบันทึกการเดินทางกันลืม พี่โชเล่เป็นคนถ่ายตอนเผลอค่ะ......(ผมอยากให้ดูต้นไม้ในกระถางที่ใช้ประดับบนโต๊ะ ทำไม่ยาก เอาดินใส่กระถาง เอาข้าวเปลือกโรยใส่นิดหน่อย รดน้ำ ไม่กี่วันก็จะงอกยาว ใช้ประดับบนโต๊ะ สวย ราคาถูก แปลก พอต้นสูงอายุซัก 2025 วัน ถ้าอยากเอาไปปลูกในกระถาง ก็ดึงออกไปปลูกได้เลย ลองทำดูครับ ผมว่าบางครั้งมองแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นดีกว่าใช้ดอกไม้ประดับซะด้วยซ้ำ)
(35) กำลังจะเดินไปบ้านป้าคำ เห็นสวยดี เลยถ่ายส่งมาให้พ่อดูค่ะ
(36) ส่องไฟ (ครัว) บ้านป้าคำ มุม แสงกำลังดี
(37) แมงกะบี้ น่ารักดีค่ะ
(38 ) รูปนี้พี่ป้อมเป็นคนถ่ายค่ะ พ่ออาจเคยเห็นแล้วก็ได้
(39)
(40)
(3940) เมื่อได้เวลา ต้องเดินทางกลับบ้าน บอกลาทุกคนแล้ว ออกเดินทาง 75 กม. จากปาย ใช้เวลาขับรถขึ้นดอยประมาณ 4 ชั่วโมง ถ้าหมอกไม่มาก ก็จะเดินทางได้เร็วขึ้น สองรูปนี้เป็นเส้นทางกลับบ้านก่อนจะขึ้นดอยจากปาย บ้านวัดจันทร์
(41)
(42)
(4142) ผ่านแปลงข้าวเบอร์เล่ย์ ก่อนถึงเหมืองแร่ฟลูออไรด์ค่ะ
(43) แปลงนาขั้นบันไดบริเวณนี้ น้ำค่อนข้างดี ทำนาได้ตลอด เป็นพันธุ์ข้าวเหนียวค่ะ
(44) แปลงปลูกทั้งข้าวและพืชผักรวมกันในแปลงเดียวของชาวม้งตีนดอยค่ะ
(45) ต๊ะ เป็นชนเผ่าม้ง ปลูกผัก ปลูกข้าว ในแปลงเดียวกัน ต๊ะฝากลูกฟักในรูปไปให้แม่ หนูก็เลยแบ่งขนมให้สองห่อ
(46) ถึงเวลาเดินทางลุยหมอกขึ้นดอย ทางทำใหม่ ก่อนถึงทางแยกที่พ่อเคยเลี้ยวผิด หลงเข้าไป แล้วไปออกอีกทางหนึ่งนั่นแหละ
(47) เผลอหลับไปงีบ ตื่นขึ้นมาพี่โชเล่พามาถึงยอดดอย ....ใกล้จะถึงบ้านแล้วค่ะ นึกถึงตอนนั่งเครื่องที่กำลังบินเหนือเมฆ ก็คงเป็นแบบนี้ .....ระหว่างนั่งรถก็คุยเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ตั้งแต่ออกเดินทางไปกรุงเทพฯ จนกลับให้พี่โชเล่ฟัง คุยถึงพ่อและพี่ ๆ ทุกคน รวมทั้งเรื่องขำขันที่พ่อเล่าให้ฟัง หนูอัดเสียงพ่อเอาไว้ บางเรื่องพี่โชเล่ฟังแล้ว ต้องหยุดรถลงไปหัวเราะ บอกว่า ไม่นึกว่าพ่อจะมีเรื่องขำขันได้สนุกแบบนี้ ยิ่งได้ยินเสียงพ่อด้วย ฟังแล้วยิ่งสนุก หนูยังต้องหัวเราะไปด้วย.. พี่โชเล่บอกว่าต้องเอาให้พ่อหลวงกับแม่ได้ฟังด้วย
(48 )
(49)
(4849) ชีวิตคนบนดอย เป็นชีวิตที่ต้องต่อสู้ และต้องอดทน ต้องแข็งแกร่ง ตั้งแต่เกิด ทุกคนตั้งแต่เด็กจะมีหน้าที่ต้องช่วยทางบ้านทำงาน หนูได้แบ่งขนมให้น้องทั้งสามคนด้วยนะพ่อ ดีใจกันใหญ่เลย
(50) เห็นดอกสวยดี ถ่ายส่งมาให้พ่อดูค่ะ (ไม่ยักบอกว่าดอกอะไร)
(51) เป็นของต้องห้าม แต่เราต้องปลูกเพื่อใช้ยางเก็บเอาไว้สำหรับกินเวลาปวดท้องหรือถ่ายท้องค่ะ ในยาแก้ถ่ายท้อง ชื่อ "โลโมทิล" ก็มีฝิ่นผสมอยู่ด้วย ยางของลูกฝิ่น ใช้แก้อาการท้องเสีย ดีกว่ายาแก้ถ่ายท้องทุกชนิดค่ะ เราปลูกเพื่อเก็บยางไว้ใช้เท่านั้น ปกากะญอไม่นิยมสูบฝิ่นและของเสพติดทุกชนิด นอกจากสูบบุหรี่และกินหมาก
(52) เส้นทางนี้ เงียบ สงบ โปร่ง โล่งสบาย รถไม่ติดค่ะ เพราะรถไม่ค่อยมี
(53) ผ่านบ้านป้า กำลังเย็บแฝกเอาไว้มุงหลังคา หรือใช้กั้นฝา หนูจอดแวะเอาของที่ระลึกและเสื้อกันหนาวให้ป้า พี่ผึ้งพาไปซื้อที่ตลาด เบ๊เบ๊ (ตลาดโบ๊เบ๊) ป้าดีใจมากเลย หนูบอกป้า ว่าหนูเหาะกลับมาด้วย...ป้าอยากรู้เรื่อง เลิกเย็บแฝก เอาของเก็บ ขึ้นท้ายรถตามไปฟังเรื่องเล่าต่อที่บ้านด้วย
(54) ใครเอ่ย พ่อจำได้หรือเปล่า เมียพี่โชเล่ไงล่ะ พี่โชเล่คงโทรขึ้นมาบอกว่าจะกลับวันนี้ ให้ทำอาหารรอ แม่ออกไปไร่ค่ะ ...พ่อหลวงนั่งสูบยารออยู่ หนูเข้าไปไหว้พ่อหลวง เอาของฝากออกมา ของใครบ้าง เตรียมไว้แจก..
หนูบอกพ่อหลวงว่า ....หนูเหาะกลับมา
พ่อหลวงงง ถามว่า.
.ชาชาว่าไงนะ ..
.หนูก็บอกว่า... หนูเหาะกลับมาจากกรุงเทพฯ ..
พอพ่อหลวงรู้เรื่องก็โดนดุเลย....ชาชาไปรบกวนอาปามากเกินไป ..
.หนูไม่รู้เรื่อง พ่อกับพี่ผึ้งเป็นคนจัดการ ..
.หนูให้พ่อหลวงโทรคุยกับพ่อไปแล้ว คุยอะไรกันหนูไม่รู้ พอวางหู พ่อหลวงเดินยิ้ม สั่นหัวพูดแต่ว่า อาปา อาปา อาปา
..แม่กลับจากไร่ พอรู้เรื่อง โดนแม่ดุอีก
หนูบอกไม่รู้เรื่องอย่างเดียว
เป็นอันว่า ของที่น้ำหนักเกิน ขึ้นเครื่องไม่ได้ พ่อฝากขึ้นรถทัวร์มาก่อนล่วงหน้าถึงเชียงใหม่ส่งต่อไปปาย พี่โชเล่ไปรับมาก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ....พ่อกับพี่ผึ้งทำ เซอร์ไพรส์ ทุกอย่างได้สุดยอดจริง ๆ
หนูเล่าเรื่องไปกรุงเทพฯ กับได้เหาะกลับบ้าน กับญาติๆ และเพื่อนๆ ไม่รู้กี่รอบแล้วนะนี่ ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เหมือนฝัน พูดไม่ถูกจริงๆ ค่ะ เป็นความทรงจำที่ไม่รู้ลืม คงต้องเอารูปไปอัดเอาไว้ ใครมาถามจะได้ดูกัน ...ขอบคุณพ่ออีกครั้งค่ะ
จะมีโอกาสได้พบกันอีกเมื่อไหร่ ตอบไม่ได้ แต่ทุกคนยินดีต้อนรับพ่อและพี่ๆ ทุกคน แม่บอกว่า อยากให้พ่อมาอยู่นานๆ จะได้มีเรื่องขำขันมาเล่าให้ฟังอีก ...ตอนเปิดเสียงให้ฟัง แล้วหนูทำท่าทางเลียนแบบที่พ่อทำ อาจจะไม่เหมือนแต่ได้ยินเสียง และท่าท่างที่ทำประกอบ พ่อหลวงหัวะราะลั่นบ้าน แม่ทำตัวโยกหัวไปข้าหน้า เอามือตบพื้น พี่โชเล่ได้ฟังซ้ำอีกรอบ และมีท่าทางประกอบ ถึงกับลุกขึ้นหัวเราะไปเต้นไปด้วย โดยเฉพาะท่าทางประกอบเรื่องทหารเรือ เมาเรือ .....
ยังไม่จบนะครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 20/10/2013 7:31 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย
บทที่ 16 ทางสายใหม่ ตีผึ้ง
ชาชา ส่งข่าวมาว่า ..
....พี่ป้อม ว. ขึ้นมาชวนพี่โชเล่ไปลุยทางสายใหม่ ไปสุดชายแดนพม่า บอกว่าวิวสวยมาก แต่เอารถปิคอัพไปยังไม่สะดวก เพราะทางกำลังทำ ต้องใช้มอเตอร์ไซด์ ถ้าจะไป ให้เอารถไปฝากที่ปาย แล้วเอามอเตอร์ไซด์ที่ปาย ออกไปลุย.... พี่เค้าถามหนูว่า จะไปด้วยไหม ...หนูตอบโดยไม่ต้องคิดและไม่ถามด้วยว่าจะไปที่ไหน ...ไม่พลาดอยู่แล้ว...เจ้า ชามอ (น้องสาวคนเล็กของเจ้า ชาชา อายุ 13) บอกว่า ...พะหลอเก...(เค้าจะไปด้วย) ...เลยให้พี่โชเล่ถามพี่ป้อมว่า ไปกัน 3 คนจะได้ไหม พี่ป้อมบอก ได้เพราะไปกันหลายคน...เจ้า ชามอ หน้าบานเลย เพราะตั้งแต่หนูกลับจากกรุงเทพฯ มันหน้าหงิกหน้างอ งอน ที่ไม่ได้ไปกรุงเทพด้วย....พี่โชเล่บอกพ่อหลวงกับแม่และพี่มิโส่ยว่า พี่ป้อมชวน....พ่อหลวงถาม ไปทางไหน ตอบว่า ไม่รู้ รู้แต่ว่า ติดชายแดนพม่า ......
ถึงกำหนดวันนัดหมาย เราสามคนก็ลงมาที่ปาย พ่อหลวงฝากเหล้าข้าวโพด มาให้ลุงรัตน์ บอกไว้กินแก้หนาว แม่ฝากห่อของใส่กระสอบปุ๋ยฝากมาด้วย บอกว่า ไอ้นั่น ไอ้นี่ ฝากคนนั้น คนนี้
(1) นอนค้างที่ปาย 1 คืน วันรุ่งขึ้นออกเดินทาง
(2) ผ่านแปลงนาริมทาง
(3) พี่ป้อมเอารถไป 2 คัน เอารถมอเตอร์ไซด์ ขึ้นท้ายรถไป 5 คัน มีน้ำมันสำรองไปอีก 1 ถัง ขับรถขึ้นไปทางปางมะผ้า เลยจุดชมวิวที่โค้งกิ่วลมมา จะมีทางแยกขวาเข้าเส้นทางที่กำลังทำใหม่ ขับรถไปได้แค่ บ้านนาปู่ป้อม ก็จอดฝากไว้ที่นั่น จากนี้ก็ต้องใช้มอเตอร์ไซด์ลุย รถ 5 คัน ไปกัน 6 คน เจ้าชามอ ซ้อนท้ายพี่โชเล่ หนู พี่ป้อมกับเพื่อนอีก 3 คน ครบพอดี ...เอาน้ำมันสำรองไปคนละ 2 ลิตร เผื่อฉุกเฉิน
(4) เส้นทางกำลังสร้าง ถ้าเอารถปิ๊คอัพมาคงลำบาก รอยล้อรถที่เห็นเป็นรอยรถที่ใช้ในการสร้างทาง...จุดที่จะไปคือ บ้านปางตอง เหนือสุดชายแดนของ จว.แม่ฮ่องสอน ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยผจญกับทางวิบากมาก่อน คงต้องคายของเก่า
บ้านปางตองนี้ชื่อคล้ายพระตำหนักปางตอง แต่อยู่ห่างกันคนละมุม ไกลกันลิบลับ ไปคนละทาง
(5) เลยบ้านปางตองออกไปอีกไม่ไกล มาถึงจุดสุดเส้นทางบนยอดดอย สุดเขตแดนไทย มองไปข้างหน้าสุดสายตาคือฝั่งพม่า แต่พืชผักที่ปลูกเป็นคนกระเหรี่ยง และชนเผ่าต่าง ๆ ปลูก แล้วต้องขนเอามาขายฝั่งไทย เพราะฝั่งพม่ายังไม่มีถนนเข้ามาถึง
จุดนี้เป็นมุมมองที่ดูจากรูปถ่ายก็ดูว่าสวย แต่ของจริงเป็นมุมมองที่สวยงามมาก ๆ เพราะมองไปไกลสุดสายตา ...จากต้นทางขึ้นมาถึงที่นี้ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง
(6) พี่ป้อมบอกได้เวลาต้องกลับ โอกาสหน้ามาใหม่ ขาลงผ่านชะง่อนผา พี่ป้อมพาเข้าไปดูข้างใน สวยมาก ๆ เลย ถ้าปรับพื้นที่อีกนิดหน่อย จะเป็นมุมที่เหมาะกับพระที่จะมาพักธุดงค์ปฏิบัติธรรม
(7) จากชะง่อนผา ลงมาอีกไม่ไกลมีลำธารน้ำตกไหลผ่าน
(8 ) กอไผ่ที่ถูกไฟป่า เมื่อได้น้ำฝน จะมีหน่องอกขึ้นมา เพื่อนพี่ป้อมลงไปลุยเก็บ ไม่มีใครเอามีดติดไปด้วย เลยต้องใช้วิธีหักยอดเอาแต่ตรงที่อ่อน
(9) ลงมาถึงทางเข้า เย็นพอดี ใช้เวลาไปและกลับ 8 ชั่วโมงกว่า คงต้องนอนค้างที่ปายอีก 1 คืน
ขอบอกพ่อว่า เป็นเส้นทางที่สวยและสนุกมาก ๆ ถ้าพ่อขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ คงได้มาแน่ ๆ ....(อย่าลืมบอกหนูด้วยแล้วกัน)....
(10) ถึงเวลาที่ต้องกลับไปทำงาน ทางที่ผ่าน จะมีดอกกาสลองร่วงหล่นเต็มไปหมด
(11) ตัวแมลงอะไรไม่รู้ เห็นแปลกดี
(12) ที่ทำงานบนดอยค่ะ
(13) บรรยากาศบนยอดดอยยามเช้าก็แบบเดิม ๆ
(14) ความเย็นตอนเช้าก็เหมือนเดิม ๆ ประมาณนี้....8 องศา
(15) ยามสายใกล้ 10 โมง ก็เหมือนเดิม ๆ
(16) ยามบ่ายมองจากที่ทำงานก็เหมือนเดิม ๆ
(17) ท่านอาจารย์จาก ม.ศิลปากร มาบวช แล้วบอกว่า จะปั้นพระพุทธรูปองค์นี้ให้เสร็จแล้วจึงจะลาสึก ทำอยู่องค์เดียว ท่านไม่ให้ใครช่วยค่ะ
(18 )
(19)
(20)
(18 20) ผึ้งชอบมาทำรังที่ต้นนี้ ก็จะมีคนทำบันไดไม้ไผ่พาดขึ้นไปถึงยอด เพื่อไปเอาน้ำผึ้ง
(21) ที่เรียกว่า ฟองสบู่แตก คงเป็นแบบนี้เอง
(22) แม่กำลังเคี่ยวทำน้ำมันมะพร้าวค่ะ
(23) จิตที่สอดส่ายไม่นิ่งก็เหมือนเทียนที่ถูกลม
(24) จิตที่สงบนิ่ง ก็เหมือนเทียนที่ไม่โดนลม
(25) ขนอ่อนบนใบข้าวโพด มุมมองที่สุดแต่ว่าใครจะจินตนาการ
(26) เจ้า ชามอ ..ไมได้ไปกรุงเทพฯกับหนู ตั้งแต่กลับมา มันหน้าหงิกตลอด พ่อดูหน้าเจ้าชามอ ในรูปก็แล้วกัน.....
.. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 19/11/2013 1:27 pm ชื่อกระทู้: งานเทศกาล ดอกบัวตองบานบนดอยแม่อูคอ |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย
บทที่ 17 งานเทศกาล ดอกบัวตองบานบนดอยแม่อูคอ 1 พย.56 10 ธค.56
ได้ยินคำศัพท์แสลง ในหมู่คนต่างชาติที่เค้าพูดถึงประเทศไทยแล้ว อายพูดไม่ออกครับ...คำแสลงที่ยอดฮิตในเวลานี้คือ
Dont THAI to me. ไม่ได้แปลว่า อย่ามาไทยกับฉันนะ
แต่ศัพท์แสลงเค้าแปลว่า
อย่ามาโกงฉันนะ หรืออย่ามาคอรัปชั่นฉัน หรือ อย่ามาโกหกฉันนะ....
มีข่าวส่งพร้อมรูป จากยอดดอยลงมา(หลายวันแล้ว)ว่า
หวัดดีค่ะพ่อ.....ดูรูปเลยค่ะ (มีคำบรรยายด้วย ถ้าหนูเขียนไม่ถูก พ่อช่วยแก้ให้ด้วยนะคะ...)
(1) ....งานเทศกาล ดอกบัวตองบานบนดอยแม่อูคอ ณ ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน .เริ่มแล้วค่ะ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2556 10 ธันวาคม 2556......พิธีเปิด 9 พฤศจิกายน 2556....
(2) ...ดอกบัวตองบานบนยอดดอยแม่อูคอ....รูปนี้เอาขึ้นป็น Wallpaper หน้าจอได้เลยค่ะ สวยไม่น้อยเลยลองดูซิคะ ...
.....และสำหรับบางท่านที่ทำไม่ถูก (มีนะครับ เรื่องจริง ไอ้หนูหริ่งคนนึงละ)..ใครทำไม่ถูก....PM ถามมาหลังไมค์ได้เลยครับ...
(3)
(4)
(5)
(3 5 ) ....การจัดงานแต่ละครั้งทั้งหน่วยราชการ และชนเผ่าต่าง ๆ ต้องลงมาช่วยกัน แบ่งกันทำตามหน้าที่ ๆ ทางจังหวัดกำหนดว่าใครทำอะไรบ้าง ซึ่งทุกคนเหนื่อย แต่ด้วยความเต็มใจ เพื่อส่วนรวม ทาง อบต. ต้องขับรถวิ่ง ขึ้น ล่อง ๆ พาคนมาส่ง ตอนเช้าก็ต้องลุยผ่านหมอกลงมาแบบนี้ เพื่อมาทำให้งานที่ได้รับมอบหมายลุล่วงไปด้วยดี...
(6) ...ตอนเย็นกลับบ้าน อากาศโล่งขึ้น ....หมอกมีบ้างเล็กน้อย แต่อากาศเย็นค่ะ....
(7) จุดไฮไลท์ของงานอยู่ตรงจุดนี้ เป็นจุดที่สวยที่สุดค่ะ รูปนี้ถ่ายตั้งแต่เริ่มเข้ามาเคลียพื้นที่ ดอกยังตูมอยู่ ดอกที่เริ่มบานก็มีบ้าง.....
(8 ) ผ่านมาอีกหลายวัน ดอกเริ่มบานบ้างแล้ว รถที่เห็นจอดอยู่นั้นเป็นรถของเจ้าหน้าที่ ๆ ขึ้นมาทำงาน และมีรถนักท่องเที่ยวเข้ามาบ้างก่อนวันงานเพราะบางคนไม่ชอบคนแน่น....
(9) เป็นจุดที่ทางโค้งสวยงามค่ะ
(10) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2556 เป็นวันเปิดงาน แต่ปีนี้อาจไม่ยิ่งใหญ่เท่าทุกปี้เพราะอยู่ในระยะเวลาไว้ทุกข์ให้องค์สมเด็จพระสังฆราชค่ะ แต่ก็ประทับใจ
(11) ทุ่งบัวตองในบรรยากาศวันเปิดงาน 9 พย.56 ค่ะ....ถึงวันที่พ่อขึ้นมารับรองว่าจะเหลืองไปทั้งดอยมากกว่านี้ค่ะ
(12)
(13)
(12 13) เป็นชนเผ่า ลีซู เพื่อนพี่โชเล่ค่ะ ....เพื่อนแยะจริง ๆ
(14) ปะด่อง กระเหรี่ยงคอยาว เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ซึ่งนับวันจะน้อยลง เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่นิยมสวมห่วงคอ
(15) หนูว่าจะไม่ส่งรูปนี้มาแล้ว แต่พี่โชเล่บอก ชาชา ส่งไป ส่งไป .... แฮ่ม ๆ คนไหน....ใครเอ่ย จำได้รึเปล่า.....(ทั้งเจ้าโชเล่และเจ้าชาชา หาเรื่องให้กูตั๊ย ๆ ....)
(16) ......? ..... (ไม่มีคำบรรยาย ว่ะ)
(17) เป็นการถอนข้าวเอามาใส่กระถาง เอาไปตั้งโชว์ในงานน่ะค่ะ....เจ้าหน้าที่เกษตรทำเองนะเนี่ย...เพราะไม่ว่าจะเป็น ปะกากะญอ หรือชนเผ่าอื่น จะไม่นิยมถอนต้นข้าวที่ปลูกแล้ว นอกจากถอนมาดำนาครั้งแรกเท่านั้น ..
(18 ) เป็นพิธีรับขวัญข้าวน่ะค่ะ
(19) ไผ่ยักษ์กอนี้ใหญ่มากค่ะ กอก็ใหญ่ ต้นก็ใหญ่ บังเอิญกอนี้อยู่ห่างไกล คนกรุง มืออยู่ไม่สุข ที่ชอบมาเขียนฝากรักไว้ที่ต้นไผ่ทำให้หมดคุณค่า
(20) วิธีการกลั่นให้ไอกลายเป็นน้ำ โดยที่ไอน้ำจะไม่ระเหยหายไปไหนเลย ไอที่ออกมาจะกลายเป็นน้ำหมดทุกหยด...พี่โชเล่บอก วิธีนี้ น้ำใสปิ๊ง เข้มข้นมาก ๆ ด้วย ปกติทำตามวิธีเดิม 1 ขวด จะผสมได้ 5 ขวด แต่วิธีนี้ 1 ขวดได้ 8 10 ขวด
(21) ...ไก่ต้มสูตรนครปฐมผสมปะกากะญอ วันรับขวัญข้าว ทั้งน้ำและเนื้อไม่เหลือ พี่โชเล่บอก ถ้าไม่เกรงใจไอ้ ต่อง (หมา) กระดูกคงไม่เหลือ...
แต่เดิม กระเหรี่ยงต้มไก่กับน้ำเปล่า ๆ อาจจะใส่เกลือนิดหน่อย เอาเนื้อมากิน น้ำกับกระดูกให้หมา ถ้าเอาสมุนไพรบางอย่าง ใส่ลงไป ใส่เกลือ...แล้วก็ใส่ กัญชาเข้าไปซักหน่อย ...หน่อยเดียว ประมาณ หยิบมือ นะครับอย่าใส่มากรสมันจะ ปร่า ไม่อร่อย รับรองว่า ทั้งน้ำทั้งเนื้อ ไม่มีเหลือ ....
(22) น้ำพริกสูตรนครปฐมผสมปะกากะญอ กินกับไก่ต้ม ซดน้ำแกง ว๊าว.... ถ้วยนี้พ่อกินไม่ได้แน่ ๆ เพราะมันเผ็ดมาก ......
ส่งมาเพียงเท่านี้ครับ .....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 10/12/2013 9:19 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย
บทที่ 18 ตอนที่ 1 กระต๊อบพักเหนื่อย
ในเกษตรสัญจร 2 ...ระหว่างที่กระเหรี่ยงตากข้าวเพื่อรอตี(นวด) ผมก็เก็บเกี่ยวสิ่งละอันพันละน้อยเกี่ยวกับการดำรงชีวิตแบบ สมถะ เรียบ ง่าย ของคนบนดอย..
(1)
(2)
(1 2 ) ตูบ(กระต๊อบ) เอนกประสงค์ สำหรับนั่งพักเหนื่อย หลบร้อนจากแดด นั่งกินข้าว ใช้เป็นที่รับแขกก็ได้ นั่งเล่น นอนเล่น หรือจะนอนจริง ๆ ก็ได้ ....ปกติจะสะอาดโล่งตา แต่ตอนนี้กำลังเกี่ยวข้าว ยังไม่มีเวลาทำความสะอาด จึงดูรกรุงรังไปหน่อย
(3) ถั่วเหลืองที่เก็บเอาไว้ทำพันธุ์ในฤดูต่อไป ก็เก็บไว้ที่นี่แหละ การเก็บถั่วเหลือง ถั่วอื่น ๆ เพื่อใช้ทำพันธุ์เค้าเก็บกันทั้งต้นแบบนี้นะครับ จะไม่โม่ออกเป็นเมล็ดแล้วเก็บ เก็บแบบนี้จะไม่มีแมลงและโรคเชื้อรารบกวน เก็บได้นานเป็นปี
(4)
(5)
(6)
(7)
(4 7) แม่เจ้าโชเล่รู้ว่าผมชอบกินผักกวางตุ้งต้มเค็มใส่หมูสามชั้น แปลงนี้แกปลูกไว้ให้ผมโดยเฉพาะ ถ้าเก็บมาต้ม หมดแปลงนี่สงสัยกินได้ทั้งหมู่บ้าน
(8 )
(9)
(8 9) มะเขือเทศพันธุ์พื้นเมือง ลูกเล็กประมาณปลายนิ้วก้อย โตไม่ถึง 1 ซม. กลิ่นไม่เหมือนมะเขือเทศลูกโต ขนมจีนน้ำเงี้ยว ต้องใส่มะเขือเทศพื้นเมืองแบบนี้ครับ ผสมกับถั่วเน่า กลิ่นมันชวนกินและอร่อยอย่าบอกใคร...รูปที่ 9 เทียบกับเมล็ดข้าวเปลือก
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 11/12/2013 1:19 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย
บทที่ 18 ตอนที่ 2 ผักปลอดสารพิษ
(10) เจ้าโชเล่ ชวนผมกับสาวน้อยขึ้นไปเยี่ยมชมแปลงผักปลอดสารพิษ แปลงน้อย ๆ บนดอยสูงขึ้นจากที่พัก(ซึ่งก็ว่าสูงแล้ว)ขึ้นไปอีกหน่อย เป็นอาของเจ้าโชเล่...สองคนผัวเมียซึ่งเคยทิ้งถิ่นลงดอยเข้าไปทำงานก่อสร้างในแดนศิวิไลซ์ ทำไปทำมา รวยเหลือล้น จนเงินมีไม่พอใช้ ต้องซมซานถอยกลับคืนถิ่นสู่ยอดดอย ...หันมาปลูกผักปลอดสารพิษที่ตรงนี้เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เห็นจะได้ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เหลือเอาขาย ยังมีรายได้เดือนเป็นหมื่น ดีกว่าไปทำงานก่อสร้างเป็นไหน ๆ
(11)
(12)
(13)
(14)
(15)
(16)
(11- 16) ปลูกหลายอย่าง ไอ้โน่นนิด ไอ้นี่หน่อย ที่สำคัญ ใช้รดน้ำผักด้วยสปริงเกลอร์แบบกระเหรี่ยงแท้ ๆ ไม่ต้องเดินรดน้ำให้เมื่อยตุ้ม ปุ๋ยผักที่ใช้มาจาก ขี้วัว ขี้หมู ขี้ไก่...ไม่ได้ถามว่าใช้ขี้คนด้วยหรือเปล่า และพ่นน้ำสมุนไพรป้องกันแมลงด้วย...ผักงามหรือไม่งามดูเอาเองครับ
(17)
(18 )
(19)
(17 19) ผมเคยเห็นแต่ว่า การปลูกผักบุ้งจีนเค้าใช้วิธีหว่าน ...แต่ที่นี่ พี่แกใช้ปลูกแบบประณีตว่ะ แกหว่านก่อนแล้วถอนต้นมาดำ จุดหรือหลุละ 3 ต้น... แกบอกว่า ประหยัดเมล็ดพันธุ์ไปได้อีกแยะเลย ...เชื่อเค้าเลยว่ะ
(20)
(20 21) กระเหรี่ยง โง่หรือฉลาดไม่รู้ เค้าบอกว่า ถ้าปลูกพืชชนิดเดียว ถ้ามีมาก อยู่บนดอยจะเอาไปขายที่ไหน จึงปลูกสิ่งละอัน พันละน้อย อย่างละนิด อย่างละหน่อย เต็มไปหมด เอาไปขายที่ตลาดก็จะมีผักหลากหลายชนิด ปัญหาว่าจะปลูกผักชนิดไหนมากกว่า คำตอบมาจากคนกิน จะเป็นผู้บอกเองว่า คนกินต้องการผักอะไร ก็ปลูกชนิดนั้นมากหน่อย
(22)
(23)
(22 23) ผักสลัด ผักชี ปลอดสารพิษ งามสวยดีจริง ๆ
(24) ระหว่างที่ยืนชม ยืนคุย มีคนมาซื้อผักถึงสวน คนละสิบ คนละยี่สิบ แค่แป๊บเดียว ตดยังไม่ทันหายเหม็น ได้แล้ว ร้อยกว่าบาท แกบอกว่า มีคนมาขอซื้อทั้งวันแหละ ขายบ้างแจกแถมไปบ้าง มีใครบ้างไม่ชอบผักปลอดสารพิษ ใหม่ ๆ สด ๆ จากไร่ ลูกค้าชอบใจต้นไหน ถอนเอาเอง
(25) ไม่ใช่ลูกตำลึงสุกนะครับ แต่เป็น บวบพันธุ์พื้นเมืองของกระเหรี่ยง เวลาแก่จัดลูกจะกลายเป็นสีแดง อีกไม่นานเกินรอ อาจจะผลิดอกออกผล เก็บเมล็ดได้ที่นครปฐม(ถ้ามันงอก)
(26)
(27)
(26 27) อากาศบนดอย หนาวหรือไม่หนาวไม่รู้ แต่ต้องสุมไฟกันทั้งวันแบบนี้แหละ
(28 ) ผักที่ถอนก็ล้างน้ำในลำเหมือง เป็นทางระบายน้ำเล็ก ๆ กว้างประมาณ 50 ซม. แยกจากน้ำตกที่น้ำไหลมาจากบนดอย น้ำใสไหลเย็น(เจี๊ยบ) ใสสะอาด..ทั้งวัน ทั้งคืน ทั้งตาปี
(29)
(30)
(29 30 ) ผักสองเข่งเล็ก ๆ นี่ เก็บอย่างละนิดละหน่อย เพื่อเอาไปขายที่ตลาดวันพรุ่งนี้เช้า มีของไปขายทุกวัน เห็นจิ๊บจ๊อยแค่นี้ อย่างน้อย ๆ ก็ได้แล้ว สองร้อยกว่าบาท ....รวมกับที่คนมาซื้อจากสวนในแต่ละวันอีกวันละร้อยกว่าบาท รวมแล้วมีรายได้วันละ 300 กว่าบาท เดือนหนึ่งก็ตกหมื่นกว่าบาทแล้ว
แกบอกว่า ....ดีกว่าไปทำงานก่อสร้าง เพราะทำสวนผักที่นิดเดียวไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ขายได้ทุกวันทั้งปี ข้าว ผัก ก็ไม่ต้องซื้อเพราะปลูกไว้กินเอง ไก่ก็มีเลี้ยงไว้กินทั้งไข่ทั้งตัว ... มีเงินเหลือเก็บอีกด้วย.....
(31) ใครที่คิดว่ากระเหรี่ยงหรือคนบนดอยยากจน..... คนบนดอยอยู่กินแบบประหยัด ไม่มีหนี้สิน
ที่เห็นในรูปนี่เป็นบ้านแก่บ้าน(กำนัน) ส่วนพ่อเจ้าโชเล่ เป็นพ่อหลวงบ้าน คือ ผู้ใหญ่บ้าน.....วันนี้เค้ามีการประชุมลูกบ้าน จะเห็นว่าคนจนบนดอยเค้ามารถปิ๊คอัพกันแทบจะทุกคน .
...คนดอยไม่มีหนี้(เพราะไม่กู้ ธกส.) คนมีหนี้ท่วมหัว(เพราะกู้ ธกส.ได้)คือคนพื้นราบ....
ก่อนจะกลับ อาเจ้าโชเล่ บอกให้ผมเอาผักไปกิน ผมบอกปฏิเสธด้วยความเกรงใจว่า วันนี้ยังไม่กลับ เอาไว้วันกลับซะก่อนค่อยมาขน .....เฮ....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 11/12/2013 11:44 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 2 กะเหรี่ยงปลูกข้าวบนดอย
บทที่ 18 ตอนที่ 3 กระกรี่ยงบนดอยใช้สปริงเกลอร์ กระหร่างพื้นราบใช้ลากสายยาง
เจ้าโชเล่พาตะรอน ๆ เข้าซอกโน้น ออกซอกนี้ เข้าบ้านโน้น ออกบ้านนี้ ขึ้นเนิน ลงเนิน มาถึงตรงนี้ ...
(32 ) ทางเข้าหมู่บ้านเส้นนี้ แต่ก่อนเป็นลูกรัง ต่อมาเป็นลาดยาง แล้วทางมันชำรุด มาปัจจุบันเทคอนกรีต ....มันจะพาไปไหนของมันหว่า ต้องเดินลงไปนู่น น น น
(33)
(34)
(35)
(36)
(37)
(38 )
(40)
(41)
(33 41) พอสุดถนนคอนกรีต ก็เลี้ยวลงไป พร้อมกับชี้มือให้ผมดูแปลงกระเทียม ผมเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่แกล้งเซ่อ...
ผมบอกว่า.. ..ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ แค่แปลงกระเทียม....
เค้าบอกว่า ....ดูก่อ ดูก่อ ดูดี ๆ ....(ดูก่อน ดูก่อน ดูดีๆ...เปิดวาล์วน้ำให้ดูด้วย)
เป็นระบบสปริงเกลอร์แบบกระเหรี่ยงแท้ ๆ ไม่ต้องใช้ปั๊มน้ำ ใช้แรงดันจากน้ำตกที่ต่อท่อไล่ระดับลงมาจากบนดอย แรงดันน้ำเหลือเฟือ
เป็นความน่าภูมิใจครับ ที่บอกให้เค้าทดลองทำอะไรแล้วเค้าทำ ทำแล้วมีปัญหา ผิดหรือถูก ก็แก้ไขกันไป
กระเหรี่ยง และชนเผ่าบนดอยหันมาใช้สปริงเกลอร์กันเป็นส่วนใหญ่ แต่กระหร่างพื้นราบยังใช้ระบบลากสายยาง ..
...โฮ๊ะ ๆๆๆๆ ......มันสะใจ มั๊ยน้องงงงงงง....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 07/01/2014 11:27 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย(ตอน ลุยไร่กาแฟ) |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย (ตอนลุยไร่กาแฟ)
บทที่ 19 ทำไมกาแฟ จะต้องเป็นสตาร์บั๊ค หรือ เนสกาแฟ ม๊อคโคน่า หรือ ฯลฯ
ตอนที่ 1 ลุยไร่กาแฟกระเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน(24 -11-56)
อาปา ๆ...หย่า ปา ดู ร่า กา เฟ ม๊า (เพื่อนกระเหรี่ยงถามผมว่า ...อยากไปดูไร่กาแฟมั๊ย)
ตอบโดยไม่ต้องคิด....ไปซีวะเพื่อน ...
กาแฟ ก็คือ กาแฟ ...แต่จะมีใครจะรู้บ้างว่า เมล็ดกาแฟที่เป็นส่วนผสมในกาแฟยี่ห้อดัง ๆ และก็แพงหูฉี่(ถ้วยละ 150 บาท)..รวมทั้งยี่ห้ออื่น ๆ นั้น...ส่วนหนึ่งมาจากเมล็ดกาแฟที่กระเหรี่ยงปลูกบนดอยที่แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะ ไร่ตาเลอะ ที่ อ. แม่สะเรียงถือเป็นต้นสายพันธุ์ขายผลผลิตจากเมล็ดกาแฟให้ สตาร์บุ๊ค...เน๊กาเฟ... ม๊อคาน่า ...
วันนี้ เพื่อนพาผมไปเที่ยวชมไร่กาแฟ อาราบีก้า บนดอยครับ...ไร่นี้ไม่ใหญ่ไม่โต เนื้อที่ประมาณ 20 เท่านั้นเองครับ ดูให้เต็มอิ่มเลยนะครับ ...
เพื่อนบอกว่า..ปลูกกาแฟ 20 ไร่ ขายเมล็ดกาแฟ กิโลกรัมละ 120 บาท ปีหนึ่งก็ ด้า นี๊ หน่อ ล้า กว่า บ่า ....( ได้นิดหน่อย...ล้านกว่าบาท) โอ่ โอ โอ้ โอ๊ ...20 ไร่ ขายเมล็ดกาแฟได้ปีละ 10 ตัน อะไรจะปานนั้น....
(42) ผมขี้เกียจเริ่มจับตั้งแต่ต้น....ขอเอามาชนตรงปลายเลยก็แล้วกัน....ทางบนเขาแถบแม่ฮ่องสอน คดเคี้ยว เลี้ยวลด ใครง่วง ใครเมา อย่าขับเพราะอาจจะได้ลงไปหลับอยู่ก้นเหว
(43) หลังจากเก็บฝักไปแล้ว ก็ยืนต้นแห้งตาย มีปลูกกันแทบจะทุกพื้นที่แม้แต่ริมถนน ..ผลผลิตดีมั๊ย ปี สองปี แรก ดีครับ เลยตัดต้นไม้ถางป่าปลูกกันใหญ่เลย มาตอนหลัง ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ทุกครั้ง ปุ๋ย ยา ใส่กันไม่หวาดไหว ผลผลิตเริ่มลดลง เพราะใส่ปุ๋ยแล้ว น้ำไม่มี ข้าวโพดไม่งาม....ถึงเวลานัด คนรับซื้อไม่มาซะงั้น....ผลงานจาก ซีพัง เข้าที่ไหนที่นั่นพัง
(44)
(45)
(46)
(44 46) ไม่ต้องไปถึงทุ่งบัวตองหรอกครับ....สองข้างทางที่ผ่านในช่วงเดือน พย. มค. มีให้ดูตลอด
(47). เพื่อนบอกว่า ถื แล้ ...(ถึงแล้ว)
...ไหนล่ะวะ .......เพื่อนชี้มือขึ้นไปข้างบน...
เฮ๊ย...นี่ก็อยู่บนยอดดอยแล้วนะเว๊ย ต้องขึ้นไปอีกหรือนี่....
อี่ นี๊ เดีย เอ..(อีกนิดเดียวเอง)
(48 )
(49)
(50)
(48 50) เลี้ยวรถเข้าไป ขึ้นดอยไปอีกนิดเดียว(ของมัน)....มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นกาแฟ....กองฟาง...สวนหย่อม ผักสวนครัว จานดาวเทียม
(51) ลูกสาวถามว่า....พี่โชเล่...ไหนล่ะเจ้าของไร่....
คำตอบคือ...เป ลู่ พ่อ หลัว....โค นี้ งา...(เป็นลูกพ่อหลวง คนนี้ไง)
ผึ้งถามด้วยความไม่แน่ใจว่า....ใช่เหรอพ่อ....
....เออ มันนั่นแหละ....
....มิน่า อธิบายซะเป็นคุ้งเป็นแคว แสดงว่าพ่อรู้แล้วซี....
...อืม์...
(52)
(53)
(54)
(55)
(52 55) ต้นกล้ากาแฟอาราบีก้า พันธุ์แท้ พันธุ์ดี ...ทำตามสั่งปีละ 20,000 ต้น ๆ ละ 5 บาท...รดน้ำด้วยระบบ สปริงเกลอร์ ...
(56) ต้นกล้า มัคคาดีเมีย
(57) ต้น อาโวคาโด้
(58 ) ต้น มัลลาบ้า นัท (โผ ม่า รู้ จ่า)...ผมไม่รู้จัก ลูกมันเป็นยังไงครับลุง
(59) ....สูปลูกสตรอเบอร์รี่ด้วยเหรอ....
........ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ให้มาทดลองปลูก.....
.....ดินมันแฉะไปรึเปล่า...แล้วมันร่มเกินไป เคยเห็นที่แม่จัน เชียงราย เค้าปลูกกลางแจ้ง เอาใบตึงคลุมแปลง.....
....อันนี้ของน้องเมียมันปลูก ...บอกมันตามที่สูบอก แต่มันไม่เชื่อ ปล่อยมัน...
(60) กาแฟชอบร่มเงา ที่ไร่นี้จะปลูกต้นมะม่วงเพื่อให้ร่มเงากาแฟ แล้วปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมหน้าดิน
(61) ตอนที่เดินเข้าไร่ก็เห็นกองฟาง เดินเข้ามาตรงนี้ก็มีกองฟาง เค้าขนมาจากแปลงนาที่เกี่ยวข้าวไปแล้ว เอามาเป็นวัสดุคลุมดินครับ ....คนพื้นราบ ฉลาดซะไม่มี....เผาทิ้งหมด
(62)
(63)
(64)
(65)
(66)
(67)
(68 )
(69)
(70)
(71)
(72)
(73)
(62 73) ลูกกาแฟ โดยปกติการเก็บจะเก็บวันเว้นวันครับ นอกจากบางครั้งลูกดกมาก ตลาดต้องการ จะเก็บทุกวัน
(74)
(75)
(76)
(77)
(78 )
(74 78 ) ต้นกาแฟตั้งแต่ปลูก จะเก็บผลได้เมื่ออายุต้นเข้าปีที่ 4 และจะเก็บได้เรื่อยไปจนถึงอายุปีที่ 7 ก็จะตัดเพื่อทำสาว ส่วนต้นไหนที่ให้ผลผลิตน้อยก็จะตัดทิ้งปลูกแทนใหม่
แต่จากการที่เจ้าโชเล่ได้ไปเห็นต้นกาแฟที่ปลูกไว้ดูเล่นที่ ปาย อายุเกิน 7 ปี แต่ยังให้ผลผลิตได้ดีอยู่...เนื่องมาจากแทนที่จะตัดต้นเพื่อทำสาว กลับใช้เชือกผูกรั้งเพื่อโน้มกิ่งลง กิ่งที่ถูกโน้มจะแตกยอดใหม่ งามดีกว่า และให้ผลผลิตเร็วกว่าการตัดยอดเพื่อทำสาว
แทนที่เจ้าโชเล่ จะพูดว่า แถวนี้ไม่มีใครเค้าทำกัน แต่กลับนำเอาวิธีการมาลองทำดู มันก็ได้ผล ....เมื่อมันแตกกิ่งแล้ว ต้นตอจะตัดทิ้งหรือไม่ตัด ก็ได้......
ใครเป็นคนบอก วิธีการโน้มกิ่ง....คนบอกคือ ลุงคิมครับ ...ลุงคิมพูดถึงการโน้มกิ่งฝรั่งเพื่อให้ออกลูก แล้วการที่คนบ้าคนหนึ่ง จดจำเอาไปทดลองทำกับพืชผลอย่างอื่น แล้วมันได้ผล ....มันผิดตรงไหนหรือเปล่าครับ....
(79) ขาลง ๆ ไปได้ ขาขึ้น ดินมันลื่น ทางมันชัน เลยต้องค่อย ๆ ขึ้นมาทีละน้อย
(80) ดินชื้นตลอดเวลาเพราะได้น้ำจากบนเขา
ปลูกกาแฟ ให้แต่ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก + ปุ๋ยเคมีนิดหน่อยทางดิน ส่วนสารเคมียาฆ่าแมลงไม่ได้ใช้เลย เพราะกาแฟไม่ค่อยมีศัตรูพืช
อีกอย่าง กาแฟที่ไร่นี้ ส่งเมล็ดกาแฟให้ สตาร์บุ๊ค..เน๊กาเฟ แม๊คคาน่า ....ต้องVergin บริสุทธิ์จากสารพิษครับ .แล้วความบริสุทธิ์ของคนบนดอยคือ ทำตามคำมั่นสัญญาทุกประการ คนซื้อบอก ห้ามยาฆ่าหญ้า ห้ามสารเคมีและยาฆ่าแมลง คนบนดอยจะไม่ทำ ส่วนการใช้ปุ๋ยเคมี คนละเรื่องนะครับ
ไม่เหมือนคนพื้นราบ....งวดแรก ปลอดสารพิษ ....งวดที่สอง แซมสารพิษนิด ๆ .... งวดที่ 3 ไม่ฉีดสารพิษมันจะอกแตกตาย ...ผลสุดท้าย ต้องรับผลผลิตของตัวเองคืนพร้อมจ่ายค่าเสียหายให้ผู้ซื้อแล้วก็ถูกขึ้นบัญชีดำ
.
..ผมบอกให้ลองเอาสูตร ที อี วา (สหประชาชาติ..3 in 1) มาทดลองใช้ดู...ผมคิดว่า มันน่าจะดีนะครับลุง
(81) ...สูเอาส้มอะไรมาปลูก....
......โส้ เขีย หวา...(ส้มเขียวหวาน)
....โห ...รู้น่าว่าส้มเขียวหวาน แต่อยากรู้ว่าพันธุ์อะไร....
....สา น๊า ผื้....มี สา โต้ (สายน้ำผึ้ง มีสามต้น)
ยังไม่จบนะครับ...
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 12/01/2014 8:13 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย (ตอน ลุยไร่กาแฟ) |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย (ตอน ลุยไร่กาแฟ)
บทที่ 19 ตอนที่ 2 ว่าด้วย การเก็บและการแยกเมล็ดกาแฟ
ผมเพิ่งจะเริ่มดำน้ำ โมเม นำเสนอเรื่อง กาแฟบนดอย มาลงเป็นปฐมบทเพื่อนำร่อง.. มีวัยรุ่นใจร้อน คุณทรงพล....in มาก ๆ ...ถามมาหลังไมค์มายาวเลยว่า... สนใจกาแฟ ...
.ใจเย็น ๆ บักหำน้อย คำถามที่คุณถามมีประโยชน์ เดี๋ยวเขียนถึงตอนนั้นแล้ว บักหำใหญ่ จะยกมาตอบหน้าไมค์...... ตอนนี้ กินกาแฟ สตาร์บั๊คไปก่อน ถ้วยละ 150 บาทเอง หรือจะเอาอย่างชนิดซอง ที อี วา (3 in 1) ซองเล็กกว่าของเนสกาแฟซองละ 5 บาท 3 เท่า ซองละ 35 บาท กินเนสฯ ได้ 7 ซอง กินแล้วกลัวตาค้าง นอนไม่หลับ เพราะมันแพงโคตร...
..... ไปดูรูปลูกกาแฟสวย ๆ กันดีกว่า แต่เออ ผมอยากถามเพื่อน ๆ ว่า ลูกกาแฟที่ยังไม่ได้แยกเอาเนื้อออกน่ะ เนื้อที่หุ้มเมล็ดกาแฟ รสชาติเป็นยังไง ขมเหมือนเมล็ดที่ชงกิน หรือรสหวานเหมือนเวลาลุงคิมพูดหวาน ๆ.....เอื๊อก
ใครทายถูกจะให้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าพันธุ์ดี สายพันธุ์ คาร์ติมอร์จากบนดอยคนละ 2 เมล็ด..... อ๊ะ ๆ...อย่าดูถูกว่าแค่ 2 เมล็ดนะครับ เดี๋ยวไปดูกันว่า 1 เมล็ด 1 ต้นนั้น มันให้ผลขนาดไหน ....เห็นแล้วหายหนาวก็แล้วกัน....
(82)
(83)
(84)
(85)
(86)
(87)
(88 )
(89)
(90)
(91)
(82 91) เป็นยังไงล่ะครับ ตั้งแต่ออกลูกเขียว ๆ จนถึงเวลาลูกมันสุกแดงครึนเต็มต้น..... แต่ละต้น สวยงามแค่ไหน ติดลูกดกแบบนี้ เจ้าของไร่ก็ชอบ ยิ้มแก้มโป่งไปเลย... คนรับจ้างเก็บก็ชอบได้ค่าแรงเต็มเม็ดเต็มหน่วย เรียกว่าเก็บกันมือเป็นลิงเลยก็แล้วกัน.....
(92) ไอที่มีลูกก็มีไป ไอ้ที่ลูกยังเขียวก็เขียวไป ไอ้ที่ลูกสุกแดงก็สุกไป ไอ้ที่ออกดอกก็ออกไป ...หลังจากปลายค่อนปีที่ 3 เริ่มเข้าปีที่ 4 ก็เริ่มเก็บผลผลิตได้......ใครเคยได้กลิ่นดอกกาแฟมั๊ยครับ....กลิ่นเหมือนดอกมะลิ แต่หอมฉุนรุนแรงกว่า คล้ายดอกมะลิป่า ...ได้กลิ่นแล้วอยากนอนหลับซักตื่น มันหอมชวนนอนจริง ๆ
(93) ตัวช่วยในการผสมเกสร ....ผมถามเพื่อนว่า...ทำไมสูไม่เลี้ยงผึ้ง ....คำตอบคือ ....เฮา เพ้ น้อ ผื้ (ทีแรกนึกว่าฟังผิดไปว่า เค้าแพ้น้ำผึ้ง แต่ลองฟังอีกครั้ง เค้าบอกว่า เค้าแพ้น้องผึ้ง...โถ ไอ้เวร) ....
(94) กระเหรี่ยงเก็บเมล็ดกาแฟ.... คนในชุดขาวยังเป็น...นส. (เค้ายังไม่ได้แต่งงาน แต่จะ vergin หรือเปล่าไม่รู้เพราะเค้าไม่ได้บอก)...ชุดดำ นุ่งแดง โพกหัว นางไม่สาว....
(95) ส่วนหนึ่งของลูกกาแฟที่เก็บได้ เห็นแค่นี้ แกะเนื้อออกแล้วก็หลายกะตังค์นะครับ...กิโลละ ร้อ ยี่ สิ บ่ะ....
(96) แต่ละครอบครัวอาจจะปลูกในที่ดินของตัวเอง เก็บเมล็ดได้ก็นำมาขายที่ศูนย์รับซื้อเมล็ดพันธุ์(อย่าดูถูกรูปร่างของศูนย์นะครับ เงินสะพัดผ่านศูนย์นี้เป็นหลายร้อยล้านแล้วมั๊ง....ต้องถาม K-Bank
กระเหรี่ยงและคนบนดอยแถบนี้ 80 % จะฝากเงินกับ K-Bank ที่ปายครับ เพราะแต่เดิม มีหลายแบงค์มาเปิดสาขา รวมทั้ง ธกส. แต่เวลาเดือดร้อนหรือจะซื้อรถ ไม่มีแบงค์ไหนกล้าให้เครดิท ...พอ K-Bank มาเปิดสาขาที่ปาย ปล่อยเครดิทไม่อั้น ...K-Bank เลยรับเละ....
(96.1) K-Bank สาขาปาย เป็นห้องแถวไม้เก่า แล้วก็เอาไม้เก่ามาตกแต่งงอนุรักษ์อาคารของเดิมแบบโบราณ สวยงามเข้าบรรยากาศมาก ๆ เสาด้านหน้าเป็นซุงไม้สักแกะสลักลวดลายงดงามเข้าบรรยากาศมาก ๆ ครับ (ไม่ได้โฆษณา แต่อดีตเคยทำงานอยู่ K-Bank รุ่นดึกดำบรรพ์)
ย้อนมาพูดถึงเมล็ดกาแฟของชาวบ้านที่ปลุก ...ใครมีนิด มีหน่อยก็ขายได้ ส่วนมากที่นำมาขายจะเป็นเมล็ดที่แกะเอาเนื้อออกแล้ว
จะได้ราคาตามคุณภาพ(เกรด) ซึ่งจะแบ่งเกรดเมล็ดกาแฟออกเป็น 3 เกรดใหญ่ ๆ ...คือเกรด A เกรด X และเกรด Y แล้วก็เกรดพิเศษ Ap ทำไมเค้าแบ่งเกรดแปลกแบบนี้....ต้องไปถาม ปู่ของปู่คนแรกที่ปลูกกาแฟละครับ
ทำไมผมแสนรู้จัง....มีปากเอาไว้ถามในสิ่งที่เราไม่รู้ ถามที่เป็นประโยชน์ซีครับ
แต่บางเรื่องก็ลืมถามครับ ..และบางเรื่องถามแล้วก็บอกใครต่อไม่ได้เพราะเป็นเรื่องระหว่างเราสอง....
...อีกอย่างหนึ่งผมมีเพื่อนอยู่บนดอยแยะ ...นี่ก็เพิ่งได้ข้อมูลเรื่องเกรดเมล็ดกาแฟ จากเพื่อนที่ปลูกกาแฟบนดอยแม่สลองนอก ใกล้ไร่แม่ฟ้าหลวง ดอยตุง เชียงราย อ่านเว็ปลุงคิม ดอทคอม แต่มิได้เป็นสมาชิก...ส่งข้อมูลมาให้ทางอีเมล์..
(97) กาแฟที่เก็บได้ เค้าจะใส่เข่งหรือ ถุงกระสอบแบบโปร่ง ๆ ลมผ่านได้.. ชั่งกิโลแล้วก็ตั้งเรียงเตรียมเข้าเครื่องแยกเนื้อ แยกเมล็ด ชั่งแล้วก็จดบันทึกว่า แต่ละวันเก็บได้เท่าใด และก่อนแยกเมล็ดได้เท่าใด แยกเมล็ดแล้วได้เท่าไหร่ เมื่อนำไปตากแห้งแล้วเหลือเท่าไหร่
(98 ) เครื่องแยกเนื้อแยกเมล็ดกาแฟ Made in Thailand ราคาถูกกว่า ดีกว่า ทนมือทนตี...ใช้งานดีกว่าเครื่องของฝรั่ง
(99) เตรียมนำเข้าเครื่องแยกเนื้อ แยกเมล็ด
(100) แยกออกมาแล้ว เนื้อไปทาง เมล็ดไปทาง....เนื้อนี่เอาไปทำปุ๋ยหมักใส่ต้นกาแฟดีเหลือล้น ต้นงามเหลือหลาย..... ผมเคยถามว่า เนื้อกาแฟมีรสเป็นอย่างไร..... ตอบหลังไมค์ก็ได้ครับ
(101) เมล็ดกาแฟที่แยกเนื้อออกไปแล้ว ยังไม่ได้คัดแยกเกรด
(102) น้องเมียเจ้าของไร่ครับ
(103)
(104)
(102 - 104) ต้องเอามาเกลี่ยผึ่งลมให้แห้งบนโต๊ะที่ปูด้วยมุ้งตาข่ายเขียวเพื่อให้แห้งสะเด็ดน้ำ
(105) พี่เมียเจ้าของไร่ มือโปรผู้ชำนาญการแยกเกรดกาแฟด้วยมือและสายตาอันเฉียบคม
(106)
(107)
(106 107) จากนั้นก็เอามาเกลี่ยตากบนพื้นรองด้วยผ้าใบเพื่อให้แห้ง ..ถ้าแดดดี ๆ ก็จะตาก 10 แดด ก็ขายเป็นเมล็ดกาแฟดิบได้แล้ว
(108 ) ขายเมล็ดกาแฟได้ปีเป็นล้าน ยังทำหน้ามุ่ยอีกว่ะ...
.คำตอบคือ ..เม ห้า.พี่ เม น้อ เม มา คู ขา ด้า เม เก่ เงอ โหม่... (เมียให้ พี่เมีย น้องเมีย มาคุม ขายได้ เมียเก็บเงินหมด)
.พี่เมียแอบกระซิบบอกผม.....มา ช่อ ตี่ สา.. เม่ มา บ่อ ห้า เม มา เก่ เงอ....(มันชอบติดสาว แม่มันบอกให้เมียมันเก็บเงิน) ....
ผมบอกว่า ....โส น้า หน้า... 555....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 17/01/2014 1:07 am ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย ตอน ปลูกกาแฟบนดอย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย ตอน ปลูกกาแฟบนดอย
บทที่ 19 ทำไมกาแฟจะต้องเป็นสตาร์บั๊ค, เนสกาแฟ, ม๊อคโคน่า หรือ ฯลฯ
ตอนที่ 3 ขายเมล็ดก็ได้แค่นั้น ...เพิ่มคุณค่า.ทำเอง ขายเองก็ได้
ชนเผ่ากลุ่มต่าง ๆ ที่อยู่บนดอยบอกว่า ....การทำเกษตรกรรม ต้องรวมกลุ่มกันทำ จึงจะมีพลังในการต่อรอง
ชนเผ่าต่างๆ สามารถรวมตัวกันได้ทุกชาติพันธุ์ เพื่อผลิตและขายสินค้าในอย่างเดียวกัน ในราคาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน แต่....
....คนพื้นราบรวมตัวกันยากครับ จึงไม่มีพลังในการต่อรอง ต้องเป็นเบี้ยล่างนายทุน...
ลองดูตัวอย่างการรวมตัวการผลิตสินค้าของชาวดอย อย่างหนึ่งในหลายๆ อย่างออกมาขายนะครับ
.....กาแฟชาวเขา ..
(109) Hill Tribe Coffee. (กาแฟชาวเขา) ขนาดบรรจุ 500 กรัม ข้างซองเค้าเขียนว่า.....
Thank you for purchasing one of the best products produced in Northern Thailand. Duang Dee Hill Tribe Arabica Coffee.
These specialy grown coffee beans, are [color=red]grown in Karen, Hmong, Lisu and lahu village. [/color]Located above 700 meters in order to achieve the purest flavoured Arabica beans possible.
..ect. ข้างซองยังมีต่ออีกยาว ผมขอเสนอสั้น ๆ แค่นี้พอนะครับ
เค้าบอกว่า .
...ขอบคุณนะคะ ที่ซื้อหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งผลิตจากภาคเหนือของประเทศไทย...กาแฟอาราบิก้า ดวงดี ฮิลล์ไทรบ์
นี้คือ เมล็ดกาแฟชนิดพิเศษ ที่ปลูกในหมู่บ้านของชนเผ่า กระเหรี่ยง ม้ง ลีซู ลาฮู ปลูกในระดับความสูง 700 เมตร (จากระดับน้ำทะเล) เพื่อที่จะให้ได้รสกาแฟ จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าที่บริสุทธิ์ที่สุดที่จะเป็นไปได้.....
กาแฟ "ดวงดี ฮิลล์ไทร้บ์" มีสามรสครับ
"Unique Strong"
"Extra Smooth"
"Classic blend"
จากการรวมตัวกันของชนเผ่า...แล้วทำผลิตภัณฑ์กาแฟออกมาขาย แทนที่เค้าจะรวยคนเดียว กลับรวยด้วยกัน ขายสินค้าราคาเดียวกัน ที่สำคัญ คนบนดอยมีพลัง มีอำนาจซื้อ มีอำนาจในการต่อรอง ...คนบนดอยมีรถปิ๊คอัพขับเคลื่อนสี่ล้อขับกันแทบทุกบ้าน ซื้อด้วยเงินสดๆ นะครับ ..
....ผมสะใจกับคำที่คนซื้อไปบอกกระเหรี่ยงว่า ทำไมแพงจัง ....กระเหรี่ยงบอกว่า แพ ม่า ต้อ ซู้ โค ซู้ น่า โร๊ะ เบ๊ มา โน่ แล้
(แพงไม่ต้องซื้อ คนซื้อนั่งรถเบ๊นซ์มาโน่นแล้ว) ....ลูกหลานคนบนดอยรุ่นใหม่ เรียนจบ ปญ.ตรี โท เอก ทุกสาขาวิชาชีพแยะครับ
ผมไม่ได้โฆษณาขายกาแฟ แต่อยากให้เพื่อนๆ รู้ว่า ชาวเขาอยู่บนดอย เค้าสามารถรวมตัว รวมกลุ่มกันได้ เค้ามีพลังในการต่อรองไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือการขาย....การตั้งราคาขาย ก็ขายในราคาเดียวกัน...การรวมกลุ่มกันสั่งซื้อปุ๋ยครั้งหนึ่งเป็นร้อยๆ ตัน.... ราคา 100 ตัน กับซื้อทีละ 1 กระสอบ อย่างไหนจะแพงกว่ากันครับ
ทีนี้ลองไปดูกลุ่มที่ปลูกกาแฟบนดอยมีใครบ้าง ตามที่เขียนบอก ก็มี ชนเผ่า กระเหรี่ยง ม้ง ลีซู ลาฮู ....ไปดูคนปลูกกาแฟกันครับ
.ใครไม่ชอบกินกาแฟ ใครไม่ชอบดูคนดอย ....ผมก็ขอบอกว่า ม่า ช่อ ดู ม่า ต้อ ดู ผ่า ปา เลอ.... ไม่ชอบดู ไม่ต้องดู ผ่านไปเลย ....ดอกไม้ป่า งามแบบป่าๆ แต่งามกว่าดอกไม้กรุง ที่ถ้าไม่แต่งหน้าทาปากละก็ ผีโพรงดีๆ นี่เอง....
(110)
(111)
(112)
(110 112) เริ่มจาก (ลูกๆ) กลุ่มคนปลูกกาแฟเผ่ากะเหรี่ยงครับ ...
(113)....ปากแดง จมูกโด่ง ตาคม ผมยาว ผิวพม่า ตาคนไทย ใส่เสื้อกะเหรี่ยง
(114)
(114 115) กลุ่มคนปลูกกาแฟเผ่าม้งครับ รูปที่ 114 ชนเผ่าม้งรวมพลังร่วมถวายพระพร 5 ธันวา มหาราช และ...
รูปที่ 115 หนุ่มม้งคนนี้ คงไม่กล้าที่จะเอาชุดครุยมาสรวมให้พ่อของเค้าดูเล่นหรอกนะครับ
(116)
(117)
(116 117) คนไหนม้งแท้ คนไหนม้งเทียม ตัดสินใจเอาเองนะครับ
(118) แม้ว่าม้งในรูปนี้กำลังจะไปเก็บใบชา แต่ น้ำชา กับ กาแฟ ของกินคู่กัน ไปด้วยกันได้ครับ
(119 )
(120)
(119 120) กลุ่มคนปลูกกาแฟเผ่า ลีซู ครับ รูปที่ 119 ชนเผ่าลีซูรวมพลังร่วมถวายพระพร 5 ธันวา มหาราชและ
รูปที่ 120 น้องสาวเผ่าลีซูครับ ....แล้วมันเกี่ยวกับกาแฟตรงไหน ...เกี่ยวครับ ก็ พ่อ แม่เค้าปลูกกาแฟไงล่ะครับ ไม่น่าถามเล๊ย
(121)
(122)
(120 122) กลุ่มคนปลูกกาแฟเผ่า ลาหู่ ครับ ทั้งสองรูปชนเผ่าลีซูรวมพลังร่วมถวายพระพร 5 ธันวา มหาราชครับ
(123)
(124)
(123124) เชื่อผมเถอะว่า ทั้งสองคนในรูป เป็นลาหู่ปลูกกาแฟ แม้จะไม่ได้เป็นคนปลูก ก็เป็นลูกคนปลูก ใช่หรือเปล่าครับลุง
(125) ลูกสาวคนปลูกกาแฟเผ่า ลาหู่ อยู่ ม.ราชภัฎ เชียงใหม่เจ้า....
ไม่ยักมี อาข่า ปลูกกาแฟ เนาะ ถ้าเป็นอาข่า ต้องถามลุงคิม เพราะลุงแกเคย อดขึ้นลานสาวกอดมาแล้ว จำจนตาย.... ก็ดันแต่งชุดนายพัน มันต่างสายพันธุ์ ใครเค้าจะให้ขึ้น
เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องทำตัวเป็นจิ้งจก เปลี่ยนสีได้ครับ....มันต้องแต่งชุด ผู้ชายอาข่า เอาน้ำหอมอาข่าทาตัว ใครได้กลิ่น เผ่าเดียวกันแน่ๆ แสงเดือนบนยอดดอย
ลุบหลู่ๆ ใครจะไปจำใครได้ ขึ้นๆ ลงๆ คืนละหลายรอบ สบาย แต่รอบสุดท้าย เดินขาขวิด ....ขึ้นลงหลายรอบมันเมื่อยน่ะครับ...
(126) คนปลูกกาแฟเผ่า ลาหู่ ตัวจริง เสียงจริง
(127)
(127 128 ) ดูรูปคนปลูกกาแฟเผ่าต่าง ๆ มาแยะแล้ว กลัวจะลืมว่าลูกกาแฟเป็นยังไง เอามาลงให้ดูกันอีกครั้ง....
(จุ๊ๆ ! ! อย่าเอ็ดไปครับ รูปคนปลูกกาแฟเผ่าต่างๆ ไม่ได้มีแค่นี้นะ มีเป็นกะตั๊ก)
รายการสีสันชีวิตไทย ก็แบบนี้แหละครับ คนไม่บ้า ไม่กล้าทำ อ่าน ดู ฟังแต่ วิชาการ เซ็งตายโหง เวลาประชุมเค้ายังต้องมี Coffee Break แล้วทำไม รายการเกษตรลุงคิม จะมีที่พักสายตามั่งไม่ได้ ก็ให้มันรู้กันไป..
.เคยฟังเพลงของอาจารย์ จรัล มโนเพชร..มั๊ยครับ.
บ้านบนดอย บ่มีแสงสี บ่มีทีวี บ่มีน้ำประปา
บ่มีโฮงหนัง โฮงนวด คลับบาร์ บ่มีโคล่า แฟนต้า เป๊บซี่
บ่มีเนื้อสัน ผัดน้ำมันหอย คนบนดอย ซอบกินข้าวจี่
บ่มีน้ำหอม น้ำปรุงอย่างดี แต่หมู่เฮามี ฮึม มีน้ำใจ๋
....ถ้าเป็นแต่ก่อนนู๊น จริงแท้ แน่นอน แต่ในปัจจุบัน เหลืออย่างเดียวคือ ... แต่หมู่เฮามี ฮึม มีน้ำใจ๋
แล้วยามดึกนั่งคุยรอบกองไฟ ถ้าฟังเพลง เดือนเพ็ญ นะครับ โรแมนติกอย่าบอกใคร ....แต่ถ้าฟังเจ้าโชเล่ร้องเพลงนี้ละก็ .....โดดเขาตายดีกว่า......
(129) เมล็ดกาแฟ เกรด A ครับ
(130) เมล็ดกาแฟ เกรด X ครับ
(131) เมล็ดกาแฟ เกรด Y ครับ
ทำไมไม่แบ่งเป็น A, B, C ทำไมต้องแบ่งเป็น A, X, Y
ต้องไปถาม ปู่ของปู่ และของปู่ คนแยกเกรดกาแฟคนแรกละครับ
(132) กาแฟ 3 in 1 STARBUCK 1 ห่อ 12 ซอง ราคา 350 บาท ตกซองละ 30 บาท
(133)
(134)
(133134) เนสกาแฟ 1 ห่อ 30 ซอง 120 บาท ซองละ 4 บาท
(135) ส่วนหนึ่งปลูกแล้วส่งให้ ...นั่นแหละ....บุ๋มๆ ๆๆ น้ำท่วมปาก ...ส่วนที่เกิน รวมกลุ่มกัน ...ทำเองก็ได้วะ..... กลายมาเป็น กาแฟดวงดี ฮิลล์ไทรบ์ .....
(136) เปิดร้านขายเองในป่า ก็ได้วะ ยังไม่มีเฟรนด์ไชร์จ๊ะน้า.....
คอยติดตาม ปลูกกาแฟบนดอย ตอน....จากกล้าสู่แก้ว ....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 27/01/2014 8:16 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย
บทที่ 19 ทำไมกาแฟจะต้องเป็นสตาร์บั๊ค ... เนสกาแฟ ...ม๊อคโคน่า หรือ กาแฟยี่ห้อฝรั่ง
ในเมื่อกาแฟพวกนั้น ส่วนหนึ่งปลูกในเมืองไทย....
ตอนที่ 4 - จากกล้าสู่แก้ว
(137) พระบารมีปกเกล้า ล้นเกล้า ล้นกระหม่อม ภาพนี้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2514 ทรงแนะนำให้ชาวเขาและกะเหรี่ยงปลูกกาแฟ อราบิก้า สายพันธุ์ คาร์ติมอร์ บนดอยเขาหัวโล้นแทนการปลูกฝิ่น
....ปู่ กา เฟ ปา ทำ มา ...ปู่ ฝี่ ดี ฝ่า....
...ปลูกไปเถอะ ภายหน้าจะดีเอง....
(138 ) ตาเลอะ กะเหรี่ยงแม่สะเรียง จากวันโน๊น ถึงวันนี้ ปลูกกาแฟ อราบิก้า ส่งให้ตาม
Order ของ StarBucks ซึ่งจะต้องมาเซ็นทำสัญญา ปีต่อปี นั่งเครื่องจากแม่ฮ่องสอน
เข้ากรุงเทพฯ พักที่ โรงแรมปาร์คนายเลิศ ....StarBucks เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทุกบาท
ทุกสตางค์ สังเกตการณ์แต่งตัวของกะเหรี่ยงผู้มีอันจะกิน....ผมยังหาภาพบ้านตาเลอะ หลัง
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเยี่ยมไม่ได้ เพื่อไปทรงถามว่า
....ให้กลับไปปลูกฝิ่นอีกจะเอาหรือไม่....
...ปู่ ฝี่ ม่า อา ...ปู่ กา เฟ ดี ฝ่า
.
คราวก่อนที่ผมผ่านแม่สะเรียง เป็นช่วงฝนชุก ทางขึ้นลำบาก ต้องใช้ โฟร์วีลล์...เลยไม่ได้
แวะเข้าไป
ทุกวันนี้ บ้านตาเลอะ หลังที่พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัวเสด็จประทับ....ตาเลอะเก็บเป็น
พิพิธภัณฑ์อันมีค่าสูงสุด รักษาสภาพให้คงอยู่อย่างเดิม ตัวเองปลูกบ้านหลังใหม่.
..และตรงนี้คือ จุดขาย ของกาแฟบ้านตาเลอะ ....คุณภาพเหมือนของ StarBucks หรือ
ไม่....ต้องไปลองชิมดูเองครับ.....กาแฟพันธุ์เดียวกัน แต่คนละเกรด...(เมล็ดเล็ก เมล็ด
ใหญ่) แต่กรรมวิธีการ Blend แตกต่างกัน....
(139) จากกล้าสู่แก้ว หนังสือคู่มือการปลูกกาแฟ ที่คนอยากปลูกกาแฟควรหาอ่าน ...
ขายหมดหรือยังไม่รู้นะครับ
(140) การเพาะเมล็ด เค้าต้องทำแบบนี้นะยะตัวเอง.....เรียงเมล็ดติดกัน
ในแถวแบบนี้ ระหว่างแถวห่างกันประมาณ 1 ฝ่ามือ จะฝ่ามืออรหันต์ หรือฝ่ามือลุงคิมก็ตาม
ใจตัวเอง...แล้วเวลาวางเมล็ดน่ะ ให้คว่ำเมล็ดลงย่ะ ถ้าหงายเมล็ด น้ำจะไปขังอยู่ที่ ร่องของ
เมล็ดด้านใน จะทำให้เมล็ดเน่าย่ะ
(141) เวลามันงอก ก็จะงอกแบบนี้ ...แล้วเห็นชัดหรือเปล่า ไอ้ร่องเมล็ดที่ผมบอกน่ะ
(142) เวลางอกแล้วก็จะดูเป็นแบบนี้ เค้าเพาะครั้งหนึ่ง เป็นแสน เป็นล้านต้นมั๊ง
(143) จากนั้นก็จับยัดลงถุง แล้วก็เรียงเป็นแถว แบบนี้แหละ
(144)
(145)
(146)
(144 146) จากนี้ก็รดน้ำ ให้ปุ๋ย ต้นกาแฟก็จะโตวันโตคืน เขียว งามแบบนี้
(147) ต้นละ 5 บาท งวดละล้านต้น ก็คูณอาเองดี้.....
(148 ) บ้านพักชาวดอยปลูกกาแฟ พร้อมโรงรับซื้อเมล็ดกาแฟบนยอดดอย.....
(149) บ้านพักชาวดิน ที่ขึ้นไปกินกาแฟบนบ้านชาวดอย นอนนับดาว ชมเดือน คืนละ
1,500 ...แพ ม่า ต้อ มา พะ (แพงไม่ต้องมาพัก)
(150) จากกล้ามาสู่การออกดอก
(151) จากดอกเป็นลูก
(152) จากลูกดิบก็เป็นลูกสุก
(153) จากลูกสุกก็เก็บ เอาไปลอกเปลือกออก
(154) แล้วก็เอามาตาก ตากแห้งแล้วเอาไปกะเทาะเอา กะลา (เปลือกหุ้มเนื้อเมล็ด)ออก
(155) เอาไปคั่ว อบ ผสมสูตรต่าง ๆ ตามรสที่ชอบ แพคใส่ถุง รอไปบรรจุ แพคเกจ ที่ดู
มีราคาอีกหน่อย.....
(156) เอาไปบด ทำตามกรรมวิธีออกมา ชงใส่ถ้วย เป็นรูปลักษณ์และสีสันตามใจคนกิน
(157) ไม่น่าเชื่อเนาะ ว่า กิจการเล็กนิดเดียว กลายเป็นธุรกิจเงินล้าน.....แล้วถ้าเป็น
บริษัทยักษ์ใหญ่ล่ะครับ .....เป็นแสน ๆ หรือ พัน ล้าน ล้านมั๊ง.....
จากกล้าสู่แก้ว ก็มีแค่นี้เอง
แต่.....พลาดไม่ได้......คราวหน้า ไปดูวิธีการปลูก ดูแลรักษาจนถึงการเก็บเกี่ยว.....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 28/01/2014 5:50 am ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย |
|
|
DangSalaya บันทึก: |
(151) จากดอกเป็นลูก
(152) จากลูกดิบก็เป็นลูกสุก
(153) จากลูกสุกก็เก็บ เอาไปลอกเปลือกออก
|
- แม้ไม่มีประสบการณ์ตรง แต่วิเคราะห์ตามหลักการก็ว่า ผลกาแฟเอาเมล็ด ไม่เอาเนื้อ....
- สูตรบำรุงผล (ขยายขนาด หยุดเมล็ด สร้างเนื้อ สร้างคุณภาพ) จึงไม่น่าใช้ แต่ให้ใช้สูตรบำรุงเมล็ด (ขยายขนาดเมล็ด หยุดเนื้อ สร้างคุณภาพ .... นั่นคือ เปลี่ยนจาก 3:1:2 (21-7-14) มาเป็น 2:1:3 (14-7-21) แทน
- บอกแล้ว กาแฟไม่มีประสบการณ์ตรง .... ลองหน่อย แล้วส่งข่าวด้วย
- กาแฟ อายุผล 12-13 เดือน ให้ปุ๋ยเคมีทั้งทางรากทางใบ 2 เดือน/ครั้ง ก็พอ
- ที่แน่ๆ ทางดิน "ยิบซั่ม กระดูกป่น ขี้ไก่แกลบดิบ" ปีละครั้ง อย่าขาด
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 30/01/2014 8:04 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย (ตอน ลุยไร่กาแฟ) |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 เที่ยวบ้านกระเหรี่ยงบนดอย (ตอน ลุยไร่กาแฟ)
บทที่ 19 ตอนที่ 4 - (2) - เมล็ดกาแฟจากยอดดอย
เปิดมาเจอที่ลุงคิม Comments สูตรปุ๋ยใช้กับกาแฟ ....ขอบคุณแทนกะเหรี่ยง ขอบคุณครับ อาจัง....ถ้าพ่น 412 เข้าไปด้วย สงสัยลูกโตเท่าพุดซา....ดอยแตกแน่เพื่อน...
ขอขั้นรายการนิดนึงครับ....เนื่องจากผมได้รับเมล็ดพันธุ์กาแฟ อราบิก้า สายพันธุ์คาติมอร์ ส่งจากยอดดอย เมื่อตอนกลางวัน 30 ม.ค.57 วันตรุษจีนพอดี.....
ผมเคยถามเพื่อน ๆ สมาชิกว่า เนื้อที่หุ้มเมล็ดกาแฟ (สีแดงๆ) นั้น มีรสเป็นอย่างไร ใครตอบถูกจะให้เมล็ดกาแฟไปปลูกคนละ 2 เมล็ด แต่ไม่มีใครตอบมาซักคน . (อย่าคิดว่าแค่ 2 เมล็ด...ดูในรูป 151152 ซะก่อนว่า 2 เมล็ด 2 ต้น ถ้ามันติดลูกแล้วจะได้เท่าไหร่).....
...เอาเป็นว่า ใครใคร่ตอบ ตอบ ตอบผิดหรือถูกไม่สำคัญ ตอบมาเลย แล้ว บอก ชื่อ ที่อยู่ มาทาง PM ผมจะส่งเมล็ดกาแฟมาให้เอาไปทดลองปลูก ...คราวก่อนบอกจะแจกเมล็ดพันธุ์ ให้โทรเข้ามา ...เจ้าประคุณลุนช่อง โทรมาขอเมล็ดพันธุ์ตอนตีสาม ถ้าอยู่ใกล้ จะไปผสมพันธุ์ให้ถึงที่เลย....
.. คุณบังอร ฯ อยู่บางปลาม้า ได้พันธุ์ข้าว ไรซ์เบอร์รี่จาก ม.เกษตรกำแพงแสนเพียง 9 เมล็ด เวลานี้คุณบังอรขยายพันธุ์จาก 9 เมล็ด ปลูกได้ในเนื้อที่ 40 ไร่....ขายข้าวกล้อง รวย เงียบกริ๊บเลย....ฉะนั้น กาแฟ จาก 2 เมล็ด อาจกลายเป็นกาแฟ ร้อยๆ ไร่ของเพื่อน ๆ คนใดคนหนึ่งก็ได้..
....และอีกส่วนหนึ่ง ผมขออนุญาตลุงคิม ผมจะเอาไปปลูกที่ไร่กล้อมแกล้ม เป็นการตอบแทน (เอาต้นพันธุ์มาแยะแล้ว เอาเมล็ดคืนกลับไปบ้าง) ปลูกไว้ให้เพื่อนสมาชิกดู ..กินเนื้อที่ ต้นละไม่เกิน 2 ตารางเมตรเองครับ ถ้ารกเกะกะจะตัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้.... ผมคิดว่า เมื่อถึงกำหนดมีดอกออกผล มากน้อยต้องติดลูก.... ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล ข้าวขาวดอกมะลิ105 ยังเอาไปปลูกบนดอยได้ แล้วทำไมกาแฟ ...ข้าวลืมผัว และพันธุ์กะเหรี่ยงบนดอย จะเอามาปลูกในที่พื้นราบ แล้วมีลูกไม่ได้
(158 ) วันตรุษจีน ของไหว้ ของกินเยอะแยะ มาดูไอ้นี่ดีกว่า บ้านเดิมที่ผมอยู่ เค้าเรียกขนมเทียน.... ไปทางเหนือเชียงราย เรียก ขนมจ๊อก.... นครปฐม เค้าเรียก ขนมนมสาว....แล้วที่เกาหลี แดนอารีดัง เค้าจะเรียกว่าอะไร ..แบนจังแก หรือ ตึงจังกู...ต้องถามปรมาจารย์ คิม ซากัสส์ ...
....เนื่องในวาระวันขึ้นปีใหม่ตรุษจีน....ขออวยพรให้เพื่อน ๆ คนไทยเชื้อสายจีนทุกท่าน ...ฮวดไช้ ตั้ว ตั้ว ถั่ง....กำเสี่ย อย่า กำเจ่ก.. จะกลายเป็น กำเหมา...(ออกสำเนียงผิดขออภัยครับ...ผมฟังแล้วจับใจความที่เค้าพูดว่าอย่างนี้)
...มันเกี่ยวกับเกษตรตรงไหนวะ....เกี่ยวครับ เกี่ยวเต็มๆ เลย ที่ห่อขนมทำจากในตองหรือใบกล้วย...แป้งทำจากข้าวเหนียว...ไส้เค็มทำจากถั่วเขียว เกลือ หัวหอม ไส้หวานทำจากมะพร้าว น้ำตาล ไฟที่ใช้นึ่ง ตามบ้านนอกใช้เตาฟืนจ๊ะ....
(159)
(160)
(159 160) แกะซองออกมา มีถุง 2 ถุง ๆ หนึ่งใส่เมล็ดแห้งสีดำ อีกถุงหนึ่งใส่เมล็ดสดสีแดง ส่งจากยอดดอย 25 ม.ค. 57 ไกลสุดขอบฟ้า มาถึงนครปฐม 30 ม.ค. 57 ใช้เวลา 5 วัน ...
..แต่จากเตาปูน โพธาราม ใกล้แค่มือเอื้อมถึง ใช้เวลา 15 วัน นี่คือผลงานความเอาใจใส่ต่อผู้ใช้บริการของไปรษณีย์ไทยแต่ละแห่ง ....มันเป็นเช่นนี้เอง....
(161) เมล็ดสดทั้งเปลือกครับ
(162) เมล็ดแห้งทั้งเปลือกจ๊ะ
(163) แกะเนื้อที่หุ้มเมล็ดออก ตากแดดให้แห้ง ครึ่งวัน
(164) เมล็ดจากเปลือกแห้งสีดำ เมล็ดออกสีเขียว สีแบบนี้ตามการแยกเกรดกาแฟว่าเป็นเกรด A แต่ผมแช่เร็วไปหน่อย ยังมีเนื้อสีดำๆ ติดอยู่บ้าง....เลยดูกระดำกระด่าง
(165) เมล็ดจากเปลือกสดสีแดง เมล็ดออกสีเขียว....ตามการแยกเกรดกาแฟว่าเป็นเกรด Aเช่นเดียวกัน
เกรดกาแฟจะมี 3 เกรดใหญ่ A, X, และ Y ในแต่ละเกกรดใหญ่ ก็จะมีการแยกเกรดย่อยออกไปอีก....อยากรู้....อดใจรอ
นอกจากเมล็ดกาแฟแล้ว ก็ไม่มีอะไรเขียนบอกมาเลยว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ ....คนไม่เคยปลูกกาแฟ จะให้ตรัสรู้เองโดยชอบได้ยังไง....หรือบอกเป็นนัยๆ ว่า ถ้าสูอยากรู้.... ถามอาจัง.....
....ลุงครับ....Cock a doodle doo
What I can do, Sir?...
(166) มีของแถมมาให้ด้วย ....เมล็ดอินทผาลัม นี่ก็อีก เพาะยังไงถึงจะงอกเป็นต้นได้ล่ะเว๊ย เมล็ดก็แข็งโป๊ก....
ถ้าสูอยากรู้.... ถามอาจัง.....
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 01/02/2014 11:33 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 31/01/2014 3:27 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิก
ผมเคยถามเพื่อน ๆ สมาชิกว่า เนื้อที่หุ้มเมล็ดกาแฟ (สีแดงๆ) นั้น มีรสเป็นอย่างไร ใครตอบถูกจะให้เมล็ดกาแฟไปปลูกคนละ 2 เมล็ด
. แต่ไม่มีใครตอบมาซักคน .
พอผมบอกว่า....
... ใครใคร่ตอบ ตอบ ตอบผิดหรือถูกไม่สำคัญ ตอบมาเลย แล้ว บอก ชื่อ ที่อยู่ มาทาง PM ผมจะส่งเมล็ดกาแฟมาให้เอาไปทดลองปลูก ...
คราวนี้ตอบกันมาเพียบ ..รสชาติของผลไม้มันก็มี จืด ๆ ...เปรี้ยว....หวาน....เผ็ด.....ซ่า ๆ ...ขม ก็มีอยู่แค่นี้แหละ..ผมจะเอาลูกสุกส่งมาให้ ก็เกรงใจว่า มันอบอยู่ในซองมา 5 วันแล้ว ถ้าส่งต่อมาให้อีก คงจะเน่าแน่ ๆ
ที่ตอบมาแล้ว..รับรองว่าได้ทุกคนที่ตอบมา ผิดก็มี.... ไม่ผิดก็มี... บางคนไม่ตอบแต่ขอเมล็ดพันธุ์เฉย ๆ ก็มี .... แล้วก็ไม่ตอบ แต่ขอเมล็ดพันธุ์เพิ่มจาก 2 เป็น 4 ....ผมก็มีติดตัวแค่ 2 ก็ให้ได้แค่เท่าทุนเท่านั้นละครับ ...นี่แหละครับสมาชิก สีสันชีวิตไทย เกษตรลุงคิม ดอท คอม
และคำตอบคือ เนื้อที่หุ้มเมล็ดกาแฟ มีรสหวานครับ รสหวานคล้ายลูกตะขบ บ้านใครมีต้นตะขบ ลองเก็บลูกสุก ๆ กินดู แต่ลูกตะขบจะหวานกว่านิดหน่อย .....และกรุณาสังเกตรูปที่มีการแยกเนื้อแยกเมล็ด จะมีเปลือกหุ้มเมล็ดกองอยู่ เค้าเอาไปเทใส่โคนต้นกาแฟ มันจะย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยเรียกจุลินทรีย์ในดินอย่างดีเลย เพราะมันหวาน
หลายคำตอบที่ตอบมาสั้น ๆ .....เปรี้ยว ....หวาน.....เผ็ด .....ขม....แล้วก็บอก ชื่อ ที่อยู่ .....
แต่มีคำตอบที่ผมชอบใจอยู่ท่านนึง จากคุณ
songpon03122526 .....เขียนมาว่า..
31-01-14
เนื้อกาแฟ มีรสชาติเปรี้ยวครับ (แล้วผมเคยกินซะที่ไหนละพี่ ต้นก็ไม่เคยเห็น ตอบถูกมันก็แปลกซิครับ)
แบบนี้แหละครับที่เข้าตากรรการ แต่ แหม พูดยังกับไม่เคยกินกาแฟงั้นแหละ
มีอะไรดีๆๆๆๆ เชิญที่นี่
..เป็นการขอไว้ล่วงหน้าซะด้วย รายนี้ ผมแถมเมล็ด อินทผาลัมให้อีก 2 เมล็ด ที่บ้านคุณปลูกได้ รับรองว่า ออกผล ชัวร์..ซาฮาร่า ยังปลูกได้ แล้ว ซาฮารัมย์ ปลูกไม่ได้ให้มันรู้ไป...(หนักช่อละ 15 20 กิโล ๆ ละ 600 800 บาทนะเว๊ย) ลุงคิมซื้อต้นโตไปปลูกที่ไร่กล้อมแกล้ม นำร่องไปแล้ว ต้นละ 300 สูงไม่ถึงศอกแขน....(ถ้าฉีดพ่นด้วย ยูเรก้า 412 ลูกอาจจะโตเท่ามะพร้าว ....ไร่แตกแน่ ๆ ....).
ตอนนี้กำลังลองปลูกหอมนิลอยู่ครับ กำลังเพาะกล้าอยู่ กลัวแต่ตอนออกรวงเอานกไม่อยู่นี่แหละครับ ออกรวงแล้ว เดี๋ยวได้รับประทานแน่ครับ
....คอยติดตามดูว่า วิธีป้องกันนกลงกินข้าว ที่ศูนย์วิจัยข้าวแม่ฮ่องสอนเค้าทำยังไง......
ว่าแต่ว่า ข้าวของพี่ เจอลมเบ่งครั้งที่ 2 แล้ว ยังอยู่เฉยหรือครับ พี่ไม่ลงรูป ผมก็มองไม่เห็น
รูปน่ะมี แต่ลงบ่อยเกินไป เกรงใจสมาชิกจะว่า บ้าลงอะไรกันนักกันหนา ก็เลยยั้ง ๆ เอาไว้บ้าง แต่ก็เริ่ม จะโผล่แพลม ๆ แล้วละ
ขอบคุณครับ
...............
แล้วก็คุณ songpon03122526 ท่านนี้แหละครับ ที่เขียนมาถามหลังไมค์ เมื่อ 08-01-14
สวัสดีครับพี่ใหญ่
08-01-14
ผมเริ่มสนใจเรื่องกาแฟ ผมหาข้อมูลหน่อย
1 กาแฟ ต้องการอากาศแบบไหน และเห็นพี่บอกว่ากาแฟชอบร่ม มันต้องการแสงแดดระดับไหน กี่เปอร์เซนต์
2 ปลูกครั้งหนึ่งอยู่ได้กี่ปี หนึ่งปีออกลูกกี่เดือน ออกลูกเดือนไหนครับ
3 กาแฟ ปีที่ 1 - 3 ยังไม่มีผลใช่ไหมครับ
4 ระยะปลูกกาแฟ กว้างคูณยาวเท่าไหร่ครับ
5 ตลาดกาแฟเป็นอย่างไรบ้างครับ ขายยังไง ติดต่อลูกค้าอย่างไร เวลาขาย ขายทั้งเม็ด เดี๋ยวลูกค้าไปคั่วเองใช่ไหมครับ
ถามมากหน่อยนะพี่ ก็คนมันสนใจทำไงได้ละ
ถ้าปลูกที่บุรีรัมย์ได้ น่าลุ้นเหมือนกันนะนี่ เห็นลุงคิมพูดบ่อยๆว่า ต้องปลูกอะไรที่ราคาผลผลิตค่อนข้างสูง มันถึงจะคุ้ม
------------
รบกวนตอบคำถามผมด้วยครับ
ผมตอบกลับไปว่า
วัยรุ่นใจร้อนแท้ ๆ บักหำน้อย
ให้อ่านไปก่อน.....คำถามของคุณเป็นประโยชน์ดี ขอยกเอาไปตอบหน้าไมค์แล้วกันนะครับ คนอื่นจะได้รู้ทั่วกันด้วย ..
ตอนนี้ผมกำลังจะนำเสนอวิธีการปลูกกาแฟ ตั้งแต่เริ่มเพาะกล้า จนถึงการเก็บเกี่ยว และการคัดแยกเกรด ส่วนราคาเมล็ดขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ด คอยติดตามอ่านก็แล้วกันครับ
ไม่มีรูปให้ดูซะเลย ผมว่ามันดูจืดชืดยังไงไม่รู้นะครับ ดูรูปเกรดกาแฟกันนิดนึงก็แล้วกัน......
จากเมล็กกาแฟ 1 เมล็ด แยกเกรดแล้วได้ บานตะกูดเลยละครับ เห็นแล้ว ปวดหมอง นั่งมาธิ.....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 03/02/2014 5:51 am ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยเที่ยวบ้านกะเหรี่ยง ตอน การปลูกกาแฟ และก |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยเที่ยวบ้านกะเหรี่ยง ตอน การปลูกกาแฟ และการแยกเกรด
บทที่ 19 ตอนที่ 5 (1) การปลูกกาแฟ อราบีก้า
กาแฟอราบิก้า (Coffea arabica L.) เป็นพืชเครื่องดื่มที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของโลกชนิดหนึ่ง ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟอราบิก้าได้ผลผลิตและคุณภาพดี อีกทั้งความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผลตอบแทนสูง ดังนั้นโครงการหลวงมีการส่งเสริมให้มีการปลูกกาแฟเพื่อเป็นอาชีพสำหรับสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่โครงการหลวง
แหล่งปลูกที่เหมาะสม สำหรับกาแฟอราบิก้าคือ พื้นที่ปลูกตั้งแต่เส้นรุ้ง 17 องศาเหนือขึ้นไป มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 700 เมตรขึ้นไป มีความลาดเอียงไม่เกิน 30 %
ลักษณะดิน
ดินร่วนและมีความอุดมสมบูรณ์ มีความเป็นกรดด่าง 5.5 - 6.5 หน้าดินลึก ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ชั้นดินลึกไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร มีความเป็นกรดด่าง 5.5 6.5 และระบายน้ำได้ดี
สภาพภูมิประเทศ
ความสูง 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางขึ้นไป มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 15 25 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60 %
แหล่งน้ำ
- อาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ ปริมาณน้ำฝนไม่ต่ำกว่า 1,500 มิลลิเมตรต่อปี
- มีการกระจายของฝน 5 - 8 เดือน
- มีแหล่งน้ำสะอาด(แงเก็บน้ำ)และมีปริมาณพอที่จะให้น้ำได้ตลอดช่วงฤดูแล้ง
พันธุ์
พันธุ์ที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
เป็นพันธุ์ที่ต้านทานต่อโรคราสนิม
มีลักษณะต้นเตี้ย ข้อสั้น ผลผลิตสูงสม่ำเสมอ
เป็นพันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกโดยกรมวิชาการเกษตร คือ สายพันธุ์ คาติมอร์ CIFC 7963
...ขอรับพันธุ์ดีได้ที่หน่วยงานกรมวิชาการเกษตรภาคเหนือ
- ศูนย์วิจัยเกษตรหลวง จ.เชียงใหม่
- ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตเชียงราย(วาวี) อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
- ศูนย์วิจัยพืชสวนเพชรบูรณ์(เขาค้อ) อ.เข้าค้อ จ.เพชรบูรณ์
- ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตตาก (พืชสวนดอยมูเซอ) อ.เมือง จ.ตาก
การคัดและการเตรียมเมล็ดพันธุ์
เมล็ดกาแฟที่นำมาทำพันธุ์ ควรเลือกจากต้นที่มีผลผลิตสูงติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอเป็นต้นที่มีการเจริญเติบโตแข็งแรงดี มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและโรคแมลงได้ดี ผลกาแฟที่เก็บมาทำพันธุ์คัดจากผลที่สุกเต็มที่ ปอกเปลือก หมัก ล้างให้สะอาดผึ่งในร่มที่แห้ง
(158 ) การเพาะเมล็ด
- จัดทำกระบะเพาะ สำหรับเพาะเมล็ด 1 กิโลกรัม (ประมาณ 3,000 เมล็ด) โดยอาจใช้ไม้ไผ่ หรือวัสดุท้องถิ่น ขนาดความกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร อาจสร้างบนพื้น หรือยกสูงจากพื้นก็ได้
- ใช้ก้อนหินกรวดขนาด 1-2 เซนติเมตร เรียบบนกระบะเพาะชั้นล่างสุด หลังจากนั้นใช้ทรายหยาบ ซึ่งผ่านการร่อนจากตะแกรงมุ้งลวดและล้างด้วยน้ำแล้ว เททับลงบนกระบะให้หนา 25 เซนติเมตร(หรือใช้ผสมกับขุยมะพร้าว 50 / 50 ก็ได้)
- ใช้น้ำร้อนลวกผิวทรายละเอียดบนกระบะเพาะเพื่อฆ่าเชื้อ Rhixoctonia sp. ซึ่งเป็นสาเหตุของโรครากเน่าและเน่าคอดิน หรือ Damping off. ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในระยะเพาะกล้า
- ใช้เชื้อ ไตรโคเดอร์มา (Tricoderma sp.) 93-95% ราดบนผิวทรายบนกระบะเพาะก่อนทำการเพาะ 6 วัน อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร
- ใช้ไม้ขีดเป็นร่องบนแปลงเพาะห่างกันประมาณ 5 เซนติเมตร / แถว (ดูตังอย่างในรูปนะจ๊ะ)
- วางเมล็ดกาแฟเรียงบนร่อง โดยคว่ำเมล็ดลง แล้วกลบด้วยทราย +ขุยมะพร้าว
- ใช้กระสอบคลุมบนกระบะเพาะและรดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
สรุป
1) เตรียมแปลงเพาะเมล็ด ใช้ทรายผสมขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วน 1:1 เกลี่ยในกระบะหรือแปลงที่ระบายน้ำได้ดี แปลงเพาะเมล็ดนี้ควรอยู่ในโรงเรือนที่มีหลังคาบังแดดให้แสงเข้าได้ 50% และปราศจากสัตว์เลี้ยงเข้ามาขุดคุ้ย รบกวน โดยเฉพาะ หมา และ หนู
2) เตรียมต้นกล้า โดยนำเมล็ดที่คัดเลือกไว้คลุกกับสารป้องกันกำจัดเชื้อราอาจจะแช่ไว้ 1 คืนแล้วนำมาเพาะในกระบะหรือแปลงเพาะที่เตรียมไว้ ฝังเมล็ดลึกประมาณ 1 เซนติเมตร รดน้ำ วันละ 1-2 ครั้ง เดือนมีนาคม-เมษายน เป็นช่วงที่เหมาะกับการเพาะเมล็ดเนื่องจากอุณหภูมิสูงเมล็ดงอกเร็วขึ้น (เป็นการเพาะเมล็ด บนดอยนะครับ)
(159) ประมาณ 30-45 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก เรียกว่าระยะหัวไม้ขีด
(160) เมื่อต้นกล้าอายุประมาณ 60 วัน เรียกระยะปีกผีเสื้อ มีรากยาวประมาณ 10-15เซนติเมตร ควรย้ายกล้า
(161) การย้ายกล้า
กล้าที่เหมาะสมคือระยะปีกผีเสื้อ โดยพยายามไม่ให้รากแก้วขาด
เมื่อต้นกล้าเจริญเติบโตในระยะหัวไม้ขีด หรือปีกผีเสื้อ ให้ใช้ถุงดำขนาด 3 x 9 นิ้ว หรือ ขนาด 7x10 นิ้ว ที่มีส่วนผสมของ หน้าดิน + ปุ๋ยคอก + ปุ๋ยร๊อคฟอสเฟส + ปุ๋ยโดโลไมท์ อัตราส่วน หน้าดิน 5 ปี๊บ : ปุ๋ยคอก 1 ปี๊บ : ปุ๋ยร๊อคฟอสเฟต 200 กรัม: ปุ๋ยโดโลไมท์ 200 กรัม ใส่ได้ 60 ถุง
.(ใช้ หน้าดิน + ปุ๋ยคอก + ยิปซั่ม กระดูกป่น แค่นี้น่าจะพอแล้งมั๊งครับลุง...)
ทำไมใช้ถุงขนาดไม่เหมือนกัน มันยังไงกันแน่ คือว่า ถุงขนาด..3 x 9 เอาไว้ชำเพื่อขาย ขนาด 7 x 10 เอาไว้ชำเพื่อปลูกเอง หรือจะขายก็ไม่มีใครว่า แต่จะเสียเนื้อที่และกินน้ำหนักในการขนส่ง
(162)
(163)
(164)
(162 164) .นำต้นกล้ามาชำลงในถุง(ตามรูป 161) ตั้งไว้ที่ร่มรำไรรดน้ำทั้งวัน กะเหรี่ยงบนดอย เค้าใช้สปริงเกลอร์รดน้ำ(ตามรูป 162) เมื่อต้นกล้าสูงประมาณ 50 เซนติเมตร หรืออายุประมาณ 6 - 8 เดือน จึงย้ายไปปลูกในแปลงต่อไป
(165) การปลูก
ต้นกล้าอายุตั้งแต่ 6 - 8 เดือน หรือ มีใบจริงไม่น้อยกว่า 4 - 5 คู่
ระยะปลูก 1.50 x 2.00 เมตร
ขนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตร
รองก้นหลุมด้วยหินฟอสเฟต อัตรา 100 กรัม/หลุม และปุ๋ยคอก 5 กิโลกรัม/หลุม
ปลูกภายใต้สภาพร่มเงา โดยใช้ไม้โตเร็ว ได้แก่
ถั่วหูช้าง (Enterolobium cyclocarpum Griseb),
พฤกษ์ (Albizia lebbeck Benth.)
ถ่อน (A.procera),
กางหลวง (A.chinensis),
สะตอ (Parikia speciosa Hassk.),
เหรียง (P.timoriana)
ซิลเวอร์โอ๊ก (Silver. Oak)
สามารถปลูกร่วมกับไม้ผลยืนต้น เช่น บ๊วย ท้อ มะคาเดเมียนัท และ อื่น ๆ
(166) ที่มา : -
ติดต่อเรา..........
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
65 ม.1 ถ.สุเทพ ต.สุเทพ
อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
โทร 053-328496-8
โทรสาร 053-328494, 053-328229
ยังมีต่อ...
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/02/2014 9:45 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตะลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเก |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตะลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกรดกาแฟ
บทที่ 19 ตอนที่ 5 (2) การตัดแต่งกิ่งกาแฟ
ผ่านขั้นตอนการปลูกกาแฟไปแล้ว เมื่อถึงระยะหนึ่ง จะต้องมีการตัดแต่งกิ่ง
(1)การตัดแต่งแบบต้นเดี่ยวของอินเดีย (Indian single stem pruning) หรือ การตัดแต่งแบบทรงร่ม (Umbrella) เป็นวิธีการที่ใช้กับกาแฟอาราบิก้าที่ปลูกภายใต้สภาพร่มเงา โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. เมื่อต้นกาแฟเจริญเติบโตจนมีความสูง 90 เซนติเมตร ตัดยอดให้เหลือความสูงเพียง 75 เซนติเมตร
2. เลือกกิ่งแขนงที่ 1 (primary branch) ที่อ่อนแอทิ้ง 1 กิ่ง เพื่อป้องกันยอดฉีกกลาง และต้องคอยตัดยอดที่ จะแตกออกมาจาก โคนกิ่งแขนง ของลำต้นทุกยอดทิ้ง และ...
กิ่งแขนงที่ 1 จะให้ผลผลิต 2 - 3 ปี ก็จะแตกกิ่งแขนงที่ 2(Secondary branch)
กิ่งแขนงที่ 3 (terriary branch) และ กิ่งแขนงที่ 4 (quarternary branch) ให้ผลผลิตช่วง 1 - 8 ปี
3. เมื่อต้นกาแฟให้ผลผลิตลดลง ต้องปล่อยให้มี การแตกยอดออกมาใหม่ 1 ยอดจากโคนของกิ่งแขนงที่ 1 ที่อยู่สูงสุดหรือถัดลงมา และเมื่อยอดสูงไปถึงระดับ 170 ซม. ตัดให้เหลือความสูงเพียง 150 เซนติเมตร ให้ตัดกิ่งแขนงที่ 1 ที่อยู่สูงสุดให้เหลือเพียง 1 กิ่ง ซึ่งจะสามารถให้ผลผลิตต่อไปอีก 8 -10 ปี
(2) การตัดแต่งแบบหลายลำต้น (Multiple stem pruning system)
วิธีการนี้ใช้กับต้นกาแฟอาราบิก้าที่ปลูกกลางแจ้ง โดยทำให้เกิด ต้นกาแฟหลายลำต้น จากโคนต้นที่ถูกตัด แต่คัดเลือกเหลือเพียง 2 ลำต้น ซึ่งมีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้
1. เมื่อต้นกาแฟสูงถีง 69 เซนติเมตร ให้ตัดยอดให้เหลือ ความสูงเพียง 53 เซนติเมตร เหนือพื้นดินมียอดแตกออกมาจาก ข้อโคนกิ่งแขนงที่ 1 จากคู่ที่อยู่บนสุด 2 ยอด จะต้องตัดกิ่งแขนงที่ 1 ทิ้งทั้ง 2 ข้าง
2. ปล่อยให้ยอดทั้ง 2 ยอดเจริญเติบโตขึ้นไปทางด้านบน ในขณะเดียวกันกิ่ง แขนงที่ 1 ที่อยู่ต่ำกว่า ความสูง 53 เซนติเมตร เริ่มให้ผลผลิต
3. กิ่ง แขนงที่ 1 ซึ่งอยู่ต่ำกว่าความสูง 53 เซนติเมตร จะถูกตัดทิ้ง หลังจากที่ให้ผลผลิตแล้ว ในขณะเดียวกันกิ่งแขนงที่ 1 ที่อยู่ระดับล่าง ๆ ของลำต้นทั้งสองก็เริ่มให้ผลผลิต
4. ต้นกาแฟที่เจริญเป็นลำต้น ใหญ่ 2 ลำต้น จะสามารถให้ ผลผลิตอีก 2 - 4 ปี และขณะเดียวกันก็จะเกิดหน่อขึ้นมา เป็นลำต้นใหม่ อีกบริเวณโคนต้นกาแฟเดิม ให้ปล่อยหน่อที่แตกใหม่เจริญเป็นต้นใหม่ ตัดให้เหลือเพียง 3 ลำต้น
5. ให้ตัดต้นกาแฟเก่าทั้ง 2 ต้นทิ้ง และเลี้ยงหน่อใหม่ ที่เจริญเป็นต้นใหม่ ซึ่งจะสามารถให้ผลผลิตได้อีก 2 - 4 ปี แล้วจึงตัด ต้นเก่าเพื่อให้แตกต้นใหม่อีก
(167)
(168 )
(169)
(170)
(171)
(172)
ไม่เห็นของจริง ...อ่านก็แล้ว ดูจากรูปก็แล้ว ....มึน.... ถ้าเห็นของจริง ที่เค้าทำให้ดู ง่ายนิดเดียว
(173)
(174)
(175)
ที่มา : -
ติดต่อเรา..........
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
65 ม.1 ถ.สุเทพ ต.สุเทพ
อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
โทร 053-328496-8
โทรสาร 053-328494, 053-328229
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 06/02/2014 10:31 am ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกร |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกรดกาแฟ
บทที่ 19 ตอนที่ 5 (3) การให้น้ำและปุ๋ย
เพื่อความเป็นศิริมงคลของคนปลูกกาแฟบนดอย.....พระผู้ทรงนำพันธุ์กาแฟไปให้ชาวเขาปลูกบนดอย ....ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
การให้น้ำกาแฟ :
พื้นที่ปลูกที่เหมาะสมส่วนใหญ่อยู่บนพื้นที่สูงระดับตั้งแต่ 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป ซึ่งจะอาศัยน้ำฝน ตามธรรมชาติ ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 1,500 มิลลิเมตร และมีการกระจายของฝนตั้งแต่ 5-8 เดือน ในรอบ 1 ปี นอกจากนี้ยังมีสภาพอากาศหนาวเย็น ความชื้นสูง จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องอาศัยระบบการให้น้ำกับต้น กาแฟ นอกจากนี้หากปลูกกาแฟร่วมกับไม้ผลยืนต้น หรือปลูกกาแฟ ภายใต้สภาพร่มเงากับไม้ป่าโตเร็ว รวมถึงการคลุมโคนต้น ก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ปลูกไม่ต้องพึ่งพาระบบชลประทาน
การคลุมโคนต้นกาแฟ :
การคลุมโคนต้นกาแฟมีประโยชน์มากโดยเฉพาะในช่วงที่สวนกาแฟ ประสบภาวะแห้งแล้ง ซึ่งจะช่วยไม่ให้กาแฟทรุดโทรม หรืออาจถึงตาย เนื่องจากขาดความชื้นในอากาศและในดิน นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันวัชพืช ที่จะเกิดในแปลงกาแฟในขณะที่ทรงพุ่มกาแฟยังไม่ชิดกัน และเป็นการป้องกัน การพังทลายของดินเมื่อเกิด ฝนตกหนัก ข้อควรระวังการคลุมโคน เป็นแหล่ง สะสมของโรคและแมลงศัตรูกาแฟ การคลุมโคนกาแฟ ควรคลุมโคนให้ห่าง จากต้นกาแฟประมาณ 10-20 ซม. เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงศัตรูกาแฟ กัดกระเทาะเปลือกกาแฟ หรือไม่ให้เกิดอันตรายกับโคนต้นกาแฟในระหว่าง ที่วัสดุคลุมโคนเกิดการย่อย สลายได้ โดยคลุมโคนให้กว้าง 1 เมตร และหนาไม่ต่ำกว่า 10 ซม.
การให้ปุ๋ย :
กาแฟเป็นพืชที่ต้องการปุ๋ยค่อนข้างสูง โดยเฉพาะช่วง ระยะเวลาเริ่มออกดอก ติดผลหากขาดปุ๋ยในช่วงระยะ เวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงฤดูแล้งความชื้นในดินและในดอกกาแฟน้อย และอุณหภูมิสูง กาแฟจะแสดงอาการเป็นโรคยอดแห้ง (Die back) ไม่เจริญเติบโต และตายในที่สุด
สำหรับธาตุอาหารที่ต้นกาแฟต้องการมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ
o กลุ่มธาตุอาหารหลัก ได้แก่ N P K (Primary nutrients)
o กลุ่มธาตุอาหารรอง ได้แก่ Ca Ng S (secondary nutrients)
o ธาตุอาหารจุลธาตุ ได้แก่ Fe Mn Zn Cu B Mo และ Cl
ระดับความสูง 700-900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ควรใส่ปุ๋ย ช่วงเดือนพฤษภาคม กรกฎาคม และกันยายน
ระดับความสูง 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ควรใส่ปุ๋ยช่วง เดือนพฤษภาคม สิงหาคม และตุลาคม
หมายเหตุ :
1. ในกรณีที่พืชแสดงอาการขาดธาตุอาหารหลักหรือธาตุ อาหารรอง ให้ใส่ปุ๋ยที่เป็นธาตุอาหารหลัก เพิ่มขึ้นหรือธาตุอาหารรอง เสริมซึ่งมีทั้งในรูปปุ๋ยเม็ด หรือปุ๋ยเกล็ด ที่ฉีดพ่นทางใบ โดยคำนึงถึงลักษณะของดินและความชื้นในดินในขณะที่ใส่
2. ระยะเวลาในการใส่ปุ๋ยกาแฟอาราบิก้า ขึ้นอยู่กับระดับ ความสูงของสถานที่ปลูก ซึ่งจะมีผลต่ออายุ
การจัดการร่มเงา :
ไม้บังร่มจะช่วยลดความเข้มของแสง อุณหภูมิ ลมและอุณหภูมิดิน ทำให้กาแฟมีผลผลิตสม่ำเสมอ คุณภาพกาแฟสูงต้นกาแฟไม่โทรม มีอายุยืนยาว ใบล่วงหล่นมาสามารถเป็นปุ๋ยคลุมดินได้ นอกจากนี้ยังมีผลผลิตเสริมรายได้อีกด้วย ไม้บังร่ม เช่น สะตอ แคบ้าน ขี้เหล็ก กระถิ่นยักษ์ ซิลเวอร์โอ๊ก และถั่วทะแฮะ เป็นต้น
ที่มา : -
ติดต่อเรา..........
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
65 ม.1 ถ.สุเทพ ต.สุเทพ
อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
โทร 053-328496-8
โทรสาร 053-328494, 053-328229
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 06/02/2014 9:09 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกร |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกรดกาแฟ
บทที่ 19 ตอนที่ 5 (4) โรคและแมลง ของกาแฟอราบิก้า
โรคสำคัญของกาแฟอราบิก้า
(176) 1) โรคผลเน่า เกิดจากเชื้อราจะทำให้ผลดำ เปลือกเหี่ยวย่น เมล็ดแลบและแห้งคาต้นใช้ประโยชน์ไม่ได้ วิธีป้องกันกำจัด ให้ตัดกิ่งเป็นโรคเผาทำรายทิ้ง พร้อมแต่งกิ่งให้โป่รง ลมพัดผ่านและแสงส่องเข้าในทรงพุ่มได้ทั่วถึง
(177) 2) โรคราสนิม เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งมักระบาดในฤดูฝนเนื่องจากมีความชื้นในบรรยากาศสูง โดยเฉพาะที่ใบอ่อนจะพบเชื้อราสร้างเส้นใยกระจายตามพื้นที่ของใบด้านล่าง ทำให้ระบบสังเคราะห์แสงและระบบคายน้ำทำงานไม่เป็นปกติ ทำให้ผลผลิตต่ำลงและไม่ได้คุณภาพ
3)โรคแอนแทรคโนส เกิดจากเชื้อรา เข้าทำลายใบ กิ่ง ก้านดอก ก้านผล และผล พบเห็นได้ทั่วไปในสวนที่ไม่มีการดูแลเอาใจใส่ หรือแปลงที่ปลูกกลางแจ้ง ลักษณะอาการของโรคมีลักษณะตามส่วนที่เกิด เช่น เกิดกับใบ แผลเป็นจุดกลมสีน้ำตาลขนาดเล็กๆและขยายขึ้นเรื่อยๆหรือเกิดกับกิ่ง อาการเริ่มแรกใบกาแฟเป็นสีเหลืองทั้งที่ใบเหล่านี้ยังไม่แก่ที่จะเหลืองและร่วงตามธรรมชาติ
(178) โรคเน่าคอดิน
(179) โรคง่วงเหงา เศร้าซึม โรคนี้รักษายากมาก ตัวใครตัวมันนะครับ...
การป้องกันและกำจัด
ให้ตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรคเผาทำลายทิ้ง พร้อมตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง ลมพัดผ่านและแสงส่องเข้าในทรงพุ่มได้ทั่วถึง
บำรุงต้นกาแฟให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ ตัดแต่งกิ่งให้โปร่งหากเกิดการระบาดรุนแรง การใช้สารเคมีฉีดพ่นควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน
แมลงที่สำคัญของกาแฟอราบิก้า
1) เพลี้ยหอยสีเขียว เป็นแมลงลักษณะคล้ายกาบหอย ดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณยอดอ่อนและผลอ่อนของกาแฟ ทำให้ยอดอ่อนและผลเหี่ยวเฉา ถ้ามีการระบาดมากต้นกาแฟจะชะงักการเจริญเติบโตและตายได้
2) เพลี้ยแป้ง เป็นแมลงปากดูด ลำตัวปกคลุมด้วยขี้ผึ้งสีขาวคล้ายแป้ง จะเห็นอยู่เป็นกลุ่มบริเวณผลกาแฟตาดอก หรือยอดหน่ออ่อน และจะขับน้ำหวานออกมาดึงดูดมดมากิน และเกิดราดำปกคลุมกาแฟ
3) เพลี้ยอ่อน ทำลายต้นกาแฟโดยใช้ปากเจาะกินน้ำเลี้ยงจากยอดอ่อนทำให้ยอดหงิกงอชะงักการเจริญเติบโตและมูลที่เพลี้ยถ่ายออกมานั้นมีรสหวานซึ่งเป็นสาเหตุให้ราดำขึ้นจับใบจนมีสีดำ
4) หนอนกัดเปลือกและเจาะลำต้น เป็นแมลงที่มีความสำคัญที่สุด สำหรับกาแฟอราบิก้า ต้นกาแฟที่ถูกหนอนเจาะทำลายจะแสดงอาการใบเหลือง เหี่ยว และยืนต้นแห้งตายในที่สุด
5) มอดเจาะผลกาแฟเป็นแมลงปีกแข็งมีขนาด 1 มิลลิเมตร วางไข่ขยายพันธุ์ และกัดกินอยู่ใน ผลกาแฟที่มีขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตร ขึ้นไป จนถึงผลสุกเริ่มสุดและผลเป็นสีแดง มอดจะติดผลกาแฟไปถึง ลานตาก และอาศัยอยู่ในผลกาแฟจนแห้งดำที่ติดค้างบนกิ่งและผลที่หล่นใต้ต้น
การป้องกันและกำจัด
หากพบมีการระบาดรุนแรง การใช้สารเคมีฉีดพ่นควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน
(180) หลบร้อนใต้ร่มกาแฟ
(181) G7 กาแฟสำเร็จรูปของเวียตนาม ที่เข้ามาขายในไทย
กาแฟของไทย คุณภาพดีมากๆ แต่ไปโด่งดังในต่างประเทศหลายแบรนด์ เช่น กาแฟดอยช้าง กาแฟดวงดี เกิดจากการดิ้นรนของชาวเขาชาวดอย และการสนับสนุนของโครงการหลวงทั้งนั้น โดยที่ภาครัฐไม่เคยให้ความสนใจ
เมื่อเข้าสู่อาเซี่ยน ไทยมีสินค้าอะไรที่โดดเด่นบ้างครับ....ข้าว กข และข้าวที่ชื่อจังหวัดต่างๆ ที่ใช้ทำแป้ง เท่านั้นเองหรือครับ
ที่มา : -
ติดต่อเรา..........
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)
65 ม.1 ถ.สุเทพ ต.สุเทพ
อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
โทร 053-328496-8
โทรสาร 053-328494, 053-328229
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 10/02/2014 10:30 am ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกร |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกรดกาแฟ
บทที่ 19 ตอนที่ 5 (5) การเก็บเกี่ยว
(182) เห็นภาพแล้ว....บอกความรู้สึกไม่ถูกครับ
การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อคุณภาพของกาแฟ ได้แก่ เนื้อสารกาแฟ (Body) รสชาติ (Flavour) ความเป็นกรด (Acidity) และมีกลิ่นหอม (Aroma) หากเก็บผลที่ยังไม่สุก และช่วงเวลาในการเก็บไม่เหมาะสม นอกจากจะมีผลต่อคุณภาพ และรสชาติแล้ว ยังมีผลทำให้ต้นทุนการผลิต (ค่าแรงงาน) เพิ่มขึ้น
อายุการเก็บเกี่ยว
ผลกาแฟในแต่ละสภาพพื้นที่ปลูกไม่พร้อมกัน
ระดับความสูง 700-900 เมตรจากระดับน้ำทะเล อายุการเก็บเกี่ยว (ตั้งแต่ติดผล-ผลสุก) ประมาณ 6 เดือน
ระดับความสูง 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล อายุการเก็บเกี่ยว (ตั้งแต่ติดผล-ผลสุก) ประมาณ 9 เดือน
(183)
(184)
(183 184) ว๊าว......มันจะอะไรกันนักกันหนา ...
วิธีการเก็บผลกาแฟ
การเก็บผลกาแฟ เพื่อทำกาแฟเมล็ดแบบวิธีเปียกนั้น ต้องมีความเอาใจใส่ พิถีพิถัน เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของกาแฟเมล็ดที่มีคุณภาพดี มีกลิ่น รสชาติ เป็นที่ต้องการของตลาด ต้นกาแฟหนึ่งต้นจะเก็บผลกาแฟประมาณ 3-4 ครั้ง การเก็บผลกาแฟครั้งสุดท้ายให้เก็บผลกาแฟออกทั้งหมดและทำกาแฟเมล็ดแบบวิธีแห้ง (นำผลกาแฟไปตากแดดทั้งผล) ขั้นตอนการเก็บผลกาแฟมีข้อปฏิบัติ ดังนี้
1. ควรเก็บผลกาแฟทีละผล
2. เลือกเฉพาะผลที่สุกเต็มที่ (ผลแดงหรือเหลืองบีบแล้วนิ่ม)
3. แยกผลที่เป็นโรค ผลแห้ง หรือผลเน่า ทิ้งไป
การเก็บเกี่ยวและกรรมวิธีการผลิตเมล็ดกาแฟ
กาแฟจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ ๓- ๔ หลังปลูก และจะให้ผลผลิต เต็มที่ เมื่ออายุ ๖ ๘ ปี
หลังออกดอก จนถึงผลสุก ใช้เวลา ๗ ๙ เดือน แล้วแต่สภาพภูมิอากาศบนที่สูงสุกช้ากว่า
ผลกาแฟจะสุกจนเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือนกันยายน กุมภาพันธ์ แล้วแต่พันธุ์
การเก็บเกี่ยวจะกระทำโดยการใช้มือปลิดผลกาแฟที่แก่เต็มที่ ซึ่งอาจจะสุกไม่พร้อมกัน ทำให้เก็บเกี่ยวได้หลายรุ่น จำเป็นต้องเลือกเก็บผลกาแฟที่สุกเต็มที่เท่านั้น ทดสอบโดยใช้นิ้วชี้ และหัวแม่มือบีบผลกาแฟ ถ้าผลกาแฟแก่เต็มที่ เมล็ดจะหลุดออกมาโดยง่าย ใส่ในถังหรือตะกร้าของผู้ เก็บเกี่ยวแต่ละคน แล้วนำไปรวมกันเพื่อทำการผลิตเมล็ดกาแฟ ซึ่งมีอยู่ ๒ วิธี ด้วยกันคือ
๑. วิธีการทำสารกาแฟแบบแห้ง
วิธีนี้นำผลกาแฟสุกที่เก็บมาทำการตากแดดทิ้งผลให้แห้งสนิท จึงทำการกะเทาะเอาเมล็ดกาแฟออก วิธีนี้ให้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพไม่ดีนัก เหมาะสำหรับกาแฟโรบัสต้า ซึ่งคุณภาพเมล็ดด้อยกว่าอยู่แล้ว ผลกาแฟที่ตากแห้งนี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน เพราะส่วนเนื้อของผลจะยังมีน้ำตาลและสารต่างๆ ที่ทำให้เมล็ดกาแฟมีสีดำคล้ำ และทำให้เชื้อราเข้าทำลายได้ง่ายจึงควรกะเทาะเปลือกออกทันทีที่แห้ง
การตากแดด
ถ้ามีลานตากที่เป็นพื้นซีเมนต์ดีที่สุด ถ้าไม่มีหรือผลกาแฟมีจำนวนไม่มาก พอลงทุนทำลานตาก อาจใช้เสื่อสาดหรือกระด้ง หมั่นเกลี่ยผลกาแฟอย่างน้อยชั่วโมงละครั้ง ตอนเย็นให้โกยผลกาแฟรวมกันกองไว้ คลุมด้ายผ้าพลาสติก เพื่อกันน้ำค้างและฝน ทำให้ความชื้นของผลกาแฟสม่ำเสมอ ตอนเช้าจึงเกลี่ยออกตากแดด ทำ เช่นนี้จนกว่าผลกาแฟจะแห้งเต็มที่ โดยเมื่อเขย่าดูจะได้ยินเสียงเมล็ดกาแฟกระทบกับเปลือกดังกราวๆ ปกติจะใช้เวลาประมาณ ๑๒ ๑๕ วัน ในช่วงที่แดดดี ผลกาแฟที่ตากแห้งวิธีนี้ควรเก็บเป็นช่วงห่างกัน ๒ สัปดาห์ เพื่อไม่ให้กาแฟที่ตากแต่ละรุ่นปนกัน เหมาะสำหรับแหล่งปลูกที่ขาดแคลนน้ำ
(185)
(186)
(187)
(185 187) แบบนี้ คุณคิดว่าชาวเขา ชาวดอยที่ปลูกกาแฟ จนหรือครับ
๒. วิธีการทำสารกาแฟแบบหมักหรือแบบใช้น้ำ
วิธีนี้จะได้สารกาแฟที่มีคุณภาพดีกว่า การใช้วิธีตากแดดให้แห้งทั้งผล ผลกาแฟที่เก็บเกี่ยวมาจากต้นควรทำการปอกเปลือกออกทันที ถ้าทำไม่ทันไม่ควรเก็บไว้นานกว่า ๓๖ ชั่วโมง
การปอกเปลือกออกนี้ถ้ามีจำนวนน้อยอาจใช้มือบีบออกได้ แต่ถ้ามีจำนวนมากก็มีเครื่องปอกเปลือกกาแฟ โดยเทผลกาแฟลงไปในเครื่อง เครื่องนี้จะทำการปอกเปลือกแยก เมล็ดกาแฟออกมาทางหนึ่ง และเนื้อของผลออกมาทางหนึ่ง เมล็ดกาแฟที่ได้นี้จะมีเมือกหุ้มเมล็ด มีลักษณะลื่นเหนียว ซึ่งจะหายไปเมื่อตากแดดแห้ง แต่กลับลื่นเหนียวได้อีก เมื่อเปียกชื้น ดังนั้น ถ้าจะต้องเก็บกาแฟกะลาไว้สักระยะหนึ่ง จำเป็นต้องขจัดเมือกที่หุ้มอยู่นี้ออก
แต่ถ้าจะทำการกะเทาะเปลือกเอาสารกาแฟทันที ภายหลังจากเปลือกนอกของเมล็ดแห้ง ซึ่งใช้เวลาตากแดดประมาณ ๔- ๖ วัน อาจไม่จำเป็นในการเอาเมือกนี้ออกให้หมดจดนัก วิธีกำจัดเมือกหุ้มนี้ทำได้โดยวิธีขัดและล้างน้ำมากๆ ก็ได้
สำหรับเมล็ดกาแฟจำนวนน้อย เช่น เมล็ดพันธุ์ หรือถ้ามีจำนวนมากก็จะต้องมีน้ำสะอาดใช้เพียงพอ อาจ เอาใส่ในถังที่ระบายน้ำได้ ปล่อยให้น้ำไหลผ่านเมล็ดกาแฟที่ปอก เปลือกออก แล้วใช้ไม้กวนบ่อยๆ ให้เมือกหุ้มเมล็ดหลุดออก หากมีน้ำสะอาดไม่มากเพียงพอควรใช้วิธีหมัก
วิธีหมัก
ทำโดยนำเมล็ดกาแฟที่ได้หลังจากปอกเปลือกออกแล้วใส่ในถัง ขนาดถังแล้วแต่ปริมาณเมล็ดกาแฟ ใส่เมล็ดกาแฟที่ได้นี้ลงในถังประมาณ ๓ / ๔ ของถัง ใช้น้ำล้างแล้วเทน้ำทิ้ง หรือระบายออกทางข้างล่าง คลุมถังด้วยพลาสติก เอนไซม์ จะทำการย่อยเมือกหุ้มเมล็ดกาแฟออกภายในเวลา ๖- ๘๒ ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและลักษณะของเมล็ดกาแฟ
ระหว่างที่หมักนี้ไม่ควรแช่เมล็ดกาแฟใต้น้ำ และไม่ควรให้นานเกินไปเพราะจะทำให้คุณภาพของกาแฟเสียไป เมล็ดกาแฟที่ผ่านการหมักอย่างถูกต้อง เมือกที่หุ้มจะหลุดออกโดยง่าย นำเมล็ดกาแฟที่ผ่านการหมักนี้ไปล้างน้ำอีกครั้ง ถ้าใช้น้ำอุ่นขนาดมือจุ่มได้จะล้างเมือกออกได้ดีกว่าน้ำเย็น
การขจัดเมือกหุ้มเมล็ดทั้งวิธีล้างน้ำและวิธีหมักนี้ ลองเอามือถูบริเวณเปลือกกะลา เมล็ดจะรู้สึกสากๆ ก็เป็นอันใช้ได้ หลังจากนั้นนำไปตากแดด เช่นเดียวกับวิธีตากทั้งผล แต่ใช้เวลาน้อยกว่า คือ ประมาณ ๔- ๖ วัน จึงควรเก็บเกี่ยวแต่ละรุ่นห่างกัน ๑ อาทิตย์
เมล็ดกาแฟกะลาที่แห้งสนิทจะสังเกตได้จากกะลาที่หุ้มเมล็ด (สารกาแฟ) จะแตกออกโดยง่ายเมื่อใช้มือบีบ ถ้ากัดเมล็ดดูจะแข็งและแตกออก เมล็ดที่ยังขึ้นอยู่จะแหลกมากกว่าที่จะแตกออก ความชื้นประมาณ ๑๒% เหมาะสมที่สุด ความชื้นสูงกว่านี้จะทำให้เก็บไม่ได้นานและเสียคุณภาพด้านกลิ่น รส ได้ง่าย (ผู้เขียนเก็บไว้ ๒ ปี ปรากฏว่าความชื้นลดเหลือเพียง ๙.๔% และเมล็ดมีสีดำ)
การกะเทาะกะลาออกอาจทำได้โดยใช้ครกกะเดื่องขนาดใหญ่ตำในขณะที่เปลือกแห้ง และยังร้อนอยู่ ถ้าเย็นอาจเหนียว ควรใส่ให้มากพอสมควรป้องกันการแตกหักของเมล็ดแล้วทำการฝัดเอาเปลือกกะลาออก
ถ้ามีจำนวนมากๆ ก็ใช้กะเทาะด้วยเครื่อง แต่ก็ทำให้มีเปอร์เซนต์เมล็ดแตกหักมาก
ราคาของสารกาแฟขึ้นอยู่กับคุณภาพ อาจทดสอบโดยการชงชิมโดยผู้ชำนาญ และอาจดูด้วยตาเปล่าว่า เมล็ดกาแฟขนาดสวยงาม เพียงใด การบรรจุใส่กระสอบควรใช้กระสอบที่ใหม่และสะอาดขนาดบรรจุมาตรฐาน คือกระสอบขนาด ๖๐ กิโลกรัม
กาแฟอราบิก้าสำคัญที่คุณภาพ ซึ่งตัดสินจากลักษณะเมล็ดกาแฟดิบ เมล็ดกาแฟคั่วและคุณภาพในการชง ดังนี้
เมล็ดกาแฟดิบ ต้องมีขนาดเมล็ดใหญ่และสม่ำเสมอในแต่ละเกรด เมล็ดควรมีสีเขียว อ่อนหรือสีเทา-ฟ้า และไม่ควรมีเมล็ดสีน้ำตาลหรือดำ เนื่องจากเก็บผลกาแฟสุกเกินไปหมักไว้นานเกินไป ล้างน้ำไม่เพียงพอหรือมีเปลือกหุ้มเมล็ดสีเงินเหลืออยู่มาก มีเมล็ดรูปร่างผิดปกติมาก เช่น การทำให้แห้ง โดยไม่สม่ำเสมอ เมล็ดแตกหักในระหว่างกรรมวิธี เมล็ดถูกแมลงทำลาย
เมล็ดกาแฟคั่ว ต้องมีสีสม่ำเสมอ ทั้งนี้เพราะผ่านกรรมวิธีหมักอย่างทั่วถึงและการทำให้แห้งที่ดี
คุณภาพในการชงชิม ตัดสินโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ มีหน้าที่ชิมโดยเฉพาะ จะต้องปราศจากกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เช่นกลิ่นหัวหอม อันอาจเนื่องจากน้ำที่ใช้ในกรรมวิธีผลิตเมล็ดกาแฟ หรือกลิ่นอิฐอันเนื่องจากการใช้สารเคมี เช่น B.H.C.
ผลผลิต
ผลผลิตของกาแฟนั้น ผู้เขียนได้ทำการศึกษามาติดต่อกันเป็นเวลา ๓ ปี ซึ่งเป็นกาแฟที่ปลูกตามหมู่บ้านหลัก และสถานีเกษตร ในโครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่น และพัฒนาเศรษฐกิจชาวไทยภูเขา ซึ่งพอจะเสนอข้อมูลได้ดังต่อไปนี้
กาแฟที่ปลูกและให้ผลผลิตแสดงเป็นตัวเลขเหล่านี้ เป็นกาแฟพันธุ์ Typica และพันธุ์ Bourbon ปลูกปนกันไป ตัวเลขไม่ได้แยกพันธุ์เพื่อเปรียบเทียบกับผลผลิต จากในไร่กาแฟของชาวเขา
ผลผลิตกาแฟที่สถานีเกษตรขุนวาง เก็บเกี่ยวตั้งแต่ กันยายน กุมภาพันธ์ รวมเก็บเกี่ยว ๑๒ ครั้ง จากจำนวนต้น ๘๙ ต้น ซึ่งในจำนวนนี้เป็นกาแฟที่มีอายุ ๓ ปี และ ๔ ปี ปนกัน ไม่สามารถแยกได้ เพราะต้นกาแฟถูกปลูกไว้ก่อนแล้ว ใช้ระยะปลูก ๒.๕ X ๒.๕ เมตร คิดเป็นจำนวน ๒๕๖ ต้น/ไร่ ปรากฏผลดังนี้
๑. ผลผลิตสารกาแฟเฉลี่ย ๔๙๓.๗๙ + ๔๔.๕๑ กรัม/ต้น
๒. ผลผลิตต้นที่สูงที่สุด ๑,๗๔๒.๖๒ กรัม/ต้น
๓. ผลผลิตต้นที่ต่ำที่สุด ๓.๖๐ กรัม/ต้น
๔. จำนวนต้นที่ให้ผลผลิตมากกว่า ๑ กิโลกรัม มีจำนวน ๑๓ ต้น
๕. จำนวนต้นที่ให้ผลผลิตสูงกว่าผลผลิตเฉลี่ย แต่ไม่เกิน ๑ กิโลกรัม มีจำนวน ๒๗ ต้น
๖. ผลผลิตต่อไร่คิดจากผลผลิตเฉลี่ยประมาณ ๑๒๖.๔๑ กิโลกรัม/ไร่
จากข้อมูลเหล่านี้แสดงว่า
๑. ผลผลิตกาแฟอายุ ๓ ปี จะได้เฉลี่ยประมาณ ๓๒๔.๗๐ กรัม/ต้น หรือ ๘๓.๑๒ กก./ไ ร่
๒. ผลผลิตกาแฟอายุ ๓-๔ ปี อันเกิดจากการปลูกซ่อมต้นที่ตายในการปลูกปีก่อน เมื่อเก็บผลผลิตได้ รวมกันเฉลี่ยประมาณ ๔๙๓.๗๙ กรัม/ต้น หรือ ๑๒๖.๔๑ กก./ไร่
๓. ผลผลิตกาแฟอายุ ๔ ปี จะได้เฉลี่ยประมาณ ๑,๑๑๙.๐๗ หรือ ๒๔๖.๔๘ กก./ไร่
๔. ผลผลิตกาแฟอายุ ๕-๖ ปี เฉลี่ยจะลดลง ในการเก็บเกี่ยวครั้งที่ ๓ เพราะเก็บได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากใบร่วง เพราะฉีดพ่นยาอัตรา เข้มข้นเกินไปและเพราะกาแฟที่ปลูกนี้ไม่มีการตัดแต่งกิ่ง เพื่อช่วยไม่ให้ต้นกาแฟโทรมมากเกินไป
http://www.thaikasetsart.com/
.
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/03/2014 8:30 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกร |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เกษตรสัญจร 1 ขึ้นดอยถิ่นกะเหรี่ยง...ตลุยไร่กาแฟ ดูการแยกเกรดกาแฟ
บทที่ 19 ตอนที่ 5 (6) ต้นพันธุ์กาแฟจากยอดดอย
(188 )
(189)
(188 189) เพื่อนกะเหรี่ยง เค้ารู้ว่าผมกำลังเพาะเมล็ดกาแฟ คงคิดว่ากว่าจะงอกเป็นต้นก็ใช้เวลาประมาณ 45 วัน กว่าจะโตซักคืบก็ใช้เวลาอีกเป็นเดือน ๆ
...พอดีลูกสาวจะกลับกรุงเทพฯ เค้าเลยฝากต้นกาแฟขนาดพร้อมปลูกลงดินได้ ต้นสูงประมาณ 1 ฟุต ใส่ถุงมาให้ 3 4 ต้น
กาแฟจากยอดดอย มาปลูกแบกะดินที่นครปฐม ไม่ต้องหวังว่าจะมีดอก หรือมีลูก เพียงแค่ให้มันขึ้นรอดอยู่ได้พอแล้ว.... แต่...ดูสภาพแล้ว...มันจะรอดมั๊ยหว่า ...
(190) มีรูปกาแฟกำลังออกดอกมาให้ดูด้วยและบอกว่า....เป็นต้นกาแฟที่ผมปลูกไว้เมื่อ 3 ปีก่อนนู๊น...กำลังเริ่มออกดอก ....แสดงว่า ฝีมือเราก็ใช้ได้เหมือนกันนิ....
(191)
(192)
(191 192) ผมมานั่งนึก ๆ ว่า เมื่อเข้าสู่อาเซี่ยน ไทยจะมีอะไรเข้าตลาดกับเขาบ้าง ...2 รูปนี้ เป็นกาแฟสำเร็จรูปของเวียดนาม ยี่ห้อ จีเซเว่น (G 7) เริ่มบุกเข้ามาขายในตลาดเมืองไทยแล้วครับ.....
(193) ขณะเดียวกัน บริษัท ดาวเฮือง ของลาว ก็ทำกาแฟสำเร็จรูปออกมาขาย ชื่อว่า ดาวคอฟฟี่....
(194) ลูกสาวกับหลานสาว มันบอกว่า ....คิดแล้วเซ็งจังเลย......จะเซ็งไปทำไมว๊า.....กัมมุนา วัตตี โลโก....สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมว๊อย...
(195) จะว่าของไทยไม่มีก็ไม่ได้ กาแฟไทย เห็นมีอยู่ยี่ห้อเดียวเอง ....เขาช่อง 3 in 1...ซึ่งทำกาแฟสำเร็จรูปออกมาขายเหมือนกัน แต่จะ Go หรือ Gone ตอบไม่ได้ครับ
(196) ใครพอจะรู้จักชื่อของต้นไม้ชนิดนี้บ้างครับ เป็นพืชต้นเล็ก ๆ คลุมดิน ใบมีลาย สีสวยมากครับ ขึ้นในที่อากาศหนาวเย็น ผมเก็บมาจาก ปางอุ๋ง เอามาปลูกที่นครปฐม มันจะตายมิตายแหล่ พอได้อากาศหนาวที่ผ่านมา มันเลยแตกใบกันสะพรั่ง ....ลักษณะแบบนี้ รอดตายแล้วละครับ....
มาถึงตรงนี้แล้ว....คุณทรงพล ฯ ที่อยากรู้เรื่องของกาแฟ...ว่ายังไง เงียบไปเลย.....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
songpon03122526 สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 22/11/2012 ตอบ: 98
|
ตอบ: 06/03/2014 11:16 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม พี่ใหญ่ ... สมช.ทุกท่าน...
ไม่ได้เงียบหายไปไหนครับ ยังมีชีวิตอยู่ ยังอยู่ดี แต่กินไม่ค่อยดี เงินประทวนออกบ้าง ไม่ออกบ้าง
เข้าเว็ปอ่านข้อมูลข่าวสาร เกือบทุกวันแหละครับ ชอบอ่าน เขียนไม่เป็น
ตอนนี้ ดำนา ข้าวหอมนิลไปแล้วครับ ได้ 5 วันแล้ว ลุ้นแต่ตอนออกรวงไม่รู้ จะเอานกอยู่หรือเปล่า อีก 4-5 วันจะลงมะนาว 20 ต้น ครับ
จะลองทำมะนาวนอกฤดูครับ ตอนนี้คิดจะทำอะไรนอกเหนือจากปลูกข้าวอย่างเดียวครับ คิดไปเรื่อยๆ ได้อันไหนก็ลงมือทำอันนั้น
ขอบคุณครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 06/03/2014 1:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
กระทู้นี้เป็นกระทู้ "กาแฟ + สัพเพเหระ" ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับนาข้าวเลย
แล้วคนอื่นจะรู้มั้ยเนี่ย ว่ามีเรื่อง "ข้าวหอมนิล" อยู่ตรงนี้
น่าจะมีวิธีการอื่นที่ "สื่อสาร" กันรู้เรื่องกว่านี้นะ
ไม่ใช่ จู้จี้จุกจิกกวนใจจริงเจียว ..... สาบาล
เพียงแค่อยากให้อะไรๆ ดูดีกว่านี้เท่านั้นแหละ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|