-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 30 SEP.. *ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 30 SEP.. *ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11627

ตอบตอบ: 30/09/2020 6:28 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 30 SEP.. *ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 30 SEP ..
AM 594 เวลา 08.15-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

*****************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม ...

ผลิตรายการโดย....
กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ

ผู้สนับสนุนรายการ ....
*** ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส ธันเดอร์แคล.... ออร์เดอร์จาก ออสเตรเลีย แคนนาดา อเมริกา +Mg. Zn. เคมี, .... ออร์เดอร์จากเกาหลี ให้ +Cu เคมี อย่างละ 5% .... ยิบซั่มเพื่อการเกษตรที่ทั่วโลกยอมรับ คือ ยิบซั่มจากประเทศไทย นี่แหละ

*** ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ คุณภาพผลผลิต (ยอด-ใบ-ดอก-ผล-เมล็ด-เนื้อ-ต้น-ราก) จะดกดี สีสวยสด รสจัดจ้านได้ ด้วยธาตุรอง/ธาตุเสริม ....

*** แม็กเนเซียม. สังกะสี. สาหร่ายทะเล. แคลเซียม โบรอน. ส่วนผสมเอาไปทำเอง ....
*** กลิ่นล่อดักแมลงวันทอง, กาวเหนียวดักแมลงศัตรูพืช.... คิดง่ายๆ ถ้าแมลงศัตรูพืชไม่มาที่กับดัก เขาก็จะไปที่ต้นพืช ว่ามั้ย ..... (089) 144-1112

เช่นเคย รายการเรา
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า

ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

........................................................................................................
........................................................................................................


งานสัญจรตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม(ขาล่อง) ก่อนถึงแยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ไปที่วัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสดิ์ ถ.วงแหวนตะวันตก
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรที่ไหนอยากให้งานสัญจรไปลงที่นั่น ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

- งานสัญจรรอบนี้ วันเสาร์ที่ 3 ต.ค. ไปวัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี .... แน่นอน ระเบิดเถิดเทิง. ฟาจีก้า. ไบโออิ. หัวโต. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. ซื้อปุ๋ย 3,000 แถมหนังสือ 1 เล่ม เลือกเอาระหว่าง ไม้ผลแนวหน้า กับหัวใจเกษตรไท หรือ ซื้อปุ๋ย 1,000 แถม แคลเซียม โบรอน. 1 ล.

สัญจรทุกครั้งทุกที่ สนใจอยากยลโฉม หม้อปุ๋ยหน้าโซน ส่งข่าวล่วงหน้าหน่อยก็ดี จะได้เตรียมไป ส่วนกับดักแมลงวันทองเอาไปแจก กับดักแมลงวันทองที่ขายๆในท้องตลาดอันละ 60 บาท ลุงคิมทำอันละ 60 ตังค์ อันนี้เอาไปให้หลานมันดู ดูแล้วให้มันทำ ออกแบบใหม่ ....


************************************************************
************************************************************


จาก : (093) 839-15xx
ข้อความ : เพื่อนบ้านบอกให้ปุ๋ยชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม ถามสูตร บอกว่าจำไม่ได้ แต่บอกว่าเจ้าของสูตรคือลุงคิม เขาบอกเบอร์โทรกับให้ฟังวิทยุ เลยโทรมาถามสูตรลุงคิม...ขอบคุณค่ะ

จาก : (063) 729-15xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ ชื่อไร่กล้อมแกล้มมาจากชื่อปุ๋ยสูตรกล้อมแกล้มไหม ขอสูตรกล้อมแกล้มด้วยครับ...ขอบคุณอย่างสูงครับ
ตอบ :
- ชื่อ “กล้อมแกล้ม” ชื่อปุ๋ยมาก่อนชื่อไร่.... กล้อมแกล้มแปลว่า “ง่ายๆแต่มีหลักการและเหตุผล”
- ช่วง 4 ปีแรก (37, 38, 39, 40) ของรายการสีสันชีวิตไทย ข้อมูลเกี่ยวกับปุ๋ย ปุ๋ยสำหรับพืช พบส่วนหนึ่งแห่งคำถาม ปุ๋ย คืออะไร ? กี่ตัว ? กี่อย่าง ? กี่ชนิด ? กี่ประเภท ? กี่สูตร ? ฯลฯ คำถามเหล่านี้เริ่มจาก ข้อมูล/ความรู้/วิชาการ/ประสบการณ์ จาก ดร.อรรถ บุญนิธี, ดร.สุริยา ศาสนรักกิจ, อ.สำรวล ดอกไม้หอม, มาซาโอะ ฟูกูโอกะ ญี่ปุ่น, ดร.โช เกาหลี, เกษตรกรดีเด่น, ปราชญ์ชาวบ้าน, จิตรอาสา, ทีวี.ดิสคัพเวอรี่.พัฒนาสไตล์ เสริม เติม เพิ่ม บวก ต่อยอด ขยายผล

- ปี 41, 42, 43 แจกเอกสาร “ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม” เอกสารชิ้นนี้ไปไกลถึงอเมริกา
- ปี 44 เขียนหนังสือเกษตร (พ็อคเก็ตบุ๊ค ไม่รวมราย 3 เดือน) เล่มแรก “ปุ๋ยน้ำชีวภาพ สูตรกล้อมแกล้ม (ทำเอง)” พิมพ์ 3 ครั้ง ๆละ 12,000 เล่ม ตามด้วยพ็อคเก็ตบุ๊ค ภูมิปัญญาพื้นบ้านเกษตรไทย เล่ม 1, 2, 3. รวมสูตรสารสกัดสมุนไพร, สูตรฟันธง, ไม้ผลแนวหน้า, หัวใจเกษตร ไท, หัวใจเกษตรไท มินิ,

- งานด้านทำ ปุ๋ย/ยา เริ่มต้นจากปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม พัฒนาเป็น ระเบิดเถิดเทิง, ฟาจีก้า, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า, หัวโต, ข้ามไปยาสารสมุนไพร ยาน็อค, ไบโอเฮิร์บ, ยูเรเฮิร์บ,

- คนฟังวิทยุลุงคิม อ่านหนังสือที่ลุงคิมเขียน มาเรียนกับลุงคิมที่ไร่กล้อมแกล้ม มาฟังลุงคิมบรรยายตามสัญจร หรือแม้แต่โทรมาคุย สิริเวลารวมกว่า 10 ปี ทำไมไม่เอาไป ต่อยอด/ขยายผล-ทำปุ๋ย/ทำยา-ทำใช้/ทำขาย .... ใครก็ได้ ช่วยหาคำตอบที


คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม :

อ้างอิง : หนังสือปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม (ทำเอง) พ.ศ. 2544
น้ำหมักชีวภาพ สูตรกล้อมแกล้ม
วัสดุส่วนผสม :
1. พืชผักสด (5 กก.) :
ผักสวนครัว ได้แก่ ผักกาด. ผักคะน้า. ผักกวางตุ้ง. ยอดผักบุ้ง. ยอดตำลึง. ยอดกระทกรก. ยอดฟักทอง. ใบฟักทองแก่จัด. ผักปรัง. หน่อไม้ฝรั่ง. ข้าวโพดหวาน. ข้าวน้ำนม. ต้น หอม. ผักชี. กุยช่าย ฯลฯ

** ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลาย อย่างๆ ละเท่าๆ กัน สิ่งต้องการ คือ ความหลากหลาย จำนวน 2.5 กก.
** วัชพืช ได้แก่ ผักขม. ผักปอด. สาหร่าย. แหนแดง ฯลฯ
** ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างๆ ละเท่าๆ กัน สิ่งต้องการ คือ ความหลากหลาย
หมายเหตุ :
- ไม่ควรใช้พืชที่ใช้สำหรับทำสารสกัดสมุนไพรป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรู พืช เพราะสารออกฤทธิ์ในพืชสมุนไพรจะเป็นตัวยับยั้งการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์

- พืชที่เกิดหรือขึ้นเองตามธรรมชาติในฤดูกาลและอยู่มานานดีกว่าพืชที่ตั้งใจปลูก
- สภาพสด ใหม่ สมบูรณ์ โตเต็มที่ อวบน้ำ ไม่มีโรคและแมลง ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน
- เก็บตอนเช้าตรู่ (ตี 5) มีน้ำค้างเกาะ ดีกว่าเก็บตอนสายแดดออกจนใบ/ต้นแห้งแล้ว
- เก็บขึ้นมาแล้วบดละเอียดทันทีไม่ควรทิ้งไว้นาน
- เก็บแบบถอนทั้งต้น (ยอดถึงราก) ไม่ต้องล้างเพียงแต่สลัดดินติดรากออกบ้างเท่านั้น
- ใช้มากชนิดดีกว่าน้อยชนิด

2. ผลสดดิบ+เมล็ด (5 กก.) : ผลไม้กินได้มีเมล็ดมากๆ ทั้งอ่อนและแก่ ได้แก่ แตงกวา. แตงโม. แตงไทย. แคนตาลูป. มะระ. มะเขือเทศดิบ. ฟักทอง. ฟักเขียว. ถั่วฝักยาว. ถั่วลันเตา. ถั่วพู. ตำลึง ฯลฯ ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างๆ ละเท่าๆ กัน สิ่งต้องการ คือ ความหลากหลาย พืชหัวระยะแก่ใกล้เก็บเกี่ยว ได้แก่ ไชเท้า. แครอท. เผือก. มันเทศ. มันฝรั่ง. ถั่วเหลือง. ถัวลิสง. หอมหัวใหญ่ ฯลฯ ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างๆ ละเท่าๆ กัน สิ่งต้อง การ คือ ความหลากหลาย
หมายเหตุ :
- ไม่ควรใช้ผลหรือหัวของพืชที่ใช้ทำสารสกัดสมุนไพรป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช เพราะสารออกฤทธิ์ในผลหรือหัวของพืชสมุนไพรจะเป็นตัวยับยั้งการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์

- สภาพสด ใหม่ สมบูรณ์ โตเต็มที่ อวบน้ำ ไม่มีโรคและแมลง ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน
- เก็บตอนเที่ยงหรือบ่าย เก็บมาแล้วไม่ต้องล้างน้ำให้บดละเอียดทันที
- ใช้มากชนิดดีกว่าน้อยชนิด

3. ผลสุก + เมล็ด (5 กก.) : ผลไม้รสหวานสนิท ได้แก่ ทุเรียน. มะละกอ. กล้วย. องุ่น. ลิ้นจี่. เงาะ. ลำไย. ขนุน. ฝรั่ง. น้อยหน่า. ตำลึง ฯลฯ ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างๆ ละเท่าๆ กัน สิ่งต้องการ คือ ความหลาก หลาย

** ผลไม้รสเปรี้ยว ได้แก่ มะเขือเทศสุก. ส้ม. สับปะรด. มะปรางเปรี้ยว. มะขามเปรี้ยว ฯลฯ ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างๆ ละเท่าๆ กัน สิ่งที่ต้องการ คือ ความหลากหลาย

หมายเหตุ :
- ไม่ควรใช้ผลไม้ที่ใช้ทำสารสมุนไพรป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช เพราะสารออกฤทธิ์ในผลสมุน ไพรจะเป็นตัวยับยั้งการเจริญพัฒนาของจุลินทรีย์
- ใช้ผลไม้แก่จัดเริ่มสุกงอม มีกลิ่นหอมฉุน ใช้ทั้งเปลือก เนื้อ และเมล็ด
- สภาพสมบูรณ์ โตเต็มที่ ไม่มีโรคและแมลง ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน
- ผลไม้ป่าหรือพันธุ์พื้นเมือง เกิดและให้ผลผลิตเองตามธรรมชาติดีกว่าผลไม้จากต้นที่ปลูก
- ได้มาแล้วบดละเอียดทันที ไม่ต้องล้าง ใช้หลายอย่างดีกว่าน้อยอย่าง
- ชาวสวนองุ่นในยุโรปนิยมเก็บผลองุ่นช่วงเดือนหงายหรือขึ้น 15 ค่ำ เพราะทำให้ได้น้ำองุ่นสำหรับทำเหล้าองุ่นที่มีคุณภาพดีกว่าองุ่นที่เก็บในช่วงอื่น

4. ซากสัตว์ (5 กก.) : สัตว์ทั่วไป ได้แก่ ปลา. เครื่องใน. เลือด. เมือก. รก. น้ำเชื้อ. ไข่ ฯลฯ ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ๆละเท่าๆ กัน สิ่งต้องการ คือ ความหลากหลาย

** สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ได้แก่ เปลือกกุ้ง. กระดองปู. ปูนิ่ม. กิ้งกือ. ไส้ เดือน. ไรแดง. หอย พร้อมเปลือก. หนอน. แมลง. ปลิงทะเล/น้ำจืด. แมงกะพรุน. เปลือกกั้ง. เคย. อาทิเมีย. ลิ้นทะเล ฯลฯ ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างๆ ละเท่าๆ กัน สิ่งที่ต้อง การ คือ ความหลากหลาย

หมายเหตุ :
- สภาพสด ใหม่ สมบูรณ์ โตเต็มที่ ไม่มีโรค
- สัตว์ในแหล่งธรรมชาติดีกว่าสัตว์ในฟาร์ม
- ใช้หลายอย่างดีกว่าน้อยอย่าง
- ใช้สัตว์มีชีวิตดีกว่าสัตว์ที่ตายแล้ว
- ไม่ต้องล้าง บดละเอียดแล้วนำมาหมักทันที

5. วัสดุส่วนผสมเสริมจากอาหารคน : ได้แก่ นมกล่อง. ผงชูรส. นมสัตว์. น้ำมันพืช. น้ำมันตับปลา. น้ำผึ้ง. น้ำสลัด. กระทิงแดง/ลิโพ. วิตามิน. กลูโคส, อาหารเสริม. อาหารในครัว, ฯลฯ

** จากแหล่งอื่นๆ ได้แก่ น้ำมะพร้าวอ่อน. น้ำตาลสดจากมะพร้าว/ตาล/อ้อย. เมล็ดพืชเริ่มงอก. อาหารสัตว์. ถั่วเน่า. สาหร่ายทะเล/น้ำจืด. สาหร่ายน้ำเงินแกมเขียว. ขี้เพี้ยในไส้อ่อน ฯลฯ เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ๆละเท่าๆ กัน โดยพิจารณาธาตุอาหารพืชหรือจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในวัสดุส่วนผสมแต่ละชนิดเป็นหลัก และสิ่งที่ต้องการ คือ ความหลากหลายของธาตุอาหารพืช

6. จุลินทรีย์จากอาหารคน : ได้แก่ ยาคูลท์. โยเกิร์ต. นมเปรี้ยว. แป้งข้าวหมาก. ยีสต์ทำขนมปัง ฯลฯ

** จากพืช ได้แก่ เปลือกติดตาสับปะรด. เหง้าปรง. วัสดุเพาะเห็ดถุง. ฟางเห็ดฟาง. จุลินทรีย์หน่อกล้วย. จุลินทรีย์จาวปลวก, จุลินทรีย์ อีแอบ.

** จุลินทรีย์ประจำถิ่น ฯลฯ จากห้องปฏิบัติการ ได้แก่ พด.1-7 จุลินทรีย์ทั่วไป (ทำเอง/ท้องตลาด-แห้ง/น้ำ) เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ๆละเท่าๆ กัน สิ่งที่ต้องการ คือ ความหลากหลายของจุลินทรีย์
หมายเหตุ :
- สภาพสด ใหม่ ไม่มีเชื้อโรค
- จุลินทรีย์จากห้องปฏิบัติการดีกว่าจุลินทรีย์ธรรมชาติ หรือควรใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน
- อย่างไหนมาก่อนใส่หมักลงไปก่อน อย่างไหนได้มาทีหลังใส่หมักตามทีหลัง
- แม้จะเป็นจุลินทรีย์ต่างชนิดกัน แต่เป็นจุลินทรีย์เพื่อการเกษตรเหมือนกันสามารถใช้ร่วมกันได้
- เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งแต่ถ้าใช้หลายอย่างได้จะดีกว่าใช้น้อยอย่าง

วิธีทำ :
1. บด “วัสดุส่วนผสมหลัก” ตามข้อ 1-4 ที่เป็นของแข็งทั้งหมด ทีละอย่างหรือพร้อมกันทุกอย่างก็ได้ บดหลายๆ รอบให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใช้ทั้งน้ำและกาก ได้มาแล้วบรรจุลงถังที่ไม่ใช่โลหะ

2. นำ “วัสดุส่วนผสมเสริม” ที่เป็นของแข็งบดละเอียด อัตรา 1-5% ของปริมาณวัสดุส่วนผสมหลัก ใส่ตามลงไป

3. ใส่ “กากน้ำตาล” พอท่วม .... เพื่อประกันความผิดพลาดที่อาจจะใส่กากน้ำตาลมากเกินไปหรือน้อยเกินไป แนะนำให้ตวง “วัสดุส่วนผสม” กับ “กากน้ำตาล” ให้ได้ปริมาณอัตราส่วน 10 : 1 เสียก่อนจึงใส่ลงถัง

4. ใส่ “วัสดุส่วนผสมเสริม” ที่เป็นน้ำไม่จำกัดปริมาณเพื่อให้ได้ส่วนผสมเหลวมากๆ
5. ใส่ “จุลินทรีย์” มากหรือน้อยไม่จำกัด
6. คนเคล้าให้เข้ากันดี ติด “ปั๊มออกซิเจน” เพื่อเติมอากาศให้แก่จุลินทรีย์ตลอดเวลา
7. ปิดฝาภาชนะหมักพอหลวม เก็บในร่ม อุณหภูมิห้อง
8. ระวังอย่าให้แมลงตอมเพราะจะทำให้เกิดหนอนและอย่าให้มีวัสดุแปลกปลอมลงไป
9. มีของหนักกดวัสดุส่วนผสมให้จมตลอดเวลา
10. หมั่นคนบ่อยๆ เพื่อป้องกันวัสดุส่วนผสมนอนก้น
หมายเหตุ :
- ควบคุมอัตราส่วนของวัสดุส่วนผสมทุกอย่างให้ได้เท่าๆ กัน เพื่อให้ได้ธาตุอาหารเท่าๆ กัน
- วัสดุส่วนผสมที่ได้มาไม่พร้อมกัน โดยได้อย่างไหนมาก่อนให้หมักลงไปก่อนและอย่างไหนได้มาทีหลังให้หมักลงตามหลังนั้น ระยะห่างไม่ควรนานเกิน 1-2 เดือน เพื่อให้กระบวนการย่อยสลายดำเนินไปพร้อมๆ กันซึ่งจะส่งผลให้ได้ธาตุอาหารเท่ากัน

- อัตราส่วนกากน้ำตาลที่ใช้ ถ้าใส่กากน้ำตาลมากเกินอัตรา จะทำให้วัสดุส่วนผสมจับตัวแข็งเป็นก้อน กระบวน การย่อยสลายโดยจุลินทรีย์จะชะงัก หรือไม่ย่อยสลายเลย ส่วนผสมต่างๆจะไม่เปื่อยยุ่ย หรือเรียกว่า “แช่อิ่ม” นิ่งอยู่อย่างนั้นตราบนานเท่านาน .... แต่ถ้าใส่กากน้ำตาลน้อยจะทำให้วัสดุส่วนผสมบูดเน่า และไม่เปื่อยยุ่ย

- อัตราส่วนกากน้ำตาลที่น้อยเกินไปนอกจากจะทำให้จุลินทรีย์มีประโยชน์ไม่เจริญพัฒนาแล้วยังทำให้จุลินทรีย์มีโทษเกิดขึ้นอีกด้วย และอัตราส่วนของกากน้ำตาลที่มากเกินก็ทำให้จุลินทรีย์มีประโยชน์ไม่เจริญพัฒนาและจุลินทรีย์มีโทษเกิดขึ้นได้เช่นกัน

- ในกากน้ำตาลใหม่มีสารเป็นพิษต่อพืช 16 ชนิด เมื่อให้ทางใบต่อเนื่องติดต่อกันเป็นระยะเวลา นานๆ จะทำให้ใบลาย ใบมีขนาดเล็กลง และต้นโทรมได้ นอกจากนี้ กากน้ำตาลใหม่ยังเป็นอาหารอย่างดีสำหรับเชื้อรา (เข้าทำลายใบ ดอก ผล ต้น) หลายชนิดอีกด้วย วิธีการดับพิษในกากน้ำตาลทำได้โดยหมักปุ๋ยน้ำชีวภาพนานข้ามปี เพื่อให้จุลินทรีย์ย่อยสลายสารพิษนั้นหรือต้มกากน้ำตาลให้เดือดก่อนใช้ในการหมัก .... หากใช้ทั้ง 2 วิธีนี้แล้วยังเกิดปัญหาแก่ต้นพืชอีกก็ต้องยกเลิกการให้ทางใบแล้วให้ทางรากอย่างเดียว

- ถ้าไม่มีกากน้ำตาลสามารถใช้น้ำตาลอื่นๆ เช่น น้ำตาลทรายแดง. น้ำตาลทรายขาว. น้ำตาลปี๊บ. น้ำอ้อย อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างๆ ละเท่ากันแทนได้ แต่ต้องใช้ในอัตรามากกว่ากาก น้ำตาล 7 เท่าจึงจะได้ความหวานเข้มข้นเท่ากากน้ำตาล .... การนำน้ำตาลอื่นๆ มาเคี่ยวจนเป็นน้ำ เชื่อมเพื่อเพิ่มความหวานจนหวานจัดแล้วใช้แทนกากน้ำตาลได้เช่นกัน

- ในการหมักปุ๋ยน้ำชีวภาพไม่ควรใช้กลูโคส (ผงหรือน้ำ) เนื่องจากมีความหวานน้อยกว่ากากน้ำตาล จะทำให้เกิดการบูดเน่าแล้วแก้ไขไม่ได้

- ใส่วัสดุส่วนผสม ½ หรือ ¾ ของความจุภาชนะหมัก เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับอากาศหมุนเวียนดี และสะดวกต่อการคน

- หมักในภาชนะขนาดเล็ก ปากกว้าง จะช่วยให้กระบวนการหมักดีกว่าหมักในภาชนะขนาดใหญ่ปากแคบ
- วัสดุส่วนผสมที่ผ่านการบดละเอียดเหลวหรือเหลวมากๆ กระบวนการหมักจะดี มีประสิทธิ ภาพและใช้การได้เร็วกว่าวัสดุส่วนผสมชิ้นหยาบๆ และส่วนผสมที่ข้นมากๆ

- ปุ๋ยน้ำชีวภาพกล้อมแกล้มไม่มีการใส่ “น้ำเปล่า” เด็ดขาด เพราะในน้ำเปล่าไม่มีธาตุอาหารพืช หากต้อง การให้วัสดุส่วนผสมเหลวมากๆ ให้ใส่วัสดุส่วนผสมเสริมที่เป็นน้ำ เช่น น้ำมะพร้าว นมสด หรือจากพืชอวบน้ำ เช่น แตงโม แตงกวา ไชเท้า ฟัก ให้มากขึ้นหรือจนกว่าจะเหลวตามต้องการ

- ไม่ใส่ปุ๋ยเคมีหรือฮอร์โมนวิทยาศาสตร์ใดๆ ในระหว่างการหมักทั้งสิ้น เพราะจะทำให้ได้ธาตุอาหารพืชจากปุ๋ยเคมีนั้นเพียงสูตรเดียว หรือได้ฮอร์โมนพืชเพียงชนิดเดียว แต่ให้ใส่ก่อนใช้งานจริง ซึ่งจะทำให้สามารถเลือกสูตรปุ๋ยเคมีและฮอร์โมนพืชได้ตรงตามความต้องการของพืช

- วัสดุส่วนผสมที่อายุการหมักสั้น (น้อยกว่า 6 เดือน) มีความเป็นกรดจัดมาก (2.0-3.0) หมักนาน 6 เดือน -1 ปี มีความเป็นกรด (4.0-5.0) และหมักนานข้ามปีมีความเป็นกรดอ่อนๆ (5.0-6.0) โดยประมาณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุส่วนผสม โดยส่วนผสมที่เป็นซากสัตว์จะเป็นกรดมากกว่าวัสดุส่วนผสมที่เป็นพืช

- ธาตุอาหารพืชจากปุ๋ยน้ำชีวภาพ....
อายุหมักนาน 3 เดือน ........... ได้ธาตุอาหารหลัก
อายุการหมักนาน 6 เดือน ....... ได้ธาตุอาหารรอง
อายุการหมักนาน 9 เดือน ....... ได้ธาตุอาหารเสริม
อายุหมักนาน 12 เดือน ......... ได้ฮอร์โมน และอื่นๆ


วัสดุส่วนผสมที่หมักกับกากน้ำตาลหรือน้ำตาลอื่นๆ ด้วยระยะเวลาการหมักเพียง 1 สัปดาห์ -1 เดือน นั้นจุลินทรีย์ยังไม่สามารถแปรสภาพ (ย่อยสลาย/ENZIME) วัสดุส่วนผสมให้ธาตุอาหารพืชออกมาได้ เมื่อนำไปใช้จึงได้เพียงประโยชน์จากกากน้ำตาลหรือตัวเสริมเปล่าๆ เท่านั้นเอง

วิธีเก็บรักษา ปรับปรุง และแก้ไข :
1. เก็บในร่ม อุณหภูมิห้อง ติดปั๊มออกซิเจนเติมอากาศให้จุลินทรีย์ตลอดเวลา ปิดฝาพอหลวม คนบ่อยๆ เพื่อป้องกันการนอนก้นและป้องกันการจับก้อน ระวังอย่าให้ส่วนผสมลอย

2. อายุหมัก 7 วันแรก ให้ตรวจสอบด้วยการดมกลิ่น ถ้ามีกลิ่นบูดเปรี้ยว แสดงว่าอ่อนกากน้ำตาลและจุลินทรีย์ แก้ไขด้วยการเติมกากน้ำตาล อัตรา ¼ ของที่ใส่ครั้งแรกพร้อมกับเพิ่มจุลินทรีย์และน้ำมะพร้าวลงไปอีก คนเคล้าให้เข้ากันดีแล้วดำเนินการหมักต่อไปตามปกติ หลังจากนั้น 7 วัน ให้ตรวจสอบอีกครั้ง ถ้ายังมีกลิ่นบูดเปรี้ยวอยู่อีกก็ให้แก้ไขด้วยกากน้ำตาล ¼ ของที่ใส่เติมเพิ่มครั้งก่อนกับใส่จุลินทรีย์และน้ำมะพร้าวอ่อนลงไปอีก ทำอย่างนี้เรื่อยๆ ไปพร้อมกับตรวจสอบทุก 7 วัน ถ้ายังมีกลิ่นบูดเปรี้ยวอยู่ก็ให้แก้ไขด้วยวิธีการเดียวกันจนกว่าจะหายกลิ่นบูดเปรี้ยว และเมื่อหายจากบูดเปรี้ยวแล้วก็จะไม่บูดเปรี้ยวอีก

3. ใช้ถังหมักแบบ “บด-ปั่น” ที่มีมอเตอร์ทดรอบ (เกียร์มอเตอร์) ซึ่งจะทำหน้าที่ทั้งบดและปั่นในเวลาเดียวกันตลอด 24 ชม. หรือตลอดอายุการหมัก อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่บดจะย่อยวัสดุส่วนผสมให้ละเอียดเล็กลงไปอีก ส่วนอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ปั่น จะช่วยเติมอากาศแก่จุลินทรีย์ตลอดเวลา เช่นกัน ส่งผลให้กระบวนการหมักดีและเร็วขึ้น

4. ใช้ถังหมักแบบควบคุมอุณหภูมิภายในที่ใจกลางถังและขอบนอกของถังให้คงที่ ณ 40 องศา ซี. สม่ำเสมอตลอดเวลา ในระหว่างการหมักจะช่วยให้จุลินทรีย์เจริญพัฒนาและขยายพันธุ์ได้ดีมาก

5. ระหว่างการหมักถ้ามีฟองอากาศเกิดขึ้นแสดงว่าดีมีจุลินทรีย์มากและแข็งแรง และถ้ามีฝ้าสีขาวอมเทาเกิดขึ้นที่ผิวหน้าก็แสดงว่าดีเช่นกัน ฝ้าที่เกิดขึ้นคือจุลินทรีย์ที่ตายแล้วให้คนฝ้านั้นลงไปก็จะกลายเป็นอาหารอย่างดีแก่จุลินทรีย์ที่ยังไม่ตายต่อไป

6. ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่หมักไว้นานแล้วเกิดอาการ “นิ่ง-ไม่มีฟอง” แต่กลิ่น “หอม-หวาน-ฉุน” ดี ให้ใส่น้ำมะพร้าวอ่อน นมสด หรือวัสดุส่วนผสมเสริม คนเคล้าให้เข้ากันดี ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่เคยนิ่งจะเดือดมีฟองเกิดขึ้นมาทันที ช่วยทำให้ได้ประสิทธิภาพในกระบวนการหมักสูงขึ้นไปอีก

7. ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่ทำไว้นานแล้วด้วยวัสดุส่วนผสมน้อยอย่าง หรือไม่หลากหลายนั้น แก้ไขได้โดยการใส่วัสดุส่วนผสมที่ยังขาดหรือไม่ได้ใส่ตามภายหลัง แล้วหมักต่อไปด้วยวิธีการหมักปกติได้

8. ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่ทำไว้นานแล้ว วัสดุส่วนผสมจับตัวเป็นก้อนแข็ง หรือบูดเน่า หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แก้ไขได้ด้วยการใส่ กากน้ำตาล จุลินทรีย์ น้ำมะพร้าวอ่อน ตัวเสริม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างตามความเหมาะสม จากนั้นหมักต่อไปตามปกติแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น

9. หนอนในปุ๋ยน้ำชีวภาพเกิดจากไข่ของแมลงที่ลอบเข้ามาวางไว้ ไม่มีผลเสียต่อปุ๋ยน้ำชีวภาพ หนอนเหล่านี้จะไม่ลอกคราบและไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นแมลงได้ ให้บดละเอียดหนอนลงหมักร่วมไปเลย จะได้ฮอร์โมนไซโตคินนิน และอะมิโนโปรตีน

10. ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่ดีจะมีกลิ่น “หอม-หวาน-ฉุน” ชัดเจนอยู่ได้นานนับปีหรือหลายๆ ปี หรือยิ่งหมักนานยิ่งดี
11. ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่หมักจนใช้การได้ดีแล้ว กรองกากออกเหลือแต่น้ำเพื่อนำไปใช้งาน ในน้ำที่กรองออกมานั้นยังมีจุลินทรีย์ เมื่อปิดฝาขวดเก็บไว้นานๆ ขวดจะบวมจนระเบิดได้ ให้ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในขวดด้วยการใส่ “โซเดียม เมตตะไบร์ ซัลไฟด์ หรือ โปแตสเซียม เมตตะไบร์ ซัลไฟด์” (อย่างใดอย่างหนึ่ง) อัตรา 250 พีพีเอ็ม. หรือ 250 ซีซี./1,000 ล. หรือ 25 ซีซี./100 ล. หรือ 2.5 ซีซี./10 ล. การยับยั้งจุลินทรีย์แบบพลาสเจอร์ไลท์ โดยนำน้ำปุ๋ยน้ำชีวภาพที่ผ่านการกรองดีแล้ว ใส่ถังยกขึ้นตั้งไฟความร้อน 70-72 องศา ซี. แล้วนำลงกรอกบรรจุขวด ปิดฝาสนิทอย่าให้อากาศเข้าได้ แล้วใส่ลงในถังควบคุมความเย็นจัด (ถังน้ำแข็ง) ทันที เมื่อเก็บในร่ม อุณหภูมิห้อง จะทำให้ขวดไม่บวมหรือไม่ระเบิด และอยู่ได้นานนับปี

(ขอบคุณครู : ดร.อรรถ บุญนิธี, ดร.สุริยา ศาสนรักกิจ, อ.สำรวล ดอกไม้หอม, มาซาโอะ ฟูกูโอกะ-ญี่ปุ่น, ดร.โช - เกาหลี)

ธาตุอาหารในระบิดเถิดเทิง...
pH 4.0, CE 1.14 (29 องศา), EC 7.44, OM 11.79, CN 8:1,
N.1.5%, P. 1.0%, K.1.7%, Na 0.2%,
กรมวิชาการเกษตร ผลการตรวจ “ผ่าน”

-----------------------------------------------------------------------------------


.



กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©