kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11625
|
ตอบ: 12/07/2022 4:42 pm ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 13 ก.ค. * ปลูกข้าวบาสมาติ |
|
|
.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 13 ก.ค.
***********************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม .. ? ..
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....
รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***
งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ..... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ...... ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน . ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด
- งานสีสันสัญจรวันเสาร์ วันที่ 16 ก.ค. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน ไปวัดท่าตำหนัก ถ.เพชรเกษม (ขาล่อง) นครชัยศรี นครปฐม... เดือนนี้มี 5 เสาร์ วันเสาร์ที่ 30 ก.ค. ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา .... งานนี้ ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถม ไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม....
****************************************************************
****************************************************************
จาก : (069) 441-30xx
ข้อความ : ผู้พันครับ ขอสูตรปลูกข้าวบาสมาติด้วยครับ ขอบคุณครับ
ตอบ :
การปลูกข้าวบัสมาติ :
คนไทยคุ้นชินกับข้าวหอมมะลิ จนนึกว่าเป็นข้าวหอมพันธุ์เดียวของโลก ทั้งที่ความจริงว่า พันธุ์ข้าวหอมมีหลากหลาย มีปลูกกันในหลายประเทศ และเป็นคู่แข่งหอมมะลิไทยอีกด้วย บัสมาติเป็นพันธุ์ข้าวหอม เมล็ดยาว ปลูกในอินเดีย ปากีสถาน แตกหน่อเป็นพันธุ์ข้าวหอมอย่างอื่น เช่น เท็กซ์มาติ แวฮานิ ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างบัสมาติกับข้าวพันธุ์อเมริกัน และมีปลูกในอเมริกาด้วยเช่นเดียวกัน
หยิบเรื่องบัสมาติมาเขียน เพราะเห็น ดร.อภิชาต วรรณวิจิตร ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าวฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กำลังปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมมะลิให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือดีกว่าข้าวหอมบัสมาติ
ทำไมต้องบัสมาติ :
ง่ายนิดเดียว ราคาหอมมะลิกิโลกรัมละ 30-40 บาท ในขณะที่ข้าวบัสมาติ กิโลละ 300 บาท ผมเองเคยรับรู้ว่าบัสมาติราคาแพง พอยุ่งอยู่กับแจ๊สแมน Jasmine Rice พันธุ์ข้าวหอมน้องใหม่ของอเมริกาก็ลืมประเด็นราคาของบัสมาติ พอเห็น ดร.อภิชาต พูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณ
ไม่เพียงแต่บัสมาติ หากยังมีเรื่องข้าวแจ๊สแมนของอเมริกาพ่วงด้วย โดยดร.อภิชาต จะขอเมล็ดพันธุ์แจ๊สแมนจากอเมริกาทดลองมาปลูกในบ้านเรา เพื่อตรวจสอบค่าความหอม ความทนทานต่อโรค และแมลง โดยได้ผลผลิตที่ว่าสูงถึงไร่ละ 1 ตันขึ้นไป
จริงๆ เรื่องการนำพันธุ์ข้าวจากต่างประเทศมาทดลองปลูกในไทย ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราทำมามากมาย รวมทั้งบัสมาติก็เคยทดลองปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างมาแล้ว ขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างประเทศ และที่สำคัญหน่วยงานเกี่ยวข้องของไทยตระหนักดีหรือไม่ว่า มันสำคัญมากน้อยเพียงใด ผมประหลาดใจและอดรู้สึกขุ่นข้องใจไม่น้อยว่าด้วยเรื่องการปรับปรุงพันธุ์ข้าว เห็นแต่ผลงานของ ดร.อภิชาต แทบทั้งนั้น ผลงานของหน่วยงานอื่นแทบไม่มีเลย มันเป็นไปได้อย่างไรกัน
หน่วยงานอย่างกรมการข้าวที่ทำเรื่องข้าวเป็นการเฉพาะไปอยู่เสียตรงไหน ท่านอธิบดีประเสริฐ โกศัลวิตร มัวทำอะไรอยู่ละ ถ้าภารกิจครอบคลุมกว้างขวางจะไม่ติดใจนัก แต่นี่กรอบงานของกรมมันก็แคบว่าด้วยเรื่องข้าวอย่างเดียว ไม่ทำเรื่องข้าว แล้วทำอะไรล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ ให้ ดร.อภิชาต มาเป็นอธิบดีกรมการข้าวให้รู้แล้วรู้รอด ดีกว่าไหม?
ตลาดข้าวหอมเป็นตลาดเล็ก แต่มูลค่ามหาศาล เศรษฐีคนมีกะตังค์เท่านั้นถึงมีโอกาสกินข้าวหอม ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ หน่วยงานบ้านเราหลงใหลอยู่แต่ความภาคภูมิใจของข้าวหอมมะลิ ในขณะที่ความจริงนั้นกำลังไล่บดขยี้ ไม่เพียงอเมริกาผลิตแจ๊สแมนออกมาขายเป็นล่ำเป็นสัน จีน เวียดนาม ลาว เขมร พม่า กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอม ทั้งเพื่อบริโภคเอง และส่งออกแข่งกับไทย
ในขณะกรมการข้าวมะงุมมะงาหราแทบทุกด้าน ภาคเอกชนอย่างสมาคมผู้ส่งข้าวออกเสนอให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดข้าวหอมมะลิ แทนที่จะมีหอมมะลิ 90% (หมายความว่าผสมข้าวอื่น 10%) เพียงอย่างเดียว ก็ขอให้เพิ่มเป็นหอมมะลิ 80% และ 70 % เหตุผลคือหอมมะลิแพงอยู่แล้ว ยิ่งเงินบาทไทยแข็งค่า ราคาก็แพงยิ่งขึ้น ทำการตลาดได้ยากยิ่งขึ้น
เห็นไหมว่า มัวแต่หลงใหลได้ปลื้มโดยไม่คิดทำอะไร สุดท้ายก็เหนื่อย และอาจถึงขั้นสูญเสียตลาดอย่างน่าเสียดาย
http://www.vwander.com
www.vwander.com/save/2010/03/การปลูกข้าวบาสมาติ/ -
https://www.palangkaset.com
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวบาสมาติ 370 ให้มีลักษณะต้นเตี้ย :
ในเขตศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก :
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวบาสมาติ 370 ให้มีลักษณะต้นเตี้ยใช้วิธีผสมกลับ โดยใช้บาสมาติ 370 เป็น recurrent parrent และ lR58 เป็น doner parrent ทำการผสมกลับไปหาต้นแม่ 3 ครั้ง (BMT370*3/lR58) ปลูกคัดเลือก ศึกษาพันธุ์ขั้นต้น ศึกษาพันธุ์ขั้นสูง เปรียบเทียบผลผลิตภายในสถานี เปรียบเทียบผลผลิตระหว่างสถานีในโครงการวิจัยพันธุ์ รับรองพันธุ์และกระจายพันธุ์ได้สายพันธุ์ PSL90004-84-62 ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวต้นเตี้ยมีความสูง 116 ซม. อายุ 120 วัน คุณภาพทางกายภาพและทางเคมี มีลักษณะเหมือนข้าวบาสมาติ คือ มีเมล็ดเรียวยาว เมื่อหุงสุกแล้วนุ่ม ยืดตัวดี และมีกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังมีท้องไข่น้อยกว่าบาสมาติเอเซีย สายพันธุ์นี้ให้ผลผลิตเฉลี่ยจากแปลงเปรียบเทียบผลผลิตระหว่างสถานี 11 แห่ง จากภาคเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง 442 กก./ไร่ สูงกว่าบาสมาติเอเซีย ที่ให้ผลผลิต 385 กก./ไร่ อยู่ 15 เปอร์เซ็นต์
http://pikul.lib.ku.ac.th/cgi-bin/RICE2.exe?rec_id=004236&database=RICE2&search_type=link&table=mona&back_path=/RICE2/mona&lang=thai&format_name=TFMON
pikul.lib.ku.ac.th/cgi-bin/RICE2.exe?rec_id... -
นาข้าว ทุกชนิด-ทุกสายพันธุ์-ทุกพื้นที่ ปลูกไปแล้ว :
* ทำแบบเดิมๆ เดิมทุกอย่าง ปล่อยให้ข้าวเกิดเองแล้วโตเองตามธรรมชาติของต้นข้าว คงได้ข้าวไม่เกิน 80 ถัง ค่าโรงสีตัดราคาข้าวลีบ ข้าวท้องไข่ ลงท้ายได้ราคา 8,000 หักต้นทุนจ่ายแล้ว 4,800 กับที่ยังไม่ได้จ่ายอีก 2,000 รวมเป็น 6,800 งานนี้เหลือคงกำไรแค่ 1,200 ....นา 40 ไร่ x ไร่ละ 1,200 = 48,000
* ทำแบบเดิมๆ เดิมทุกอย่าง ทำแล้วทำเลย ใส่แล้วใส่เลย แก้ไม่ได้ เอาออกไม่ได้ ให้บำรุง เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก ด้วยสูตรเลยตามเลย ไหนๆก็ไหนๆ แบบสูตรเหมาจ่าย จะแก้ปัญหา ค่าโรงสีตัดราคาข้าวลีบ ข้าวท้องไข่ อันนี้โรงสีไม่ตัดราคา กับข้าวรัฐบาลเกวียนละหมื่น ได้หมื่นเต็มๆ แถมปริมาณข้าวที่ได้ต่อไร่เพิ่มขึ้น จากไร่ละ 80 ถัง 100 ถัง
* ทำนารอบหน้า นาข้าวสูตรเลยตามเลย แบบประณีต ....
- ลดปุ๋ยเคมีจาก 2 กส. 100 กก. /ไร่ ลงเหลือ 10 กก./ไร่ เปลี่ยนสูตรยูเรีย 16-20-0 เป็น 16-8-8 กับใช้น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงเตรียมดินทำเทือก
- ทำเทือกแบบประณีต ย่ำ 4 รอบ ใส่ปุ๋ยตอนย่ำเทือก (ไม่ต้องจ้างหว่าน), ไม่ต้องยาฆ่ายาคุมหญ้า (ย่ำเทือกกำจัดหญ้าให้), ขี้เทือกดี (จุลินทรีย์ในระเบิดเถิดเทิงช่วย), เนื้อปุ๋ยกระจายทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว ข้าวทุกต้นได้กินปุ๋ย (เครื่องใส่ปุ๋ย เคมี+อินทรีย์ ลงหน้ารถย่ำเทือก แล้วลูกทุบท้ายรถกวาดเนื้อปุ๋ยกระจายทั่วแปลง)
- ทำนาดำ (ดำด้วยเครื่อง), นาหยอด (หยอดด้วยเครื่องหยอด แรงคนลาก หรืออีต๊อกลาก), ได้ต้นข้าวดี เมล็ดดี ทำพันธุ์ได้.... ลดต้นทุน ค่าแรง ค่าเมล็ดพันธุ์ ลดโรค....
- นา 200 ไร่ นาข้าวแบบประณีต ซื้อทุกอย่าง จ้างทุกอย่าง ตั้งแต่ก้าวแรกลงนา ถึงก้าวสุดท้ายขายข้าวกลับเข้าบ้าน ได้ข้าว 100 ถึงขึ้น ได้กำไรเป็นล้าน
- ที่นา 40 ไร่แค่นี้ เตรียมใจทำนารอบหน้า นาข้าวแบบประณีต นะ....รึว่าไง ?
วันนี้ถึงยุคถึงสมัยที่เราจะต้อง กล้าคิด-กล้าทำ แล้ว เพราะทำแบบเดิมๆยังไงๆมันคงไม่ดีไปกว่าเดิมแน่ เผลอๆจะแย่กว่าเดิมด้วย เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทางลบด้วย ดินแย่ลงๆ ปุ๋ยแพงขึ้นๆ ค่าแรงแพงหนักๆ แถมหายากอีกต่างหาก....ขอบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ ใจ เท่านั้น
บำรุงต้นข้าวสูตรเลยตามเลย แบบหมาจ่าย :
- ให้ไบโออิ อย่างเดียวตั้งแต่ระยะกล้าถึงเกี่ยว ห่างกัน 7-10 วัน ....ทุกครั้งที่ให้ทางใบ + ยาน็อค สารสมุนไพรร่วมด้วยทุกครั้ง
- ป้องกันศัตรูพืช :
มาตรการ กันก่อนแก้ : คือ แม็กเนเซียม. สังกะสี. ช่วยสร้างภูมิตานทานให้แก่ต้นข้าวเป็นพื้นฐาน แถมฉีดพ่นสารสมุนไพรทับเข้าไปอีก นี่คือ 2 เด้ง
มาตรการ ป้องกัน + กำจัด : ถ้าแปลงข้างๆกำลังเกิดระบาด ช่วงว่างระหว่าง 7-10 วัน ให้ฉีดพ่นสารสมุนไพรเดี่ยวๆ 2-3 รอบ ห่างกันวันเว้นวัน
บำรุงต้นข้าวสูตรเลยตามเลย แบบประณีต :
นาข้าวที่กำจัดวัชพืชไม่หมด ต้นข้าวโตขึ้นมาแล้วมีต้นข้าวกับต้นวัชพืช "ครึ่ง : ครึ่ง" จนเต็มนา แนะนำให้ใช้สูตร "เลยตามเลย หรือ ไหนไหนก็ไหนไหน" เพราะกำจัดวัชพืชไม่ได้แล้ว โดยเน้นบำรุงทางใบเป็นหลัก....ดังนี้
ระยะกล้า :
- ฉีดพ่น "ไบโออิ + ยาน็อค" ทุก 7-10 วัน ระยะนี้หาโอกาสให้แคลเซียม โบรอน 1 รอบ
- ฉีดพ่นสารสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน
ระยะตั้งท้อง ออกรวง :
- ฉีดพ่น "ไทเป + ยาน็อค" 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน
ระยะน้ำนม :
- ฉีดพ่น "ไบโออิ 100 ซีซี. + ยูเรก้า + ยาน็อค" ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน
หมายเหตุ :
- การให้ทางใบเท่ากับบำรุงทั้งต้นข้าวและต้นวัชพืช แม้จะสิ้นเปลืองปุ๋ยแต่จำเป็นต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ต้นข้าวก็จะไม่ได้ปุ๋ยเลย ส่งผลให้ไม่ได้ผลผลิตข้าวไปด้วย
- หลังจากต้น (ข้าว-วัชพืช) โตแล้ว ไม่ควรใส่ปุ๋ยทางราก เพราะธรรมชาติของต้นวัชพืชจะดูดสารได้เก่งกว่าต้นข้าว นี่คือ ต้นวัชพืชแย่งอาหารต้นข้าวนั่นเอง
- ปุ๋ยทางใบอยู่ที่ใบข้าว ต้นวัชพืชไม่สามารถแย่งได้ นั่นคือ ต้นข้าวยังได้รับปุ๋ยเท่าที่ให้อย่างแน่นอน
- หลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว ก่อนทำนารุ่นต่อไป ทำการไถกลบฟางพร้อมต้นวัชพืช ก็จะได้ปุ๋ยที่ต้นวัชพืชเอาไปกลับคืนมา
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=10
---------------------------------------------------------------------------------------
.
|
|