kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11626
|
ตอบ: 18/12/2022 4:34 pm ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 19 ธ.ค. * สูตรระเบิดเถิดเทิงอย่าง |
|
|
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 19 ธ.ค.
***********************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม .. ? ..
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย-ยา-ไฟฟ้า-เวลา-ค่าแรง-ค่าที่-อารมย์-เทคนิค-เทคโนฯ-โอกาส-ตลาด-ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....
รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***
งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ....... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ..... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ..... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ........ ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน ... ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด
*** วันนี้ 19 ธ.ค วันจันทร์ ทุกวันจันทร์ เฉพาะวันจันทร์ สมช.สีสันชีวิตไทย คุณล่า (081) 944-8494 ไปที่ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสะดวก ราชบุรี พร้อมกับ ระเบิดเถิดเทิง. ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. กับหนังสือหัวใจเกษตรไทย มินิ ไปจำหน่าย....
*** ด้วยประสบการณ์ร่วม 20 ปี พบเห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมามากมาย ใครสนใจใคร่รู้ก็ไปคุยกัน แล้วจะรู้ว่า อ้อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง....
*** งานสีสันสัญจรวันเสาร์ เสาร์นี้วันที่ 24 ธ.ค. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน
ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสดิ์ ถ.วงแหวนตะวันตก กาญจนาภิเษก ....
*** งานนี้ ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถม ไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม....
***********************************************************************
***********************************************************************
จาก : 08 416x 371x
ข้อความ : น้ำหมักชีวภาพทุกสำนัก คนทำบอกสูตรหยาบละเอียดต่างกัน จะเอาสูตรระเบิดเถิดเทิงเป็นต้นแบบ เอาสูตรต่างสำนักมาบวก ขอสูตรระเบิดเถิดเทิงอย่างละเอียดครับ
MOTIVATION แรงบันดาลใจ :
หลักการและเหตุผล :
1. ปุ๋ย หมายถึง สารเหลวที่พืชนำไปใช้สร้างและบำรุงส่วนต่างๆ ของต้นให้เจริญพัฒนา เรียกว่า ธาตุอาหาร ประกอบด้วย
ธาตุหลัก : ไนโตรเจน. ฟอสฟอรัส. โปแตสเซียม
ธาตุรอง : แคลเซียม. แม็กเนเซียม. กำมะถัน
ธาตุเสริม : เหล็ก. ทองแดง. สังกะสี. แมงกานิส. โบรอน. โมลิบดินั่ม. ซิลิก้า. คลอรีน. โซเดียม. นิเกิล.
โคบอล. ฯลฯ
ฮอร์โมน : ไซโตคินนิน. จิ๊บเบอเรลลิน. ไอเอเอ. เอบีเอ. ไอบีเอ. อะมิโน. โปรตีน ฯลฯ
อื่นๆ : ดินหรือวัสดุปลูก. น้ำ. อากาศ. แสงแดด. อุณหภูมิ. สายพันธุ์ ฯลฯ ปุ๋ยหรือธาตุอาหารพืชมีหลายสถานะ เช่น น้ำ เม็ด ผง เกร็ด ครีม
จากสถานะเดิมจะเป็นเช่นไรก็ตามก่อนที่พืชจะนำไปใช้งานได้ต้องเปลี่ยนสถานะให้เป็นของเหลวก่อนเสมอ ดังนั้น สิ่งใดที่มีธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ฮอร์โมน และอื่นๆ ที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จึงเรียกว่า ปุ๋ย หรือ ธาตุอาหาร ทั้งสิ้น
2. ธาตุอาหารพืช มีอยู่ในอินทรียวัตถุและอนินทรีย์วัตถุ......
- อินทรีย์วัตถุ หมายถึง วัสดุที่ได้จากสัตว์และพืช เรียกว่า ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น เศษซากสัตว์ มูลสัตว์ เศษซากพืช น้ำคั้นจากพืช และ
- อนินทรีย์วัตถุ หมายถึง วัสดุที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมีวิทยาศาสตร์ เรียกว่า ปุ๋ยสังเคราะห์ หรือ ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เช่น ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมนวิทยาศาสตร์
3. ธาตุอาหารพืช สัตว์ คน คือตัวเดียวกัน สังเกตได้จากการเขียนสัญลักษณ์ทางเคมีของชื่อธาตุอาหารเป็นตัวอักษรตัวเดียวกัน แต่ธาตุอาหารที่ พืช สัตว์ คน นำไปใช้ต่างกันที่ รูป เท่านั้น
4. ในเมือกและเลือดปลาสดมีธาตุไนโตรเจนมากกว่ายูเรีย (46-0-0) 1 เท่าตัว ซึ่งสามารถใช้แทนกันได้ โดยจุลินทรีย์จะทำหน้าที่เปลี่ยน รูปไนโตรเจน ในเมือกและเลือดปลาให้เป็น รูปไนโตรเจน ที่พืชสามารถนำไปใช้ได้
5. ในปลาทะเลมีกรดอะมิโน. โอเมก้า. แม็กเนเซียม. และโซเดียม. ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพืชจำนวนมาก
6. ในหนอนมีกรดอะมิโน. ที่เป็นประโยชน์ต่อพืชและสัตว์มากถึง 18 ชนิด
7. พืชกินธาตุอาหารที่มีสถานะเป็นของเหลวด้วยการดูดซึมเข้าทางปลายราก (หมวกราก) และทางปากใบ ในขณะที่ปุ๋ยอินทรีย์ยังคงมีสภาพเป็นชิ้นหรือเป็นก้อนอยู่นั้น พืชไม่สามารถนำไปใช้ได้จะต้องทำให้อินทรียวัตถุนั้นเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวหรือน้ำเสียก่อนพืชจึงจะนำไปใช้ได้....การเปลี่ยนสถานะอินทรียวัตถุให้เป็นของเหลวสามารถทำได้ด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ โดยเริ่มจากหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วบดให้ละเอียด จากนั้นนำไปผสมกับสารรสหวานจัด (กากน้ำตาล กลูโคส น้ำผลไม้หวาน) ด้วยอัตราส่วนที่เหมาะสม ใส่จุลินทรีย์เล็กน้อย ติดปั๊มออกซิเจนเพื่อให้อากาศแก่จุลินทรีย์ หมักทิ้งไว้นานๆในสถานที่ ภาชนะ และระยะเวลาที่กำหนด จุลินทรีย์จะเป็นตัวย่อยสลายอินทรียวัตถุเหล่านั้นให้มีขนาดเล็กลงถึงระดับโมเลกุล ซึ่งเล็กจนสามารถผ่านปลายรากและปากใบเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของต้นพืชได้
8. ปุ๋ยอินทรีย์ชิ้นขนาดเท่าปลายเข็มหรือเล็กกว่า รากพืชก็ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ลำต้นได้ ต้องเปลี่ยนสภาพปุ๋ยอินทรีย์ชิ้นเท่าปลายเข็มนั้นให้เป็นของเหลวเสียก่อน พืชจึงจะดูดซึมเข้าสู่ลำต้นไปใช้ได้
9. การหมัก หมายถึง กระบวนการย่อยสลาย (เอ็นไซม์) โดยมีจุลินทรีย์เป็นตัวกระทำต่ออินทรีย์วัตถุและอนินทรีย์วัตถุเพื่อเปลี่ยนสภาพจากเดิมที่เป็นชิ้นให้เป็นของเหลว
10. การหมักสามารถทำได้ทั้ง หมักในภาชนะ หมักในกอง และหมักในดิน ระยะเวลาในการหมักจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความแข็งแรง/จำนวน/ประเภทของจุลินทรีย์. ชนิด/ประเภทของอินทรียวัตถุ. สภาพแวดล้อม (อุณหภูมิ/น้ำ/อากาศ). ระยะเวลา. อัตราส่วนของวัสดุส่วนผสม. อาหารสำหรับจุลินทรีย์. และปัจจัยอื่นๆที่จำเป็น
11. ปุ๋ยอินทรีย์แห้ง. ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ. ปุ๋ยน้ำชีวภาพ. น้ำสกัดชีวภาพ. ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ. ปุ๋ยชีวภาพ. ปุ๋ยพืชสด. ปุ๋ยซากสัตว์ และอื่นๆ ล้วนแต่เป็นตัวเดียวกันเพราะทำมาจากวัสดุส่วนผสมและด้วยกรรมวิธีในการทำแบบเดียวกัน จึงต่างกันแต่เพียงชื่อเท่านั้น
12. การฝังซากสัตว์หรือซากพืชที่โคนต้นไม้ผลบริเวณชายพุ่ม ช่วงแรกๆ จะยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆในทางที่ดีขึ้นจากไม้ต้นนั้น แต่ครั้นนานไปเมื่อซากสัตว์หรือซากพืชเน่าเปื่อย ไม้ผลต้นนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การที่ซากสัตว์หรือซากพืชเน่าเปื่อยได้ก็คือการ หมักในดิน โดยมีจุลินทรีย์เป็นตัวดำเนินการให้นั่นเอง
13. ซากสัตว์ที่หมักลงไปในดินใหม่ๆ หรือระยะแรกๆ หรือระหว่างที่ซากสัตว์กำลังเน่าเปื่อยนั้นมีความเป็นกรดจัดมาก เป็นอันตรายต่อระบบรากหรือทำให้รากเน่าได้ ดังนั้นจึงไม่ควรฝังซากสัตว์ในช่วงที่ต้นพืชกำลังอยู่ในระยะสำคัญ เช่น ระยะกล้า. สะสมอาหาร. เปิดตาดอก. บำรุงดอก. บำรุงผล ฯลฯ ทั้งนี้ การฝังซากสัตว์จะต้องกระทำก่อนหน้านั้นนานๆ เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ทำการย่อยสลายหรือแปรสภาพซากสัตว์จนหมดความเป็นกรดแล้วเปลี่ยน รูป มาเป็นรูปของธาตุอาหารพืชที่พืชพร้อมนำไปใช้ได้......การหมักซากสัตว์แบบปุ๋ยน้ำชีวภาพนานข้ามปีแล้วจึงนำมาใช้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้ได้แต่ต้องไม่ลืมตรวจวัดค่ากรดด่างแล้วปรับให้เป็นกลางก่อนใช้เสมอ
14. ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่มีกากน้ำตาลเป็นส่วนผสม หมักใหม่หรืออายุการหมักสั้น มีความเป็น กรด สูงมาก (2.5-3.0) โดยปุ๋ยน้ำชีวภาพซากสัตว์เป็นกรดจัดมากกว่าเศษพืช เมื่อฉีดพ่นทางใบจะทำให้เกิดอาการ ใบไหม้ ใบจุด ดอกร่วง ผลด่างลาย/ร่วง เมื่อไม่แน่ใจว่าปุ๋ยน้ำชีวภาพเป็นกรดจัดหรือไม่ ขอให้งดการให้ทางใบแล้วให้ทางรากแทน แม้แต่การให้ทางดินบ่อยๆ หรือประจำๆ ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จนเกิดการสะสมก็อาจทำให้ดินเป็นกรดได้เช่นกัน
15. ปุ๋ยน้ำชีวภาพกล้อมแกล้มสูตรมาตรฐาน ผ่านกรรมวิธีการหมักถูกต้อง อายุการหมักนานข้ามปี เมื่อวัดค่ากรดด่างจะได้ประมาณ 6.0-7.0 จึงถือว่าดี ถูกต้อง และใช้ได้
16. วิธีการตรวจสอบเพื่อให้ทราบว่าในปุ๋ยน้ำชีวภาพแต่ละสูตรหรือแต่ละยี่ห้อมีปริมาณธาตุพืชมากหรือน้อยกว่ากัน สามารถพิสูจน์ได้โดยการบรรจุปุ๋ยน้ำชีวภาพใส่ขวดขนาดเดียวกันหรือปริมาตรเท่าๆ กัน แล้วนำขึ้นชั่งด้วยตาชั่งที่มีมาตรวัดละเอียดมากๆ ตรวจค่าความถ่วงจำเพาะ (ถพ.) ขวดที่หนักกว่าแสดงว่ามีธาตุอาหารพืชมากกว่าหรือนำลงจุ่มน้ำ ขวดที่จมน้ำได้ลึกกว่าแสดงว่ามีปริมาณธาตุอาหารมากกว่า
17. อาหารสำหรับมนุษย์และสัตว์ที่ปรุงโดยการต้มเคี่ยว หรือตุ๋นจนเหลวเปื่อยยุ่ย เช่น แกงจืดจับฉ่าย น้ำต้มกระดูก ซุปไก่แบลนด์ น้ำหวานจากน้ำตาลหรือผลไม้คั้น วิตามินบำรุงร่างกายคน/สัตว์ ฯลฯ ยังมีธาตุอาหารครบถ้วนตามวัสดุที่นำมาปรุง หากนำน้ำอาหารที่เหลวเปื่อยยุ่ยแล้วนี้ให้แก่พืชบ้าง พืชก็จะได้รับธาตุอาหารตัวเดียวกันนี้เช่นกัน
18. พืชสามารถนำธาตุอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของต้นได้ทั้งทางปลายราก และปากใบ เมื่อให้ธาตุอาหารทางใบด้วยการฉีดพ่น ธาตุอาหารส่วนที่มีโมเลกุลขนาดเล็กสามารถผ่านปากใบได้จะผ่านเข้าไปทันที ส่วนธาตุอาหารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ไม่สามารถผ่านปากใบเข้าไปได้ยังติดค้างอยู่บนใบ เมื่อถูกน้ำชะล้างก็จะตกลงดินแล้วถูกจุลินทรีย์ในดินทำการย่อยสลายต่อให้โมเลกุลมีขนาดเล็กลงอีกจนสามารถผ่านปากรากได้ พืชก็จะได้รับธาตุอาหารนั้นต่อไป
19. การหมักปุ๋ยน้ำชีวภาพโดยใช้ถังหมักที่แข็งแรง มีฝาปิดเรียบร้อย มีระบบให้ออกซิเจนแล้วฝังลงดินจนมิดถัง มีระบบป้องกันน้ำเข้าไปในถังได้แน่นอนนั้น อุณหภูมิใต้ดินที่เย็นกว่าบนดินนอกจากจะช่วยให้กระบวนการหมักดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพใช้การได้เร็วขึ้นอีกด้วย
20. เสริมประสิทธิภาพจุลินทรีย์ในถังหมักให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วยการใส่ปุ๋ยสูตร 18-46-0 (100 กรัม) หรือ 21-53-0 (100 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง หรือน้ำมะพร้าวอ่อน 1-2 ล. ต่อวัสดุส่วนผสมในถัง 100 ล.
21. การใช้ถังหมักแบบมีใบพัดปั่นหมุนภายในตลอด 24 ชม. นอกจากจะเป็นการช่วยบดย่อยวัสดุส่วนผสมให้ละเอียดยิ่งขึ้นแล้วยังส่งผลให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพนั้นใช้การได้เร็วขึ้น
22. ไม่ควรใช้พืชผักจากตลาดเพราะเป็นพืชผักที่เก่าแล้วและอาจปนเปื้อนเชื้อโรคต่างๆ จากตลาดมาด้วย
23. ไม่ควรใช้ซากสัตว์ที่ตายนานแล้วหรือเน่าแล้วแต่ให้ใช้ซากสัตว์สดและใหม่ โดยเลือกใช้สัตว์ขณะที่ยังมีชีวิตหรือตายใหม่ๆ จะได้ธาตุอาหารพืชที่ดีกว่า
24. ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรมาตรฐานที่ดีจะต้องไม่มีกลิ่นของวัสดุส่วนผสมตัวใดตัวหนึ่งเพียงตัวเดียวชัดเจน ซึ่งเป็นการแสดงให้รู้ว่าใช้วัสดุส่วนผสมไม่หลากหลาย ยกเว้นสูตรเฉพาะซึ่งจะต้องมีกลิ่นเฉพาะตัว และปุ๋ยน้ำชีวภาพที่ดีต้องมีกลิ่นหอม-หวาน-ฉุน
25. ระยะเวลาในการหมัก หมักนาน 3 เดือนจะได้ธาตุหลัก หมักนาน 6 เดือนจะได้ธตุรอง หมักนาน 9 เดือนจะได้ธาตุเสริมและฮอร์โมน....เมื่อหมักนานข้ามปีจะได้สารอาหาร ฮอร์โมน และจุลินทรีย์ต่างๆ หลายชนิด เช่น
- ธาตุอาหาร ได้แก่ ไนโตรเจน. ฟอสฟอรัส. โปรแตสเซียม. แคลเซียม. แม็กเนเซียม. กำมะถัน. เหล็ก. ทองแดง. สังกะสี. แมงกานิส. โซเดียม. อะมิโนโปรตีน. ..... สารอาหารเหล่านี้เป็นสารอินทรีย์บริสุทธิ์
- ฮอร์โมน ได้แก่ ไซโตคินนิน. เอสโตรเจน. ออร์แกนิค แอซิด. ฟลาโวอยด์. ควินนอยด์. อโรเมติก แอซิด. ฮิวมัส. โพลิตินอล. ไอบีเอ. เอ็นบีเอ. ....ฮอรโมนเหล่านี้เป็นฮอร์โมนอินทรีย์บริสุทธิ์ และสารท็อกซิก.ที่เป็นสารพิษต่อโรคและแมลงศัตรูพืช
- จุลินทรีย์ ได้แก่ คีโตเมียม. ไรโซเบียม. ไมโครไรซ่า. แอ็คติโนมัยซิส. บาซิลลัสส์. ไรซ็อคโธเนีย. แบคทีเรีย. และฟังก์จัย.
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1748
ตอบ
น้ำหมักชีวภาพเพื่อการเกษตร :
ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง :
ขั้นตอนที่ 1 : (วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ)
ปลาทะเลสด 20 กก.
กากน้ำตาล 5 ล.
ผงเอ็นไซม์ 250 กรัม
จุลินทรีย์ 100 กรัม
เตรียมถังพลาสติกขนาดจุ 200 ล. ใช้ปลาสดใหม่ทั้งตัว บดให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ด้วยเครื่องบดโมลิเน็กซ์ยักษ์ หรือเครื่องบดทั่วๆไป แล้วใส่ส่วนผสมทุกตัวจนครบ คนเคล้าให้เข้ากันดี ถ้าส่วนผสมข้นมากจนบดไม่ได้ให้เติมน้ำมะพร้าวเล็กน้อยพอเหลวให้เครื่องบดทำงานได้ เสร็จแล้วปิดฝาพอหลวมเก็บในอุณหภูมิห้อง หมักทิ้งไว้ 3 เดือน ระหว่างหมัก 3 เดือนนี้ให้คนวันละครั้ง....ครบกำหนด 3 เดือนแล้วจะพบว่าส่วนผสมต่างๆในถังหมักจะเหลวเป็นน้ำ นั่นคือ "อะมิโน โปรตีน" มีกลิ่นคาวปลาแรงกว่ากากน้ำตาล พร้อมปรุงต่อขั้นที่ 2
ขั้นที่ 2 : (วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ)
อะมิโนโปรตีน. ที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 ซึ่งจะมีปริมาณประมาณ 20 ล.ของถัง 200 ล. ให้เติม......
น้ำมะพร้าว 160 ล.
จุลินทรีย์ 100 กรัม
21-0-0 500 กรัม
คนเคล้าให้เข้ากันดี แล้วเติมอากาศด้วยปั๊มออกซิเจนเฉพาะช่วงกลางวัน เช้าถึงเย็น นานติดต่อกัน 7 วัน....ระหว่างเติมอากาศหากหยุดเติมจะพบว่า วัสดุส่วนผสมต่างๆ ช่วงแรกๆ จะลอยอยู่ที่ผิวหน้า ครั้นเวลาผ่านไปประมาณ 7-21 วัน ส่วนผสมเหล่านั้นจะจมลงก้นถังทั้งหมด เมื่อเห็นว่าส่วนผสมจมลงก้นถังหมดแล้วให้หยุดเติมอากาศ หยุดการคนส่วนผสมก้นถังด้วยเครื่องมือใด เพื่อปล่อยให้ส่วนผสมก้นถังอยู่ในสภาพไร้อากาศ ในสภาพไร้อากาศนี้จะเกิดจุลินทรีย์กลุ่มไม่ต้องการอากาศซึ่งมีพลังย่อยสลายดีกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ....นอกจากนี้ยังพบสารเหลวที่เป็นเมือกจำนวนมากนั่น คือ "ฮอร์โมนไซโตคินนิน" สารที่มีประโยชน์ต่อพืชอย่างมาก
หมายเหตุ :
- คนเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ปิดฝาพอหลวม เก็บในร่ม อุณหภูมิห้อง เติมอากาศช่วง 7 วันแรก ระหว่างเติมอากาศจะพบว่ามีฟองเกิดขึ้น ถ้าลูกฟองมีขนาดใหญ่ให้เติมอากาศต่อไปเรื่อยๆ จนลูกฟองมีขนาดเล็กละเอียด จึงหยุดเติมอากาศ แล้วหมักทิ้งไว้ข้ามปี (ฟองขนาดใหญ่แสดงว่ายังไม่พร้อมใช้งาน....ฟองเล็กละเอียดแสดงว่าพร้อมใช้งานแล้ว)
ระยะเวลาหมักยิ่งหลายปียิ่งดี ก็จะได้ "น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบ" พร้อมปรุง ก่อนใช้งานจริงน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบที่ผ่านการหมักข้ามปีแล้วจะมีกลิ่นแอลกอฮอร์ หากใช้ไม้พายค่อยๆ งัดกากที่อยู่ก้นถังขึ้นมาดู จะพบว่าส่วนผสมที่อาจจะหยาบๆ ในครั้งแรกนั้นได้กลายสภาพเป็นของเหลวเหมือนวุ้น
- สารอาหารพืชที่พึงมีในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบเป็นสารอาหารประเภท "อินทรีย์สาร" ที่ถูกจุลินทรีย์ย่อยสลายออกมาจากวัสดุส่วนผสมนั่นเอง ปริมาณสารอาหารที่มีหรือที่ได้เมื่อคิดปริมาณเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วถือว่าไม่มากนัก ในพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียวอาจเพียงพอต่อการนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตแต่ในพืชยืนต้นขนาดใหญ่ซึ่งต้องการใช้สารอาหารในปริมาณมากขึ้นนั้นอาจจะไม่พอเพียง....จากหลักการและเหตุผลที่ว่า น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง มีปริมาณเปอร์เซ็นต์ของอาหารน้อยถึงน้อยมากแต่เมื่อได้เติมเพิ่มปริมาณปุ๋ยที่เป็นอนินทรีย์สารจนได้ปริมาณเปอร์เซ็นต์ตามต้องการ จึงสามารถเรียกชื่อใหม่ว่า "ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง" ได้อย่างมั่นใจ
- ทุกขั้นตอนของการหมักไม่มีการเติม "น้ำเปล่า" เพราะในน้ำเปล่านอกจากไม่มีสารอาหารแล้วยังทำให้เปอร์เซ็นต์ของสารอาหารที่พึงมีเจือจางลงไปอีก กับทั้งน้ำเปล่าเป็นต้นสาเหตุทำให้การหมักเกิดเน่าเหม็นอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 3 : (น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงสูตร -?-)
ความหมายของเครื่องหมาย " -?- " คือ สูตรของปุ๋ยธาตุหลัก ซึ่งจะต้องเลือกสูตรที่ตรงกับชนิดและระยะพัฒนาการของพืชที่จะใช้โดยเฉพาะ และ "ธาตุอาหารเน้น" หมายถึง ธาตุอาหารพืชที่นอกเหนือไปจากธาตุรอง/ธาตุเสริม ที่จำเป็นต้องเพิ่มเป็นกรณีพิเศษสำหรับพืชบางชนิด......โดยการปฏิบัติดังนี้
น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบ 100 ล.
ปุ๋ยธาตุหลัก (ทางราก) 10-20 กก.
ธาตุรอง/ธาตุเสริม 1-2 กก.
ธาตุอาหารเน้น 1-2 กก.
ไขกระดูก 10 ล.
เลือด 10 ล.
มูลค้างคาว 5 ล.
นม 5 ล.
สาหร่ายทะเล 500 กรัม
ฮิวมิค แอซิด 500 กรัม
บี-1 500 กรัม
คนเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดีแล้วได้ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง" พร้อมใช้งานได้เลย อายุเก็บไม่ควรเกิน 6 เดือน
หมายเหตุ :
- ไขกระดูก. เลือด. มูลค้างคาว. นม. หมักแยกล่วงหน้านานข้ามปีจนพร้อมใช้งาน......หมายถึง "หมักแยก - ใช้รวม"
ตรวจสอบ แก้ไข :
สี..... สีน้ำตาลอ่อน-น้ำตาลไหม้-ดำ ขึ้นอยู่กับปริมาณกากน้ำตาลที่ใส่ครั้งแรก และใส่เพิ่มภายหลัง
กลิ่น..... หมักใหม่ๆเป็นกลิ่นคาวปลา เมื่ออายุการหมักนานขึ้น กลิ่นคาวปลาเริ่มลดลง เป็นกลิ่นกากน้ำตาลปนกลิ่นคาวปลา กระทั่งหมักนานข้าม 1-2-3 ปี จะมีกลิ่นฉุนเหมือนแอลกอฮอร์ชัดเจน....กลิ่นปกติคือ กลิ่นที่รับได้ สัมผัสแล้วไม่เวียนหัว ซึ่งต่างจากกลิ่นเหม็นเน่าอย่างสิ้นเชิง ระหว่างการหมักถ้าเริ่ม (เน้นย้ำ...เริ่ม) มีกลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น แสดงว่าอ่อนกากน้ำตาล ให้เติมกากน้ำตาล 1-2 ล. ใส่แล้วคนให้ทั่วถัง ทิ้งไว้ 12-24 ชม. กลิ่นไม่พึงประสงค์จะหายไป กลายเป็นกลิ่นรับได้ตามปกติ แสดงว่าอัตราส่วนกากน้ำตาลพอดีแล้ว ถ้ากลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นยังไม่หายก็ให้เติมกากน้ำตาลซ้ำ 1-2 ล.อีกรอบ คนให้ทั่วถัง ทิ้งไว้ 12-24 ชม. จากนั้นตรวจสอบซ้ำพร้อมกับแก้ไขด้วยการเติมกากน้ำตาลไปเรื่อยๆ เมื่ออัตราส่วนของกากน้ำตาลพอดีแล้ว จะไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นอีกเลยจนถึงวันใช้งาน
หมายเหตุ :
ถ้ากากน้ำตาลมากเกิน กระบวนการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์จะชะงัก หรือไม่ย่อยสลายเลย ส่วนผสมต่างๆจะไม่เปื่อยยุ่ย หรือเรียกว่า แช่อิ่ม นิ่งอยู่อย่างนั้นตราบนานเท่านาน
กาก..... หมักใหม่ๆส่วนผสมต่างๆ จะขนาดเท่ากับที่บดด้วยเครื่องบดโมลิเน็กซ์ยักษ์นั้น ครั้นนานไปส่วนผสมจะเหลวเป็นน้ำวุ้น
ฝ้า..... บนผิวหน้าจะมีฝ้า สีขาวอมเทา หรือเทาอมดำ หรือสีดำ ฝ้านี้คือจุลินทรีย์กลุ่มต้องการอากาศประเภท "รา" เป็นราที่มีประโยชน์ ไม่มีกลิ่น ส่วนหนึ่งยังมีชีวิต ส่วนที่ตายแล้วจะเป็นอ่าหารให้แก่ตัวที่ยังมีชีวิต
ฟอง.....หลังจากผ่านการมักนาน 3 - 6 - 9 เดือน ถึงข้าม 1 - 2 - 3 ปี แล้วทดสอบโดยปั่นด้วยเครื่องโมลิเน็กซ์ยักษ จะมีฟองเกิดขึ้น ถ้าเป็นฟองขนาดใหญ่ถือว่าการหมักยังไม่ดี แต่ถ้าเป็นฟองละเอียดถือว่าการหมักดี ใช้การได้แล้ว
รูปลักษณ์......กากส่วนที่อยู่ก้นถังจะเหลวเป็นวุ้น มีเมือกใส ซึ่งเมือกนี้คือไซโตไคนิน. อุดมไปด้วยจุลินทรีย์กลุ่มบาซิลลัสส์ เป็นจุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ มีพลังในการย่อยสลายเหนือกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ
ปริมาณ..... ในการหมักขั้นตอนที่ 2 เติมน้ำมะพร้าวจนเต็มถึงปากถังขนาดจุ 200 ล. จากนั้นประมาณ 1 เดือน ระดับน้ำมะพร้าวจะยุบลงราว 10-15 ซม.เสมอ เมื่อเติมน้ำมะพร้าวใหม่จนเต็มก็จะยุบลงอีก ก็ให้เติมใหม่อีกทุกครั้ง กรณีนี้เกิดจากกระบวนการย่อนยสลายของจุลินทรีย์นั่นเอง
อีซี - ซี/เอ็น เรโช..... ตรวจสอบโดย LAB
ถพ..... โดยน้ำใสด้านบน ค่า ถพ.ประมาณ 4-5% แต่ถ้าคนให้มีกากละเอียดรวมอยู่ด้วย 30% จะมีค่า ถพ.ประมาณ 10-12%
พีเอช...... หมักใหม่ 3-6 เดือน ค่า พีเอช ประมาณ 3.5-4.5 แต่ถ้าหมักนานข้ามปี ค่า พีเอช ประมาณ 5.0-6.0
---------------------------------------------------------------------------------------
.
|
|