-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 10 ก.พ. * เทคนิคเทคโนนาข้าว
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 10 ก.พ. * เทคนิคเทคโนนาข้าว

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 10/02/2023 6:14 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 10 ก.พ. * เทคนิคเทคโนนาข้าว ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 10 ก.พ.

***********************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย-ยา-ไฟฟ้า-เวลา-ค่าแรง-ค่าที่-อารมย์-เทคนิค-เทคโนฯ-โอกาส-ตลาด-ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***

งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ....... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ..... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ..... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ........ ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน ... ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

*** วันจันทร์ ทุกวันจันทร์ เฉพาะวันจันทร์ สมช.สีสันชีวิตไทย “คุณล่า” (081) 944-8494 ไปที่ตลาดนัด
วัดอมรญาติ ดำเนินสะดวก ราชบุรี พร้อมกับ ระเบิดเถิดเทิง. ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. กับหนังสือหัวใจเกษตรไทย มินิ ไปจำหน่าย....
*** ด้วยประสบการณ์ร่วม 20 ปี พบเห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมามากมาย ใครสนใจใคร่รู้ก็ไปคุยกัน แล้วจะรู้ว่า อ้อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง....

*** งานสีสันสัญจรวันเสาร์ เสาร์นี้วันที่ 11 ก.พ. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี ....
*** งานนี้ ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถม หนังสือไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม........ใครไม่ซื้อ ไม่ซื้อแต่แจก แจกหนังสือไม้ผลแนวหน้า คนละ 1 เล่ม


***********************************************************************

***********************************************************************

จาก : 08 371x 495x
ข้อความ : ขอเทคนิคเทคโนนาข้าว ปีนี้จะทำตามแบบคุณลุงแน่นอนนอนแน่ครับ

จาก : 09 629x 731x
ข้อความ : ได้ข้าวเท่าเดิม ไม่ถูกตัดราคา นั่นคือ มูลค่าเพิ่มค่ะ

จาก : 09 416x 612x
ข้อความ : ขอสูตรบำรุงนาข้าวเหมาจ่ายค่ะ


MOTIVATION แรงบันดาลใจ :


1,731. ปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตสูง

โดย ... ดลมนัส กาเจ
เมื่อวันพุธที่แล้ว พูดว่าเรากำลังเสียแชมป์การส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก และที่ผ่านมา ที่ไทยครองแชมป์ส่งข้าวออกไปยังตลาดโลกมายาวนาน ก็เพราะประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวมากที่สุดนั่นเอง ไม่ใช่เพราะไทยเรามีศักยภาพในการปลูกข้าวที่ให้ผลผลิตสูง หากแต่ผลผลิตของเราอยู่อันดับท้ายๆ เฉลี่ยพื้นที่นา 1 ไร่ เราผลิตข้าวได้เพียง 461 กก. แต่จีนได้ไร่ 1,054 กก. เวียดนามได้ละ 875 กก. และอินโดนีเซียได้ไร่ละ 774 กก. อันนี้ไม่ร่วมกับสหรัฐอเมริกาที่ปลูกข้าวส่งออกด้วย

แม้ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ จะยืนยันและมั่นใจว่า ไทยยังเป็นแชมป์ส่งออกไปตลาดโลกเพราะครึ่งปีหลังจะส่งออกถึง 5 ล้านตัน เฉลี่ยทั้งปีจะไม่ต่ำกว่า 8 ล้านตัน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะส่งออกได้ถึง 9.5 ล้านตัน ก็ตามแต่นั่นเป็นเพียงคาดการณ์ แต่ที่ฝ่ายยืนยัน ณ วินาทีนี้ไทยส่งออกข้าวน่าจะตกอยู่อันดับ 3 รองจากเวียดนาม และอินเดีย เพราะภาคการผลิตของเราต่ำนั่นเอง

เห็นแล้วน่าห่วงครับ ! ทั้งที่ความจริงบ้านเรานั้นอุดมสมบูรณ์ทั้งคุณภาพของดินและน้ำ ซึ่งในโอกาสนี้ผมมีข้อมูลที่ได้มากสำนักงานเกษตรจังหวัดหนองบัวลำภู แนะวิธีในการปลูกข้าว หรือทำนาให้มีผลผลิตสูงครับ เพียงของให้ชาวนาปฏิบัติคือ

1. การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ดี ที่มาหรือแหล่งเมล็ดพันธุ์ที่รับมานั้นต้องเชื่อถือได้ และได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร มีการใช้เมล็ดพันธุ์ในอัตราที่เหมาะสม คือประมาณ 20-25 กก./ไร่ เพื่อต้นข้าวเจริญเติบโตได้ในระยะที่เหมาะสมและไม่แน่นจนเกินไป อันเป็นสาเหตุให้เป็นที่อยู่อาศัยของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ถือว่าศัตรูของต้นข้าวตัวร้ายทีเดียวครับ

2. ต้องปรับปรุงหรือบำรุงดิน ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า พื้นที่นานั้นเกิดปัญหาดินเสื่อมโทรมที่มาจากการเผาตอซังและฟางข้าวหลังการเก็บเกี่ยว ฉะนั้นควรหันมาไถกลบหรือหมักฟางในนา ด้วยการเร่งการย่อยสลายด้วยปุ๋ยอินทรีย์หรือน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งจะช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้มาก ทั้งยังช่วยลดการระบาดของหนอนกอ การบำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด อาทิ ปอเทือง พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น

3. การใช้ปุ๋ยเคมีให้เหมาะสม หรือที่เรียกว่า การใช้ "ปุ๋ยสั่งตัด" นั่นเอง ใส่ปุ๋ยตามที่ดินต้องการ เพราะที่ผ่านมาปัญหาหนึ่งของเกษตรกรคือ ใช้ปุ๋ยเคมีผิดสูตร ในแต่ละปีเกษตรกรใช้ไนโตรเจนเกินจำเป็น มีมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังใช้ปุ๋ยผิดเวลา และผิดอัตรา ฉะนั้นต้องตรวจดูก่อนว่าดินเราขาดอะไร ก็ใส่ปุ๋ยตัวนั้น

4. การใช้สารเคมีฆ่าแมลงให้เหมาะสม เพราะการใช้สารฆ่าแมลงตามเหมาะสม ต้องไม่เกินความจำเป็น ก่อนใช้ควรสำรวจแมลงศัตรูข้าวก่อนฉีดพ่นสารฆ่าแมลงทุกครั้ง และต้องรักษาแมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น แมลงปอ มวนจิงโจ้น้ำ แมงมุม ด้วย เพราะแมลงเหล่านี้จะช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืช อาทิ จำพวกเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เป็นต้น

ถ้าเกษตรกรปฏิบัติได้ นอกจากจะให้ ข้าวเพิ่มผลผลิตแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการผลิตอีกด้วย ทั้งเรื่องค่าปุ๋ยและยาฆ่าแมลง แต่ที่สำคัญอย่างหนึ่งเกษตรกรจะต้องเป็นคนทำนาเองด้วย

จำง่ายๆ ครับ การทำนา ถ้าเมล็ดพันธุ์ดี ดินดี ดูแลดี แค่นี้ก็มีชัยเกินครึ่งแล้วครับ

http://www.komchadluek.net


วันนี้ถึงยุคถึงสมัยที่เราจะต้อง กล้าคิด-กล้าทำ แล้ว เพราะทำ

................. เนื้อที่ 1 ไร่ ทำ 1 ปี .... ได้ 1 ครั้ง ..................
........ เนื้อที่ 1 ไร่ ทำ 1 ปี .... ได้หลาย-หลาย-หลาย ครั้ง .........

...... ขายได้เท่าเดิม ได้เท่าข้างบ้าน แต่ต้นทุนลด คือกำไรเพิ่ม .......
....... ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ เพราะ ..... ต้นทุนสูง ต้นทุนสูญเปล่า .........

.. ทุกคนเกิดมา เก่งเท่ากัน รู้เท่ากัน ..... แต่ แพ้-ชนะ กัน ที่โอกาส ..
........ เรื่องง่ายทำไม่ได้ .... เรื่องยากทำได้ .... เพราะ “ใจ” ........

.................... ทำน้อย .... ทำถูก = ได้มาก .......................
.................... ทำมาก .... ทำผิด = ได้น้อย .......................

............... คนที่จะช่วยเราได้ดีที่สุด คือ คนในกระจก ................



คนถามใหม่ ตำถามเก่า คำตอบเดิม

ตอบ :
บำรุงต้นข้าวสูตรเลยตามเลย แบบ “หมาจ่าย” :

- ให้ไบโออิ อย่างเดียวตั้งแต่ระยะกล้าถึงเกี่ยว ห่างกัน 7-10 วัน ....ทุกครั้งที่ให้ทางใบ + ยาน็อค สารสมุนไพรร่วมด้วยทุกครั้ง

ป้องกันศัตรูพืช :
มาตรการ “กันก่อนแก้” : คือ แม็กเนเซียม. สังกะสี. ช่วยสร้างภูมิตานทานให้แก่ต้นข้าวเป็นพื้นฐาน แถมฉีดพ่นสารสมุนไพรทับเข้าไปอีก นี่คือ 2 เด้ง

มาตรการ “ป้องกัน + กำจัด” : ถ้าแปลงข้างๆกำลังเกิดระบาด ช่วงว่างระหว่าง 7-10 วัน ให้ฉีดพ่นสารสมุนไพรเดี่ยวๆ 2-3 รอบ ห่างกันวันเว้นวัน

บำรุงต้นข้าวสูตรเลยตามเลย ไหนไหนก็ไหนไหน แบบ “ประณีต” :
นาข้าวที่กำจัดวัชพืชไม่หมด ต้นข้าวโตขึ้นมาแล้วมีต้นข้าวกับต้นวัชพืช "ครึ่ง : ครึ่ง" จนเต็มนา แนะนำให้ใช้สูตร "เลยตามเลย หรือ ไหนไหนก็ไหนไหน" เพราะกำจัดวัชพืชไม่ได้แล้ว โดยเน้นบำรุงทางใบเป็นหลัก.....ดังนี้

ระยะกล้า :
- ฉีดพ่น "ไบโออิ + ยาน็อค" ทุก 7-10 วัน ระยะนี้หาโอกาสให้แคลเซียม โบรอน 1 รอบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน

ระยะตั้งท้อง ออกรวง :
- ฉีดพ่น "ไทเป + ยาน็อค" 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน

ระยะน้ำนม :
- ฉีดพ่น "ไบโออิ 100 ซีซี. + ยูเรก้า + ยาน็อค" ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน

หมายเหตุ :
- การให้ทางใบเท่ากับบำรุงทั้งต้นข้าวและต้นวัชพืช แม้จะสิ้นเปลืองปุ๋ยแต่จำเป็นต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ต้นข้าวก็จะไม่ได้ปุ๋ยเลย ส่งผลให้ไม่ได้ผลผลิตข้าวไปด้วย

- หลังจากต้น (ข้าว-วัชพืช) โตแล้ว ไม่ควรใส่ปุ๋ยทางราก เพราะธรรมชาติของต้นวัชพืชจะดูดสารได้เก่งกว่าต้นข้าว นี่คือ ต้นวัชพืชแย่งอาหารต้นข้าวนั่นเอง

- ปุ๋ยทางใบอยู่ที่ใบข้าว ต้นวัชพืชไม่สามารถแย่งได้ นั่นคือ ต้นข้าวยังได้รับปุ๋ยเท่าที่ให้อย่างแน่นอน
- หลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว ก่อนทำนารุ่นต่อไป ทำการไถกลบฟางพร้อมต้นวัชพืช ก็จะได้ปุ๋ยที่ต้นวัชพืชเอาไปกลับคืนมา

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=10

----------------------------------------------------------------------------------------


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©