kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
ตอบ: 19/02/2023 5:16 pm ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 20 ก.พ. * เกษตรแปลงเล็ก ต้องใช้เ |
|
|
.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 20 ก.พ.
***********************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม .. ? ..
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย-ยา-ไฟฟ้า-เวลา-ค่าแรง-ค่าที่-อารมย์-เทคนิค-เทคโนฯ-โอกาส-ตลาด-ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....
รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***
งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ....... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ..... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ..... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ........ ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน ... ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด
*** วันนี้วันจันทร์ ทุกวันจันทร์ เฉพาะวันจันทร์ สมช.สีสันชีวิตไทย คุณล่า (081) 944-8494 ไปที่ตลาดนัด
วัดอมรญาติ ดำเนินสะดวก ราชบุรี พร้อมกับ ระเบิดเถิดเทิง. ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. กับหนังสือหัวใจเกษตรไทย มินิ ไปจำหน่าย....
*** ด้วยประสบการณ์ร่วม 20 ปี พบเห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมามากมาย ใครสนใจใคร่รู้ก็ไปคุยกัน แล้วจะรู้ว่า อ้อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง....
*** งานสีสันสัญจรวันเสาร์ เสาร์นี้วันที่ 25 ก.พ. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน ไปส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสิ์ ถ.วงแหวนตะวันตก กาญจนาภิเษก ....
*** งานนี้ ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถม หนังสือไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม........ใครไม่ซื้อ ไม่ซื้อแต่แจก แจกหนังสือไม้ผลแนวหน้า คนละ 1 เล่ม
***********************************************************************
***********************************************************************
จาก : 06 282x 951x
ข้อความ : ที่แปลงเล็ก 10 ไร่ ขอไอเดียร์ลุง ปลูกผักไม้ยืนต้นครับ
จาก : 09 741x 328x
ข้อความ : เกษตรแปลงเล็ก แบ่งแปลงปลูกอะไรดี
จาก : 06 271x 8715x
ข้อความ : เนื้อที่ 10 ไร่ นำดีตลอดปี ทำเกษตรอะไรผสมผสานกับอะไร
จาก : 08 618x 381x
ข้อความ : เกษตรแปลงเล็กได้ผลผลิตมากต้องใช้เทคนิคเทคโน
MOTIVATION แรงบันดาลใจ :
โครงการ 1 ไร่ 1 แสน ถือได้ว่าเป็นรูปแบบของเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีแนวคิดเสมือนทำพื้นที่ให้เป็นเกาะ ด้วยวิธีการขุดลอกคูคลองกว้าง-ลึก 1 เมตร ล้อมรอบบริเวณผืนดิน ขยายคันนา จากปกติที่เคยกว้าง 50 เซนติเมตรเป็น 1.5 เมตร เพื่อให้พื้นที่ เพียงพอต่อการปลูกพืชผักผลไม้ท้องถิ่น โดยส่วนที่เหลือจึงเป็น บริเวณแปลงนา โดยแบ่งสัดส่วนพื้นที่ในอัตรา 30 : 30 : 30 : 10 อันหมายถึง ขุดสระเก็บกักน้ำทำประมง ขนาดย่อม 30% พื้นที่ทำนา 30% ปลูกพืชผักผลไม้ 30% และเป็นที่อยู่อาศัย 10% และให้ระบบนิเวศ เกื้อกูลต่อกัน คุณนฤมล ลีศิริกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า โครงการทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท เป็นโครงการริเริ่มของภาคเอกชน อย่างหอการค้าไทย ที่อาสาเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพื่อให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ และรายได้ที่ดีขึ้น อย่างยั่งยืน โดยการประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎี ใหม่ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ มีพื้นที่นำร่อง คือบ้าน หนองแต้, บ้านบ่อ, บ้านกุดเชียงมี ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย ได้ริเริ่มโครงการทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท เพื่อต้องการช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จังหวัดที่เลือกเป็นโครงการนำร่อง คือ จ.ขอนแก่น โดยผลักดันให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทำเกษตรแบบผสมผสาน ทำนา ปลูกพืชเสริม และเลี้ยงสัตว์ เพื่อไว้บริโภคและขายเป็นรายได้ คุณนฤมล กล่าวต่อว่า หอการค้าจังหวัดขอนแก่น ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนข้อมูล แนะแนวทางในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่เห็นชัดเจนขณะนี้คือ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างเต็มรูปแบบมีรายได้เฉลี่ยถึง 150,000-200,000 บาท ขณะเดียวกัน ต้นทุนของการทำนา 1 ไร่จากเดิม 10,000 บาท ลดลงหลายเท่าตัวเหลือเฉลี่ยเพียง 2,292 บาทต่อไร่ นับได้ว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย
จากความสำเร็จของโครงการวันนี้ที่บ้านหนองแต้ อ.อุบลรัตน์ ดูคึกคัก มีชีวิตชีวา และกำลังได้รับความสนใจ เมื่อกลายเป็นแหล่งกรณีศึกษา มีเกษตรกรจากทั่วประเทศเดินทางมาเยี่ยมชมแปลงต้นแบบ และร้องขอให้หอการค้าขอนแก่นเป็นพี่เลี้ยง ให้ข้อมูลพื้นฐานการทำนาอย่างถูกต้อง ซึ่งคณะกรรมการหอการค้า จังหวัดขอนแก่นและคณะอนุกรรมการจากอำเภอต่างๆ ได้ลงพื้นที่เพื่อให้ความรู้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เดือนละ 2-4 ครั้ง โดยมีเกษตรกรเข้ารับการอบรมครั้งละ 100-200 คน ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรได้รับการอบรมโครงการดังกล่าวแล้วมากกว่า 600 คน
นอกจากเกษตรกรแล้วยังมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งในจังหวัดขอนแก่นและหลายจังหวัดทั่วประเทศ ติดต่อขอดูงาน อาทิ วปอ., สรรพากร, พาณิชย์, เกษตรและสหกรณ์, หอการค้า จังหวัดชัยภูมิ, เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดสุรินทร์
โดยหอการค้าจังหวัดขอนแก่นตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2554 นี้ จะ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการครบ 840 คน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์ 84 พรรษา คุณนฤมล กล่าวต่อไปว่า นอกจากโครงการ 1 ไร่ 1 แสนแล้ว ยังได้ขยายเครือข่ายเพื่อเกษตรกรโดยจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและความมั่นใจให้เกษตรกร โดยจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ที่ อำเภอเวียงเก่า และ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น
หากเกษตรกรรายใดต้องการเข้าอบรมในโครงการ 1 ไร่ 1 แสน สามารถติดต่อผู้ดูแลโครงการ โดยตรงที่ คุณนฤมล ลีศิริกุล โทร.081-739-6414 หรือที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น 043-324-990-1 โทรสาร 043-325-949 หรือ คณะอนุกรรมการหอการค้าจังหวัดขอนแก่นประจำอำเภอต่างๆ ในจังหวัดขอนแก่น ได้ในทุกวันในเวลาราชการ ทั้งนี้วิธีการทำนาของเกษตรกร
ตามโครงการ 1 ไร่ 1 แสน ก็คือแบ่งแปลงนาขนาด 1 ไร่ ออกเป็น 4 ส่วน
ส่วนแรก คือ "คันนา" ขนาดความกว้าง 1.5 เมตร ไว้สำหรับปลูกพืชประกอบ เช่น พริก มะนาว มะรุม โดยพืชที่ปลูกบนคันนา จะสามารถสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกร เหลือจากการขาย สามารถทำเป็นพืช สมุนไพร ใช้ป้องกันกำจัดศัตรูพืช
ส่วนที่สอง คือขุดร่องน้ำสำหรับทำประมง เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงกบ เลี้ยง หอย ซึ่งมูลสัตว์เหล่านี้จะกลายเป็นปุ๋ยแก่ข้าว ขณะที่
ส่วนที่สาม คือพื้นที่สำหรับปลูกข้าว และ
ส่วนที่สี่ คือพื้นที่เลี้ยงเป็ดไข่ จะปล่อยเป็ดไปหากินตามแปลงนาได้ โดยชาวนาจะปรับสภาพดินโดยใช้จุลินทรีย์ที่คัดมาเป็นพิเศษในห้องทดลอง แล้วทำระบบนิเวศน์ใหม่ให้เหมาะสมกับการเกิดแพลงตอนในนาข้าว ถ้าทำได้จะทำให้เกิดสาหร่ายสีเขียวที่มีประโยชน์ในนาข้าวเป็นจำนวนมาก พวกสัตว์น้ำทั้งหลาย กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ ก็ปล่อยให้มันกินกันเอง และเมื่อให้ปุ๋ยกับต้นข้าว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจะมีแมลงปอมาวางไข่เป็นจำนวนมากกลายเป็นกองทัพอากาศ ทำหน้าที่กำจัดแมลงศัตรูพืชได้เป็นอย่างดี
ส่วนตามคันนา ก็ปลูกพืชที่สร้างรายได้เสริม เช่น พริก มะนาว ข่า ตะไคร้ มะเขือ หอมแดง หรือ มะรุม และเลี้ยงสัตว์ประกอบ เช่น เลี้ยงเป็ดไข่ กบ เพื่อเสริมรายได้ เมื่อเข้าช่วงเก็บเกี่ยว พบว่าได้ข้าวติดรวงเป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้นยังได้ขายพืชอื่นๆ ที่ปลูกตามคันนาไว้ ขายปลา ขายหอย ขายปู ขายกุ้ง ส่วนข้าวที่ปลูกขายเป็นข้าวหอมนิล กินแล้วมีสรรพคุณเป็นยาช่วย ต้านทานโรคได้สารพัด ที่สำคัญชาวนาที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่มีความรู้และเป็นสมาชิก เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรอินทรีย์ตำบลบ้านดง จึงเข้าใจวิธีการนิเวศวิทยา ไม่มีการใช้สารเคมีเป็นการกลับไปทำนาแบบดั้งเดิมเหมือนสมัยปู่ย่าตายาย
http://www.bangkokideaeasy.com/informations/58information/files/dynamiccontent/file-36065.pdf
ตอบ :
คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม :
18. ที่ 10 ไร่ รายได้วันละ 2.000 :
- เมื่อเอ่ยถึงการบำรุงพืช พืชอะไรก็แล้วแต่ หลายคนมักมุ่งไปที่ ปุ๋ย แต่เพียงอย่างเดียว ปุ๋ยสูตรไหน ยี่ห้อไหน ก่อน น้อยคนนักที่จะคิดถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปุ๋ย นั่นคือ ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สายพันธุ์-โรค ซึ่งหากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งในทั้ง 5 ปัจจัยนี้ไม่เหมาะสม สารอาหารหรือปุ๋ยที่ให้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์ หรือเกิดประโยชน์ไม่เต็มร้อย หรือดีกว่าไม่ได้ให้หน่อยหนึ่งเท่านั้น นี่คือความสูญเสียที่หลายคนมองข้าม
- พืชต้องอาศัยปัจจัย 6 เหมือนคนที่ต้องอาศัยปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิต
* ดิน .... ดินต้องมาก่อนดินต้องมาก่อน ดินคือที่กินที่อยู่ของพืช เหมือนบ้านเป็นที่กินที่อยู่ของคน บ้านปลูกยังไม่เรียบร้อยคนเข้าไปอยู่แล้วต่อเติมได้ ดินยังเตรียมไม่ดีปลูกพืชซะแล้ว ใส่ เสริม/เติม/เพิ่ม ภายหลังได้
ปัญหาจริงๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องดิน คือ ไม่เชื่อ ซะมากกว่า กรณีของคุณสาวสุพรรณ ปลูกไปแล้ว 1 เดือน ต้นเริ่มโตแล้ว ไม่รู้ว่าก่อนลงมือปลูกได้เตรียมดินเตรียมแปลงหรือเปล่า ....
ถ้าเตรียมแล้ว เตรียมอย่างไร ทำอย่างไร เพราะถ้าดินไม่ O.K. ใส่ปุ๋ยให้น้ำลงไป ยังไงๆก็ได้ผลแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น อันนี้เปรียบเสมือนปลูกบ้านยังไม่เสร็จ เข้าไปอยู่ซะแล้ว ก็ต้องสร้างต่อเติมอีก นั่นคือ ดินแปลงปลูก ทุกผักที่ปลูก ณ วันนี้ จงใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ผสมกัน หว่านทั่วแปลง วางแผนใส่ 3-4 เดือน/ครั้ง พร้อมกับพรวนดินพูนดินโคนต้น, รดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 เดือนละครั้ง, ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น, กำจัดวัชพืชด้วยการถากถาง ห้ามใช้ยาฆ่าหญ้าเด็ดขาด
* น้ำ .... ติดสปริงเกอร์ หม้อปุ๋ยหน้าโซน เนื้อที่ 10 ไร่ แบ่งเป็น 10 โซน ๆละ 1 ไร่ ใช้ปั๊ม 3 แรงม้า ไฟบ้านธรรมดาๆ .... ให้ น้ำ + ปุ๋ย + ยาสมุนไพร โซนละ 10 นาที เท่ากับ 100 นาที หรือ 1 ชม.ครึ่ง ด้วยแรงงานคนเดียว ... ให้ ยาสมุนไพร
* ปุ๋ย .... ชะอม หวานบ้าน มะกรูดใบ เป็นพืชกินใบกินยอด ใช้ปุ๋ยสูตรเดียวกัน ทั้งทางใบทางราก .... ทางใบ : ให้ ไบโออิ + ยูรีย จี. .... ทางราก : ปุ๋ยอินทรีย์ ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10
* โรค .... ทั้ง 3 พืช โรคเดียวกัน ทั้งทางใบทางดิน ป้องกันและกำจัดแบบเดียวกัน สูตรรวมมิตร ฉีดประจำๆ ฉีดบ่อยๆ ไปกับสปริงเกอร์นั่นแหละสะดวกที่สุด
หมายเหตุ :
- ผักหวานบ้านชอบพิเศษ ไบโออิ + เหล็ก คีเรต
- มะกรูดตัดใบชอบพิเศษ น้ำมะพร้าวอ่อน
@@ เชื่อมั้ย รู้มั้ย คิดมั้ย ..... ระหว่าง ถูกต้อง+ขยัน กับ มั่วซั่ว+ขยัน ต่างกันอย่างไร ?
- ชะอม อินทรีย์นำ เคมีเสริม เนื้อที่ 3 ไร่ ข้างบ้าน แรงงานผู้หญิงอายุ 50 ปีคนเดียวเดี่ยวๆ ติดสปริงเกอร์ แม่ค่าตลาดนัดจรมารับถึงบ้าน รายได้ขึ้นๆลงๆตามราคาตลาด ระหว่าง 500-1,000 ทุกวัน
- ผักหวานบ้าน อินทรีย์นำ เคมีเสริม เนื้อที่ 10 ไร่ ข้างบ้าน แรงงาน 2 คนผัวเมีย ติดสปริงเกอร์ ทำเกษตรพันธะสัญญา ไม่ใช้สารเคมียาฆ่ายาแมลง ใช้ปุ๋ยเคมีได้ ส่งห้าง รายได้ขึ้นๆลงๆตามราคาตลาด ระหว่าง 2,500-3,000 ทุกวัน
- ชะอม 3 ไร่ ผักหวานบ้าน 3 ไร่ มะกรูดตัดใบ 4 ไร่ อินทรีย์นำ เคมีเสริม รวมเนื้อที่ 10 ไร่ ข้างบ้าน แรงงาน 2 คนผัวเมีย ติดสปริงเกอร์ แม่ค่าตลาดนัดจรมารับถึงบ้าน รายได้ขึ้นๆลงๆตามราคาตลาด ระหว่าง 1,500-2,500 ทุกวัน
- ในธรรมชาติไม่มีตัวเลข ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีปุ๋ยวิเศษ ไม่มีฮอร์โมนวิเศษ เมื่อใช้แล้ว ได้ผล/ไม่ได้ผล ขึ้นกับปัจจัยทางธรรมชาติ งานนี้ไม่ใช่รู้ได้ด้วยสายตาปกติ ต้องเข้าห้อง LAB ถึงจะรู้ งานนี้ไม่ใช่ง่าย แต่มีช่องทางง่ายๆให้เลือก นั่นคือ อย่าหวังผลจากชะอมอย่างเดียว ให้มี ตัวตายตัวแทน ชะอมมีปัญหาก็หันไปพึ่งพาตัวอื่นแทน นั่นคือ ปลูกหลายๆอย่าง เอาซัก 2-3 ในแปลง ไงล่ะ
*** ขอบคุณชะอม เป็นแสงสว่างปากถ้ำ ทำให้เห็นช่องทางอย่างอื่นได้อีก
จาก : (084) 184-59 xx
ข้อความ : ปรึกษาเรื่องชะอมยอดไม่พุ่ง เป็นเพราะอากาศหนาวหรือเปล่า ใช้ปุ๋ยลุงคิมแก้ไขได้ไหม ....
ตอบ :
- อากาศหนาวระดับคนนอนห่มผ้านวม ใส่เสื้อกันหนาว นั่งผิงไฟ ชะอมจะหยุดการเจริญ เติบโตทางใบทางลำต้น โดยเฉพาะระบบรากจะไม่ทำงาน
- แก้ไขโดยการให้ทางใบ น้ำ 20 ล. + ไบโออิ 10 ซีซี. + ยูเรีย จี. 10 กรัม + เหล็ก คีเลต 10 กรัม + สมุนไพรป้องกันกำจัดเชื้อรา 50 ซีซี. ทุก 5 วัน จะพอช่วยได้บ้างดีกว่าไม่ได้ให้
- ปัจจัย ความสมบูรณ์สะสม ที่ต้นได้รับสม่ำเสมอมาตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ก็มีส่วนช่วยได้มากในการบำรุงช่วงอากาศหนาว .... ปัญหาสำคัญคือดิน ระหว่างแปลงชะอม เคมีเพียวๆ ปุ๋ยยาฆ่าหญ้ายาฆ่าแมลงหนักๆ หว่านปุ๋ยทางดินขาวโพลน ไม่เคยให้ปุ๋ยทางใบ ถึงหน้าหนาวชะอมหยุดกึก เรียกว่าจอดสนิท ยืนต้นนิ่งแต่ไม่ตาย ส่วนแปลงชะอม อินทรีย์นำ เคมีเสริม เลิกยาฆ่าหญ้าเด็ดขาด ใช้จอบถาก หมั่นพรวนดิน ทำไว้ตลอดทั้งปี ถึงช่วงอากาศหนาวยังพอมียอดให้เก็บบ้าง วันเว้นวัน หรือวันเว้นสองวัน ...ถึงจุดนี้คิดดูเอาเองว่า ระหว่าง ชะอมเคมีเพียวๆ กับ ชะอมอินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของชะอม อย่างไหนจะดีกว่ากัน ต้นทุนเงิน แรงงาน เวลา ผลผลิตที่ได้รับ รวมไปถึงอนาคตดินที่ต้องปลูกชะอม หรือจะปลูกพืชอื่นก็สุดแท้
- ระหว่างแถวชะอม หว่านเมล็ดถั่วบำรุงดิน ไร่ละไม่ถึงกิโล เดือนครึ่งต้นถั่วเริ่มออกดอก ให้ล้มต้นถั่วคลุมดิน รอเวลาเน่าสลายเอง ทำซ้ำหลายๆรอบ จะดีไหม
@@ บังคับชะอมแตกยอดหน้าหนาว :
ต้นเดือน พ.ย. .... ทางราก : ใส่ยิบปุ๋ยอินทรีย์ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, หญ้าแห้งหรือฟางแห้งคลุมโคนต้น, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) + 25-7-7 (2 กก.) ละลายให้เข้ากันดี รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว เดือนละ 1 ครั้ง .... ทางใบ : ตัดแต่งกิ่งที่ไม่แข็งแรงและใบออกให้หมด แล้วให้ น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 200 ซีซี. + ยูเรีย จี 200 กรัม + เหล็ก คีเลต 50 กรัม + น้ำมะพร้าวอ่อน 200 ซีซี. 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ประมาณ 15 วัน ชะอมจะแตกยอดออกมาให้เก็บได้ .... ให้ไปเรื่อยๆ หน้าหนาว หน้าร้อน หน้าฝน มียอดตลอดปี เพียงแต่หน้าหนาวอาจจะออกน้อยกว่าหน้าอื่นเท่านั้น ถึงหน้าหนาวจะออกยอดน้อยแต่ราคาแพง
@@ บังคับชะอมแตกยอดหน้าแล้ง
** ขั้นตอนที่ 1 :
- กำจัดวัชพืชรอบ ๆ โคนต้นให้หมด ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) +25-7-7 (2 กก.) / ไร่ รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว, ให้น้ำโชกๆ .... ทิ้งไว้ 5-7 วัน เริ่มขั้นตอนต่อไป
** ขั้นตอนที่ 2 :
- ใช้หญ้าแห้งหรือฟางแห้งวางบนพื้นให้ห่างจากโคนต้นประมาณ 15 ซม. ใช้หญ้าสดหรือฟางเปียกวางทับฟางแห้งอีกชั้นหนึ่ง แล้วจุดไฟเผาฟางแห้ง ระวังอย่าให้เปลวไฟสูงนัก โดยคอยเกลี่ยหญ้าสดหรือฟางเปียกทับเปลวไฟไว้ กะให้ได้แต่ควัน 9 ใน 10 ส่วน รมที่ต้นชะอม ค่อยๆแบ่งโซนเผาฟางลามไปเรื่อยๆ พร้อมกับคอยช่วยให้ควันลอยขึ้นคลุมต้นเสมอกันทุกต้นทั่วทั้งแปลง
- หลังจากดับไฟแล้ว 2-3 วัน ใบชะอมเริ่มเหลือง ใบบางส่วนเริ่มร่วง ให้ .... ทางใบ : น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 200 ซีซี. + ยูเรีย จี 200 กรัม + เหล็ก คีเลต 50 กรัม + น้ำมะพร้าวอ่อน 200 ซีซี. 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน .... ทางราก : ช่วง 2-3 วันแรกให้น้ำติดต่อกัน หลังจากนั้นจึงให้ 3-5 วัน/ครั้ง .... หลังจากให้ทางใบทางรากแล้ว ประมาณ 15 วัน ชะอมก็จะแทงยอดใหม่ออกมา แล้วแตกต่อมาเรื่อยๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------
.
|
|