kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
ตอบ: 13/03/2023 4:56 pm ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 14 มี.ค. * สำปะหลังแบบก้าวหน้า |
|
|
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 14 มี.ค.
***********************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม .. ? ..
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย-ยา-ไฟฟ้า-เวลา-ค่าแรง-ค่าที่-อารมย์-เทคนิค-เทคโนฯ-โอกาส-ตลาด-ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....
รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***
งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ....... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ..... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ..... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ........ ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน ... ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด
*** วันจันทร์ ทุกวันจันทร์ เฉพาะวันจันทร์ สมช.สีสันชีวิตไทย คุณล่า (081) 944-8494 ไปที่ตลาดนัด
วัดอมรญาติ ดำเนินสะดวก ราชบุรี พร้อมกับ ระเบิดเถิดเทิง. ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. กับหนังสือหัวใจเกษตรไทย มินิ ไปจำหน่าย....
*** แจกหนังสือไม้ผลแนวหน้า *** แจกกับดักแมลงวันทอง....
*** ด้วยประสบการณ์ร่วม 20 ปี พบเห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมามากมาย ใครสนใจใคร่รู้ก็ไปคุยกัน แล้วจะรู้ว่า อ้อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง....
*** งานสีสันสัญจรวันเสาร์ เสาร์นี้วันที่ 18 มี.ค. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน ไปวัดท่าตำหนัก ถ.เพชรเกษม (ขาล่อง) ก่อนถึงแยกนครชัยศรี 200 ม. นครปฐม....
*** งานนี้ แจก ! แจก ! แจก ! หนังสือไม้ผลแนวหน้า กับดักแมลงวันทอง แจก ! แจก ! แจก ! ....
***********************************************************************
***********************************************************************
จาก : 09 612x 718x
ข้อความ : ลุงครับ ทำสำปะหลังปีนี้ปีที่ 18 ได้สูงสุด 5 ตัน เพราะฝนดี ปีอื่นได้ 3-4 ตันครับ
จาก : 08 510x 921x
ข้อความ : สำปะหลัง 12 ไร่ ปีนี้ขอทำสูตรผู้พัน อยู่นครสวรรค์ สั่งซื้อปุ๋ยทาง ปณ ได้ไหมครับ
จาก : 08 491x 382x
ข้อความ : ทำแบบเดิมไม่ดีกว่าเดิมแน่ สำปะหลังทุกบ้านได้ 3-4 ตัน ผมทำตามแนวลุง ปีที่แล้วได้ 8 ตัน ปีนี้คงได้กว่า 12 ตันแน่ ขอกำลังใจครับ
จาก : 09 278x 138x
ข้อความ : สำปะหลังอู่ทองได้ 60 ตัน เอาขอแค่ 20 ตันครับ
สำปะหลัง :
คนถามใหม่ คำถามเก่า คำคอบเดิม :
จาก : 08 623x 716x
ข้อความ : สำปะหลัง ทำอย่างเดิมได้เท่าเดิม อยากทำแบบใหม่ แบบลุงคิม คิดเป็น ทำเป็น ขายเป็น ผลผลิตเพิ่ม ต้นทุนลด อนาคตดี เชียร์ลุงครับ
จาก : 09 380x 174x
ข้อความ :ขอสูตรสำปะหลังแจ๊คพ็อตครับ
MOTIVATION แรงบันดาลใจ :
สำปะหลัง 20 ตัน :
ปลูกมันสำปะหลัง ทุนน้อย 20 ตัน/1ไร่ ทำอย่างไร ? :
ปัจจุบันนี้การปลูกมันสำปะหลังค่อนข้างใช้สารเคมีมาก และแน่นอนยิ่งใช้สารเคมีมากเท่าไหร่ต้นทุนมันก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่กลับกันการที่เราใช้สารเคมีมาก ต้นทุนสูง คนผลิตกับได้น้อย ทำไปก็ไม่คุ้มทุน เพราะฉะนั้น การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการบำรุงมันสำปะหลังอย่างครบวงจร มันจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังหันมาให้ความสำคัญ มันช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มศักยภาพให้กับต้นมันสำปะหลังของเรา
ซึ่งคุณปัญจา ตั้งตระกูล เจ้าของสูตร ปุ๋ยเกษตรอินทรีย์นี้ คิดหาวิธีการลดต้นทุนการปลูกมันสำปะหลัง โดยพึ่งพาปัจจัยภายนอก ใช้ปุ๋ย ลดสารเคมีให้น้อยที่สุด มุ่งเน้นการผลิตแบบอินทรีย์ และใช้วัสดุท้องถิ่นมาทำปุ๋ยบำรุงพืช จนสามารถผลิตมันสำปะหลังได้ในพื้นที่ 2 ไร่ 2 งาน เมื่อต้นทุนเพียงแค่ 3,000 บาทต่อไร่ แต่ได้ผลผลิตรวม 49 ตัน ที่ใช้พื้นที่ปลูกเพียงแค่ 2 ไร่ 2 งานเท่านั้น
คุณปัญจา กล่าวว่า การปลูกมันสำปะหลังให้ได้ผลผลิต 20 ตันต่อไร่ ของตน จะมีวิธีการเตรียมดิน ยกร่องดิน และการปลูกเหมือนกับการปลูกมันสำปะหลังปกติทั่วไป แต่เทคนิคพิเศษหรือหัวใจสำคัญที่ทำให้ได้ผลผลิตสูงขนาดนั้น เพราะการดูแลเอาใจใส่ในการเตรียมดิน และจะต้องบำรุงพืชอย่างสม่ำเสมอ ด้วยปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ ที่สำคัญลดสารเคมีให้น้อยลงที่สุด เป็นหัวใจหลักที่ทำให้ได้ผลผลิตสูงอย่างที่เคยทำได้มาแล้ว ถ้าหากใครอยากจะทำตาม ด้วยปุ๋ยสูตรต่างๆที่มีระยะเวลาการใช้ในขั้นตอนต่างๆดังนี้
ขั้นตอนการเตรียมดิน :
1.โรยปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ อีเอ็ม โบกาฉิ ในอัตรา 300 กิโลกรัมต่อไร่ จากนั้นตามด้วยการฉีดพ่นจุลินทรีย์ฮอร์โมนผลไม้ ในอัตรา 10 ต่อไร่ (น้ำหมัก 1 ช้อน + น้ำ 20 ลิตร/ปี๊บ)
2. ขั้นตอนต่อมา ให้เราไถกลบหน้าดิน ตากดินไว้เพื่อทำการหลักดินอย่างน้อย 15 วัน แล้วจึงยกร่องปลูกมันสำปะหลัง
3 .ยกร่องปลูกมันสำปะหลังสูง 50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่อง 1 เมตร แหวกกลางร่องออกแล้วหว่านปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ อีเอ็มโบกาฉิ 700 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วกบทับ เพื่อให้เป็นเนินเตรียมปลูก
เตรียมท่อนมันปลูกมันสำปะหลัง :
1. ตัดท่อนมันสำปะหลังยาว 6 ข้อ ตัดแบบทางตรง เพื่อให้รากของมันออกเป็นวงกลม 360 องศา
2.ใช้เชือกมัดท่อนมันพันเป็นมัด แล้วนำไปแช่ในน้ำจุลินทรีย์ฮอร์โมนผลไม้ 1 ช้อน + น้ำ 20 ลิตร แช่น้ำ 15 นาทีเพื่อเป็นการเร่งรากให้มันสำปะหลัง
การทำน้ำหมัก อีเอ็ม โบกาฉิ :
1. มูลสัตว์แห้งทุกชนิด 1 ตัน
2. แกลบดิบ 20 กิโลกรัม
3. รำละเอียด 5-10 กิโลกรัม
ส่วนผสมส่วนที่ 2 สำหรับการทำน้ำจุลินทรีย์รดกองปุ๋ย :
1. น้ำหมักฮอร์โมนระเบิดหัวมันหรือฮอร์โมนอาหารหลัก 5 หมู่ สูตรเข้มข้น จำนวน 20 ลิตร
2. กากน้ำตาล 20 กิโลกรัม
3. น้ำสะอาด 100 ลิตร
วิธีการทำ :
1. นำแกลบผสมกับมูลสัตว์ให้เข้ากัน
2. ผสมน้ำหมักฮอร์โมนระเบิดหัวมัน หรือฮอร์โมนอาหารหลัก 5 หมู่ ใส่กากน้ำตาล น้ำสะอาด 100 ลิตรให้เข้ากัน ตักใส่บัวรดน้ำ ลดลงไปที่บริเวณกองมูลสัตว์และแก่ให้ชุ่ม หลังจากนั้นก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน ให้มันมีความชื้นที่พอดี
3. จากนั้นนำรำละเอียดลงไปคลุกเคล้ากับแกลบ ผสมมูลสัตว์ให้เข้ากัน นำไปหมัก ซึ่งวิธีการหมักมี 2 รูปแบบด้วยกันคือ
- กองบนพื้นหนาประมาณ 15 ถึง 20 เซนติเมตร คลุมด้วยกระสอบป่านหมักทิ้งไว้ 7 วัน
- หมักในกระสอบทิ้งไว้ 5-7 วันจะปิดปากกระสอบหรือไม่ปิดก็ได้
ปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ธรรมชาติที่มีคุณภาพดี จะมีกลิ่นหอมเหมือนเห็ด เมื่อแห้งแล้วสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หรือจะใส่กระสอบไว้เก็บในที่ร่ม ไม่มีความชื้นและควรใช้ให้หมดภายใน 4 เดือน
เพียงเท่านี้เพื่อนๆก็จะได้สูตรน้ำหมัก อีเอ็มโบกาฉิ ที่สามารถทำให้มันสำปะหลังของคุณปันจา มีน้ำหนักถึง 20 ตันต่อไร่ อย่าลืมนะครับว่าเราจะต้องดูแลมันสำปะหลังของเราให้ดี มีน้ำหมักดี ดูแลไม่ดีมันก็แค่นั้น ทุกอย่างมันก็ออกมาเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น จะต้องดูแลมันสำปะหลังของเราให้มันดีๆ
สูตรนี้เป็นสูตรของคุณปัญจา ซึ่งต้องขอขอบคุณคุณปัญจา เป็นอย่างสูงเลยนะครับที่มาบอกสูตรการทำมันสำปะหลังดีๆแบบนี้ ใครที่อยากจะลองทำ หรือว่าคิดอยากจะทำ ก็ทำตามได้เลย วิธีการหมักน้ำ อีเอ็มโบกาฉิ เราก็บอกไว้แล้ว ขั้นตอนต่อไปของเพื่อนๆก็เพียงแค่ลงมือทำเท่านั้น ขั้นตอนการทำเราก็บอกไปแล้วด้วยเช่นกัน บอกว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆหลายคนนะครับ ใครที่อยากจะลองทำก็ต้องลองทำดู ต้นทุนไม่ได้เยอะมากอะไรเลยดีกว่าที่เราไปใช้สารเคมีด้วย
ทำแบบเดิม คงไม่มีอะไรดีกว่าเดิม....
สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง :
คิด วิเคราะห์ เปรียบเทียบ....ฟันธง !
- สำปะหลัง ต้นเดี่ยว-คนเลี้ยง อู่ทอง สุพรรณบุรี .......... ได้ 60 ตัน /ไร่
- สำปะหลังแบบเดิม ต้นเดี่ยว-เทวดาเลี้ยง ................. ได้ 4 ตัน /ไร่
- สำปะหลังแบบเดิม ต้นเดี่ยว-คนเลี้ยง ..................... ได้ 10 ตัน /ไร่
- สำปะหลัง แบบก้าวหน้า ต้นคู่-เทวดาเลี้ยง ............... ได้ 8 ตัน /ไร่
- สำปะหลัง แบบก้าวหน้า ต้นคู่-คนเลี้ยง ................... ได้ 20 ตัน /ไร่
ตอบ :
สำปะหลัง 60 ตัน เอาแค่ 30 ตัน :
เตรียมท่อนพันธุ์ :
- เตรียมถังขนาดใหญ่ ใส่น้ำ 100 ล. + ไบโออิ 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี. + ยูเรก้า 100 ซีซี. .... สังกะสี ในไบโออิ, โบรอน ในแคลเซียม โบรอน ส่งเสริมการงอกของรากของท่อนพันธุ์, ไคโตซาน ในยูเรก้า ช่วยกำจัดเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับท่อนพันธุ์
- ตัดท่อนพันธุ์ตั้งฉาก ท่อนพันธุ์ยาว 1 ศอกแขน ตัดแล้วร่วงลงน้ำทันที
- แช่ท่อนพันธุ์ในน้ำ 5-6 ชม. นำขึ้นผึ่งลมให้แห้ง แล้วนำไปปลูก
- ปลูกแบบปักท่อนพันธุ์ให้ตั้งฉากกับพื้น ลึกลงดิน 3 ใน 4 ส่วนของความยาว (ความยาว 1/2 ศอกแขน)
บำรุง :
ทางใบ : น้ำ 200 ล. + หัวโต (ไบโออิ 5-10-40) + สารสมุนไพร 1 ล. ให้เปียกโชกทั้งไต้ใบบนใบ ทุก 15 วัน
ทางราก : ให้น้ำตามความเหมาะสมเป็นการให้น้ำไปในตัว +น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 5-10-40 (2 ล./ไร่) เดือนละครั้ง
หมายเหตุ :
- บำรุงตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุด
- การให้ น้ำ + ปุ๋ย ทางใบ เป็นการสร้างความชื้นโดยตรง กับการให้ น้ำ+ ปุ๋ย หรือน้ำ เปล่า ทางราก น้ำที่ระเหยจากดินขึ้นไปบนอากาศจะเป็นการสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ซึ่งนอกจากช่วยป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้งได้แล้ว ยังสร้างความสมบูรณ์ของต้น ส่งผลให้ผลผลิตดีอีกด้วย
- สำปะหลังที่ไม่มีการให้น้ำ ต้นเรียวเล็ก-ใบเล็ก-จำนวนใบน้อย ที่ปลายยอด นอกจากผลผลิตได้น้อย โรคมากแล้ว เอาต้นไปทำพันธุ์ต่อก็ไม่ดี ผิดกับสำปะหลังที่ได้ น้ำ+ปุ๋ย ทั้งทางใบทางราก มีใบมาก สังเคราะห์อาหารได้มาก ผลผลิตมาก โรคน้อย ต้นใหญ่สมบูรณ์ ใช้หรือจำหน่ายต้นพันธุ์ได้ราคาอีกด้วย
สำปะหลังแบบก้าวหน้า :
1. ปลูกแบบ แถวตอนเรียง 1 ยาวตามร่องปลูกแบบเดิม สำปะหลัง 1 กอจะให้หัว 1 พวง ถ้าปรับใหม่เป็นปลูกแบบ แถวตอนเรียง 2 ยาวตามร่องปลูกเดิม เป็นสำปะหลัง 2 กอ เท่ากับได้หัวสำปะหลัง 2 พวง บนพื้นที่เท่าเดิม .... ติดสปริงเกอร์ ให้น้ำให้ปุ๋ยทั้งทางใบทางราก รุ่นเดียวที่ได้ทุนคืน ถ้าไม่มีสปริงเกอร์จะลากสายยางก็ได้ ที่สำคัญขอให้สำปะ หลังได้น้ำได้ปุ๋ยก็แล้วกัน
2. ปลูกสำปะหลังแบบแถวตอนเรียง 2 แต่ละกอทำเป็น สำปะหลังคอนโด โดย 1 กอให้ 2-3 พวง บำรุงเต็มที่ตามความเหมาะสมของสำปะหลัง จะได้หัวสำปะหลังมากกว่า 2 พวง/กอ บนพื้นที่เท่าเดิม .... จากสำปะหลัง 1 กอได้หัว 1 พวง ถ้าสำปะหลัง 2 กอ 3 กอ 4 กอ ได้หัวกอละ 1 พวง บนเนื้อเท่าเดิมจะได้ไหม ?
3. ระยะยังไม่ลงหัว บำรุงต้นให้ลำต้น สูง-ใหญ่-ใบมาก เมื่อถึงระยะเริ่มลงหัวให้ตัดต้นไปขายก่อน เหลือตอแล้วบำรุงตอสร้างต้นใหม่ ซึ่งการบำรุงตอสร้างต้นใหม่นี้ จะไม่ส่งผลเสียต่อการสร้างหัวแต่อย่างใด
4. ปลูกสำปะหลังแบบก้าวหน้า 10 ไร่ ลงทุนให้น้ำกับผลผลิตที่ได้ คุ้มเกินคุ้ม
5. ออกแบบสร้างอีแต๋นอีต๊อกบรรทุกน้ำ มีอุปกรณ์เครื่องมือให้น้ำ แรงงานคนเดียว ให้น้ำเปล่าหรือน้ำ + ปุ๋ย ใช้ในแปลงตัวเองแล้ว รับจ้างแปลงข้างๆเป็นรายได้ กะรวยด้วยกัน
6. ได้ดินดี เลิกสำปะหลัง จะปลูกอะไรก็ได้ .... ได้อีแต๋น บรรทุกน้ำไว้ใช้งาน ให้น้ำกับพืชอะไรก็ได้
7. อายุสำปะหลัง ตั้งแต่เริ่มเตรียมดินเตรียมแปลง ปลูกถึงขุด รวมเวลา 8 เดือน ติดสปริงเกอร์แบบถอดประกอบได้ ติดตั้งก่อนปลูก ก่อนขุดก็ถอดเก็บ ทำสำปะหลังก้าว หน้า รุ่นเดียวได้ทุนคืน ได้กำไรด้วย
หมายเหตุ :
- ช่วงหน้าแล้ง สปริงเกอร์ฉีดพ่นน้ำจากใบลงถึงราก นอกจากช่วยป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้งสีชมพู (เพลี้ยตัวนี้มาช่วงหน้าแล้ง) แล้วยังช่วยบำรุงต้นสำปะหลังตามปกติและบำรุงสำปะหลังช่วงแล้ง ป้องกันอาการกินตัวเองของสำปะหลังได้อีกด้วย
- สำปะหลังที่บำรุงเต็มที่ ได้ลำต้นสมบูรณ์ ใหญ่ยาว ขายเป็นต้นพันธุ์ดี
- สู้กับเพลี้ยแป้งสำปะหลังให้ได้ทั้ง ป้องกัน/ฆ่าเพลี้ย แถมบำรุงสำปะหลังด้วย น้ำ เท่านั้น ประหยัดและประโยชน์สูงสุด น้ำเปล่าๆ หรือ น้ำ + สารสมุนไพร หรือ น้ำ + สมุนไพร + ปุ๋ย .... สมุนไพรก็ บอระเพ็ด ฟ้าทะลายโจร เมล็ดน้อยหน้า หัวกลอย สะเดา เมล็ดมันแกว .... ปุ๋ยก็ แม็กเนเซียม. สังกะสี. 5-10-40 (หัวโต) ยืนพื้น .... ทุกครั้งที่ใช้ให้ +น้ำยาล้างจาน +ไบโอเจ๊ต ฉีดพ่นให้เปียกโชกเพื่อน้ำยาล้างจานซึมทะลุแป้งเข้าถึงตัวเพลี้ยที่อยู่ข้างใน ช่วงระบาดหนักให้ฉีดพ่นแบบวันเว้นวัน ช่วงยังไม่ระบาดอาจจะห่างหน่อยตามความเหมาะสม
- ธรรมชาติของเพลี้ยแป้งสำปะหลังชอบมากๆกับ ความแห้งแล้ง แล้งเมื่อไรมาเมื่อนั้น ออกลูกออกหลานขยายพันธุ์เต็มไร่ .... ในทางกลับกันเพลี้ยแป้งสำปะหลังไม่ชอบเอามากๆ กับ ความชื้น ฝนตก ให้น้ำ สร้างความชื้นขึ้นมา เพลี้ยแป้งในแปลงตาย แถมแปลงข้างเคียงก็ไม่เข้ามาอีกด้วย เมื่อรู้นิสัยเพลี้ยแป้งว่าไม่ชอบน้ำก็ให้น้ำซี่ นอกจากช่วย ป้องกัน/กำจัด เพลี้ยแป้งได้แล้วยังมีผลดีต่อต้นสำปะหลังอีกด้วย
- ไม่มีพืชใดในโลกไม่ต้องการน้ำ สำปะหลังต้องการน้ำระดับ ชื้น จากปริมาณน้ำ ชื้น/ชุ่ม/โชก/แฉะ/แช่ .... สังเกตุ : ฝนดี-ฝนพอดี-ฝนสม่ำเสมอ สำปะหลังแตกใบใหม่ เพลี้ยแป้งไม่มี เมื่อรู้ว่า สำปะหลังชอบฝนแต่เพลี้ยแป้งไม่ชอบฝน ถ้าฝนไม่ตกคนก็ทำเป็นฝนตกซะเอง โดยการฉีดพ่นน้ำเข้าไป ก็ได้ .... ความแห้งแล้งเป็นภาวะจำยอมโดยธรรมชาติ แม้จะต้องซื้อน้ำจากที่อื่นมาให้แก่สำปะหลังก็ต้องยอม มิเช่นนั้นจะไม่เหลืออะไรเลย แต่หากได้ให้น้ำ นอกจากสู้กับเพลี้ยแป้งได้แล้ว ยังได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีกด้วย .... นี่แหละการเกษตรที่ น้ำต้องมาก่อนน้ำต้องมาก่อนและน้ำต้องมาก่อน ....... (ย้ำจัง ! )
- การลงทุนติดสปริงเกอร์แบบหัวพ่นสูงเหนือยอด (สูง 1.5 ม.) ถอดประกอบได้ แบ่งเป็นโซนๆ มีหม้อปุ๋ยหน้าโซน หลังจากทำแปลงชักร่องเสร็จก็เริ่มให้น้ำได้ และให้ น้ำ + ปุ๋ย บำรุงต้นตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงขุด ก่อนขุดก็ให้ถอดสปริงเกอร์ออกไว้ใช้งานใหม่ได้ .... หากไม่ใช้ระบบสปริงเกอร์ก็ต้องมีเครื่องมือในการให้น้ำแบบอื่นที่เหมาะสม เครื่องมืออะไรก็ได้ที่สามารถส่งน้ำไปให้สำปะหลัง ณ เวลาที่ต้องการและจำเป็น
- การปลูกสำปะหลังแบบเดิม (เตรียมดิน เตรียมแปลง เตรียมท่อนพันธุ์ การใส่ปุ๋ย ไม่มีการให้น้ำ) ปีไหนฝนดี ได้ผลผลิต 4-6 ตัน/ไร่ ถ้าฝนไม่ดี ได้ผลผลิต 2-4 ตัน/ไร่
สำปะหลังกับระบบน้ำ :
ระบบน้ำหยด :
- ระบบน้ำหยด หมายถึง น้ำไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ ตามท่อไปถึงหัวน้ำหยด กรณีนี้ย่อมเป็นธรรมดาที่หัวต้นทางต้องหยด (ไหล) แรงกว่าหัวปลายทางแน่ นั่นคือ ปริมาณน้ำที่พืชแต่ละต้นได้รับไม่เท่ากัน โดยต้นแรกได้รับมากกว่าต้นท้ายปลายทาง
- น้ำที่ออกมาจากหัวน้ำหยด 1 หัว ลงพื้นได้เนื้อที่กว้างราว 30 x 30 ซม. กรณีพื้นที่สำปะหลัง 1 กอ หรือ 1 หัว กว้างราว 50 x 50 (ขนาดกลาง) ถึง 80 x 80 ซม. (ขนาดใหญ่) ปริมาณน้ำที่หยดลงมาจึงไม่ทั่วทรงพุ่ม กรณีนี้ต้องเพิ่มจำนวนหัวต่อต้นให้มากขึ้นจนเต็มพื้นที่
- ระบบน้ำหยดลงไปเฉพาะที่พื้นดิน ช่วงหน้าแล้งที่เพลี้ยแป้งสีชมพูระบาดทางใบ ต้องใช้เครื่องมือฉีดพ่นโดยเฉพาะ ..... ธรรมชาติของเพลี้ยแป้งสีชมพู ชอบความแห้งแล้งแต่ไม่ชอบความชื้น แต่น้ำจากหัวน้ำหยดที่พื้นดินไม่สามารถส่งความชื้นขึ้นไปบนต้นสำปะหลังได้ จึง ป้องกัน/กำจัด เพลี้ยแป้งสีชมพูไม่ได้
- ระบบน้ำหยด ไม่สามารถส่ง ปุ๋ย/ยา ไปกับระบบน้ำหรือทางท่อได้
สรุป :
- ระบบน้ำหยดได้ประสิทธิภาพเพียงให้น้ำทางรากเท่านั้น
- น้ำที่ไหลไปตามท่อ จากที่สูงลงไปที่ต่ำ จำนวนหัวน้ำหยดมาก ต้องใช้ เวลา/แรงงาน มาก ในการตรวจว่า หัวไหนอุดตันหรือไม่
ระบบหัวพ่นน้ำ :
- ติดสปริงเกอร์ระบบกะเหรี่ยง ถอด/ประกอบ ได้ นั่นคือ หลังเตรียมดิน
- เตรียมแปลงเสร็จให้ประกอบ ติดสปริงเกอร์แต่ละครั้งใช้งานนาน 8-9 เดือน ..... แปลงผักบางที่ ถอด/ประกอบ สปริงเกอร์ครั้งละ 3 เดือน (เตรียมแปลง ถึง เก็บเกี่ยว)
- หัวพ่นน้ำรัศมี 4 ม. พ่นน้ำออกไปโดนใบแล้วตกลงดิน เท่ากับเป็นการให้น้ำทางรากไปในตัว
- สปริงเกอร์มีหม้อปุ๋ยหน้าโซน หรือถังปุ๋ยที่ปั๊ม ให้ปุ๋ยสูตรสำปะหลังโดนใบ ผ่านปากใบเข้าสู่ต้น ตกลงดิน รากดูดเข้าสู่ต้น เท่ากับได้ 2 เด้ง
- น้ำเปล่า หรือ น้ำ+ปุ๋ย สร้างความชื้นทั่วแปลง ช่วย ป้องกัน/กำจัด เพลี้ยแป้งสีชมพู และศัตรูพืชอื่นๆได้อีกด้วย
ระบบโอเวอร์เฮด :
- ใช้แบบเคลื่อนที่ เข้า-ออก แปลงได้ทุกเวลาที่ต้องการ
- รัศมีพ่นน้ำอยู่ที่รุ่นหรือแบบ
- มีหม้อปุ๋ยหน้าโซน หรือถังปุ๋ยที่ปั๊ม ให้ปุ๋ยสูตรสำปะหลังโดนใบ ผ่านปากใบเข้าสู่ต้น ตกลงดิน รากดูดเข้าสู่ต้น เท่ากับได้ 2 เด้ง
- น้ำเปล่า หรือ น้ำ+ปุ๋ย สร้างความชื้นทั่วแปลง ช่วย ป้องกัน/กำจัด เพลี้ยแป้งสีชมพู และศัตรูพืชอื่นๆ ได้อีกด้วย เหมือนสปริงเกอร์แบบหัวพ่น
หมายเหตุ :
- ระบบน้ำหยดเหมาะสำหรับพืชในถุง หรือภาชนะปลูก เพราะสามารถควบคุมปริมาณน้ำทั้งหมดให้อยู่ในพื้นที่ๆต้องการได้ และระบบรากอยู่ในพื้นที่จำกัดจึงรับน้ำได้
- ข้ออ้างที่ว่า น้ำหยดเป็นการใช้น้ำอย่างประหยัด ในความเป็นจริงนั้น ต้นพืชไม่รู้จักประหยัด เขาใช้เท่าที่ใช้จริงกินจริงเท่านั้น หากต้องการให้เขาโตก็ต้องให้เขา
----------------------------------------------------------------------------------------------
.
|
|