ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11662
|
ตอบ: 27/08/2009 6:35 pm ชื่อกระทู้: FARMER CENTER |
|
|
ลุงคิมคะ" FARMER CENTER " ในความหมายหรือ
คำจำกัดความ ของลุงคิม เป็นไปในแนวทางใดคะ?
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 27/08/2009 8:05 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11662
|
ตอบ: 27/08/2009 7:54 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
กระทู้นี้ย้ายมาจากหัวข้อ "การอบรมที่ไร่กล้อมแกล้ม" เพราะ
1) เป็นหัวข้อที่ลุงคิมต้องการนำเสนอโดยเฉพาะอยู่ก่อนแล้ว และ
2) เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสมาชิกหลายๆคน
ต้องขออภัยเจ้าของกระทู้ที่ย้ายโดยไม่ได้ของอนุมัติ ครม.
FARMER CENTER หมายถึง เกษตรกรเป็นศูนย์กลาง นัยว่า
เกษตรปลูกพืชอะไรหรือทำอาชีพอะไรก็ให้ส่งเสริมเฉพาะพืชหรือ
อาชีพนั้นแบบเฉพาะ ครบวงจร และเจาะจงเพียงเรื่องเดียว
โดยการให้ "ความรู้-แนวคิด-วิสัยทัศน์-ประสบการณ์" แบบตั้ง
แต่พื้นฐาน ถึง ปลายยอด ชนิดทะลุปรุโปร่งไปเลย...... กำหนด
แนวสอนแบบ "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม" ควบด้วย "หลักปรัช
ญาการเกษตร" จนกว่าเขาจะเข้าใจและทำได้เอง เมื่อถึงเวลา
นั้นเขาก็จะพัฒนาตัวเองด้วยตัวเองไปสู่พืชอื่นได้....... เช่น
นาข้าว :
1. ให้ความรู้ขั้นพื้นฐานว่าด้วย "ปุ๋ย-ฮอร์โมน-จุลินทรีย์-สมุนไพร"
ที่เกี่ยวข้องกับนาข้าวโดยเฉพาะ
2. ให้ความรู้ขั้นพื้นฐานว่าด้วย ปัจจัยพื้นฐานว่า "ดิน-น้ำ-แสงแดด
/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค" ที่เกี่ยวข้องกับนาข้าว
โดยเฉพาะ
3. ให้ความรู้เรื่อง "นาข้าว-ต้นข้าว" เรียกว่ารู้จักต้นข้าวตั้งแต่ ปลาย
ใบ ถึง ปลายราก ทั้งด้านวิชาการ และที่เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน
4. ให้ความรู้ขั้นพื้นฐานว่าด้วย "อุปกรณ์ เครื่องมือ และผลิตภัณท์
สำหรับนาข้าว" โดยเน้นทั้ง "ภาควิชาและ ภาคปฏิบัติ" ถึงระดับมั่นใจ
จนสามารถทำด้วยมือตัวเองได้
5. ให้ความรู้ด้านแนวคิดว่าด้วย "การรวมกลุ่ม-การแปรรูป-การตลาด"
ที่เกี่ยวข้องกับนาข้าวโดยเฉพาะ
6. ให้ความรู้ด้านประสบการณ์ตรงเรื่องนาข้าวจากเกษตรกรที่ประสบ
ความสำเร็จและล้มเหลว
7. ให้ความรู้ด้านการ "วางแผน-บริหาร-จัดการ" เกี่ยวกับ CONTRACT
FARMING จากคนกลาง
8. ให้ความรู้ด้านวิชาการจากนักวิชาการด้านนาข้าวโดยตรง
9. ฯ ล ฯ
ประสบการณ์ตรง :
ทุกครั้งที่มีการอบรมทั้งที่ไร่กล้อมแกล้ม และที่ลุงคิมเดินทางไปสอนใน
พื้นที่ต่างๆ ผู้รับการอบรมล้วนมาจาก "สารพัดพืช" ลุงคิมก็พูดแบบ
"สารพัดสูตร" ผู้มาอบรมจึงได้รับเพียง "พืชละเล็กละน้อย-สูตรละเล็ก
ละน้อย" สรุปแล้ว "ไม่ได้อะไรเลย....." หรือได้ไปแบบ "นิดๆหน่อยๆ"
เอาไปใช้ เอาไปทำ ไม่ได้เลย
ผู้มารับการอบรมมีเวลาน้อย เช่น มาที่ไร่กล้อมแกล้ม กว่าจะเริ่มบรรยาย
ได้ก็ประมาณ 9-10 โมงเช้า ครั้นถึง บ่าย 2 - บ่าย 3 ก็อยากเลิก อยาก
กลับบ้านแล้ว ก็เลยต้องเลิกสอน
ผู้รับการอบรมไม่มีความรู้พืนฐานและประสบการณ์ด้านการ "ฟัง - อ่าน -
เขียน - วิเคราะห์ - เปรียบเทียบ" โดยเฉพาะศัพท์ทางเทคนิคที่เป็น
ภาษาอังกฤษ ทำให้ไม่เข้าใจในบทเรียน
ผู้รับการอบรมไม่มีความรู้พื้นฐานด้านวิชาการ บางเรื่องไม่เคยได้ยิน
บางอย่างไม่เคยเห็น มาก่อนเลยในชีวิต พอมาได้ยิน ได้เห็น ถึงกับ
งงยิ่งกว่าเมาเหล้า
เรื่องเกษตร เรื่องพืช เป้นเรื่องที่มองไม่เห็น ไม่มีตัวเลข ไม่มีสูตรสำ
เร็จ คนเรียนแม้แต่อ่านภาษาไทยยังตะกุกตะกัก แล้วจะไปรู้เรื่องอะไร
กับภาษาอังกฤษ.......เมื่อผู้เรียนรับความรู้ด้านวิชาการไม่ได้ ลุงคิมจึง
เปลี่ยนวิธีสอน ลดเรื่องวิชาการลง แล้วเพิ่มด้านการปฏิบัติ ให้ทำกับ
มือกันเลย กระนั้นก็ยังไม่ได้ผล เพราะคนเรียนความจำไม่ดี แบบนี้แก้
ไขโดยการให้ทำซ้ำหลายๆครั้ง หลายๆรอบ คนเรียนก็ไม่มีเวลาเรียนซ้ำ
เพราะต้องการกลับบ้าน
ผู้เรียนมีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย วันแรกเรียนภาควิชาการถึงกลับ
น้ำตาร่วง พูดออกมาอย่างไม่อายว่า "เกษตรยาก ทำไมเกษตรจึงยาก
จังเลย....." ลุงคิมก็ต้องปรับแนวสอนเป็นแบบ สอนปฏิบัติแล้วค่อยสอด
แทรกวิชาการทีละน้อย ขนาดปฏิบัติทำกับมือ ซ้ำ 6-10 ครั้ง ยังไม่มั่น
ใจ 100 เปอร์เซ็นต์เลย
วันนี้ลุงคิมจึงต้องมาวิเคราะห์ตัวเอง เมื่อคนเรียนไม่พร้อม สอนไปเขา
ก็ไม่รู้เรื่อง ทำก็ทำไม่ได้ แล้วเราไปสอนเขาทำไม
วิเคราะห์ตัวเองแล้ว มองไปที่บรรดา ศ. - ผศ. - ดร. ใส่สูทผูกเน็คไทด์
ยืนพูดอยู่บนเวทีว่า ท่านทราบหรือไม่ ทุกเรื่องที่ท่านบรรยายนั้น ตาสี
ตาสา ยายมีตามา ที่นั่งฟังอยู่ข้างล่างน่ะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เรื่องค่าใช้จ่าย ถ้ากลุ่มที่มามีงบราชการ ลุงคิมจะบอกว่าแล้วแต่จะให้
พอค่าน้ำค่าไฟก็ยังดี ถ้ามีค่าตัวก็ถือว่าถูกหวย.....แต่ถ้าเป็นชาวบ้าน
รวมกลุ่มกันมาเอง ออกค่าใช้จ่ายกันเอง กรณีนี้นอกจากไม่รับเงินแล้ว
ยังเลี้ยงข้าวอีกด้วย......ไม่กล้ารับเงิน เพราะรู้ว่าคนที่มาเรียน กลับไป
แล้วเขาทำไม่ได้ เมื่อนั้นเขาก็จะพูดด้วยความโกรธแค้นเรา ว่าเราสอน
ไม่ดี สอนไม่เป็น สอนไม่รู้เรื่อง สอนวิชาการสูงเกินไป ไปเรียนแล้ว
เสียดายเงินเปล่าๆ
ฯลฯ......ฯลฯ
เพียงคิดก็เจ็บแล้ว......
เหล่านี้เป็นเพียงความฝัน ฝันกลางวัน ฝันกลางฤดูฝน ฝันลมๆแล้งๆ....
ณ วันนี้ ภูมิใจกับ NW-TU-KK-RY มากที่สุด...
ลุงคิมครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Aorrayong หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009 ตอบ: 869
|
ตอบ: 27/08/2009 11:56 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ปัญหาหลักของผู้เข้าอบรมก็คือการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ถ้าเรายอมที่จะลดทิฐิ ปรับทัศนคติ เหมือนกับที่หลายคนกล่าวถึงการเป็นเหมือนโอ่งหงายหรือน้ำไม่ล้นแก้ว ถ้าเรายอมปรับทัศนคติแล้ว ทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย
ทุกวันนี้ พวกเรายังไม่ยอมรับความจริงกันว่า การเกษตรที่เราทำกัน พูดได้ว่า"ล้มเหลว" ล้มเหลวทั้งระบบ สิ่งที่สะท้อนคือหนี้สิน ที่ไม่รู้ว่าอีกกี่ชั่วอายุคนถึงจะใช้หมด การเอาผลผลิตทางการเกษตรไปเทปิดถนนเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงราคา การประกันราคา การรับจำนำ ล้วนแล้วเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทุกปี และมีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นตลอดไป
ทำไมเราไม่คิดที่จะช่วยตัวเองก่อน ก่อนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นมาช่วย ลองไตร่ตรองดู มีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เราได้โฉนดที่ดินกลับคืนมา มีวิธีใดบ้างที่จะลดต้นทุนการผลิต มีวิธีใดบ้างที่จะขายผลผลิตได้ โดยที่ไม่ต้องขนเอาไปปิดถนน ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ลุงคิมพูดๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ที่ผ่านมาไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่อย่างพวกเรากำลังตกอยู่ในวังวนเดิม ไม่ยอมเอาตัวเองออกมาจากกรอบ ทำไปโดยที่รู้ทั้งรู้ว่าขาดทุน แต่ก็ยังทำกัน
ลุงคิมพูดตรงๆเลยว่า"ลุงจะล้างสมองพวกเธอ" มีแต่พวกเธอเท่านั้นที่กอบกู้ศักดิ์ศรีของพ่อแม่และของเกษตรกรเอาคืนมา ที่ต้องเป็นพวกเรา เพราะพวกเรามีความรู้พื้นฐานระดับหนึ่ง สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติได้ง่ายและเป็นเกษตรกรที่ทำด้วยตัวเองจริงๆ มีเพียงบางคนเท่านั้นที่รู้ถึงวิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วที่เหลือล่ะ
คำปรามาสของลุงคิมที่ยังจำได้เสมอว่า " พวกเธอมาเรียนแล้ว กลับไปบ้าน ใครทำได้ ช่วยส่งข่าวด้วย ลุงจะไปกราบถึงที่เลย" นี่คือแรงกระตุ้น
แนวคิด FAMER CENTER ของลุงคิม เหมือนเกาถูกที่คัน ปรกติหลักสูตรนี้เขาคงเรียนกันเป็นปี แต่นี่ 3 วัน น่าเสียดายแทนคนที่ไม่ได้ไป
น้องๆและเพื่อนสมาชิก มีความคิดเห็นอย่างไร กับแนวคิด FAMER CENTER ของลุงคิม
เล่าสู่กันฟังค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Pitipol เว็บมาสเตอร์
เข้าร่วมเมื่อ: 22/07/2009 ตอบ: 332 ที่อยู่: 114/2 ม.11 ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง
|
ตอบ: 28/08/2009 2:30 am ชื่อกระทู้: |
|
|
จากที่ลุงคิมเคยบอกว่า สูตรต่างๆ ที่ลุงคิมสอนเป็นสูตรกลางๆ เพื่อใช้ได้กับหลายๆ ตัว
ถ้าเช่นนั้นการอบรมเรื่องข้าวโดยเฉพาะ ผมขอเสนอให้ลุงคิมสอนการทำปุ๋ย-ฮอร์โมนสูตรเพื่อข้าวโดยเฉพาะ และการอบรมเรื่องพืชอื่นก็สอนเรื่องการทำปุ๋ย-ฮอร์โมนเพื่อพีชนั้นๆโดยเฉพาะเหมือนกัน
จะดีหรือไม่ครับ? _________________ เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11662
|
ตอบ: 28/08/2009 5:56 am ชื่อกระทู้: |
|
|
งานนี้เรื่อง "นาข้าว" อย่างเดียวไม่ใช่เหรอ
ถ้า "สารพัดพืช" เดี๋ยวก็ "สารพัดสูตร" สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
uthanasamut สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 23/07/2009 ตอบ: 23 ที่อยู่: 366 ถ.ปัทมานนท์ อ.เมือง สุรินทร์
|
ตอบ: 28/08/2009 10:11 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
หนูไม่รู้...แต่สู้ตายค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11662
|
ตอบ: 29/08/2009 5:46 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ถ้า "สู้ตาย" จะ "ไม่ตาย" แต่ต้องสู้แบบทหารนโปเลียนประเภท 1 นะ
ถ้า "ไม่สู้ตาย" มีแต่ "ตายกับตาย" หรือสู้แบบทหารนโปเลียนประเภท 3 ก็ตายเหมือนกัน |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
uthanasamut สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 23/07/2009 ตอบ: 23 ที่อยู่: 366 ถ.ปัทมานนท์ อ.เมือง สุรินทร์
|
ตอบ: 29/08/2009 9:02 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ผมคิดว่าผมอยู่ในทุกจำพวก ขอสรุปว่า ผมบ้า...แสดงว่ายังไงก็ตาย ก็จะขอสู้ตายค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|