สวนสละ"คุณพิชัย"

[ott_club]

วันนี้มีโอกาสผ่านไปแถวแหลมแม่พิมพ์ อ.แกลง จ.ระยอง ผ่านสวนสละคุณพิชัย ซึ่งเปิดเป็น
แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ปลูกสละพันธุ์สุมาลีประมาณ 400 ต้น จึงแวะเข้าไปเก็บภาพมา
ฝากกันครับ

บรรยากาศที่สวนครับ จัดได้สวยร่มรื่นดีครับ

[Aorrayong]

สละดกดีนะ

เว็บไซต์สวนคุณพิชัย จัดทำโดยคุณPitipol ของเรานี่เอง

http://www.suankunpichai.com

[ott_club]

พอดีเจ้าของสวนกำลังต่อดอก(ผสมเกษร) เลยเก็บภาพได้พอดี

ใช้แปลงขนอ่อน

เกษรตัวผู้กับแป้งเด็กเราๆ นี่แหละครับ



คุณโอลองผสมดูครับ ง่ายยิ่งกว่าง่ายครับ

หลังจากผสมแกจะติดวันที่ผสม แล้วนับไปอีก 7 เดือนครึ่ง ตัดเป็นสละสดขายครับ หากนำไปทำสละลอยแก้วใช้เวลา 6 เดือนครึ่งครับ

แผนกผลิตสละลอยแก้วครับ

สาวๆ กำลังลอกเยื่อหุ้มผลครับ เห็นกล้องปุ๊บก้มหน้าก้มตาปั๊บ

กว้านเมล็ด

ผลิตภัณฑ์ที่แล้วเสร็จครับ แช่เย็นพร้อมขาย

ต้นพันธุ์เพาะไว้จำหน่ายครับ

[kimzagass]

บำรุงสละถ้าเน้น "แคลเซียม โบรอน" จะช่วยให้เนื้อหนา เนื้อเต็ม สังเกตุเปลือกปลายผลที่แบนแหลม นั่นเป็นเพราะไม่มีเนื้อ หากได้แคลเซียม โบรอน.สม่ำเสมอ เปลือกปลายผลจะเต็ม


สละเป็นผลไม้เมล็ดใหญ่ ถ้าได้บำรุงด้วยสูตร "หยุดเมล็ด สร้างเนื้อ" ทั้งทางใบและทางราก จะได้ผลขนาดใหญ่ รสชาดดี เนื้อหนา แน่น กรอบ กลิ่นดี แต่เมล็ดเล็ก

ไปถึงสวนแล้ว อย่ามัวแต่หลงระเริงกับภาพธรรมชาติ ระดับพวกเราแล้วมันต้องสอบถามว่า มีขั้นตอน "บำรุง" อย่างไร ?

สละก็คือสละ......สละเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน....

สังเกตุไหม.....ที่พวกเรามักเจอะเจออยู่เสมอ คือ เกษตรกรไม่รู้จัก ธาตุรอง/ธาตุเสริม. ฮอร์โมน. โดยเฉพาะสูตร หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ น้อยคนนักที่รู้จัก


ลุงคิมครับผม

[ott_club]

[somchai]

555 พี่ไม่รู้ อ๊อด ยังโพสท์รูปไม่หมด เลยลบๆๆคำถามไปแล้ว รูปจะได้ต่อเนื่อง
ตอนอ๊อดกำลังโพสท์ พี่ก็ได้ยินแล้ว น่าจะไป สวนที่ว่านี้ด้วย งั้น บอกใหม่อีกทีนะ

อ๊อด มีอีกสวนที่น่าเข้าไปนะ สวนของ อ.สมคิด ทางไประยอง จากแกลงนี่ละประมาณ 4-5กิโลเมตร ตรงข้าม ม.เฉลิมกาญจนา ไปกลับรถตรง อบต วังหว้า ย้อนกลับมา เข้าซอย วิจิตร3 เข้าซอยไปประมาณ 200 เมตร ก็ถึงแล้ว ไปไม่ถูกหาไม่เจอ ถามคนแถวนั้นดู สวนนี้ดังมากๆ ขอบอก

[kimzagass]

ขี้ไก่. ขี้ค้างคาว. ขี้นกกระทา. (สัตว์ปีก) มีปุ๋ย "ตัวกลาง กับ ตัวท้าย" สูงมาก....ปุ๋ยคู่นี้เหมาะสำหรับพืชช่วง สะสมตาดอก. เปิดตาดอก. และปรับปรุงคุณภาพก่อนเก็บเกี่ยว (เร่งหวาน).

ปุ๋ยตัวกลาง (P.) เหมาะสำหรับ "สร้างเมล็ด" เมื่อพืชได้รับก็จะสร้างเมล็ดเป็นหลัก เป็นเหตุให้เมล็ดใหญ่ ..... ธรรมชาติวิสัยของพืชต้องการสร้างเมล็ดมากกว่าสร้างเนื้อ เพราะเมล็ดคือ ตัวสืบเผ่าพันธุ์ของเขา..... ในไม้ผล เมื่อขนาดผลถึงระยะกลาง หรือเมล็ดเริ่มเข้าไคล ควรลดปุ๋ยตัวนี้เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุง "หยุดเมล็ด สร้างเนื้อ" ต่อไป

ปุ๋ยตัวท้าย (K.) เหมาะสำหรับ "เร่งหวาน หรือเร่งแก่ หรือปรับปรุงคุณภาพผลก่อนเก็บเกี่ยว" ทั้งนี้ เมื่อไม้ผลขณะมีผลอยู่บนต้นแล้วได้รับปุ๋ยตัวนี้มากจะหยุดสร้างเนื้อ (ขยายขนาด) แล้วกลายเป็นผลแก่ทันที

.... แคลเซียม โบรอน. โดยตัวแคลเซียม.จะช่วยสร้างคุณภาพของผลผลิต
.... แม็กเนเซียม. โดยตัวแม็กเนเซียม.จะช่วยสร้างคลอโรฟิลด์ ทำให้ต้นไม่โทรม เมื่อต้นไม่โทรมก็มีพลังในการเลี้ยงผล
.... สังกะสี. โดยตัวสังกะสี.จะช่วยสร้างแป้ง เนื้อของผลไม้นั้นแรกเริ่มมีสถานะเป็นแป้ง เมื่อผลแก่ แป้งก็จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาล
.... ไนโตรเจน. โดยช่วงที่มีผลอยู่บนต้นนั้น ต้นจะใช้ไนโตรเจน.เพื่อการสร้างเนื้อ
.... ไคโตซาน. เอ็นเอเอ. กลูโคส. ทุกตัวล้วนมีประโยชน์ในการสร้างผลให้มีคุณภาพทั้งสิ้น


อ๊อดเอ๊ยยยยย....
งานนี้ "ยากที่ใจ" (ว่ะ) ถ้าใจไม่เอา แถมปิดกั้นตัวเองอย่างนี้ก็คงต้องปล่อยเขาไป แล้ววกลับมาที่ตัวเราเองดีกว่า ทำของเราให้ดีที่สุด ด้วย "ภูมิปัญญาพื้นบ้าน + หลักวิชาการ" ว่ามั้ย


ลุงคิมครับผม
ปล.
งานเข้า..... คราวหน้า พบเกษตรกรที่ปิดกั้นตัวเองแบบนี้ ลองๆ ถามซิว่า เขา "ไม่รู้ - ไม่เชื่อ - ไม่ชอบ - หรือเพราะเหตุใด" เพื่อเราจะได้นำมาปรับปรุงเทคนิคการส่งเสริมของเราไงล่ะ

[ott_club]

ลุงคิมพูดมาถูกหมดเลยครับ
สังเกตุดูสละที่ปลอกเปลือกแล้ว จะเห็นว่าเนื้อค่อนข้างบาง(เห็นเมล็ดข้างในดำๆ เลย)



พนักงานกำลังกว้าน เมล็ดใหญ่มากเลยครับ



เนื้อที่แกะออกมา เนื้อบางครับ


อย่างว่าแหละครับลุง ใจเขาไม่มาความรู้เขาก็ไม่มี เราจะพูดจะบอกอะไรมันก็ลำบาก เหมือนคุยกันคนละภาษา
แค่ "แคลเซี่ยม-โบรอน" ไม่รู้จักลิเก.......ก็เลิกเลยครับลุง

แปลกดีนะครับ ทั้งๆ พวกเราได้ทดลองและพิสูจน์มาแล้วว่า สารอาหาร ฮอร์โมนต่างๆ เนี่ยสามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพ
และลดต้นทุนการผลิตได้ แต่รัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ก็ยังส่งเสริมอะไรก็ไม่รู้ ถึงทำให้เกษตรกรไม่รู้จัก แคลเซี่ยม-โบรอน

ตัวผมเองยังรู้จัก "แคลเซี่ยม-โบรอน" จากลุงคิมเลยครับ

สรุปแล้วยังอีกไกลครับ อาชีพเกษตรกรรมของประเทศไทย

[ott_club]

[Pitipol]

[Pitipol]

ที่มา : http://www.siamdara.com/column/00006037.html

''สละ'' ภูมิปัญญาไทย

สองสามวันก่อนเล่าเรื่อง ความเงียบเหงาและง่อยของบรรดาชาวบ้านร้านตลาดอันมีผลมาจากราคาน้ำมันและ ''การเมือง'' เรื่องของพวกเอาทักษิณ กับ ไม่เอาทักษิณ ซึ่ง ''ส่งผล'' ให้การทำมาหากินของชาวบ้านได้รับผลกระทบแบบโดนเต็มๆ


ทั้ง จากคนไทยด้วยกันเอง และจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ ''นักท่องเที่ยว'' ที่ต่างพากัน''ยกเลิก'' การเดินทางหนีหนาวเพื่อมามาฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ในเมืองไทย ซึ่ง ''อุดมสมบูรณ์'' ทั้งสถานที่ อาหารการกิน ผลไม้ และความบันเทิงเริงรมย์อื่น ๆ ที่สำคัญ มีให้กินและให้เติมความต้องการกันชนิดตลอดวันตลอดคืน แถมยัง''ถูก''แสนถูกเมื่อเทียบกับอัตราค่าของเงิน โดยเฉพาะปอนด์ ดอลลาร์ หรือยูโร...

เสาร์นี้เลยอยากแนะนำ ''สวนผลไม้ไทย'' ซึ่งเป็นสวนผลไม้ของชาวสวนคนไทยแท้ๆ ที่ปลูกและพัฒนาสจนกระทั่งผลไม้ในสวนที่แกกับเมียทำ ได้รับการยอมรับไปทั่งทุกหัวระแหงที่เคยได้ลองแวะเข้าไปชิมลิ้มรสผลไม้จาก สวนของแก

ผลไม้ที่ว่าก็คือ ''สละ'' ซึ่งเป็นผลไม้ที่ต้นเต็มไปด้วยหนามแหลมคม แต่รสชาติผลของมันกลับ ''หวาน'' และหอมชื่นใจ เอาว่ากินกันเพลินได้เป็นช่อๆ กันเลยทีเดียว สำหรับ ''สละ'' ที่มีรสชาติหวาน หอม และมีเปรี้ยวนิดๆ ตาม..

สนจ. แวะเวียนไปซื้อ ''สละ'' จากสวนของ อาจารย์สมคิด ละแวก ต.วังหิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มาตลอดระยะเวลาน่าจะมีเกือบๆ 20 ปี หลังจากได้รับการแนะนำจากกัลยาณมิตร ซึ่งมีนิวาสสถานรกรากอยู่ที่อำเภอแกลง พาไปรู้จัก...

สละเจ้านี้ไม่มีวางขายที่ไหนนะครับ ใคร''อยากกิน'' ต้องดั้นด้นไปซื้อกันถึงสวนเอาเอง ใครไปครั้งแรกก็อาจจะตงิดๆ กับบุคลิกแบบ ''ไม่ง้อ'' ลูกค้าของ อาจารย์สมคิด.. ซึ่งใหม่ๆ สนจ. ก็เป็น แต่พอเป็นลูกค้าเจ้าประจำกันจนคุ้นแล้ว ก็ธรรมดา คือเป็นเรื่องเข้าใจได้สำหรับบุคลิกของคนที่เป็น ''ศิลปิน'' คือ แกเป็นศิลปินในการปลูก ''สละ'' ขายครับ

ด้วยความมั่นใจและภูมิใจในประสบการณ์และการพัฒนาสายพันธุ์ ของแก จากพันธุ์ที่เราคุ้นๆ หูกันอย่างสุมาลี ตอนนี้อาจารย์สมคิดแกตั้งชื่อสายพันธุ์ของแกว่า ''สละภูมิปัญญาไทย'' ประมาณนั้น...ถ้า สนจ.จำไม่ผิดนะ
ใครอยากแวะไปทดลองดูก็ไม่ยากครับ..

ถ้าไป เส้นกรุงเทพฯ มอเตอร์เวย์ หรือ โทลล์เวย์ ให้เข้าเส้นบ้านบึง ไปอำเภอแกลง และจันทบุรี พอถึงเส้นสุขุมวิทเดิม เลี้ยวขวาย้อนไปเข้าบ้านเพและระยอง วิ่งไปจนถึงบ้านวังหิน แล้วยูเทิร์นกลับ สังเกตซอยซ้ายมือ จะมีป้ายบอก ไร่และสวนสละภูมิปัญญาไทยของอาจารย์สมคิด

ถ้าไปจากระยอง..เส้นสุขุมวิท พอจะเข้าถึงอำเภอแกลง เลยบ้านเพ แหลมแม่พิมพ์มาแล้ว พอพ้นสุสาน พล.ร.อ. สงัด ชะลออยู่ หรือ จอว์แห่งราชนาวี ที่อยู่ทางขวา ก็ให้สังเกตซ้ายมือเอาไว้
สนจ.ถือ โอกาส หนึ่งปีกินสละสักหน หรือสองหน..เวลาพาไอ้ตัวเล็กทั้งสามไปอาศัยพักพิงบ้านเพื่อนเศรษฐีที่มันไป ซื้อบ้านริมทะเลทิ้งไว้ละแวกบ้านเพ แล้วก็ถือโอกาสพาเด็กข้ามไปเล่นน้ำทะเลที่เกาะเสม็ด ที่กรุงเทพฯ ซื้อกันไม่ไหวครับ สนนราคาหนึ่ง กับจำนวน กินแล้วมันไม่สะใจ

สนนราคาซื้อกันที่หน้าสวน ตัดกันสดๆ จากต้น กิโลละ 100 บาทครับ
รับรอง ครับว่า ถ้าใครชอบ ''สละ'' สดๆ รสชาติกลมกล่อม หากมีโอกาสแวะไปทางอำเภอแกลงลองแวะ สวนของอาจารย์สมคิด พิสูจน์รสชาติที่ สนจ. แนะนำดูได้เลย
นี่คือของดีของวิเศษของเมืองไทยอย่างหนึ่ง ที่หาที่ไหนไม่ได้ในโลกนี้..

หมดรุ่นอาจารย์แล้วก็ยากแล้วล่ะครับ เพราะลูกๆ เป็น ดร. ทำงานอยู่เมืองนอกกันหมด ไม่มีใครสืบทอดอาชีพชาวสวน ''สละ'' กันเลยสักคน
เมืองไทยยังหาคนที่จะ ''สละ'' เรื่องส่วนตัวเพื่อส่วนรวมกันไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร
แต่เรายังมีสละของคนไทยด้วยกันให้กินอยู่ ลองแวะไปกินดูก็แล้วกัน
เอ๊ะ...แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนละเนี่ย...ฮา
_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม

[Pitipol]

อาจารย์สมคิด เจริญกิจ










_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม

[meninblack]

เฮียอ๊อดไปไม่ถูกเดี๋ยวผมพาไปครับสวนลุงสมคิด(มีป้ายบอก) มีอีกอย่างหนึ่งคอกด้วยผู้ที่เขาเอาปัดดอดนี่เป็นดอกสละหรือดอกระกำตัวผู้ครับ

มีชาวสวนสละบอกผมว่าสละจะต้อง "ปัดดอก" ทุกครั้งไม่งั้นจะติดลูกไม่ดีหรือไม่ติดลูกเลย เขาใช้ "ดอกของระกำตัวผู้" ซึ่งชาวสวนส่วนใหญ่ซื้อมา คิดเป็นกิโลกรัมๆละ 100-120 บาท น่าสนใจนะครับ เอามาทั้งช่อดอกพร้อมก้านเลย

[Pitipol]

เขาปลูก "สะกำ" ไว้ท้ายสวนเพื่อเอาเกสรตัวผู้ครับผม
_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม