ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
meninblack สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010 ตอบ: 81
|
ตอบ: 10/08/2010 12:57 pm ชื่อกระทู้: ปุ๋ยขี้หมู |
|
|
ขี้หมูหมักด่วน 8 ชั่วโมงใช้ดี เพื่อไม้ผล ปรับปรุงดิน
สวัสดีปีใหม่ครับ ท่านผู้อ่านทุกท่านขอให้ทุกท่านมีความสุขกันตลอดไปนะ ช่วงนี้มีเรื่องดีๆ มาฝาก ก็ได้กำลังใจจากผู้อ่าน และเกษตรจังหวัดชัยนาท (นายรังสรรค์ กองเงิน) เพราะท่านเกษตรจังหวัดสนใจเรื่องการปรับปรุงบำรุงดิน บอกว่าถ้าดินดี อะไร ๆ ก็ลดรายจ่ายได้เยอะ เพราะฉนั้นถ้าต้องการจะส่งเสริมเกษตรกรลดต้นทุน ก็ต้องแนะนำเรื่องปรับปรุงดินก่อน เนื่องจากสมัยนี้ดินโทรมมากๆ แต่ที่แน่ๆ ผมได้ออกไปเยี่ยมเกษตรกร (ขอให้ได้ออกจากสำนักงานละชอบ) ก็สนุกละครับ เหนื่อยไม่ว่าขอให้ได้เรื่อง(เกษตร) และภาพกลับมาฝากผู้อ่าน
ตอนนี้เป็นเรื่องของขี้ คือ ขี้หมู ที่มักจะเป็นปัญหาต่อเจ้าของฟาร์มและชุมชน ด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ดังนั้นตึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของฟาร์มที่จะต้องกำจัดไม่ให้กลิ่นออกไปรบกวนผู้อื่น แต่การจะสร้างบ่อกำจัดหรือกองทิ้งไว้จะต้องเสียพื้นที่และการป้องกันกลิ่นออกมานั้นคงยากที่จะควบคุมแต่จากการติดตามเพื่อหาความรู้มาฝากผู้อ่าน จึงได้พอทำขี้หมูหมักด่วน 8 ชั่วโมงใช้ได้ดีกับไม้ผล อีกทั้งถ้าตากแห้งก็ไปใช้ได้ดีกับนาข้าว เพราะถ้าใช้ในนาข้าวลักษณะเปียกคงยากลำบากแก่การขนส่ง
นายบุญชู อินทร์ประสิทธิ์ เจ้าของแปลงศูนย์การเรียนรู้การเกษตรพอเพียง วัย 51 ปี บ้านเลขที่ 58 ปี บ้านท่าสะตือ ต.ห้วยกรดพัฒนา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ได้ทำกิจกรรมการเกษตรหลายอย่างในพื้นที่ 5 ไร่ 2 งาน คือ แม่หมู 4 ตัว หมูเนื้อ 40 ตัว มะนาว 1 ไร่ กระท้อน 12 ต้น ฝรั่งแป้นสีทอง 1 ไร่ มะม่วง 24 ต้น แตงกวา 1 งาน และไผ่หวานอีก 40 ต้น การทำการเกษตรทุกอย่างนั้นไม่พบปัญหามากนัก เพราะได้ดำเนินการป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน แต่ที่มีปัญหามากคือหมู เพราะขี้หมูส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านและเมื่อล้างลงร่องระบายน้ำ ทำให้น้ำเสียและคลองตื้นเขิน จึงได้เร่งรีบหาความรู้และทดลองการกำจัดกลิ่นขี้หมูเพื่อไม่ให้เป็นที่รังเกียจของเพื่อนบ้าน
การประยุกต์ใช้ได้จากการเรียนรู้การผลิตน้ำหมักชีวภาพด้วยสาร พ.ด.6 โดยใช้ผลไม้สุก กากน้ำตาล อย่างละ กก. และน้ำสะอาด ลิตร ต่อสาร พ.ด. 6 1 ซองหมักไว้ จนได้น้ำหมักชีวภาพใช้ล้างคอกหมูกำจัดกลิ่นเหม็นในคอกได้ดีจึงนำมาประยุกต์ใช้กับการหมักขี้หมู เพื่อใช้ในระนะเวลารวดเร็ว เพราะขาดสถานที่หมัก เนื่องจากภาชนะหมักจะใช้รถเข็นใส่ขี้หมูจากคอก เมื่อหมักเสร็จแล้วจะเข็นเทลงสวนไม้ผล หรือนำไปตากให้แห้งเพื่อใส่ในแปลงนาข้าวต่อไป
ขั้นตอนการหมัก
อัตราส่วนที่ใช้คือ ขี้หมูสด 40 กก. น้ำหมักชีวภาพ พ.ด.6 จำนวน ลิตร ปุ๋ยเคมี 16-20-0 2 กำมือคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง นำไปราดพื้นบริเวณทรงพุ่มไม้ผล อาจเกิดหนอนแมลงวันแต่อายุของหนอนจะมากขึ้นอีก 10 วัน ตัวจะโตกลายเป็นอาหารของนก หรือกวาดลงน้ำเป็นอาหารปลา เพราะขี้หมูจะแห้งพอดี แต่ถ้าใส่ขี้หมูมากหรือหนามากหนอนจะไม่ฟักออกเป็นแมลงวันและตายขณะเป็นตัวหนอน จากการทำและการใช้มา 2 ปี ไม่พบปัญหากับพืชแต่พบแต่ผลดี อีกทั้งจากการทดลองถ้าใช้ขี้หมูสดที่ไม่ผ่านการหมักราดลงพื้นบริเวณทรงพุ่มไม้ผลเช่นเดียวกับขี้หมูผ่านการหมักฝรั่งจะตายเพียงไม่นาน เพื่อให้ได้ความรู้จึงยอมเสียฝรั่งที่ให้ผลแล้วจำนวน 2 ต้น คุณบุญชูกล่าว
ข้อดีของการใช้ขี้หมูหมัก
สามารถลดสภาวะกลิ่นเหม็นจากขี้หมู ลดต้นทุนจากการใช้ปุ๋ยเคมีจำนวนมาก จะมีก็เพียง 2 กำมือต่อขี้หมูหมัก 40 กก. ผลผลิตและรสชาติของฝรั่งดีขึ้น อีกทั้งเมื่อนำไปตากแดด สามารถนำไปผลิตเพื่อต่อเชื้อไตรโคเดอร์ม่าป้องกันโรครากและโคนเน่าได้อีกด้วย
ที่มา :บันทึกเรื่อง...เกษตรดีที่ชัยนาถ http://gotoknow.org/blog/chud02/155214 |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
meninblack สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010 ตอบ: 81
|
ตอบ: 10/08/2010 1:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
การทำน้ำหมักจากขี้หมูเพื่อใช้ในการเกษตร
การทำน้ำหมักจากขี้หมูเพื่อใช้ในการเกษตร
วันที่ส่ง SMS : 30 มิถุนายน 2552
รอบเวลาที่ส่ง : 10:30 น.
ข้อความ :
หมู(1)การทำน้ำหมักขี้หมูใช้ขี้หมู10กก.กากน้ำตาล1กก.น้ำ 15 กก.
หมู(2)นำมาหมักด้วยกัน 30 วันใช้ฉีดอ้อยและมันสำปะหลังเร่งการเจริญเติบโต
พูดถึงมูลหมูคนส่วนใหญ่จะบอกว่าเหม็น และไม่รู้ว่าจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรแต่บางท่านก็จะนำไปใช้ในเรื่องของการทำก๊าชชีวภาพเพื่อนำไปใช้ในเรื่องของเชื้อเพลิงในการหุงต้มทำอาหาร เป็นการลดต้นทุนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และบางท่านก็จะใช้ในเรื่องของการนำมาทำปุ๋ย เพราะในมูลหมูนั้นมีธาตุอาหารต่างๆมากมาย เช่นกันกับพี่ชาญ พะวา เกษตรกรซึ่งทำการเกษตรแบบพืชไร่ ก็ได้นำมาทำเป็นปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพเพื่อฉีดพ่นทางใบให้กับมันสำปะหลังและอ้อย
------------------------------------------------------------- ขั้นตอนการทำและส่วนผสมมีดังนี้
1.มูลหมู 10 กิโลกรัม
2.กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม
3.น้ำสะอาด 15 ลิตร
4.ถังพลาสติกแบบมีฝาปิด ขนาด 50 ลิตร
วิธีทำ
นำมูลหมูใส่ลงในถังพลาสติกจากนั้นนำกากน้ำตาลใส่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันเมื่อทำการคลุกเคล้ากันแล้วระหว่างมูลหมูกับกากน้ำตาลแล้วก็นำน้ำสะอาด 15 ลิตรใส่ลงไปในถังพลาสติกและคนให้เข้ากันอีกครั้ง เมื่อใส่ส่วนผสมทุกอย่างเรียบร้อยและคนจนเข้ากันก็ให้ทำการปิดฝาถังพลาสติก หมักไว้ 30 วัน ก็สามารถนำไปฉีดพ่นกับมันสำปะหลังและอ้อยในช่วงปลูกจนถึง 3 เดือนเลยที่เดียว
อัตราการใช้
อัตราการใช้ น้ำหมักมูลหมู 1 ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ควรฉีดพ่นช่วงแดดอ่อน (เช้า/เย็น)โดยฉีดได้ทุกๆ 7-10 วัน
ที่มา : ศูนย์ทางด่วนข้อมูลการเกษตร * 1677 สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ. ชัยนาท
: http://www.rakbankerd.com/agriculture/page?id=992&s=tblanimal
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย meninblack เมื่อ 10/08/2010 2:01 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
meninblack สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010 ตอบ: 81
|
ตอบ: 10/08/2010 1:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ปุ๋ยคอก
ปุ๋ย หมายถึง สารหรือสิ่งซึ่งเราใส่ลงไปในดิน เพื่อให้มันปลดปล่อยธาตุอาหารพืช โดยเฉพาะไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ที่พืชยังขาดอยู่ให้พืชได้รับอย่างพอเพียง พืชสามารถเจริญเติบโตงอกงามดีและผลิตผลสูงขึ้น
ปุ๋ยคอก ที่สำคัญได้แก่ ขี้หมู ขี้เป็ด ขี้ไก่ ฯลฯ เป็นปุ๋ยคอกที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ในบรรดาสวนผักและสวนผลไม้ ปุ๋ยคอกโดยทั่วไปแล้วถ้าคิดราคาต่อหน่วยธาตุอาหารพืช จะมีราคาแพงกว่าปุ๋ยเคมี แต่ปุ๋ยคอกจะช่วยปรับปรุงดินให้โปร่งและร่วนซุย ทำให้การเตรียมดินง่าย การตั้งตัวของต้นกล้าเร็วทำให้มีโอกาสรอดได้มาก นาข้าวที่เป็นดินทราย เช่น ดินภาคอีสาน การใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยอินทรีย์ต่างๆ เท่าที่จะหาได้ในบริเวณใกล้เคียง จะช่วยในการดำนาง่าย ข้าวตั้งตัวได้ดี และเจริญเติบโตงอกงามอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เนื่องจากดินทรายพวกนี้มีอินทรียวัตถุต่ำมาก การใส่ปุ๋ยคอกลงไป จะทำให้ดินอุ้มน้ำและปุ๋ยได้ดีขึ้น การปักดำกล้าทำได้ง่ายขึ้น
ปุ๋ยคอก มีปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมค่อนข้างต่ำ โดยหยาบๆ แล้วก็จะมีไนโตรเจนประมาณ 0.5 % N ฟอสฟอรัส 0.25% P2O5 และโพแทสเซียม 0.5% K2O
ปุ๋ยขี้ไก่และขี้เป็ด จะมีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าขี้หมู และขี้หมูจะมีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าขี้วัว และขี้ควาย ปุ๋ยคอกใหม่ๆ จะมีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าปุ๋ยคอกที่เก่าและเก็บไว้นาน ทั้งนี้เนื่องจากส่วนของปุ๋ยที่ละลายได้ง่าย จะถูกชะล่างออกไปหมด บางส่วนก็กลายเป็นก๊าซสูญหายไป ดังนั้นการเก็บรักษาปุ๋ยคอกอย่างระมัดระวังก่อนนำไปใช้ จะช่วยรักษาคุณค่าของปุ๋ยคอกไม่ให้เสื่อมคุณภาพอย่างรวดเร็ว
การเก็บรักษาปุ๋ยคอกอาจทำได้ เช่น นำมากองรวมกันเป็นรูปฝาชีแล้วอัดให้แน่น ถ้าอยู่ภายใต้หลังคาก็ยิ่งดี ถ้าอยู่กลางแจ้งควรหาจากหรือ ทางมะพร้าวคลุมไว้ด้วยก็จะดี ปุ๋ยคอกที่ได้มาใหม่ๆ และยังสดอยู่ ถ้าจะใส่ปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟตชนิดธรรมดา (20% P2O5 ) ลงไปด้วยสักเล็กน้อยก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สูญเสียไนโตรเจน โดยการระเหิดกลายเป็นก๊าซได้เป็นอย่างดี ถ้าเลี้ยงสัตว์อยู่ในคอกควรใช้แกลบ ขี้เลื่อยหรือฟางข้าวรองพื้นคอกให้ดูดซับไว้ เมื่อฟางข้าวอิ่มตัวด้วยปุ๋ยก็รองเพิ่มเป็นชั้นๆ เมื่อสะสมไว้มากพอก็ลอกเอาไปกองเก็บไว้ หรือนำไปใส่ในไร่นาโดยตรงเลยก็ได้ อัตราปุ๋ยคอกที่ใช้นั้นไม่เคร่งครัดเหมือนกับปุ๋ยเคมี ปกติแนะนำให้ใส่อัตรา 1-4 ตันต่อไร่ โดยใส่ค่อนข้างมากในดินเหนียวจัดหรือดินทรายจัด หลังจากใส่ปุ๋ยคอกแล้วถ้ามีการไถหรือพรวนดินกลบลงไปในดิน ก็จะช่วยให้ปุ๋ยเป็นประโยชน์แก่พืชได้เร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การป้องกันมลพิษจากการนำมูลสุกรไปใช้ประโยชน์
หลักการง่ายๆ เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นจากการนำมูลสุกรไปใช้ประโยชน์คือ ไม่ให้มีการหมักหมม เช่นใช้เลี้ยงปลาในปริมาณที่เหมาะสม หรือใช้ปุ๋ยคอกแล้วกลบด้วยดินทันที จะทำให้กลิ่นเหม็นลดน้อยลง
การนำมูลสุกรสดไปใช้ประโยชน์ควรทำทันที ไม่ควรกองทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็น เช่น การนำไปเลี้ยงปลา หรือไรแดง
การหมักมูลสุกรเพื่อทำปุ๋ย ไม่ควรพลิกกลับกองปุ๋ยในช่วงเช้ามืดและหัวค่ำ เพราะเป็นช่วงเวลาที่กลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายได้ดี
การนำมูลสุกรไปใช้เป็นปุ๋ยคอก ควรใช้มูลที่ตากแห้งแล้ว และไม่ควรนำไปใช้ในบริเวณที่เป็นแหล่งชุมชน
ที่มา:การนำขี้หมูสดมาทำปุ๋ยคอก http://www.ptg2552.com/index.php?mo=5&qid=239441 |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
meninblack สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 15/02/2010 ตอบ: 81
|
ตอบ: 10/08/2010 2:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ตารางวิเคราะห์ธาตุอาหารครับ
เรื่องคือ ตอนนี้ราคาของขี้วัวมีราคา กระสอบละ 30 - 35 บาท ในพื้นที่อำเภอแกลงและชาวสวนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญทำให้ปริมาณไม่ค่อยเพียงพอ ต้องรอ
แต่ก็ไม่รู้ว่าการล้างขี้หมูในคอกมีการใช้โซดาไฟ หรือเปล่า ใครมีประสบการณ์ช่วยบอกกล่าวหน่อยครับ
ปล. เขาเล่าว่าทุเรียนถ้าใส่ขี้หมูจะทำให้สีของเนื้อสวย เหลืองเข้ม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ott_club หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009 ตอบ: 718
|
ตอบ: 10/08/2010 8:03 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คำพูด: | เรื่องคือ ตอนนี้ราคาของขี้วัวมีราคา กระสอบละ 30 - 35 บาท ในพื้นที่อำเภอแกลงและชาวสวนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญทำให้ปริมาณไม่ค่อยเพียงพอ ต้องรอ |
ผมมีแหล่งขี้วัวครับ ลูกละ 20 บาท มีทั้งวัวนมและวัวเนื้อ แต่มีข้อแม้ต้องไปบรรทุกเองนะครับ หากบรรทุกส่งให้ถึงสวนก็ต้องราคานั้นแหละครับ เพราะค่าขนส่งมันแพง
คำพูด: | แต่ก็ไม่รู้ว่าการล้างขี้หมูในคอกมีการใช้โซดาไฟ หรือเปล่า ใครมีประสบการณ์ช่วยบอกกล่าวหน่อยครับ |
ผมว่าขี้หมูโอกาสที่จะเจอโซดาไฟน้อยมาครับ จริงเท็จอย่างไรรอคุณติ๊ก(เถ้าแก่ฟาร์มหมู)มาตอบดีกว่า _________________ อ๊อด ระยอง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11627
|
ตอบ: 10/08/2010 8:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ริมถนนเพรชเกษม ย่านหนองโพ นมตราวัวแดง ขี้วัวนมกระสอบปุ๋ยเย็บปาก ราคากระสอบละ 17 บาท เห็นบางเจ้าวางเรียงขนาดตู้โบกี้รถไฟแน่ะ
ถ้าที่หนองโพมีขี้วัวนมใส่กระสอบขาย ลุงคิมว่าที่ไหนๆก็มี ถ้าย่านนั้นเลี้ยงวัวนม
กรณีขี้วัวนม ไก่ไข่ หมู มีโซดาไฟเจือปนมาด้วยหรือไม่ พิสูจน์ได้โดยเอามาทำกองกับพื้นแล้วสังเกตุ ถ้ามีแมลงวันตอมแสดงว่าไม่มีโซดาไฟ แต้ถ้าแมลงวันไม่ตอมละก็ ชัดเลย โซดาไฟ
ลุงคิมครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
piglatte หนาวดึ่ง
เข้าร่วมเมื่อ: 17/08/2009 ตอบ: 17
|
ตอบ: 13/08/2010 9:22 am ชื่อกระทู้: |
|
|
หากถามคนขายขี้หมูว่ามีโซดาไฟหรือเปล่า ... ถ้าคนขายไม่ใช่คนเลี้ยง แล้วจะเชื่อได้อย่างไร และอีกอย่างเค้าต้องการขายของเค้าอาจบอกว่า "ไม่ใส่" เป็นอันจบการขาย
อย่างไรก็ตาม คงบอกแทนฟาร์มหมูทุกเจ้าไม่ได้ว่า"ทุกฟาร์มใช้หรือไม่ได้ใช้โซดาไฟ" เพราะฟาร์มเค้า-ฟาร์มเรา-ฟาร์มคุณ-ฟาร์มผม แต่ในปัจจุบันการที่นิยมนำมูลมาทำแก๊สชีวภาพ ทำให้กลายเป็นข้อกำหนดที่จะต้องลดการใช้สารเคมีกำจัดเชื้อโรคโดยทางอ้อม
ที่ฟาร์มผมจะใช้ผงซักฟอก (ที่ใช้ซักผ้า) ในการขัดล้างพื้นคอกโรงเรือนหลังจับหมู อีกทั้งใช้ในปริมาณจำกัด(เพราะลดต้นทุน) และเพื่อไม่ให้รบกวนจุุลินทรีย์ในบ่อน้ำเสียที่ผลิตแก๊สชีวภาพ แม้ว่าในผงซักฟอกจะมีส่วนผสมของโซดาไฟอยู่ แต่การใช้ในปริมาณที่เหมาะสมสารเหล่านี้ก็ถูก neutralize ไปในระบบบำบัดน้ำเสียโดยธรรมชาติครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11627
|
ตอบ: 13/08/2010 5:07 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ประมาณนี้นี่แหละ.....ในสิ่งดีย่อมมีสิ่งไม่ดีแฝง ขณะเดียวกัน สิ่งไม่ดีย่อมมีสิ่งแฝง.... อยู่ที่คนใช้ ฉลาดเลื่อก ฉลาดใช้ ก็แค่นี้เอง ว่ามั้ย
ลุงคิมครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|