ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 22/01/2011 9:13 pm ชื่อกระทู้: ระบบสปริงเกอร์... |
|
|
การปลูกปาล์มด้วยระบบน้ำหยด
ปัจจุบันภาคเอกชน มีการพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกปาล์มน้ำมัน ด้วยระบบน้ำหยด
สามารถเพิ่มผลผลิตปาล์มน้ำมันได้สูงขึ้น ช่วยให้การให้น้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น
85 ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการให้น้ำในระบบอื่นๆ
โดยวางท่อส่งน้ำไปตามแนวต้นปาล์ม และติดตั้งหัวน้ำหยดไว้รอบๆโคนต้น เพื่อให้
ต้นปาล์มสามารถดึงน้ำไปใช้ได้เต็มที่ และไม่สิ้นเปลืองน้ำ การวางท่อดังกล่าว ควร
จะทำในระยะที่ต้นปาล์มยังมีขนากทรงพุ่มเล็กอยู่ เพราะต้นปาล์มต้องการน้ำตลอด
ทุกระยะการเจริญเติบโต แต่เกษตรกรส่วนใหญ่คิดว่าต้นปาล์มต้องการน้ำอย่างเต็มที่
ในช่วงที่ต้นโตเท่านั้น ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ได้มีน้อย และเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่
ได้ก็น้อยตามไปด้วย เมื่อต้นปาล์มโตเต็มที่ ให้ปรับหัวน้ำหยดห่างจากโคนต้น
ประมาณ 1.2-1.5 เมตร จะทำให้ต้นปาล์มได้น้ำอย่างทั่วถึง
การปลูกปาล์มด้วยระบบน้ำหยด ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการปลูกปาล์มแบบวิธี
ธรรมชาติประมาณไร่ละ 5,000 ถึง 6,000 บาท แต่สามารถเพิ่มผลผลิตได้
ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ และผลปาล์มที่ได้จะให้เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น
ตรงตามศักยภาพของสายพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาแรงงานในการให้ปุ๋ย
เพราะระบบดังกล่าว สามารถให้น้ำและปุ๋ยไปพร้อมๆกันได้โดยตรง ซึ่งถือว่าคุ้มค่า
อนวัช สะเดาทอง โทร.081-857-0811
ที่มา http://www.ch7.com/news/2/8/11758/
http://www.greatagro.com/contentnewsinside.php?id=39
ระบบน้ำหยดในสำปะหลัง...
เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด จึงสนใจที่จะเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง โดยวิธีการให้น้ำแบบ
ระบบน้ำหยด เท่าที่ทราบมาและจากการที่ได้ไปศึกษาดูงานในแปลงปลูกของคุณ
สุรินทร์ พิชัย เคยได้ไม่ต่ำกว่า 10 ตันต่อไร่ ก็ได้มาปฏิบัติจริงในแปลงทดลองของ
ตนเอง โดยเริ่มตั้งแต่ คัดพันธุ์ดี การตัดท่อนพันธุ์ด้วยมีดที่คม ทำการตัดตรง ความ
ยาวของท่อนพันธุ์ 25-30 ซม. โดยนำท่อนพันธุ์ไปจุ่มในน้ำหมักมูลสุกร เพื่อ
กระตุ้นในการเร่งการออกรากเร็ว นำท่อนพันธุ์ไปปลูกลงในแปลงปลูกที่มีการยก
ร่องไว้แล้วโดยการปักตรงลงดินลึกประมาณ 4-5 นิ้ว ระยะห่างระหว่างแถว 100
ซม. ระยะห่างระหว่างต้น 80 ซม. ใน 1 ไร่จะปลูกได้ประมาณ 1,600 ท่อน
คุณลุงสมนึก ศรีสงคราม ยังได้เล่าต่อไปอีกว่า ตนเองได้ทดลองนำมูลสุกรที่เลี้ยง
ไว้ ไปหมักน้ำ โดยใช้มูลสุกรสดจำนวน 15 กก. ผสมกับน้ำสะอาด จำนวน 200
ลิตร โดยทำการหมักไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง แล้วนำไปกรองในบ่อกรอง จากนั้นก็
ปล่อยน้ำที่กรองแล้วผ่านไปยังท่อระบบน้ำหยด ซึ่งต่อไปยังแถวต้นมันสำปะหลัง
จากการสังเกตพบว่า ต้นมันสำปะหลังที่ได้รับน้ำหมักมูลสุกรนี้ เจริญเติบโตเร็ว
มาก จึงจำเป็นที่ต้อง ติดตาม การสังเกต และบันทึกข้อมูลไว้โดยตลอด ขณะนี้
มันฯที่ปลูก มีอายุ ประมาณ 3 เดือนเศษ แต่ก็จะต้องคอยดูผลผลิตหัวมันฯสดในช่วง
ระยะเวลาที่เก็บเกี่ยวหัวมันฯสดต่อไป ซึ่งขณะนี้มีเพื่อนบ้านได้ให้ความสนใจ
มาสอบถามอยู่อย่างต่อเนื่อง
http://gotoknow.org/blog/peekwong17/192188
ระบบน้ำหยดแบบ ใช้ท่อจิ๋ว ที่คณะเทคโนโลยีการเกษตร
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
วิธีีการทำดังนี้
1. วางท่อย่อย(ท่อ PE ขนาด 20 มม.) ตามแนวหลุมแตง
2. ตัดท่อจิ๋ว(ท่อพีอี ขนาดรู 1-1.5 มม.) ยาว เส้นละ 30-50 ซม. เป็นหัวน้ำหยด
3. เจาะรูที่ท่อย่อย ตามระยะหลุมแตงที่ปลูก ขนาดพอเสียบท่อจิ๋วลงไปได้
4. เสียบท่อจิ๋วที่เตรียมไว้ ที่รูท่อย่อย
5. ใช้ฝาโค๊กเจาะรูเสียบปลายท่อจิ๋ว ใช้ลวดผูกฝาโค๊กเป็นขาปักลงดิน เพื่อบังคับ
ให้ปลายหยดอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ
6. แหล่งน้ำ เพราะเป็นเรื่องทำให้น้ำรั่วจากท่อ ดังนั้นเราสามารถนำถังขนาด 100-
200 ลิตร วางที่หัวแปลงสูงจากพื้นเพียง 1 ฟุต ก็พอ
ใส่น้ำตามที่ต้องการ
เมื่อเปิดประตูน้ำ น้ำจะรั่วออกตามรูท่อย่อย ไหลไปตามท่อจิ๋ว ซึมลงดินที่โคนต้น
น้ำจะไหลเป็นหยดจนหมดถัง ปรับให้น้ำหมดภายใน 4-6 ชั่วโมง
*** ข้อสำคัญที่สุดของระบบนี้ คือ น้ำต้องไม่มีตะกอน มิฉะนั้นจะทำให้เกิดอุดตัน
ที่ท่อจิ๋ว น้ำจะไม่ไหล *****
*** วิธีนี้เราสามารถละลายปุ๋ยปนลงไปกัยน้ำได้เลย ***
รายละเอียดมีมากมาย สนใจถามได้ตลอดเวลา ภาพที่เห็นได้จากภาคปฏิบัติของนัก
ศึกษาคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
http://www.bansuanporpeang.com/node/2339
อันนี้ไอเดียดี ระบบน้ำหยด ปลูกในบ้านสบายเลย
http://www.google.co.th
ชุดน้ำหยดแบบประหยัด
เป็นการประยุกต์ระบบน้ำหยดแบบ KB drip โดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ เพียงเทป หัว
ปล่อยน้ำหยด และใช้กระสอบปุ๋ยเสมือนเป็นถังเก็บน้ำ โดยสามารถใช้กับพืชใน
เนื้อที่ปลูกได้ถึง 20-50 ตารางเมตร ด้วยทุนเพียง 2-5 เหรียญเท่านั้น ซึ่งหากรวม
ค่าจิปาถะทางการตลาดแล้วเต็มที่อาจตกประมาณ 9 เหรียญ
กระสอบควรมี 2 ชั้น ชั้นในเป็นกระสอบกันน้ำ ส่วนชั้นนอกควรมีคุณสมบัติแข็งแรง
ทนทาน เวลาใช้งานนั้นง่ายมาก เพียงเติมน้ำใส่กระสอบวันละ 2 ครั้ง ท่อส่งจะนำน้ำ
รดในเนื้อที่ขนาดย่อมๆ เช่นแปลงผักสวนครัวได้สบายๆ
เมื่อใช้ชุดให้น้ำแบบประหยัดนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คนจนกลายมาเป็น
คนรวยได้ แต่มันก็ช่วยให้คนยากคนจนเหล่านี้มีอาหารกินและทำให้พวกเขาเหล่านี้มี
รายได้เพิ่มขึ้นจากการขายพืชอาหารเหล่านี้ภายหลังจากฤดูการเก็บเกี่ยวพืชปลูกสิ้น
สุดลง
ถอดความจาก Ending poverty with water control and market access
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nahoad&month=05-2009&date=29&group=4&gblog=25
มันสำปะหลังระบบน้ำหยด
การเตรียมดิน
รองพื้นด้วยแกลบ มูลไก่ 40 กระสอบต่อไร่ (หรือประมาณ 400 กิโลกรัมต่อไร่ )
จากนั้นให้ทำการหว่านปุ๋ยเคมีเสมอ (15-15-15) ประมาณ 25 กิโลกรัมต่อไร่
แล้วไถกลบด้วยผาล 3 และแปรด้วยผาล 7 เมื่อเสร็จแล้วให้ทำการวางระบบน้ำ
หยด โดยวางสายน้ำหยดระยะ 150 & times ; 40 ซม.
การลงทุนระบบน้ำหยด
อุปกรณ์มีดังนี้ สายน้ำหยด,ท่อพีวีซี,หัวปลาไหล,วาล์วปิด-เปิด,ปั๊มน้ำและไฟฟ้าหรือ
เครื่องคูโบต้า ต้นทุนในการวางระบบประมาณ 6,000 บาทต่อไร (ไม่รวมปั๊มน้ำ) มี
อายุการใช้งาน 3-5 ปี แล้วจึงค่อยเปลี่ยนสายใหม่
ข้อดีของการใช้ระบบน้ำหยด
1. สามารถปลูกมันได้ตลอดทั้งปี
2. ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น
3. ลดต้นทุนการผลิต จากเดิมปลูกปีละ 5-6 ครั้ง จึงได้เก็บเกี่ยวผลผลิต เมื่อใช้
ระบบน้ำหยดลดลงมาเหลือ 3 ครั้ง
4. ผลิตมีคุณภาพ ขายได้ราคาดีขึ้น
การเตรียมท่อนพันธุ์
ควรเลือกท่อนพันธุ์ที่มีอายุประมาณ 8-12 เดือน และต้องเป็นท่อนพันธุ์ที่ใหม่และ
สด มีความสมบูรณ์สูงไม่มีโรคและแมลง ตัดหัวและโคนทิ้งระมาณ 10-20 ซม.
จากนั้นตัดท่อนพันธุ์เป็นท่อน ๆ ละ 25 ซม. แล้วจึงนำไปปลูก
การปลูกและดูแลรักษา
วิธีปลูก นำท่อนพันธุ์ที่เตรียมไว้มาปักตั้งตรงลึกไม่เกิน 5 ซม. ไม่ควรปักเฉียงเพราะ
จะทำให้รากออกข้างเดียว หลังจากนนั้นทำการรดน้ำทันที โดยในช่วงแรก ๆ 2-3
วันค่อยรดหนึ่งครั้ง และในแต่ละครังควรรดน้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง และเมื่อต้นมัน
สำปะหลังตั้งตัวได้จะให้น้ำทุก ๆ 7 วัน การดูแลรักษา ในช่วงอายุ 1-3 เดือนแรก
ควรให้ปุ๋ยทางน้ำเสริมด้วย โดยใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 25-5-5 ผสมกับน้ำปล่อยไปตาม
ระบบน้ำหยดเดือนละครั้ง เพื่อช่วยบำรุงต้นและใบ หลังจากอายุได้ประมาณ 4-5
เดือน ให้ใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ปริมาณ 25 กิโลกรัมต่อไร่ และเมื่ออายุได้
6-7 เดือน ให้เปลี่ยนมาเป็นปุ๋ยสูตร 12-4-40 เพื่อช่วยเรื่งหัวเร่งแป้ง
http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:11 am, แก้ไขทั้งหมด 4 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 22/01/2011 10:04 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นี่ไง "สเปร์หมอก" ความฝันที่รอคอย อยากทำมานานแล้ว คราวนี้ทำแน่ๆ
ใจเย็นๆ คอยไปดูที่ไร่กล้อมแกล้ม แล้วเอาไปประยุกต์ใช้ในสวนตัวเอง
จินตนาการ....ถ้าละอองหมอกพุ่งออกมาจากใจกลางทรงพุ่มไม้ผลใหญ่ หรือ
พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินคลุมทรงพุ่มไม้พุ่มเตี้ย จะสวยงามขนาดไหน
ริมถนนใหญ่เพชรเกษม ขาล่อง ข้างๆต่างระดับสามแยกนครชัยศรี มีบ้านทรง
เมืองเหนือโบราณ (น่าจะขายกระถางต้นไม้) บ้านนี้แต่งสวนรอบบ้านสวยมาก
ที่น่าสนใจ คือ "สเปร์ยหมอก" ตัวนี้นี่แหละ หาโอกาสเหมาะๆไปดูซี่ แต่ต้อง
ไปให้ตรงตอนที่เปิดเปิดสปริงเกอร์ด้วยนะ
สปริงเกลอร์แบบหัวพ่นฝอย เป็นสปริงเกลอร์ที่พ่นกระจายน้ำแบบเป็นฝองละออง
ขนาดเล็กหรือเป็นเส้น มีรัศมีการกระจายน้ำใกล้ๆ ระยะประมาณไม่เกิน 1.5 เมตร
เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการรัศมีการพ่นน้อย เช่น แปลงผัก ต้นไม้ หรือพุ่มไม้
เล็กๆตามสวนในบ้าน ไม้ผลไม้ยืนต้นที่ทรงพุ่มไม้ไม่ใหญ่ เป็นต้น
http://www.kanokproduct.com
http://www.nanagarden.com
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:27 am, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 23/01/2011 9:41 am ชื่อกระทู้: |
|
|
การศึกษาผลการให้น้ำระบบน้ำหยด ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของคะน้ายอด
นิจพร นราพงษ์
อาจารย์ที่ปรึกษา อ.อนันต์ วิสัยเกษม
กาารศึกษาระบบน้ำหยด เปรียบเทียบอัตราการไหลของหัวหยด ที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของคะน้ายอด โดยวิธีการให้น้ำ
ในอัตราต่างกัน 4 วิธีการ คือ
วิธีการที่ 1 (tr1) รดน้ำด้วยบัว 2 บัวต่อแปลงต่อวัน
วิธีการที่ 2 (tr2) อัตราการไหลของหัวหยด 2 ลิตรต่อวันต่อต้น
วิธีการที่ 3 (tr3) อัตราการไหลของหัวหยด 3 ลิตรต่อวันต่อต้น
วิธีการที่ 4 (tr4) อัตราการไหลของหัวหยด 4 ลิตรต่อวันต่อต้น
โดยทำการทดลองแบบ RCB (Randomized complete Block Design) เริ่มจากการเพาะเมล็ด ในแปลงทดลอง
พร้อมๆกับการติดตั้ง ระบบน้ำหยด เพื่อให้น้ำ โดยระบบน้ำหยดในอัตราต่างๆกัน แล้วทำการวัดผลทุก 7 วัน จนครบ 7 ครั้ง
รวมเวลาในการทดลอง 49 วัน ที่แปลงทดลอง ภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบัน
เทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
จากการทดลองพบว่า อัตรากาารไหลของหัวหยด ในระบบน้ำหยด ที่มีผลต่อ การเจริญเติบโตของคะน้า ที่ดีที่สุด คือ
หัวหยดที่มีอัตราการไหล ของน้ำ 4 ลิตรต่อวันต่อต้น โดยให้ผลตอบสนอง คิดเป็นค่าเฉลี่ย ในด้านความสูงของต้นเท่า
กับ 14.20 เซนติเมตร จำนวนใบเท่ากับ 7.23 ใบ น้ำหนักสดเท่ากับ 154.95 กรัม และน้ำหนักแห้งเท่ากับ 13.65 กรัม
ส่วนทางด้านขนาดใบที่ 1 และขนาดใบที่ 3 ได้ค่าเฉลี่ยต่ำสุดเท่ากับ 55.21 และ 119.61 ตารางเซนติเมตร ตามลำดับ
เมื่อเปรียบเทียบ ค่าเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ 60.51 (tr3) และ 128.87 (tr1) ตารางเซนติเมตร ตามลำดับ สำหรับทางด้าน
ขนาดใบที่ 2 ได้ค่าเฉลี่ยจัดอยู่ใน อันดับที่ 3 คือ เท่ากับ 97.56 ตารางเซนติเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยสูงสุด 105.02
ตารางเซนติเมตร (tr2) และค่าเฉลี่ยต่ำสุด 94.38 ตารางเซนติเมตร (tr3) และสำหรับปริมาณไนโตรเจน วิธีการนี้ให้ค่า
เฉลี่ย อยู่ในอันดับที่ 2 รองจากวิธีการที่ 3 คือ ให้ค่าเฉลี่ย 0.31 เปอร์เซนต์ ขณะที่วิธีการที่ 3 ให้ค่าเฉลี่ย 0.32 เปอร์เซนต์
แต่ไม่มีความแตกต่างกัน ทางสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 99% ไม่ว่าจะเป็นขนาดใบ ที่ 1, 2 และ 3 หรือปริมาณไนโตรเจน
ในคะน้า
ดังนั้นอัตราการไหลของหัวหยด ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของคะน้า คือ 4 ลิตรต่อวันต่อต้น
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:26 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 23/01/2011 11:18 am ชื่อกระทู้: |
|
|
แอร์แว...นวัตกรรมการสูบน้ำ การค้นพบที่เปลี่ยนชีวิตของคนบ้านผาชัน
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
ต้องตื่นตี 3 .... ไปรอน้ำที่ค่อย ๆ ซึมขึ้นมาแล้วก็ตักเอามาใช้...เราว่าเราตื่นเช้าแล้วนะ แต่พอไปถึง มีคนไปรอก่อนเราอีก
บุญธรรม คงทน สะท้อนภาพปัญหา การขาดแคลนน้ำ ที่เขา และชาวบ้านผาชันกว่า 600 ชีวิต ใน 134 ครอบครัวร่วมกันเผชิญ
ร่วมกันมาเป็นเวลาหลายปี โดยทุกๆ ฤดูแล้งเขา และเพื่อนบ้านจะต้องตื่นกันแต่เช้าตรู่เพื่อเข็นรถไปตักน้ำจากแหล่งน้ำซับซึ่ง
อยู่บริเวณชายป่านอกหมู่บ้าน....................
แทบไม่น่าเชื่อชุมชนขนาดเล็กที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงจะเคยวิกฤติถึงขั้นต้องไปซื้อน้ำจากต่างอำเภอมาใช้ ทั้งนี้เนื่อง
จากสภาพที่ตั้งของชุมชนซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหินและมีความลาดชัน ข้อจำกัดของพื้นที่ดังกล่าวคือไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ในฤดู
ฝน ในทางกลับกันก็ทำให้เกิดน้ำท่วมเพราะน้ำไม่สามารถไหลซึมลงดินได้ และเมื่อไม่สามารถซึมลงดิน มันก็จะไหลลงแม่น้ำโขง
เกือบทั้งหมด ผลกระทบที่ตามมาคือ เมื่อกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเข้าไปเจาะบ่อบาดาลเพื่อให้ชาวบ้านได้มีน้ำใช้ในยามแล้ง
ปรากฏว่าไม่พบน้ำใต้ดินแม้จะขุดลึกลงไปในดินถึง 60 เมตรก็ตาม
ในส่วนของความพยายามที่จะดึงน้ำจากแม่นำโขงขึ้นมาใช้นั้น สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) ใช้งบประมาณกว่า 3
ล้านบาทในการเข้ามาวางระบบประปาชุมชน ทำถังเก็บขนาดใหญ่กลางหมู่บ้าน และใช้เครื่องสูบน้ำจากบุ่งพระละคอน (อ่างน้ำธรรม
ชาติขนาดเล็กริมแม่น้ำโขง) ที่อยู่ห่างจาก 300 เมตร และมีน้ำทั้งปี แต่ชาวบ้านใช้ประปาจาก รพช.ได้ไม่นานก็ต้องหยุด เนื่องจาก
ระยะทางระหว่างจุดสูบน้ำ และถังเก็บน้ำอยู่ห่างกันและมีความลาดชันสูงส่งผลให้เครื่องสูบน้ำได้รับความเสียหาย และชาวบ้าน
มองว่ามันไม่คุ้มกับค่าซ่อมบำรุงมอเตอร์สูบน้ำ
เมื่อเทคโนโลยีไม่ได้ผล ทางออกคือของชุมชนคือต้องอาศัยภูมิปัญญาตัวเองด้วยการสร้างทำนบขนาดเล็กกั้นบริเวณจุดน้ำซับ
ตรงลำห้วยเสาเฉลียง และบริเวณน้ำซับจุดอื่น ๆ ซึ่งเป็นบริเวณที่ บุญธรรม และชาวบ้านผาชันไปนั่งรอเป็นเวลากว่าค่อนคืนเพื่อที่
จะขอดเอาน้ำจากบ่อมาใช้ดื่มกิน ซึ่งการมานั่งรอเพื่อตักน้ำซับไม่ได้ลำบากเฉพาะชาวบ้านเท่านั้น หากแต่ยังส่งกระทบไปถึงการ
เรียนการสอนด้วย เพราะเด็ก ๆ ต้องออกไปช่วยพ่อแม่ตักน้ำจากลำห้วยมาไว้ที่บ้านก่อนไปโรงเรียนซึ่งบางคนต้องใช้เวลาเดินไป
เดินกลับประมาณ 2 ชั่วโมง และในโรงเรียนเด็ก ๆ จะถูกจัดเวรให้ไปตักน้ำมาใช้ในห้องน้ำ ซึ่งผลกระทบนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะเรื่อง
การใช้น้ำเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวโยงไปถึงการเรียนการสอนด้วย โดยเฉพาะวิชาเกษตรที่ต้องทำการทดลองปลูกผักก็ต้องงด...บ่อกบ
ที่ทำการทดลองเลี้ยงก็ต้องเลิก
สรุปก็คือ วิชาที่เกี่ยวกับการเกษตร และต้องใช้น้ำต้องยกเลิกในช่วงหน้าแล้ง
แม้จะพยายามกันทุกรูปแบบเพื่อให้มีน้ำใช้ ทั้งการขุดบ่อบาดาล สูบน้ำจากบ่อ ทำฝายกั้นลำห้วย แต่นั้นก็ยังไม่ใช่ทางออกของ
ปัญหา ครูกล พรมสำลี ครูโรงเรียนชมรมจักรยานสมัครเล่นบ้านผาชันบอกว่าบางปี วิกฤติถึงขั้นต้องไปซื้อน้ำใช้
เพราะพวกเราก็ทำกันทุกวิถีทางแล้วเช่นเดียวกัน แต่ก็แก้ปัญหาไม่ได้ พอดี Nature care หรือศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อ
ท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี เข้ามาอธิบายแนวคิดเกี่ยวกับงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น ถึงแม้จะเป็นเรื่องใหม่ แต่ชาวบ้านผาชันมองว่าน่า
จะทดลองดู...
ชาวบ้านไม่แค่ทดลองทำ แต่ได้ลงมือทำวิจัยอย่างจริงจัง จุดเด่นของบ้านผาชันคือการมีเวที ประชาคมหมู่บ้าน ที่มักเอาเรื่องราว
และปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนมาหารือ ประเด็นงานวิจัยก็เช่นเดียวกัน
ในเวทีก็ถกเถียงกันพอสมควร ชาวบ้านส่วนใหญ่ถามว่าถ้าทำวิจัยเรื่องการท่องเที่ยว แล้วถ้านักท่องเที่ยวเข้ามามาก ๆ จะเอา
น้ำที่ไหนใช้...เราก็เลยเปลี่ยนมาเป็นเรื่องการจัดการน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีน้ำจำกัด จะมีวิธีการบริหารจัดการน้ำอย่างไร
ให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ภายใต้โครงการวิจัย: ศึกษารูปแบบการจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด : กรณีบ้านผาชัน ตำบลสำโรง
อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานภาค
โดยมี กล พรมสำลี อาจารย์โรงเรียนจักรยานสมัครเล่นบ้านผาชันเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย นั้น คนผาชันเริ่มต้นงานวิจัยของ
พวกเขาด้วยการศึกษาปริมาณแหล่งน้ำที่มีอยู่ในหมู่บ้าน พร้อม ๆ ไปกับการศึกษาปริมาณการใช้น้ำของชาวบ้าน ข้อมูลเหล่านี้จะ
ทำให้เห็นว่า ปริมาณที่มิอยู่นั้นเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อทำไปสู่การหาวิธีการ ใช้น้ำ ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อก่อนเราแก้ปัญหากันเฉพาะแค่จะหาทางเอาน้ำมาใช้เพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่มองพฤติกรรมการใช้น้ำของตัวเองว่าเป็นอย่างไร
รู้จักประหยัดน้ำหรือไม่ เพราะถ้ามีน้ำแล้วเราไม่รู้จักใช้มันอย่างรู้ค่า ต่อให้มีน้ำมากเท่าไหร่ก็คงไม่เพียงพอ
และในระหว่างที่ชาวบ้านและทีมวิจัย กำลังดำเนินโครงการวิจัยในระยะแรกอยู่นั้น โครงการ SML. เห็นความพยายามของชาวบ้านที่
จะหาแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำของชุมชนเอง จึงจัดสรรงบประมาณมาให้จำนวนหนึ่ง ชาวบ้านนำงบประมาณดังกล่าวไปใช้ในการต่อเติม
ฝายวังอีแร้ง เพื่อรองรับน้ำในยามหน้าฝน งบประมาณอีกส่วนนำไปพัฒนาและปรับปรุงระบบประปา และซื้อมอเตอร์สูบน้ำตัวใหม่ทด
แทนตัวเดิมที่ชำรุดไป
การต่อเติมฝายวังอีแร้ง ทำให้บ้านผาชันด้านทิศใต้ 21 ครัวเรือนที่เคยขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้งได้มีน้ำใช้ เพราะบริเวณดังกล่าว
อยู่สูงเกินกว่าที่ระบบ ประปาหมู่บ้าน จะส่งน้ำมาถึง และในทางกลับกันก็จะทำให้อีก 113 ครัวเรือนที่อยู่ด้านเหนือด้านที่ติดแม่
น้ำโขงมีน้ำ ประปาภูเขา ใช้ในช่วงหน้าน้ำเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวน้ำในแม่น้ำโขงจะท่วมบุ่งพระละคอนซึ่งไม่สามารถนำเครื่อง
ลงไปสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้
และในส่วนของการสูบน้ำจากบุ่งพระละครขึ้นมาใส่ถังประปาหมู่บ้านนั้น ทีมวิจัยค้นพบ แอร์แว ซึ่งเป็นนวัตกรรมการสูบน้ำด้วยการ
ใช้อากาศเข้าไปช่วยในการเพิ่มแรงดันให้เครื่องสูบน้ำ โดยการต่อท่อซึ่งมีความยาว 1 เมตร 2 อัน
ครูกลบอกว่า แอร์แว หรือ แอร์แวะ คือการปล่อยให้อากาศมันแวะเข้าไปในน้ำ ทำให้น้ำมีแรงดันมากขึ้น...และที่สำคัญกว่านั้น
ก็คือ...ไม่ทำให้เครื่องสูบน้ำได้รับความเสียหายเหมือนกับทีผ่าน ๆ มา
เป็นการค้นพบกันโดยบังเอิญ...ตอนนั้นเราทำฝายที่วังอีแรงเสร็จแล้ว ก็เหลือแต่ว่าจะทำอย่างไรที่จะสูบน้ำจากบุ่งพระละครขึ้นมาได้
เพราะหากสูบแบบเดิมเครื่องสูบน้ำพังแน่นอน พอดีมีชาวบ้านชื่อ ชรินทร์ อินทร์ทอง เข้ามาในเวทีประชาคม เล่าว่าตอนเขาสูบน้ำ
รดต้นไม้ เห็นสายยางขาดทำให้สายยางมันสะบัดไปมา และน้ำมันก็ฉีดแรงขึ้น....แกเลยเสนอให้เจาะรู้แล้วลองต่อท่อ...ทีมวิจัยก็
เลยเอาไปทดลองทำ...ทดลองอยู่หลายครั้ง เพราะมันต้องให้ได้ระยะของมัน ห่างเกินไป หรือ ใกล้กันเกินไปก็สูบน้ำไม่ขึ้น ระยะ
ห่างที่ลงตัวที่สุดคือ ตัวท่อแอร์แวยาว 1 เมตร ระหว่างท่อทั้ง 2 อยู่ที่ 30 เซนติเมตร
แอร์แว ทำให้คนบ้านผาชันมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี แต่ชาวบ้านก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น หากแต่ได้ร่วมกันคิดหาทาง ประหยัดน้ำ
ขึ้นอีก เพราะจากการสำรวจข้อมูลการใช้น้ำของชุมชนพบว่าใน 1 วันคนบ้านผาชันใช้น้ำ 44,757.6 ลิตร โดยพบว่า กิจกรรมที่
ใช้น้ำมาที่สุดคือ อาบ,ล้างหน้า,แปรงฟัน ใช้น้ำมากถึง 13,962 ลิตร ลองลงมาคือน้ำซักผ้า 10,566 ลิตร ซึ่งเมื่อทีมวิจัยได้
นำข้อมูลเสนอต่อที่ประชุมในเวทีประชาคมหมู่บ้านให้ชาวบ้านช่วยกันคิดหาวิธีลดการใช้น้ำ หรือ ใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อันเป็นที่มาของกิจกรรม ครอบครัวประหยัดน้ำ โดยมอบรางวัลแก่ครอบครัวที่ชนะเลิศ เดือนละ 1 ครั้ง และให้ครอบครัวที่ได้รับ
รางวัลอธิบายเทคนิค วิธีการประหยัดน้ำให้กับครอบครัวอื่นๆ ได้ทราบและนำไปปฏิบัติตาม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแบ่งกลุ่มดู
แลทำความสะอาดบ่อน้ำธรรมชาติของชุมชน เพื่อให้บ่อนำมีพื้นที่กักเก็บน้ำมากยิ่งขึ้น.........................
ปัจจุบันบุญธรรม และสมาชิกในครอบครัว ไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปรอ ขอด น้ำจากก้นบ่อเพื่อเอามาใช้ดื่มกินอีกแล้ว เพราะมี
น้ำ ที่พวกเขาเรียกกันติดปากว่า น้ำจากงานวิจัย ให้ใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่บุญธรรมก็ไม่ใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย ตรงกันข้าม
ครอบครัวของเขาช่วยกันประหยัด และใช้น้ำทุกหยดอย่างรู้ค่า กระทั่งได้รับคัดเลือกให้เป็น ครอบครัวประหยัดน้ำของหมู่บ้าน
รายแรกๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สกว.สำนักงานภาค โทร. 053 948 286 7 ต่อ 14, 15
http://www.technologymedia.co.th/column/columnview.asp?id=211
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 23/01/2011 2:22 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 23/01/2011 11:54 am ชื่อกระทู้: |
|
|
วิธีการใช้ปุ๋ยเคมีเหลว
ต้องมีการจัดทำระบบน้ำชลประทานในแปลงปลูกเสียก่อน ซึ่งประกอบด้วย 4 ส่วนคือ
1. เครื่องสูบน้ำ ทำหน้าที่เป็นต้นกำลังในการผลักดันน้ำและปุ๋ยไปตามท่อส่งน้ำ
2. ท่อส่งน้ำ ทำหน้าที่ในการนำพาน้ำและ
ปุ๋ยไปยังหัวจ่ายน้ำ
3. หัวจ่ายน้ำ ทำหน้าที่ในการจ่ายน้ำและปุ๋ยให้แก่พืชที่ต้องการน้ำและปุ๋ย โดยให้ในอัตราตามที่ต้องการ เช่น 80 ลิตร /ชั่วโมง
หรือ 120 ลิตร /ชั่วโมง อาจให้เป็นแบบน้ำหยด (drip) แบบน้ำเหวี่ยง แบบพ่นฝอย (mini-sprinkle) หรือแบบน้ำเหวี่ยง
ขนาดใหญ่ (sprinkle)
4. ปุ๋ยเคมีเหลว เป็นปุ๋ยที่ใช้กับการให้ปุ๋ยในระบบน้ำชลประทานโดยเฉพาะ (fertigation fertilizer) มี 2 ชนิด คือ
ปุ๋ยเคมีเหลวใส และปุ๋ยเคมีเหลวมีสารแขวนลอย
การคำนวณปริมาณปุ๋ยที่ให้แก่พืชในระบบน้ำชล
ประทาน สำหรับไม้ผล
1. ต้องรู้จำนวนต้นไม้ผลในแปลงปลูกที่จะให้ปุ๋ย
ในแต่ละครั้ง
2. ต้องรู้สูตรปุ๋ยที่จะให้
3. ต้องรู้ปริมาณปุ๋ยที่จะให้ต่อต้นในช่วงความถี่ในการให้ปุ๋ยเท่าไร เช่น ให้ปุ๋ยเคมีเหลวในอัตรา 100 กรัม/ต้น/30 วัน หมายความว่า
ในต้นไม้ผล 1 ต้น เราจะต้องให้ปุ๋ยเคมีเหลวจำนวน 100 กรัม โดยให้ทุกๆ 30 วัน ดังนั้นในหนึ่งปี เราให้ปุ๋ยเคมีเหลวรวม 12 ครั้ง ตาม
หลักการให้ปุ๋ยเคมีเหลวในระบบน้ำชลประทานที่ดีว่า ให้น้อยแต่บ่อยครั้ง
สมมุติว่า มีสวนส้มเขียวหวาน 1 แปลงที่จะให้ปุ๋ยมีจำนวนต้นส้ม 50 ต้น อายุส้มประมาณ 6 ปี ขณะนี้ติดผลอายุ 3 เดือน หลังออก
ดอก ต้องการให้ปุ๋ยสูตร 18-6-12 ในอัตรา 100 กรัม/ต้น / 30วัน
วิธีคำนวณ
จำนวนต้นส้ม 50 ต้น ต้องการปุ๋ยต้นละ 100 กรัม และให้ปุ๋ยเคมีเหลวทุกๆ 30 วัน
ปริมาณปุ๋ยที่ให้ทั้งหมด = 50 x 100..... = 5,000 กรัม หรือ 5 กิโลกรัม
ดังนั้นต้องชั่งปุ๋ยเคมีเหลวตามจำนวนดังกล่าว นำมาใส่ในถังผสมสารละลายปุ๋ย (อาจเป็นถังพลาสติกสีฟ้า 200 ลิตร หรืออ่างผสมปุ๋ย
ที่สร้างขึ้น) เนื่องจากปุ๋ย 5 กิโลกรัม มีจำนวนน้อยจึงควรเพิ่มน้ำอีก 100 ลิตรในถังผสม เพื่อให้ได้เนื้อ กวนให้เข้ากัน แล้วดำเนินการ
ให้ปุ๋ยตามขั้นตอนดังนี้
1. ควรจ่ายน้ำเปล่าก่อนใช้เวลาประมาณ 15 นาที
2. ขณะที่กำลังจ่ายน้ำเปล่า(เมื่อครบ 15 นาที) ให้เปิดวาล์วที่ถังผสมสารละลายปุ๋ย ปล่อยปุ๋ยให้หมดถังโดยใช้เวลาประมาณ 15
นาที แล้วปิดวาล์ว
3. จ่ายน้ำเปล่าอีกครั้ง ใช้เวลา 15 นาที เพื่อเป็นการชำระล้างท่อ หัวจ่ายน้ำ ตลอดจนเครื่องสูบน้ำด้วย
4. นับจากวันนี้ไปอีก 30 วันจึงจะมีการให้ปุ๋ยอีกครั้ง หรืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะต้องให้ปุ๋ยอีกครั้ง
การให้ปุ๋ยเคมีเหลวในระบบน้ำชลประทานดังกล่าวข้างต้น ต้นส้ม 50 ต้น จะได้รับปุ๋ยต้นละ 100 กรัม ค่อนข้างสม่ำเสมอ ลดการชะล้าง
ปุ๋ยออกนอกบริเวณรากพืช ลดการซึมลึกลงสู่น้ำใต้ดิน รากพืชไม่เสียหาย ธาตุอาหารพืชไม่ถูกตรึงโดยอนุภาคดิน พืชได้รับธาตุ
อาหารครบ เช่น N P K Ca Mg S Zn Fe Cl Mn Cu B Mo
แผนผังแสดงการติดตั้งระบบน้ำชลประทาน
อธิบายภาพ
หมายเลข 1 เป็นท่อดูดน้ำจากบ่อ
หมายเลข 2 เป็นท่อดูดสารละลายปุ๋ย
หมายเลข 3 ถังใส่ปุ๋ยเคมีเหลว
หมายเลข 4 วาล์วควบคุมปริมาณสารละลายปุ๋ยจากท่อ2
หมายเลข 5 เครื่องสูบน้ำ
หมายเลข 6 ท่อจากเครื่องสูบน้ำต่อไปยังท่อประธาน
การทำงาน เริ่มจากท่อ 1 สูบน้ำจากบ่อ โดยอาศัยต้นกำลังจากเครื่องสูบน้ำ (หมายเลข 5) ขณะเดียวกันท่อ 2 ก็ดูดสารละลายปุ๋ยใน
ถัง 3 โดยถูกควบคุมปริมาณด้วยวาล์วที่ 4 ปริมาณน้ำจากบ่อในท่อ1 และสารละลายปุ๋ยในท่อ 2 จะถูกสูบเข้ายังเครื่องสูบน้ำ
เกิดการผสมกันทั้งน้ำจากบ่อและสารละลายปุ๋ยจากถัง 3 ให้เป็นเนื้อเดียวกันและจะผลักดันออกมาตามท่อ 6 ส่งไปตามท่อประธาน
และท่อแขนง สุดท้ายไปยังหัวจ่ายน้ำ ตามลำดับ
การให้ปุ๋ยแบบไมโครสปริงเกิล (MicroSprinkle)
การให้ปุ๋ยแบบไมโครสปริงเกิล (MicroSprinkle)
การให้ปุ๋ยแบบสปริงเกิล(บิ๊กกัน-BigGun)
การให้ปุ๋ยแบบเรือรดน้ำ
http://captainfer.com/index.php?option=com_content&view=article&id=57&Itemid=58 |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 28/01/2011 8:31 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:14 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 29/01/2011 10:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 06/03/2017 3:30 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
napassorn สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 25/09/2010 ตอบ: 202 ที่อยู่: จ.นครราชสีมา
|
ตอบ: 29/01/2011 10:56 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เยี่ยมมากๆ.... _________________ <<ไร่อ้อยนภัสสร>> |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 07/02/2011 7:53 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:17 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 07/02/2011 7:55 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:17 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 07/02/2011 9:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:20 am, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 07/02/2011 9:35 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:21 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 07/02/2011 9:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:23 am, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 07/02/2011 9:40 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/08/2016 7:24 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 07/02/2011 9:46 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 06/03/2017 3:34 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11635
|
ตอบ: 07/02/2011 9:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
http://www.google.co.th
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 06/03/2017 3:32 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|