-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา.....
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา.....
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา.....
ไปที่หน้า 1, 2, 3 ... 13, 14, 15  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 16/01/2012 2:57 pm    ชื่อกระทู้: ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา..... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา ! !


สวัสดีค่ะลุงคิม

หนูทำนา 25 ไร่ ทำมาได้ 5 ฤดูกาล มีหนี้สินจากการทำนาเพิ่มจากเดิม "แสนกว่าบาท" ทำนาอยู่ที่ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ทำแล้วหนี้สินมีแต่เพิ่มขึ้น จึงมีความคิดว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถลดต้นทุนลงได้ หนูได้รับการแนะนำให้รู้จักลุงคิม โดยการฟังรายการวิทยุ จึงทำให้มีความหวังในการลดต้นทุนการผลิต และแอบหวังลึกๆ ว่า หนี้สินที่เกิดจากการทำนา นั้นจะหมดไป


หนูเริ่มต้นด้วยการไถกลบ แต่เผาฟางไปแล้ว เผาก่อนที่จะฟังรายการวิทยุของลุงคิม หนูสังเกตุว่า เมื่อไถกลับหน้าดินขึ้นมา วันแรก ดินจะมีสีดำ แต่เข้าวันที่ 3 ดินเริ่มแห้ง จะเป็นสีสนิมเกิดขึ้นที่ก้อนดิน อย่างทราบว่าเกิดจากอะไร ? มีผลอย่างไรกับนาข้าว ? จากดินสีดำทำไมถึงเปลี่ยนสี แสดงว่าการไถกลับหน้าดินดีหรือไม่ดี


เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม หนูนำน้ำหมักที่ไปซื้อจากร้านสีสันชีวิตไทย มาบวกรวมกับน้ำหมักที่หนูหมักไว้ (แอบประหยัดค่ะ) น้ำหมักที่หนูหมักไว้ ประกอบไปด้วย ปลาน้ำจืด 60 ส่วน พืชผัก 30 ส่วน น้ำประมาณ 10 ส่วน ไม่ทราบว่า น้ำหมักที่หนูหมักจะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ?


วันที่หนูฉีด น้ำหมักลงนา คนผ่านไปมามองเหมือนจะพูดว่า (อีนี้บ้า ฉีดน้ำหมักนาแห้ง) บ้างคนใจกล้าหน่อยก็ถามว่าทำอะไร? หนูก็ตอบไปว่า ฉีดน้ำหมัีก เสียงส่วนใหญ่ก็บอกว่า จะดีเหรอ ? มันไม่มีน้ำจุรินทรีก็ตายหมดซิ หนูก็เลยตอบไปลองทำดู
หนูไม่รู้ว่าจะทนต่อสายตาแบบนี้ได้แ่ค่ไหนนะคะ


อยากจะถามคำถามลุงเป็นข้อดังนี้....
1. การไถกลับหน้าดินดีหรือไม่ดี อย่างไร ?
2. การทำน้ำหมักแบบที่กล่าวข้างต้น พอจะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในนาข้าวได้หรือไม่ ?
3. การทำนาแบบลดต้นทุนที่แท้จริง คือ อะไร ?


ขอบคูณลุงคิมค่ะ
ยัยเฉิ่ม



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 17/01/2012 10:17 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อยากจะถามคำถามลุงเป็นข้อดังนี้....

1. การไถกลับหน้าดินดีหรือไม่ดี อย่างไร ? :
ตอบ :
"ดี ดีมากๆ .....เพราะ
- เป็นการกำจัดวัชพืชบางประเภท (เน้นย้ำ...บางประเภท) ที่รากโดนแดดเล้วตาย
- ทำให้ดิน โปร่ง-ร่วน-ซุย ดี เหมือนดินแปลงผักสวนครัว
- ฟาง/วัชพืช เมื่อถูกไถส่งไปอยู่ใต้ดิน จะผุเปื่อยแล้วกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์เร็วขึ้น
- จุลินทรีย์เดิมที่เคยอยู่บนดินได้ไปอยู่ใต้ดิน ไม่ถูกแดดเผา จึงทำให้เจริญเติบโตดี กับจุลินทรีย์เดิมที่เคยอยู่ในดินด้านล่างได้ขึ้นมาอยู่ด้านบนก็จะได้รับอ๊อกซิเจน ช่วยให้เจริญเติบโดด้วย
- ตัดวงจรชีวิตเชื้อโรคที่เคย แฝง/สะสม อยู่ใต้ดินเนื่องจากสภาพแวดล้อมเหมาะสมให้ตายได้

หมายเหตุ : หลักการเตรียมดินแปลงผักสวนครัวประการหนึ่ง คือ ไถดินให้ขี้ไถใหย่ๆ กลับดินบนลงล่าง-กลับดินล่างขึ้นบน แล้วตากแดดจัด 15-20 วัน เมื่อไถใหม่เป็นการไถพรวนนั้นจะพบว่า สภาพโครงสร้างดินดีขึ้นกว่าเดิม.....ฉนั้น หากนำหลักการเตรียมดินแบบนี้มาใช้กับนาข้าวบ้าง ย่อมดีต่อต้นข้าว เป็นธรรมดา...



2. การทำน้ำหมักแบบที่กล่าวข้างต้น พอจะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ในนาข้าวได้หรือไม่ ?
ตอบ :
แน่นอน-นอนแน่ แน่ยิ่งกว่าแป้ง.....

ในน้ำหมักชีวภาพสูตรใดๆในโลก หากมีกากน้ำตาลหรือสารรสหวาน (น้ำอ้อย น้ำตาล น้ำผึ้ง) เป็นส่วนผสมประกอบด้วย นอกจากจะเป็นสารอาหารหรือแหล่งพลังงานสำหรับจุลินทรีย์ในถังหมักแล้ว ยังเป็นสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่นที่มีอยู่เดิมในเนื้อดิน หรือในธรรมชาติได้อีกด้วย ..... ถึงจุดนี้ หากเข้าใจ LINE ธรรมชาติของจุลินทรีย์ ก็จะรู้ว่า "กากน้ำตาล" เปล่าๆ อย่างเดียวเดี่ยวๆ เจือจางน้ำเปล่า อัตราส่วน 1:500 แล้วราดรดลงดิน พร้อมกับปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เท่านั้น ก็สามารถใช้เป็นอาหารหรือแหล่งพลังงานสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่นได้เช่นกัน ขาดก็แต่สารอาหารพืชเท่านั้นแหละ

จุลินทรีย์เพื่อการเกษตรที่ดีที่สุด คือ จุลินทรีย์ประจำถิ่น (ฟูกูโอกะ....)

อย่ากังวลกับสารอาหารในน้ำหมักชีวภาพ ทั้งที่ทำเอง (ส่วนผสมตามที่บอก) หรือในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงฯ (ส่วนผสมที่หน้าเว้บ) นัก เพราะทั้ง 2 แบบ ต่างก็มีสารอาหารพืชไม่มากหนัก หรือ มาก/น้อย ต่างกันแค่ 1-2-3% เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของข้าวที่ให้ผลผลิตถึงระดับ เกรด เอ.-จัมโบ้. อยู่แล้ว ซึ่งแนวทางแก้ไขก็คือ "+ปุ๋ยเคมี" เพิ่มเข้าไป กระทั่งเป็น อินทรีย์ นำ-เคมี เสริม-ตามความเหมาะสมของต้นข้าว แล้วยังไงล่ะ....




3. การทำนาแบบลดต้นทุนที่แท้จริง คือ อะไร ?
ตอบ :
คือ ใช้ต้นทุนต่ำสุด เท่าที่ได้ผลผลิตข้าวเปลือกสูงสุด ทั้งคุณภาพและปริมาณ....เช่น

ทุน 1,000 ได้ข้าวเปลือก เกรด เอ. 100 ถัง ....... (1)
ทุน 1,000 ได้ข้าวเปลือก เกรด บี. 100 ถัง ....... (2)
(1) ดีกว่า (2) เพราะทุนเท่ากัน แต่ได้ผลผลิตเกรดดีกว่า


ทุน 900 ได้ข้าวเปลือก เกรด เอ. 120 ถัง ........ (1)
ทุน 1,000 ได้ข้าวเปลือก เกรด เอ. 120 ถัง ......... (2)
(1) ดีกว่า (2) เพราะทุนต่ำกว่า แต่ได้ผลผลิตเกรดเดียวกัน


ทุน 1,000 ได้ข้าวปลือก เกรด เอ. 100 ถัง ............ (1)
ทุน 2,000 ได้ข้าวเปลือก เกรด เอ. 120 ถัง .......... (2)
(1) ได้น้อยกว่า (2) แต่ต้นทุนต่ำ
(2) ได้มากกว่า (1) แต่ต้นทุนสูง
ระหว่าง (1) กับ (2) ต้องตัดสินด้วยหลักการตลาด คือ ขายได้ - ต้นทุน = กำไร .... อย่างไหน =กำไร มากกว่า อย่างนั้นถูกต้องกว่า






.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 06/02/2012 9:24 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 17/01/2012 11:14 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

วันที่หนูฉีด น้ำหมักลงนา คนผ่านไปมามองเหมือนจะพูดว่า (อีนี้บ้า ฉีดน้ำหมักนาแห้ง) บ้างคนใจกล้าหน่อยก็ถามว่าทำอะไร? หนูก็ตอบไปว่า ฉีดน้ำหมัีก เสียงส่วนใหญ่ก็บอกว่า จะดีเหรอ ? มันไม่มีน้ำจุรินทรีก็ตายหมดซิ หนูก็เลยตอบไปลองทำดู
หนูไม่รู้ว่าจะทนต่อสายตาแบบนี้ได้แ่ค่ไหนนะคะ

กำลังใจ :
อย่า care กับปากชาวบ้าน เมื่อเราทำ เราต้อง "แม่นสูตร - แม่นหลักการ" มุ่งเอาต้นข้าวเป็นศูนย์กลาง ปลูกข้าวตามใจข้าว ไม่ใชตามใจคนข้างบ้าน-ตามใจคนขายปุ๋ยขายยา

โต้แย้งคนที่พูดคัดค้านแนวทางของเราด้วย "ความรู้ทางวิชาการ" เช่น แย้งคนที่คัดค้านเรื่องจุลินทรีย์ด้วยการพูดคำว่า "จุลินทรีย์ประจำถิ่น หรือ วงจรชีวิตจุลินทรีย์" ได้ยินคำพูดแค่นี้ พวกนี้ถอยหมด เพราะเริ่มรู้ตัวเองว่า "ไม่มีความรู้" ที่แท้จริงเลย

ถามย้อน คนที่คัดค้านหรือแนะนำด้วยการถามถึง "หนี้สิน" ที่เขามี หรือผลผลิตที่ได้รับเมื่อเทียบกับต้นทุน



GENTLE AGREEMENT :
กระทั่งบรรลุถึงวันนี้แล้ว จากชาวนาหลายรายที่เป็นผู้สร้างประสบการณ์ตรงให้ กับที่ ก.ทำกับมือ เสริมเติมความมั่นใจว่า เทคนิคการทำนาข้าว (เน้นย้ำ....นาข้าว) ตามแบบ "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของต้นข้าว" ด้วยสารอาหารที่ลุงคิมแนะนำ คือ แนวทางที่ถูกต้อง ถึงจะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าถูกต้องที่สุด แต่ก็มั่นใจว่าถูกต้องกว่าแบบเดิมๆที่ชาวนาแต่ละคนทำ


ทำตามลุงคิมแนะนำ ..... เนื้อที่ 25 ไร่ น่าจะได้ข้าวเปลือก 25 เกวียน ขายให้โรงสีเกวียนละ 10,000 ก็จะได้ 25 หมื่น หักต้นทุน 5 หมื่น จะเหลือ 20 หมื่น ....... ใน 20 หมื่นนี้ใช้หนี้เก่า 10 หมื่น ก็เท่ากับเหลือ 10 หมื่น ..... ใน 10 หมื่นนี้เผื่อเหลือเผื่อขาด เหลือแค่ 5 หมื่น ก็คุ้มแล้ว ทำสำคัญสุดเหนืออื่นใด คือ "ปลดหนี้" ได้ ..... งวดหน้ารุ่นหน้า ทำแบบเดิม ขายข้าวเปลือกได้ไม่ต้องใช้หนี้ ก็จะเหลือเข้าบ้านเพียวๆ ..... ว่ามั้ย



HOME WORK :
1. ปรึกษากับพ่อแม่คนในครอบรัว ให้เข้าใจ "แม่นหลักการ-แม่นสูตร" ว่า การทำนาข้าว ควรทำอย่างไร

2. คำนวน "ต้นทุน" สำหรับนาข้าวรุ่นนี้ใน รายการจ่ายที่จะต้องจ่าย ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบลงนาเริ่มลงมือทำ จนถึงก้าวสุดท้ายกลับเข้าบ้านหลังขายข้าวเปลือกได้ ..... แจงรายละเอียดต้นทุนแต่ละประเภท (ซื้อ-จ้าง-ทำเอง) ให้ครบ

3. ใจมั่นคงและเชื่อมั่นแค่ไหน ?

........................... อย่าลืม ส่งการบ้าน .......................




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 17/01/2012 3:47 pm    ชื่อกระทู้: รายจ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ในนาข้าวงวดนี้(นาปลัง) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

การบ้าน บทที่ 1


รายจ่ายที่คาดว่า "จะ" เกิดขึ้นในนาข้าว (นาปรัง)


ค่าไถกลบพร้อมปรับสภาพดิน 9,500 บาท
ค่าอาหารเลี้ยงคนขับรถไถ 300 บาท
ค่าน้ำหมักระเบิดเถิดเถิง 40 ลิตร จำนวน 4,000 บาท
ค่าจ้างแรงงานฉีดน้ำหมัก จำนวน 1,400 บาท
ค่าอาหาร 300 บาท



รายจ่ายที่จะเกิดขึ้นนับแต่วันที่ 17 มกราคม 2555
ค่าย่ำเทือก ไร่ละประมาณ 500 บาท เป็นเงิน 12,500.- บาท
ค่าข้าวปลูก เป็นเิงิน 12,000.-
ค่าจ้างหว่านข้าว ไร่ละ 60 บาท เป็นเงิน 1,500.-
ค่าอาหารหว่านข้าว เป็นเงิน 500.-
ค่าเช่านา (ตีข้าวได้ราคา 14,000.-) เป็นเงิน 51,800. บาท


ปุ๋ย/ฮอร์โมน ทางใบ ซื้อตรงกับลุงคิม ยังไม่ทราบว่าต้องใช้เท่าไร ใช้อะไรบ้าง
ค่าน้ำมันขึ้นน้ำเข้านา
น้ำสมุนไพร (ทำเอง) ต้มเช้า-ใช้เย็น


วันนี้คิดออกแค่นี้ค่ะ



สวัสดีคะ
ยัยเฉิ่ม



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 24/01/2012 2:34 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีคะลุงคิม

หายไปหลายวัน ไปเป็นแม่ค้าขายของงานปิดทอง ใครที่แวะมาปิดทองที่วัดเขาช่องพราน
ต.เตาปูน อ.โพธาราม ก็อย่าลืมแวะซื้อลูกชิ้นปิงหน้าวัดด้วยนะคะ รับรองความอร่อย ค่ะ

ลุงคิม คะ หนูมีความคิดใหม่คะ อยากถามลุงคิม ว่าความเป็นไปได้ จะมีมากน้อยแค่ไหน หนูอยาก
ทำสปิงเกอร์ในนาข้าว นะคะ ทำแบบที่ไร่กล่อมแกล้มนะคะ เวลาฉีดฮอโมนต์ จะได้ไม่ยุ่งยาก ไม่
ทราบว่าจะทำได้ไหม หนูว่ามันสะดวกดี แรงงานก็ไม่ต้องง้อ เพราะหนูมีปัญหาเรืองแรงงานตลอด
ลุงว่าจะทำได้ไหม


ขอบคุณคะ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 25/01/2012 6:09 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จะไหวเหรอ ?.....

จะทำอะไร คิด/ศึกษา ส่วนที่ "จะ" เป็นปัญหาในอนาคตก่อน เมื่อรู้ว่าอะไร "จะ" เป็นปัญหาก็ให้ศึกษาต่ออีกว่า ปัญหานั้นเกิดจากอะไร แล้วป้องกันปัญหานั้นไม่ให้เกิด จากนั้นจึงลงมือทำ.....ธรรมดาอยู่เองที่ เมื่อทำอะไรแล้วไม่เกิดปัญหา เรียกว่างานรื่น ก็ต้องสำเร็จแน่นอน......ในทางกลับกัน เมื่อลงมือทำอะไรแล้วเกิดแต่ปัญหา ปัญหา และปัญหา ปัญหาโลกแตก ปัญหาไม่คาดคิด ปัญหาเหตุสุดวิสัย สารพัดปัญหา เรื่องไม่น่าเป็นปัญหาก็เป็นปัญหา แล้วคุณจะต๊อแต๊ สุดท้ายก็คือล้มเหลว

สปริงเกอร์ คือ เครืองมือฉีดพ่น น้ำ/ปุ๋ย/ยา/ฮอร์โมน ใส่ต้นพืช พ่นที่ใบคือให้ทางใบ พ่นที่ดินคือให้ทางราก หรือจะพ่นน้ำเพื่อชะล้างทำความสะอาดต้นก็ได้ เรียกว่า เอนกประสงค์ประมาณนั้น

มีหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบเหมาะสมสำหรับพืชแต่ละชนิด หรือแต่ละวัตถุประสงค์

ทำได้นะ สปริงเกอร์สำหรับนาข้าว เคยมีข่าวงานวิจัยของนักวิชาการมหาวิทยาลัยติดตั้งระบบสปริงเกอร์ในข้าวที่ จ.ขอนแก่น พยายามหาข่าวในเน็ตมานานแล้วแต่ก็ยังไม่พบซักกะที เลยไม่รู้ว่าข่าวเรื่องสปริงเกอร์ในนาข้าว "จริง หรือ มั่วนิ่ม" กันแน่

คุณชัชวาลย์ เวียร์ร่า เจ้าของแปลงนาข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่สิงห์บุรี เกริ่นในรายการวิทยุว่า ติดตั้งสปริงเกอรในนาข้าว ก็ยังไม่ได้ติด ถ้าติด จะติดแบบไหนก็ยังไม่รู้

หากคิดจะติดสปริงเกอร์แบบที่ไร่กล้อมแกล้ม ปัญหาของคุณที่น่าจะเกิด เช่น
- รูปแบบแปลงนาข้าว ไม่เหมือแปลงไม้ผลที่ไร่กล้อมแกล้ม
- ระบบสปริงเกอร์แบบไร่กล้อมแกล้ม เมื่อนำใช้กับนาข้าว ต้นทุนจะสูงมากๆ
- การติดตั้งจะสร้างความเสียหายแก่ต้นข้าว (นาหว่านเสียหายมาก นาดำเสียหายน้อย)
- ก่อนรถเกี่ยวข้าวลงทำงาน ต้องรื้อถอนสปริงเกอร์ออกก่อน การรื้อถอนทำยากมาก
- แนวคิด ณ วันนี้ หากจะติดสปริงเกอร์ในนาข้าวจริงๆ แบบโอเวอร์เฮด น่าจะWORK ได้ดีที่สุด

- อย่าลืม COPY ไม่ได้ แต่ APPLY ได้




สปริงเกอร์โอเวอร์เฮด APPLY สำหรับนาข้าว :
แบบถาวร....ใช้หลัการ สปริงเกร์โอเวอร์เฮด สับปะรด 300 ไร่
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1719&sid=892f9a2bd22212e7cf62844da3c45bca


แบบชั่วคราว....ใช่หลักการ สปริงเกอร์โอเวอร์เฮด ทานตะวันพุทธมณฑล
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1813&sid=892f9a2bd22212e7cf62844da3c45bca


รึ จะเอาแบบนี้ล่ะ....

63.


ลุงคิมว่า ปัญหาใหญ่ที่สุด คือ "หาย" ครับ ต่อให้นาอยู่หลังบ้านก็ไม่รอด....




.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 05/02/2012 7:03 am, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 31/01/2012 1:22 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะลุงคิม

หนูได้ไปดูที่นาข้าว ตามที่ลุงคิมบอกให้ไปสังเกตที่นา ที่เราหว่านระเบิดเถิดเิทิงไว้ ผลเป็นดังนี้ค่ะ.....

ลักษณะดินเวลาที่เราเดินย่ำลงไป จะไม่เจ็บเท้ามากเหมือนครั้งแรกที่เรายังไม่ได้หว่านน้ำหมักระเบิดเถิดเทิง จะเรียกว่านุ่มลงได้หรือไม่ ไม่รู้ เพระามันไม่ได้นุ่ม แต่ความแข็งของดินลดลง

ฝนตกเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2555 จะดีกับพื้นนาที่เราหว่านน้ำหมักหรือป่าวคะ
และอีกข้อหนึ่ง หนูจะหว่านซ้ำได้หรือป่าวน้ำหมักระเบิดเทิดเทิง จะหว่านซ้ำเฉพาะพื้นนาที่เราทำการไถเอาหน้าดินไปกลบตรงที่เป็นแอ่งนะคะ


ขอบคุณคะ
ยายเฉิ่ม จะเป็นชาวนา


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
srisagool
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/01/2012
ตอบ: 2

ตอบตอบ: 01/02/2012 4:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

ลุงคิมครับ

ผมไปที่ร้านแถวนวนคร เพื่อดูสปริงเกอร์โอเวอร์เฮดและราคา ผมถามพนักงานที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาของร้านว่า ขนาดเม็ดน้ำเป็นอย่างไร ซึ่งผมกลัวจะมีผลต่อต้นข้าวเมื่อเม็ดน้ำตกกระทบต้นข้าว

เขาตอบว่าไม่ทราบจริงๆ และก็ไม่เคยมีใครใช้กับข้าว ตัวผมเองก็ยังไม่เคยเห็นสปริงเกอร์โอเวอร์เฮดทำงานแล้วขนาดและความแรงของเม็ดน้ำจะมีผลต่อต้นข้าวหรือเปล่า

ลุงคิมคิดอย่างไรกับขนาดและความแรงของเม็ดน้ำว่าจะมีผลเสียหายต่อต้นข้าวไหม

ขอบคุณครับ
กุล



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 01/02/2012 6:47 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

cherm บันทึก:
สวัสดีค่ะลุงคิม

หนูได้ไปดูที่นาข้าว ตามที่ลุงคิมบอกให้ไปสังเกตที่นา ที่เราหว่านระเบิดเทิดเิทิงไว้ ผลเป็นดังนี้ค่ะ.....

ลักษณะดินเวลาที่เราเดินย่ำลงไป จะไม่เจ็บเท้ามากเหมือนครั้งแรกที่เรายังไม่ได้หว่านน้ำหมักระเบิดเทิดเทิง จะเรียกว่านุ่มลงได้หรือไม่ ไม่รู้ เพระามันไม่ได้นุ่ม แต่ความแข็งของดินลดลง
ตอบ :
ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนนี้ที่ยังไม่ได้ใส่น้ำหมักฯ แล้วรู้สึกว่า "นุ่มเท้า" ได้แบบนี้ ชัดเจนเลยว่า "มาถูกทาง" แล้ว ...... จากที่ให้ครั้งแรก ผ่านไปแล้ว 15 วัน กับเหลือเวลาอีกเกือบเดือนถึงจะเริ่มฤดูทำนาใหม่ แนะนำให้ใส่อีกรอบ อัตราเดิม วิธีเดิม แล้วก็ใจเย็นเหมือนเดิม รูปการณ์น่าจะดีขึ้นนะ



ฝนตกเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2555 จะดีกับพื้นนาที่เราหว่านน้ำหมักหรือป่าวคะ
และอีกข้อหนึ่ง หนูจะหว่านซ้ำได้หรือเปล่าน้ำหมักระเบิดเทิดเทิง จะหว่านซ้ำเฉพาะพื้นนาที่เราทำการไถเอาหน้าดินไปกลบตรงที่เป็นแอ่งนะคะ
ตอบ :
ธรรมชาติจุลินทรีย์ชอบกันมากๆ กับน้ำฝน เพราะน้ำฝนตกใหม่ๆ มีสถานะเป็นกรดอ่อนๆ กรดอ่อนๆนี่แหละที่จุลินทรีย์ชอบ .....ใส่ตรงไหนมีจุลินทรีย์ตรงนั้น ทั้งจุลินทรีย์ใหม่ (ในน้ำหมักฯ) ที่ใส่ลงไป กับจุลินทรีย์ประจำถิ่น ดีทั้งนั้น

คำเตือน..... อย่าแคร์ปากชาวบ้าน ทำตามลุงคิม รับรองนอกจากล้างหนี้ได้แล้ว เผลอๆ มีกำไรอีกต่างหากด้วย




ขอบคุณคะ
ยายเฉิ่ม จะเป็นชาวนา




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 01/02/2012 6:54 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

srisagool บันทึก:
ลุงคิมครับ

ผมไปที่ร้านแถวนวนคร เพื่อดูสปริงเกอร์โอเวอร์เฮดและราคา ผมถามพนักงานที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาของร้านว่า ขนาดเม็ดน้ำเป็นอย่างไร ซึ่งผมกลัวจะมีผลต่อต้นข้าวเมื่อเม็ดน้ำตกกระทบต้นข้าว
ตอบ :
เรียนตามตรงว่า ลุงคิมก็ไม่มีประสบการณ์สปริงเกอร์ในนาข้าว ทั้งแบบโอเวอร์เฮด หรือแบบหัวหมุนพ่นฝอย แนวคิดนี้เกิดขึ้นมาจากจินตนาการ หลังจากที่เห็นโอเวอร์เฮดในแปลงสับปะรด แปลงทานตะวัน แปลงข้าวโพดฝักสด เท่านั้น

แม้แต่ที่ข่าว มข.ทำสปริงเกอร์ในนาข้าวก็เป็นเพียงข่าว ยังไม่เห็นของจริง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าของจริงๆ มีหรือเปล่า.....กับของคุณชัชวาลย์ เวียร์ร่า ข้าวไรซ์เอร์รี่ สิงห์บุรี นี่ก็ว่า จะทำ-จะทำ ก็คงต้องรอดูกันต่อไป




เขาตอบว่าไม่ทราบจริงๆ และก็ไม่เคยมีใครใช้กับข้าว ตัวผมเองก็ยังไม่เคยเห็นสปริงเกอร์โอเวอร์เฮดทำงานแล้วขนาดและความแรงของเม็ดน้ำจะมีผลต่อต้นข้าวหรือเปล่า
ตอบ :
คนขายคงพูดไม่ผิด ลุงคิมพยายามตามข่าวในเน็ต ทั้งในประเทศต่างประเทศ ข่าวสารคดี ทีวี. ก็ยังไม่เคยเห็นสปริงเกอร์ในนาข้าว อย่างดีแค่แปลงหญ้าสนามกล์อฟ นี่ก็คนละเรื่องกันกับนาข้าว

ทำไมไม่ถามคนขายล่ะว่า หัวโอเอร์เฮดรุ่นปรับเม็ดน้ำให้เป็น "ละอองน้ำ" ได้น่ะมีไหม ที่จริงบรรดาเครื่องทุ่นแรงที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่มี ถือหลักยังงี้ซี่

ความรุนแรงของเม็ดน้ำน่าจะมีผลต่อต้นข้าวนะ เพรระใบข้าวกับใบทานตะวัน ใบสับปะรด ใบข้าวโพด ไม่เหมือนใบข้าว




ลุงคิมคิดอย่างไรกับขนาดและความแรงของเม็ดน้ำว่าจะมีผลเสียหายต่อต้นข้าวไหม
ตอบ :
ไม่มีความเห็น เพราะยังไม่มีประสบการณ์




ขอบคุณครับ
กุล



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 01/02/2012 9:15 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
srisagool
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/01/2012
ตอบ: 2

ตอบตอบ: 01/02/2012 9:05 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ลุงคิมครับ

ผมจะ e-mail ไปถามผู้ผลิตสปิงเกอร์ที่ต่างประเทศ ว่าให้เขาช่วยแนะนำรุ่นสปิงเกอร์ที่สามารถใช้กับต้นข้าวได้
ถ้าได้เรื่องอย่างไรจะมาเล่าให้ฟังอีกทีครับ

นับถือ
กุล ครับผม




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 03/02/2012 9:12 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

สวัสดีค่ะลุงคิม

ก่อนอื่นต้องขอบคุณลุงที่กรุณาตอบกระทู้ให้ได้รับความรู้ และก็ขอบคุณสำหรับผู้ที่จะหาความรู้เรื่องระบบสปริงเกอร์ในนาข้าวมาฝาก

ลุงคะ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.55 มีคนมาคุยให้ฟังว่า เค้าทำนามาหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็นโฮโมนที่ทำขึ้นเอง หรือจะเป็น ขี้หมู-ขี้ไก่ แต่ผลที่เกิดขึ้น คือ

1. ใช้โฮโมนบำรุงทางใบ ผลที่ได้คือ ข้าวเป็นเชื้อราที่ใบ (อันนี้หนูก็เป็นค่ะ เคยใช้ ใบงามมาก แล้วก็เกิดโรค)
2. ใช้มูลสัตว์ ข้าวรวงดี แต่ไม่มีน้ำหนัก (อันนี้คนพูดกันมาก แต่เท็จจริงไม่รู้) ลุงมีความคิดเห็นอย่างไรคะ ?

ขอบคุณลุงค่ะ
ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 03/02/2012 7:44 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ช้าดดดเจน อิ น ท รี ย์ ต ก ข อ บ ปลูกข้าวตามใจคน แทนที่จะตามใจข้าว ปลูกข้าวไม่รู้จักต้นข้าว ไม่รู้จักตัวเอง แล้วมันจะเหลืออะไร


ต้นข้าวกินสารอาหารอะไร แล้วในขี้หมูมีสารอาหารอะไร สารอาหารพืชในขี้หมู เหมาะสม/ถูกต้อง กับต้นข้าวหรือไม่..... ปุ๋ย คือ อาหารที่พืชกิน เรียกว่า "สารอาหาร หรือ ธาตุอาหาร" ทั้งที่มีอยู่ในธรรมชาติ (ปุ๋ยอินทรีย์) และที่มนุษย์สร้าง (ปุ๋ยสังเคราะห์-ปุ๋ยวิทยาศาสตร์-ปุ๋ยเคมี) ขึ้นมา ประกอบด้วย 14 ธาตุ (หลัก/รอง/เสริม), 10 ฮอร์โมน, 3 ก๊าซ, 2 วิตามิน ..... ในเมื่อต้นข้าวต้องการกินธาตุอาหารต่างๆ ดังกล่าว เพื่อการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ (เน้นย้ำ...สมบูรณ์แบบ) แล้วในขี้หมูมีธาตุอาหารอะไรสำหรับต้นข้าวบ้าง ...... ถ้ามี ถามว่ามีเท่าไหร่ ? พอเพียงต่อความต้องการของต้นข้าวหรือไม่ ?

คิดอะไรไม่ออก ให้เปรียบเทียบ ชนิด/ปริมาณ สารอาหารพืชใน "ขี้หมู-ขี้ไก่ กับ น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง" ว่าอย่างไหนน่าจะมีสารอาหารพืชมากกว่ากัน

ขี้หมู........มีสารอาหารพืชอะไรก็ว่ากันไป
ขี่ไก่........มีสารอาหารพืชอะไรก็ว่ากันไป

น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงมีสารอาหารพืชที่เป็นอินทรีย์สารได้จากปลาทะเล ได้แก่ อมิโนโปรตีน, แมงกานิส, แม็กเนเซียม, สังกะสี, โซเดียม, แคลเซียม, เหล็ก, ...... สารอาหารอื่นๆที่ได้จาก น้ำมะพร้าว, ขี้ค้างคาว, ไขกระดูก, เลือด, นม, ....... ก่อนใช้งานจริง เติม/เพิ่ม สารอาหารที่เป็นเคมีลงไปอีก ได้แก่ ธาตุหลัก, ธาตุรอง/ธาตุเสริม, แม็กเนเซียม, สังกะสี, บี-1. ..... ฉนี้แล้ว ระหว่าง "ขี้หมูเปล่าๆ-ขี้ไก่ปล่าๆ กับ น้ำหมักฯ +ปุ๋ยเคมี" อย่างไหนมีสารอาหารพืชมากกว่ากัน (ชนิด/ปริมาณ) และเหมาะสมสำหรับต้นข้าวมากกว่ากัน

ขี้หมู + ขี้ไก่ + น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง = 3 เด้ง (ดีกว่า อะไรๆเพียงอย่างเดียว มั้ย ?)
และนี่คือ อินทรีย์นำ-เคมีเสริม-ตามความเหมาะสมของต้นข้าว .... ใช่มั้ย ?



ฮอร์โมนที่เอ่ยถึง คือ ฮอร์โมนอะไร.....ฮอร์โมนพืชมีหลายสิบตัว แต่ละตัวมี คุณสมบัติ/ประสิทธิภาพ แตกต่างกันไป.....ฮอร์โมนหลายอย่างที่เกษตรกรทำอง ใช้กากน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลัก หารู้ไม่ว่า กากน้ำตาลนั่นแหละ คือ ตัวเรียกเชื้อรา.....กากน้ำตาลมีโมเลกุลขนาดใหญ่ ไม่สามารถผ่านปากใบได้ เมื่อฉีดพ่นใส่ใบพืช กากน้ำตาลก็จะเหลือตกค้างอยู่ที่ใบพืชนั่นแหละ

(.....เรื่องการใช้กากน้ำตาล แม้ลุงคิมจะเคยเขียน ซึ่งก็เป็นการบอกกล่าวกันทั่วๆไป แต่ในการปฏิบัติจริง ไม่เคยสอนให้ใช้กากน้ำตาลทำฮอร์โมน หรือทำปุ๋ยทางใบทุกชนิดเลย ที่ไร่กล้อมแกล้ม ฮอร์โนไข่-ปุ๋ยทางใบทุกสูตร ใช้ "กลูโคส" เพราะโมเลกุลของกลูโคสมีขนาดเล็ก สามารถผ่านปากใบพืชได้ ทำให้สารอาหารนั้นมีประสิทธิภาพเป็น "ทางด่วน" ไม่เหลือตกค้างอยู่บนใบพืช.... กากน้ำตาลใช้เฉพาะทำปุ๋ยชีวภาพสำหรับให้ทางดินเท่านั้น.....)

ในความเป็นจริง ระหว่าง "ฮอร์โมน กับ รา" อาจจะเกี่ยวข้องกันโดยตรง หรือเกี่ยวข้องกันโดยอ้อมก็ได้ เพราะทั้งสองอย่างเป็นคนละตัว เป็นคนละเรื่องกัน ..... ในฮอร์โมนอาจจะมีสารบางอย่างเป็นตัวก่อให้เกิดเชื้อราก็ได้ ในขณะเดียวกัน พืชที่ได้รับฮอร์โมแล้วมีความสมบูรณ์แข็งแรง ก็เกิดเป็นภูมิต้านทานสู้กับเชื้อราได้ อีกเช่นกัน.....ทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบ "วิถีแห่งธรรมชาติ" ทั้งสิ้น


ธรรมชาติของต้นข้าว เมื่อต้นได้อายุก็จะ ออกดอก-ออกรวง เอง โดยไม่ต้องเร่งหรือเน้นอะไร แต่ดอกที่ออกมาจะเป็นเมล็ดได้หรือไม่ เป็นเมล็ดแล้วจะเป็นเมล็ดเต็มหรือเมล็ดลีบ อันนี้ขึ้นอยู่กับ ชนิด/ปริมาณ สารอาหาร..... กรณีนี้ชัดเจนเลยว่า ใน ขี้หมู/ขี้ไก่ ไม่มี "สังกะสี" (ธาตุสร้างแป้ง) และไม่มี "แคลเซียม" (ธาตุสร้างคุณภาพ) .... ในขณะที่สภาพต้นงามมาก ก็แสดงว่า ในขี้หมูมี N.มาก และ N.นี่แหละที่เป็นธาตุสร้างความอวบให้กับต้นข้าว ต้นข้าวที่อวบอ้วนจะอ่อนแอต่อโรค ภูมิต้านทานโรคต่ำ จึงไม่แปลกที่เชื้อราเข้าทำลายง่ายและรุนแรง



ชื่นชมเกษตกรที่เป็นคน ขวนขวายใคร่รู้-กล้าทดลองกับสิ่งใหม่ๆ แต่สงสัยๆ ๆๆ และๆๆ คนที่ไป บอก/แนะนำ/สอน เกษตรกร............... เอาอะไรไป บอก/แนะนำ/สอน แก่เกษตรกร



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 06/02/2012 4:13 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

สวัสดีคะ ลุงคิม

อ่านข้อมูลจากในเวปของลุง จนมึนไปหมดแล้ว อ่านไปอ่านมาก็สงสัยว่า

พืชสมุนไพรรวมมิตร คือ อะไร ?
ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?
ใช้อย่างไร ? และ
ใช้เวลาไหนที่เหมาะสม ?

ที่เกี่ยวข้องกับนาข้าว.............


ขอบคูณคะ
ยายเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 06/02/2012 8:43 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีคะ ลุงคิม

อ่านข้อมูลจากในเวปของลุง จนมึนไปหมดแล้ว อ่านไปอ่านมาก็สงสัยว่า
ตอบ :
เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ไม่ได้ร่ำเรียนมา ไม่เคยคิด ไม่เคยทำ ไม่เคยใช้ ไม่เคยเห็น และไม่มีประสบการณ์ตรง มาก่อน ..... แก้ไขได้โดยทำตรงข้าม คือ

ไม่เคยเรียน..............ให้เรียนด้วยตัวเอง ด้วยการอ่านมากๆ อ่านหลายๆรอบ อ่านหลายๆตำรา
ไม่เคยคิด.................ก็ให้คิด วิเคราะห์ เพราะเรื่องนี้มีงานวิจัยรองรับ ไม่ใช่เรื่องโคมลอย
ไม่เคยทำ.................ก็ให้ทำ ทำหลายๆอย่าง หลายๆครั้ง
ไม่เคยใช้.................ก็ลองใช้ ทดสอบ ทำเหมือนเป็นนักวิจัย เพื่อหาคำตอบสุดท้าย
ไม่เคยเห็น................ก็ไปดู ดูให้เห็นกับตา ดูวิธีทำ ดูวิธีใช้ ดูผลที่ได้รับ
ไม่มีประสบการณ์.........ถ้าได้ทำทุกอย่างดังกล่าวข้างต้นก็จะมีประสบการณ์เอง นี่แหละ ก.ทำกับมือ

เรียน 4 ปีจบปริญญาตรี เรียนอีก 3 ปี จบปริญญาโท เรียนอีก 2 ปี จบปริญญาเอก ออกมาทำเกษตรยังล้มเหลว คุณอ่านในเน็ตแค่ 4 วัน ๆละ 4 บันทัด แล้วรู้ทุกอย่างได้ งั้นเขาจะเรียนกันทำไมจนกระทั่งเป็น ศ.ดร.

หากไม่ทำอะไรเลย รอแต่ให้ราชรถมาเกยก็จะ งง-มึน อยู่อย่างนี้นี่แหละ....

ทบทวนตัวเองเมื่อครั้งเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน-มหาลัย วิชาอะไรก็ได้ว่า ตัวเองมี "วิธีการเรียน" (เน้นย้ำ.....วิธีเรียน) น่ะเรียนอย่างไร พอมาเรื่องเกษตรซึ่งตัวเองไม่เคยเรียนมาก่อน ก็ให้เริ่มเรียน เรียนด้วยตัวเอง เรียนลัด เรียนโดยการปฏิบัติ ด้วย "วิธีเรียน" ตามแบบของตัวเอง

หัวใจนักปราชญ์ยุคโลกไร้พรมแดน : ฟัง-คิด-ถาม-เขียน---อ่าน-ดู-ลองทำ-ลองใช้-เปรียบเทียบ-ฟันธง

- อย่า STOP ตัวเองในการเรียนเพื่อให้รู้ STOP ตัวเองเมื่อใด ถอยหลังเมื่อนั้น
- ลุงคิม อ่าน/เขียน หนังสือทุกวัน บางวันตั้งแต่ ตี.5 ถึง 5 ทุ่ม ไม่เคยเหนื่อย
- ยิ่งอ่านเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ยิ่งทำให้รู้ ไม่เคยเกิดอาการ มึน/งง ตรงข้ามกลับ "ชอบ" ซะอีกแน่ะ



ข้อมูลรายละเอียดเยอะมากๆ ๆๆ ทุกอย่างเขียนไว้ให้อ่านแล้ว ถ้าจะให้เขียนใหม่ที่นี่อีกครั้งคงไม่ไหว เพราะฉนั้น จง....

คลิก.
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=14
สารสมุนไพร ป้องกัน/กำจัด ศัตรูพืช




พืชสมุนไพรรวมมิตร คือ อะไร ?
ตอบ :
คือ สมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ (สารสำคัญ/ตัวยา) ในการ ป้องกัน/กำจัด "หนอน-โรค (รา-แบคทีเรีย-ไวรัส-ฯลฯ)-แมลง (วางไข่-ปากกัดปากดูด) โดยเฉพาะหรือโดยตรง (ตามงานวิจัย) ทุกสมุนไพรหมักในถังเดียวกัน ใช้พร้อมกัน เวลาเดียวกัน เมื่อใช้แล้วสารออกฤทธิ์ของสมุนไพรตัวไหนตรงกับศัตรูพืชตัวไหน ฤทธิ์ของสมุนไพรตัวนั้นก็จะจัดการกับศัตรูพืตัวนั้นๆเอง




ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?
ตอบ :
สมุนไพรรสขม..........บอระเพ็ด, ฟ้าทะลายโจร, ชิงช้าชาลี ฯลฯ
สมุนไพรรสฝาด.........เปลือกมังคุด, ตะบูน, เสม็ด, เปลือกสดต้นไม้ ฯลฯ
สมุนไพรรสเผ็ด.........พริก ฯลฯ
สมุนไพรรสร้อน.........พริกไทย, กานพลู, ขมิ้น ฯลฯ
สมุนไพรกลิ่นหอม.......ขิง, ข่า, ตะไคร้, ยูคา, ฯลฯ
สมุนไพรกลิ่นเหม็น......สาบเสือ, ผกากรอง, แมงลักคา, ดางเรือง ฯลฯ
สมุนไพรเบื่อเมา.........สะเดา, กลอย, น้อยหน่า, มันแกว, ซาก, ขอบชะนาง, ลูกไต้ใบ, เสลดพังพอน. ฯลฯ

เอาทุกอย่างๆ หรือมากอย่างที่สุดเท่าที่จะมากได้ (มากอย่างดีกว่าน้ออย่าง) อย่างละ 1-2 กำมือ หมักรวมกัน พร้อมกัน ในปี๊บจุน้ำ 20 ลิตร นาน 2-3 วัน ได้ "หัวเชื้อเข้มข้น" พร้อมใช้งาน ..... หากต้องการให้สารออฤทธิ์ออกเร็ว ให้เติมแอลกอฮอร์ (เหล้าขาว) 1-2 ล. เติมน้ำส้มสายชู 100-200 ซีซี. แค่นี้ก็เหลือกินแล้ว.....นอกจากวิธีหมักแล้ว วิธีต้มก็ใช้ได้ ดีซะอีกที่สารออกฤทธิ์จะได้ออกมามากๆ ต้มน้ำเดียว ต้มสองน้ำ หรือต้มสามน้ำ ได้ทั้งนั้น

สูตรรวมมิตรที่ไร่กล้อมแกล้ม.....กลอย. ฟ้าทะลายโจร.พริก. บอระเพ็ด. สบู่คำ. สบู่ต้น. สาบเสือ. ข่า. สะเดา. น้อยหน่า. ทุกอย่างหาเก็บในไร่ ข้างไร่ ริมถนนหน้าไร่ ในครัว ..... ใช้มาตั้งแต่กำเนิดไร่กล้อมแกล้มโน่นแน่ะ ตำรวจไม่จับ อบต.ไม่ว่า นายอำเภอไม่สงสัย




ใช้อย่างไร ? และ
ตอบ :
ใช้ "หัวเชื้อ 20-500 ซีซี./น้ำ 20 ล." ฉีดพ่นทางใบให้ทั่วทรงพุ่ม




ใช้เวลาไหนที่เหมาะสม ?
ตอบ :
ฉีดพ่นตอน เช้า-สาย-บ่าย-ค่ำ แล้วแต่การเข้ามาของศัตรูพืช



ที่เกี่ยวข้องกับนาข้าว.............




สูตรรวมมิตร ทำเอง-ใช้เอง ที่ไร่กล้อมแกล้มวันนี้.....กลอย. สบู่ต้น. ข่า. พริก.
สบู่ดำ. ตะไคร้. น้อยหน่า. สะเดา. บอระเพ็ด. ฟ้าทะลายโจร. สาบเสือ. แมงลักคา.
ทุกอย่างเก็บเล็กผสมน้อยในไร่กล้อมแกล้มนั้นแหละ



ขอบคูณคะ
ยายเฉิ่ม จะเป็นชาวนา


"


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 08/02/2012 7:33 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 10/02/2012 5:45 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เตรียมแผนหรือยัง จะทำนาแบบไหน ? .....

- นาข้าวแบบประณีต
- นาข้าวแบบไบโอไดนามิก
- นาข้าวแบบเลยตามเลย ไหนๆก็ไหนๆ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 13/02/2012 1:31 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม

ยัยเฉิ่ม มีความคิดว่าจะทำนา 2 แบบ ค่ะ "ไบโอ ไดนามิค" กับ "เหมาจ่าย" คือ เอาข้อที่เราทำได้ ก็จะเอามาทำ อันไหนทำไม่ได้ก็จะไม่เอามาทำ เช่น ไปโอ ไดนามิค ต้องย่ำฟาง แต่นายัยเฉิ่ม เผาฟางไปแล้ว ก็จะทำแบบเหมาจ่าย ถ้านาข้าวมีหญ้า ขึ้นเยอะ
ตอบ :
คำว่า "ไบโอ ไดนามิก หรือ เหมาจ่าย" เป็นเพียงชื่อ แต่รูปแบบหรือนัยสำคัญอยู่ที่ การนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อข้าวอย่างสูงสุด และการ เติม/เสริม/เพิ่ม สารอาหาร (ทุกตัว) ที่จำเป็นต่อต้นข้าว.....

ผลรับจากการเผาฟาง คือ ....
- การเผาสารอาหารพืช
- การทำลายสารปรับปรุงบำรุงดิน
- การทำลายจุลินทรีย์
- การทำลายสภาพโครงสร้างดิน
- ฯลฯ

เมื่อสิ่งมีประโยชน์ทางธรรมชาติหมดไป แนวทางแก้ไขคือ จัดหาสารสังเคราะห์ หรือวัสดุอื่นมาให้แทน ในเมื่อไม่สามารถเรียกวิ่งที่สูญเสียไปแล้วกลับคืนมาไม่ได้แต่ต้องเดินหน้าต่อ เดินต่ออย่างมีหลักการและเหตุผล มีหลักวิชาการรองรับยืนยัน ไม่ใช่มั่วนิ่ม จึงเรียกวิธีการนี้ว่า "ไหนๆก็ไหนๆ หรือ เลยตามเลย" ประมาณนี้แหละ

เทคนิคนี้ไม่ผิดจากจุดยืนที่ว่า "อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสมของนาข้าว" เพราะคำว่า "ตามความเหมาะสม" เป็นตัวกำหนดแนวทางให้ทำอยู่แล้ว



เอาน่า.... ไหนๆก็ไหน เผาแล้วเผาเลย .....ทุกปัญหามีทางแก้ ขออย่าให้ทุกทางแก้มีแต่ปัญหาก็เล้วกัน อย่างดีก็แต่ "เพิ่มต้นทุน" บางส่วนลงไปเท่านั้น เทคนิคการแก้ปัญหา ทำยังงี้....

- การเผาสารอาหารพืช ....เมื่อไม่มีสารอาหารจากฟาง เราก็ใส่สารอาหารประเภทเดียวกันจากแหล่งอื่นเข้าไปแทน ใส่ได้ทั้งที่เป็นสารอินทรีย์แท้ๆ หรือ อินทรีย์กับเคมีผสมกัน.....ในปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง มีครบแล้วทั้ง สารอินทรีย์และสารสังเคราะห์ ที่จำเป็นสำหรับต้นข้าว


- การทำลายสารปรับปรุงบำรุงดิน ....ใส่แทนด้วยยิบซั่มอัตราซัก 1-1/2 กส./ไร่ หรือ "ปุ๋ยคอก" (กรองเอาแต่น้ำ เพื่อไม่ให้มีเมล็ดหญ้า) ก็ได้

- การทำลายจุลินทรีย์.....ใส่แทนด้วยจุลินทรีย์ในปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงซึ่งมีทั้ง "สารอาหารหรือแหล่งพลังงาน" สำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น (ที่อาจยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง) และสารพัดจุลินทรีย์ชุดใหม่ ลงไป

- การทำลายสภาพโครงสร้างดิน ..... ฟื้นฟูสภาพโครงสร้างดินใหม่ด้วยจุลินทรีย์ จากปุ๋ยน้ำวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง (มีทั้งสารอาหารสำหรีบพืช สารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น และจุลินทรีย์ชุดใหม่) .... หรือเทคนิคการใช้กากน้ำตาล 1 ล. ขึ้นความร้อน 70 องศา นาน 1 ชม. ผสมน้ำตามความเหมาะสม สาดใส่แปลงนาเนื้อที่ 1 ไร่ ให้ทั่วแปลงก็เป็นการบำรุงจุลินทรีย์ประจำถิ่นที่ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างให้ฟื้นและเพิ่มจำนวนขึ้นได้ ..... เทคนิคการให้ "จุลินทรีย์หน่อกล้วย หรือ จุลินทรีย์ย่อยสลายฟาง" ก็สามารถทดแทนจุลินทรีย์เดิม แล้วจุลินทรีย์นี่แหละ คือ ผู้ปรับปรุงสภาพโครงสร้างดินอย่างแท้จริง

- ฯลฯ ..... ทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับนาข้าวที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา ไม่ว่าจะต้อง "ซื้อ" หรือ "ทำเอง" ก็สุดแท้





ยัยเฉิ่ม ไม่มีความมั่นใจเลยค่ะ ว่า นาข้าวที่ไม่ได้ฉีดยาฆ่าหญ้า ข้าวจะสามารถเจริญเติมโต ได้ดี เท่ากับฉีดยา ถึงแม้จะบอกว่า ฉีดยาฆ่าหญ้า ได้แค่เพียงให้ใบเฉา แต่มาลองคิดดู ใบเฉา ก็เท่ากับว่า ข้าวนะสามารถโตได้เร็วกว่าหญ้า (ลุงว่าจริงไหม) แต่ถ้าไม่ฉีดยา หญ้าโตเร็วกว่าข้าว ภาษาชาวบ้านเรียกว่า หญ้าขี่ข้าว ซึงตัวยัยเฉิ่มก็เคยประสบปัญหานี้มาแล้ว (อันนี้ไม่ได้ฟังข้างบ้านนะคะ ประสบการณ์ตรงคะ)
ตอบ :
บอกแล้วไง ทุกปัญหามีทางออก อย่าให้ทุกทางออกมีแต่ปัญหา....ข้าวกับหญ้า เป็นพืชตระกูลเดียวกัน เมื่อต้นหญ้ามีอันเป็นไป ต้นข้าวก็ต้องมีอันเป็นไปด้วย ไม่มีข้อยกเว้น

เมื่อต้นข้าวมีอาการ "งัน หรือ ชงักการเจริญเติบโต" แนวทางแก้ไข คือ เมื่อต้นหญ้ามีอันเป็นไป (ใบไหม้) แน่นอนแล้ว น่าจะประมาณ 3 วัน ก็ให้รีบบำรุงต้นข้าวด้วย แม็กเนเซียม-สังกะสี-กลูโคส สลับด้วย "แคลเซียม โบรอน-กลูโคส" ....ไม่ควรบำรุงทันที่หลังเสร็จสิ้นการฆ่าหญ้า เพราะจะทำให้หญ้าฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ได้ แต่หญ้าที่ใบมีอาหารไหม้แล้ว ย่อมไหม้แล้วไหม้เลย ไม่อาจฟื้นขึ้นมาใหม่ได้

น้ำ 20 ล. (พีเอช 6.0) + ไบโออิ 20 ซีซี. + กลูโคส 20 ซีซี. ....... สลับครั้งกับ
น้ำ 20 ล. (พีเอช 6.0) + แคลเซียม โบรอน 20 ซีซี. + กลูโคส 20 ซีซี. ฉีดพ่นพอสัมผัสใบ ช่วงเช้าแดดจัด

ให้สลับกันทุก 3 วัน อย่างละ 1-2 รอบ นอกจากจะบำรุงต้นข้าวให้ฟื้นจากฤทธิ์ยาฆ่าหญ้าได้แล้ว ยังเป็นการบำรุงต้นข้าวระยะกล้าให้การเจริญเติบโตต่อไปได้อีกด้วย





ลุงคิม เคยเสนอแนะให้ย่ำเทือกหลายรอบแต่ความเป็นจริงทำไม่ได้ เพราะเราต้องอาศัยน้ำจากชลประทาน ซึงมีกำหนดปิดเปิด ถ้าเราทำไม่ทันช่วงข้าวออกรวง น้ำจะไม่มี ซึ่งก็คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ข้าวลีบ
ตอบ :
เรื่องกำหนด ปิด-เปิด น้ำจากชลประทาน เป็นปัญหาโลกแตก เพราะมีคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย คนยิ่งมากปัญหาายิ่งมากเป็นธรรมดา เรื่องนี้คุณต้องวางแผน "บริหารเวลา" เอง จัดคิวให้ตัวเองได้

แนวทางแก้ปัญหาหนึ่ง คือ หลังเกี่ยวข้าวเสร็จ ให้ลงมือไถดินทันที ไถทั้งดินยังแห้งๆนั่นแหละ ไถกลบฟางลงไปใต้ดินให้ได้ แล้วสาดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงเปล่า (ไม่มีปุ๋ยเคมี) 3-5 ล./ไร่ ปล่อยทิ้งให้ ตากแดด/ตากน้ำค้าง ไว้อย่างนั้น กระทั่งมีน้ำมาก็ให้ลงมือ "ทำเทือก" ได้เลย.....ระหว่างที่ดินตากแดดอยู่นั้นวัชพืชส่วนหนึ่งจะตายไปเอง กับระหว่างที่ตากน้ำค้าง ก็จะเป็นการ เพิ่ม/บำรุง จุลินทรีย์บำรุงดิน ทั้งจุลินทรีย์ประจำถิ่นและจุลินทรีย์ชุดใหม่ไปในตัวด้วย





ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 13/02/2012 1:35 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
ตอนนี้ ยัยเฉิ่ม ได้ทำการย่ำเทือกไปแล้ว 2 แปลง คือ แปลง 3 ไร่ กับ 2 ไร่ วันพุธ จะเอาน้ำหมักระเบิดเทิดเทิงไปหว่าน อัตราส่วน 5 ลิตร ต่อไป วันศุกร์จะทำการหว่านข้าว

ส่วนนาอีกหนึ่งแปลง จำนวน 20 ไร่ ยังไม่ได้ทำ เพระรอน้ำเข้านาอยู่ คาดว่าอีกเป็น 10 วัน น้ำถึงจะท่วมนาค่ะ


ยายเฉิ่ม จะเป็นชาวนา




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 16/02/2012 9:09 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม

ยัยเฉิ่มจะแช่ข้าวปลูก ลุงช่วยแนะนำหน่อย ว่าจะต้องแซอย่างไร แซ่น้ำกี่วัน และต้องใช้โฮโมนอะไรช่วยหรือป่าว
เมือคืนวันที่ 15 ก.พ. 2555 ได้ฟังรายการลุง มีผู้ฟังโทรเข้ารายการ บอกว่า ใช้ข้าวปลูกแค่ประมาณ 5 กิโลต่อไร่ ไม่ทราบว่าหนูฟังผิดหรือป่าว ลุงช่วยอธิบายหน่อย นาข้าว 1 ไร่ จะต้องใช้ข้าปลุกกี่ถัง

ขอบคูณ คะ
ยายเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 17/02/2012 12:33 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

cherm บันทึก:
สวัสดีค่ะ ลุงคิม

ยัยเฉิ่มจะแช่ข้าวปลูก ลุงช่วยแนะนำหน่อย ว่าจะต้องแช่อย่างไร แซ่น้ำกี่วัน และต้องใช้โฮโมนอะไรช่วยหรือป่าว
ตอบ :

คลิก แล้วอ่าน อ่าน อ่าน....
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1700
เตรียมเมล็ดพันธุ์ตกกล้า


UPDATE ข้อมูล :
- เพิ่ม "สังกะสี" เข้าไปด้วย ทั้งนี้สังกะสีเหมาะสำหรับพืชที่ให้ผลผลิตเป็นแป้งโดยตรงอย่างข้าวดีมากๆ
- เพิ่ม "เอ็นเอเอ." เข้าไปด้วย ทั้งนี้ เอ็นเอเอ. มีประสิทธิภาพในการสร้างรากฝอยโดยตรง ข้าวมีแต่รากฝอย ไม่มีรากใหญ่
- ระหว่างการ "แช่ หรือ ห่ม" ควรเติมอากาศด้วย เพราะการงอกของเมล็ดพืชต้องการ "อ๊อกซิเจน" เป็นตัวช่วย




เมือคืนวันที่ 15 ก.พ. 2555 ได้ฟังรายการลุง มีผู้ฟังโทรเข้ารายการ บอกว่า ใช้ข้าวปลูกแค่ประมาณ 5 กิโลต่อไร่ ไม่ทราบว่าหนูฟังผิดหรือป่าว ลุงช่วยอธิบายหน่อย นาข้าว 1 ไร่ จะต้องใช้ข้าปลูกกี่ถัง
ตอบ :
โดยทั่วไป นาวหว่านใช้พันธุ์ข้าวปลูกแค่ 10-12 กก./ไร่ ก็พอแล้ว
กรณี่นี้ ในเมื่อมีคนทำได้แล้วเราทำไม่ได้ ก็น่าจะพิจารณาตัวเองนะ

ไม่เคยเห็น ต้องไปดู
ไม่เคยทำ ต้องลองทำ
ไม่เชื่อ ต้องมีเหตุผล
ไม่รู้ ต้องเรียน

ทุกอย่าง ยาก/ง่าย อยู่ที่ "ใจ" ตัวเอง เท่านั้น......ว่ามั้ย





ขอบคูณ คะ
ยายเฉิ่ม จะเป็นชาวนา



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 20/02/2012 5:43 am, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 20/02/2012 5:28 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.



1.
รูปที่ 1
แช่ข้าวปลูก น้ำธรรมดา จำนวน 1 คืน แช่ช่วงเย็นวันที่ 15 ก.พ รุ่งเช้าเอาขึ้นจากน้ำ วันที่ 16 ก.พ. ใส่ถุงปู่ย ตั้งทิ้งไว้
ช่วงเย็น เปิดถุงดู ข้าวยังไม่งอก ใช้ ไตโคชาน + ไบโออิ รดน้ำในถุง เช้าวันที่ 17 ก.พ. ข้าวงอกดีมาก ตามรูปที่ 1




2.
รูปที่ 2 ข้าวที่รดน้ำ "ไตโคซาน + ไบโออิ" ไม่โดนอยู่ขอบถุง ข้าวจะงอกไม่ดี





3.
รูปที่ 3 ข้าวที่อยู่ใจกลางถุง งอกดีมาก





4.
รูปที่ 4 และ 5 ตรวจสอบเมล็ดข้าวที่หว่านในนา โดยใช้คนหว่าน ไม่ใช่เครื่อง อยู่ที่ 20 ตารางเซนติเมตร จะมีเมล็ด
ข้าวประมาณ 10-15 เมล็ด

5.


.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 21/02/2012 6:52 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 22/02/2012 7:28 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จากรูปที่ 4 และ 5 :

ระยะห่างระหว่าง แถว-กอ ของต้นข้าวที่ดี คือ 20-25 ซม. ซึ่งจะส่งผลให้...
- การแตกกอดี (1 กอ ได้ 30-50 ต้น....1 ต้นได้ข้าว 1 รวง....1 รวง ได้ 100-120 เมล็ด)
- ลำต้นใหญ่ (ขนาดเท่าหลอดดูดเฉาก๊วย) ใบใหญ่ และจำนวนใบมาก
- แสงแดดส่องได้ทั่วทั้งกอ การสังเคราะห์อาหารดี
- อากาศผ่านสะดวก ทำให้ไม่เป็นแหล่งอาศัยของโรคและแมลงศัตรูพืช
- คุณภาพเมล็ดข้าวดี เมล็ดลีบน้อย เมล็ดใส-แกร่ง ไม่เป็นท้องปลาซิว
- ใช้ปริมาณเมล็ดพันธุ์น้อย



ในพื้นที่ 20 ตร.ซม. แบบนาหว่าน หว่านด้วยมือ หรือ หว่านด้วยเครื่องพ่นเมล็ด ไม่ใช่ประเด็น
แต่จำนวนเมล็ด 10-15 เมล็ดที่งอกแล้วโตขึ้นมา 10-15 ต้นต่างหากที่ต้องวิเคราะห์....
- การแตกกอไม่ดี (1 กอ ได้เพียง 2-3 ต้น...1 ต้นได้ 1 รวง...1 รวงได้ 70-90 เมล็ด)
- ลำต้นเล็ก (ขนาดเท่าหลอดดูยาคูลท์) ใบเล็ก และจำนวนใบน้อย
- แต่ละต้นเบียดกันจนแสงแดดส่องเข้าไปได้ไม่ทั่วกอ การสังเคราะห์อาหารจึงไม่ดี
- อากาศผ่านไม่สะดวก กลายเป็นแหล่งอาศัยของโรคและแมลงศัตรูพืช
- คุณภาพเมล็ดไม่ดี เมล็ดลีบมาก น้ำหนักน้อย เมล็ดไม่ใส-ไม่แกร่งแกร่ง
- สิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์




คำตอบที่ต้องค้นหา :
- เมื่อต้นข้าวในแปลงโตขึ้น สูงซัก 1 คืบมือ ให้เลือกต้นข้าว 1 ต้น ในพื้นที่ 20 ตร.ซม. โดยถอน
ต้นข้างเคียงทิ้งทั้งหมด.....เลือกทำประมาณ 2-3 ต้น

- บำรุงข้าวทั้งแปลงด้วยสูตรเดียวกัน

- สังเกตุและบันทึก การเจริญเติบโตระหว่าง "ข้าวกอเดียว กับ ข้าวที่หลายกอ" ในพื้นที่ 20 ตร.ซม.
เท่าๆกัน จนกระทั่งเก็บเกี่ยวว่า แตกต่างกันอย่างไรบ้าง


แนวทาง วิเคราะห์/เปรียบเทียบ :
- การเจริญเติบโตทางลำต้น (สูง-กว้าง-จำนวน)
- การเจริญเติบโตทางใบ (ใหญ่-หนา-เขียว-จำนวน)
- การแตกกอ (จำนวน-ลักษณะ)
- การได้รับแสงแดด (ทั่วทุกใบ)
- การเกิดโรคและแมลงศัตรูพืช (เกิดเอง-มาจากแล่งอื่น-การแพร่ระบาด)

- ปัญหาต่างๆ และการแก้ปัญหา




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 22/02/2012 2:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีคะ ลุงคิม

ข้างบ้าน บอกว่า ต้นข้าวที่มีระยะห่างระหว่างต้น "ห่างมาก" ต้นข้าวจะใหญ่ รวงข้าวจะดี แต่เวลาเก็บเกี่ยว
ข้าวจะไม่มีน้ำหนัก สู้ระยะห่างระหว่างต้น "แน่นๆ" ไม่ได้ ถึงแม้รวงน้อย แต่จำนวนรวงมาก เวลาเก็บเกี่ยวจะ
ได้จำนวนข้าวมากกว่า

ลุงว่าเกิดจากอะไรคะ ? แล้วมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11658

ตอบตอบ: 23/02/2012 7:47 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ปรัชญาธรรมชาติ.....
- ในธรรมชาติไม่มีตัวเลข และไม่มีสูตรสำเร็จ
- ในข้อดีย่อมมีข้อเสีย และในข้อเสียย่อมมีข้อดี


การตัดสินธรรมชาติมิใช่อาศัยเพียงเท่าที่มองเห็นเท่านั้น ควรต้องมี "หลักวิชาการ" รองรับยืนยันในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย

การเพาะปลูกพืชเพื่อจำหน่าย ความสำเร็จวัดที่ "กำไร"
"กำไร" คือ ตัวเลขที่ได้จาก "ต้นทุน ลบด้วย ราคาขาย"
เพราะฉนั้น ทำอย่างไรก็ได้ ด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อ ต้นทุน ลบด้วย ราคาขาย เท่ากับ กำไร

กำไรมาก คือ ประสบความสำเร็จอย่างสูง
กำไรน้อย คือ ประสบความสำเร็จน้อย
เท่าทุน หรือ ขาดทุน คือ ล้มเหลว

เพราะฉนั้น ทำอย่างไรก็ได้ที่ ต้นทุนต่ำ กำไรมาก



โจทย์ :
ต้นข้าวที่มีระยะห่างระหว่างต้น "ห่างมาก" ต้นข้าวจะใหญ่ รวงข้าวจะดี แต่เวลาเก็บเกี่ยว ข้าวจะไม่มีน้ำหนัก สู้ระยะห่างระหว่างต้น "แน่นๆ" ไม่ได้ ถึงแม้รวงน้อย แต่จำนวนรวงมาก เวลาเก็บเกี่ยวจะ ได้จำนวนข้าวมากกว่า


วิเคราะห์ปัญหาบนหลักวิชาการ :
- ต้นข้าวระยะระหว่างกอ "ห่างมาก" ต้นข้าวจะใหญ่ รวงข้าวจะดี แต่ข้าวไม่มีน้ำหนัก....

คำตอบ คือ ปัจจัยพื้นฐานฯ เกี่ยวกับ "ดิน และ สารอาหาร" เป็นอย่างไร ในดินมีสภาพโครงสร้าง มีสารอาหารทั้งสารอินทรีย์และสารสังเคราะห์เหมาะสมกับต้นข้าวหรือไม่ สารอาหารทีสำคัญสำหรับข้าว เช่น แม็กเนเซียม. สังกะสี. แคลเซียม โบรอน. อะมิโน โปรตีน. ต้นข้าวได้รับอย่างพอเพียงหรือไม่......

จากประสบการณ์ตรง พบว่า ต้นข้าวที่ได้รับสารอาหารกลุ่มดังกล่าวอย่างเหมาะสม....
ต้นข้าว 1 กอมี 40-50 ลำ
ต้นข้าว 1 ลำมี 1 รวง
ข้าว 1 รวงมี 100-110 เมล็ด
จำนวนเมล็ดลีบ น้อย-น้อยมากๆ
คุณภาพเมล็ด ใส-แกร่ง น้ำหนักดี

ทั้งนี้ แม็กเนเซียม. เป็นธาตุอาหารสร้างคลอโรฟีลด์ ทำให้ต้นข้าวใบเขียวจนถึงวันเกี่ยว นั่นคือ ใบได้สังเคราะห์สารอาหารหล่อเลี้ยงเมล็ดข้าวได้ตลอดอายุขัยของเมล็ดข้าวนั่นเอง.....สังกะสี. เป็นธาตุอาหารสร้างแป้ง แต่สังกะสีต้องไปคู่กับแม็กเนเซียม จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อต้นข้าว......แคลเซียม. เป็นธาตุอาหารสร้างคุณภาพของเมล็ดข้าว แต่แคลเซียมต้องไปคู่กับโบรอน จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อต้นข้าว

(หมายเหตุ : ธรรมชาติการแก่ของเมล็ดข้าว จะแก่จากเมล็ดปลายรวงมาหาโคนรวง จังหวะที่เมล็ดแก่มาถึงครึ่งรวง (ปลายรวงโค้งลง เรียกว่า "ก้ม") ใบจะเหลืองโทรม หมดอายุ หยุดการสังเคราะห์สารอาหาร จึงเป็นเหตุให้เมล็ดที่โคนรวงไม่ได้รับสารอาหาร จึงเป็นเมล็ดลีบในที่สุด...)

ตามหลักวิชาการระบุชัดเจนว่า.....การที่ระยะระหว่างกอต่อกอห่างมากๆ ต้นได้รับสารอาหาร (อินทรีย์-เคมี) อย่างถูกต้อง เหมาะสม ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และใบทุกใบได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง ข้าวต้นนั้นจะมี ใบใหญ่ จำนวนใบมาก เนื้อใบหนา สีเขียวเข้ม ลำต้นแข็งแน่น เพียงสภาพแวดล้อมเพียงเท่านี้ ข้าวต้นนั้นก็จะมีความสมบูรณ์สูง ส่งผลให้ได้ผลผลิดีทั้งคุณภาพและปริมาณ.....กรณีที่ข้าวต้นใหญ่ รวงดี แต่น้ำหนักไม่ดี น่าจะมาจากสาเหตุหลัก คือ ไม่ได้รับ แม็กเนเซียม-สังกะสี-ฯลฯ แต่ได้รับไนโตรเจน (ยูเรีย) มากเกินจำเป็น


- ระยะห่างระหว่างต้น "แน่นๆ" ไม่ได้ ถึงแม้รวงน้อย แต่จำนวนรวงมาก เวลาเก็บเกี่ยวจะ ได้จำนวนข้าวมากกว่า .....
คำตอบ คือ ....
ประวัติดินและการเตรียมดินก่อนปลูกอย่างไร การที่เมล็ดข้าวจะมีคุณภาพดีได้ต้องอาศัยสารอาหารเท่านั่น จะเป็นสารอาหารอินทรีย์ (มีอยู่ในเนื้อดิน) หรือสารอาหารเคมี (คนใส่ให้) ก็สุดแท้ แต่ต้องมีและต้นข้าวสามารถนำไปใข้ได้

จำนวนรวงมาก ต้นข้าวไม่มีกิ่งก้านเหมือนไม้อื่นๆ เพราะฉนั้น 1 ลำต้องมี 1 รวงเสมอ.....ปัญหาจริงๆอยู่ที่ ใน 1 รวงมีกี่เมล็ด ต่างหาก


ปล.
การเปรียบเทียบระหว่างต้นข้าว "ระยะห่าง" กับ "ระยะชิด" ต้องใช้มาตรฐานปัจจัยพื้นฐานเพื่อการปลูกข้าวเดียวกัน นั่นคือ ควรเป็นข้าวในแปลงเดียวกัน อยูใกล้กันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

กรณีต้นข้าวในแปลงต่างกัน หรือแยกกันอยู่คนละแปลง ต้องแยกวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเจริญเติบโตของแต่ละแปลง

ตรวจสอบหรือเปรียบเทียบการปฏิบัติบำรุงต่อต้นข้าทั้งสองแปลง

อื่นๆ เพื่อชี้ชัดให้เห็นความแตกต่าง


ชาวนารุ่นใหม่ (ใหม่ที่ความคิด ไม่ใช่เพียงอายุน้อย เกิดทีหลัง) :
เทคโนโลยีวิชาการ + เทคโนโลยีชาวบ้าน = ความสำเร็จสูงสุด



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 05/03/2012 2:41 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม

ยัยเฉิ่ม ขอรายงาน

นาข้าว แปลงที่ส่งรูปมาให้ดู ตอนนี้ต้นข้าวสูงประมาณ 15 เซนติเมตร เปิดน้ำเข้านาเรี่ยบร้อยแล้ว จากการเดินลงไป
สำรวจในแปลงนา ผลปรากฏว่า หญ้าเยอะมากค่ะ เยอะกว่าข้าวอีก แต่สภาพดินดีมาก โดยปกติแต่ก่อนที่นาข้าวไม่ได้
ใส่น้ำหมักระเบิดเทิดเถิง (หมายถึงฤดูกาลที่ผ่านมา) เมื่อเปิดน้ำใส่นาข้าวหลักจากฉีดยาฆ่าหญ้า ดินจะไม่นิ่ม สามารถ
เดินลงไปได้โดยดินไม่ยุบ แต่จากการสังเกตุครั้งนี้ เมื่อเดินลงไปนาข้าวดินจะยุบตัวลงไปเลยค่ะ (ไม่เกี่ยวกันน้ำหนักต้ว
นะคะ) ดินนิ่มมากค่ะ

นาข้าวแปลงใหญ่ที่ (20 ไร่) หว่านไปเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 55 หว่านข้าวบางมากค่ะ ประมาณ 1 ไร่ ต่อ 2 ถัง เมื่อวาน (วันที่
4 ก.พ.55) พาแม่ไปดูที่นา แม่บ่นมากเลยค่ะ ว่าหว่านข้าวบาง จะไม่ได้น้ำได้เนื้อ บังเอิญมีชาวนาผ่านมาแวะคุย ถามหนูว่า
หว่านข้าวกี่ถัง ต่อไร่ หนูบอกไม่ถึง 2 ถังดี เค้าก้บบอกว่า ทำไมหว่านบาง เดียวหญ้าก็จะขี้ข้าว รับรองไม่ได้ดี แล้วก็ถามหนู
ต่อว่า จะฉีดยาฆ่าหญ้าเมือ่ไหร่ หนูบอกไม่ฉีดค่ะ เค้าบอกรับรองไม่ได้กิน หย้าขี้ข้าว ข้าวจะไม่โต แม่หนูผสมโรงด้วย โดนไป
อีกชุดใหญ่

ยัยเฉิ่ม พยายามทำใจไม่ให้หวั่นไหว แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ค่ะลุงคิม ขั้นตอนต่อไปหนูต้องทำอย่างไรต่อคะ ?


ขอบคูณลุงคิมค่ะ
ยัยเฉิ่ม จะเป็นชาวนา


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า 1, 2, 3 ... 13, 14, 15  ถัดไป
หน้า 1 จากทั้งหมด 15

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©