MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 12 JAN มะลิ, เฟื่องฟ้า, ทุเรียน, ทับทิม, มะนาว, มะม่วง, ไม้กระถาง, โกสน, เกษตรธาตุสี่, ฝรั่ง 412
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป
ผู้ส่ง
ข้อความ
kimzagass หาวด้า เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11606
ตอบ: 12/01/2014 8:50 pm ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 12 JAN มะลิ, เฟื่องฟ้า, ทุเรียน, ทับท
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร รายการวิทยุ 12 JAN
AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)
********************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6
... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112
... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์,
กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต, สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต,
ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ เคมี)
1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2 )คุณชาตรี (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)
3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) คุณล่า (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี
5) คุณประเสริฐ (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) คุณอรุณ (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.
7) คุณพรพรรณ (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) คุณน้ำส้ม (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะลิซ้อนไม่ออกดอก แก้ไขอย่างไร.....?
ตอบ :
- ช่วงนี้หน้าหนาว มะลิไม่ออกดอกหรือออกน้อยมากๆ ถ้าทำให้ออกดอกได้จึงเรียกมา มะลิแจ็คพ็อต ราคาจะแพงมากถึงลิตรละ 800 เคยพูดบ่อยๆว่า มะลิหน้าหนาว-มะนาวหน้าแล้ง-บัวเข้าพรรษา กับอีกหลายอย่างในช่วงเทศกาลสำคัญ
การบังคับมะลิให้ออกหน้าหนาว เคยนำเสนอในรายการนี้มาแล้ว.....
@@ บำรุงต้น เพื่อ สะสมความสมบูรณ์ ล่วงหน้า :
- ทางใบ : ให้ แม็กเนเซียม-สังกะสี 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน
- ทางราก : ให้น้ำหมักชีวภาพ +8-24-24 (1-2 กก.) /ไร่ เดือนละครั้ง รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว, พรวนดินพูนดินโคนต้นทุก 3 เดือน มีหญ้าแห้งคลุมโคนต้น ให้น้ำพอหน้าดินชื้นสม่ำเสมอ
@@ เปิดตาดอกมะลิ ให้ออกดอกเก็บได้ ณ วันที่ต้องการ :
- จากวันที่ต้องการเก็บดอกให้นับถอยหลัง 45 วัน ลงมือตัดแต่งกิ่ง ต้นใหญ่ตัดยาว ต้นเล็กตัดสั้น
ตัดแต่งกิ่งแล้วบำรุงเปิดตาดอก
** ทางใบ : ให้ น้ำ 100 ล. + 0-52-34 (400 กรัม) + 13-0-46 (1 กก.) ทุก 7 วัน
** ทางราก : ใส่ยิบซั่ม, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แลบดิบ, 8-24-24 (2-3 กำมือ/ต้น)
หมายเหตุ :
- หลังเริ่มบำรุงมะลิจะแตกยอดใหม่พร้อมกับมีดอกออกมาด้วย
จะออกดอกหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ความสมบูรณ์สะสม ที่สร้างไว้ก่อน
----------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : เฟื่องฟ้าในกระถางต้นใหญ่มาก ย้ายลงดินจะตายไหม.....?
ตอบ :
- ย้ายได้ เฟื่องฟ้าอึดอยู่แล้ว ขุดหลุมใหญ่ๆ ขนาดวางกระถางลงไปได้ รอไว้ก่อน ตัดแต่งกิ่งเฟื่องฟ้าออก 50-80% ของทั้งต้น จากนั้นตีก้นกระถางให้แตกออก ด้านข้างกระถางปล่อยไว้ แล้วยกกระถางลงหลุมทั้งกระถาง กลบดินให้มิดหลุม กดแน่พอประมาณ รดน้ำ 2-3 วัน/ครั้ง ไม่นานรากใหม่จะแทงลงดินล้วแตกยอดใหม่เอง
- เฟื่องฟ้าลงดินแล้วควบคุมน้ำยาก ต้นจะบ้าใบ ไม่ออกดอก หรือออกดอกน้อย เพราะฉะนั้น หลังลงดินไปแล้วต้องให้น้ำน้อยๆ ให้พอเขายืนต้นอยู่ได้ก็พอ
- เฟื่องฟ้าริมรั้วตามชนบท ไม่เคยให้น้ำเลยตั้งแต่เกิด แล้งแสนแล้ง ไม่ตายแต่ออกดอกกองดินได้ทั้งปี เพราะเขาไม่ได้น้ำไปสร้างใบ จึงออกแต่ออกไงล่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : หน้าหนาว ทุเรียนหมอนทองใบจุด ใบแก่เหลือง แก้ไขอย่างไร.....?
ตอบ :
- หน้าหนาวน้ำค้างแรง โรคใบจุด ราน้ำค้าง ราแป้ง ราสนิม กำลังรอคิวเข้ามา
- ใบจุด คือ โรคแอนแทร็คโนส ภาษาชาวบ้านเรียกว่า โรคใบจุด เกิดได้ในทุกส่วนของทุเรียน .... เชื้อตัวนี้เกิดในดิน เมื่อแก่ตัวจะแตกสปอร์ล่องลอยไปในอากาศ เมื่อพบกับ น้ำค้าง บนส่วนของต้นทุเรียนจะเข้าไปแฝงตัวอยู่ในน้ำค้างนั้น เนื่องจากน้ำค้างมีค่าความเป็นกรดอ่อนๆ เชื้อจึงเจริญพัฒนาขยายพันธุ์ได้ดี ครั้นเมื่อน้ำค้างแห้งลง เชื้อจะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อพืช แล้วขยายพันธุ์ในเนื้อพืชต่อไป
- ชาวสวนทุเรียนนิยมใช้สารเคมีประเภทดูดซึมฉีดพ่น การที่สารเคมีตัวนี้จะซึมเข้าไปในเนื้อพืชแล้ว นั่นหมายความว่า ต้นทุเรียนจะได้รับสารพิษตัวนี้เข้าไปด้วย เพราะมันเป็นสารดูดซึม แม้จะกำจัดเชื้อราได้แต่ต้นทุเรียนก็เดือดร้อนด้วย เพราะสารเคมีเป็นสารพิษ ไม่ใช่สารอาหาร แบบนี้เขาเรีบกว่า เผาบ้านฆ่าหนู ลงท้ายจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความสะใจที่กำจัดเชื้อโรคได้ทั้น
วิธีป้องกันหรือกำจัดที่ได้ผลดีที่สุดโดยไม่กระทบกระเทือนต่อต้นทุเรียน คือ ตอนเช้ามืดใช้ น้ำเปล่า หรือ น้ำ + สมุนไพรเผ็ดจัด ฉีดล้างต้นก่อนที่น้ำค้างจะแห้ง น้ำจะชะล้างเชื้อโรคตกลงดินเอง
- การติดสปริงเกอร์ ให้หัวพ่นสปริงเกอร์อยู่เหนือยอด หรืออยู่ในทรงพุ่ม หรือทั้งสองจุดควบคู่กัน ครั้นถึง ณ เวลาที่ต้องการก็เปิดสปริงเกอร์จะช่วยให้ได้ทั้งประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของเนื้องาน ใช้เวลาน้อย แรงงานน้อย ต้นทุนต่ำมากๆ ใช้ได้นานนับหลายๆสิบปี
- สปริงเกอร์ทำงานได้ครั้งละ 50 ต้น (ปั๊มไฟฟ้า 3 แรงม้า) ด้วยเวลา 5 นาที หากใช้วิธีลากสายยาง ฉีดทีละต้น ใช้เวลาต้นละ 5 นาที เท่ากับ 250 นาที นั่นคือ ต้นทุนค่าไฟฟ้าระหว่าง 5 นาทีกับ 250 นาที ต่อครั้งในการทำงานที่ต่างกัน นอกจากนั้นระยะเวลา 250 นาที หรือ 4 ชม. น้ำค้างแห้งคาใบทุเรียน ซึมเข้าไปในใบทุเรียนเรียบร้อยแล้ว กำจัดเชื้อโรคไม่ได้ แถมยังเกิดความเสียหายแก่ต้นทุเรียนอีก นี่เป็นเพราะเครื่องมือในการทำงานไม่เหมาะสมนั่นเอง
- สปริงเกอร์ แม้จะเป็นเครื่องมือฉีดพ่นธรรมดาๆ แต่ทำงานได้สารพัดชนิด เช่น ฉีดพ่นสารสมุนไพร คิดดู หากฉีดพ่นสารสมุนไพรทุกวัน 3 วันติดต่อ หรือฉีดพ่นวันเว้นวัน 3 รอบ โรคแมลงศัตรูพืชอะไรก็ทนอยู่ไม่ได้ ทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมี นอกจากนี้ยังฉีดพ่นปุ๋ย/ฮอร์โมน ทางใบได้ทุกชนิด เป็นการบำรุงแบบ 100% ได้อีก ด้วยแรงงานคนเดียว เวลาประเดี๋ยวเดียว .... การลงทุนติดตั้งสปริงเกอร์จึงถือเป็นเรื่อง เศรษฐศาสตร์การลงทุน คุ้มค่าที่สุด ทั้งระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว
----------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : (สายสด) ..... ทับทิม บำรุงต้นตลอดปี งดน้ำใบสลดแล้วตัดแต่งกิ่ง เรียกใบอ่อน ใบอ่อนออกมาแล้วมีดอกตามมาด้วย (ไม่มีคำถาม) .....มะนาววงปูน อายุต้น 3 ปี ต้องการผลเดือนเมษา ต้องงดน้ำเดือน กรกฎา-สิงหา ซึ่งเป็นหน้าฝน งดน้ำไม่ได้ แก้ไขอย่างไร.... ดินวัสดุปลูกในวงปูน อยู่ได้นานเท่าไร ..... ?
ตอบ :
- เห็นบอกว่า ทับทิมบำรุงต้นแล้วงดน้ำให้ใบสลด จากนั้นตัดแต่งกิ่งแล้วเรียกใบอ่อน เมื่อแตกยอดใหม่ได้ใบอ่อนก็จะมีดอกออกตามมาด้วย หลักการนี้แทบจะฉีกตำราทิ้งได้เลย เพราะในตำราบอกว่า งดน้ำใช้สลดแล้วไม่ต้องตัดแต่งกิ่งอีก แต่จะให้น้ำพร้อมกับให้ปุ๋ยทั้งทางทางรากเพื่อเปิดตาดอกได้เลย กรณีที่ทำแบบนี้แล้วทับทิมออกดอกได้ถือว่า ใช่ นี่คือ ประสบความสำเร็จ
- กรณีมะนาวในวงปูน แบบนี้บอกได้เลยว่าอนาคตไม่ค่อยดี เพราะมะนาวในวงปูนอายุต้นอยู่ได้ 3-5 ปีเท่านั้น ทรงพุ่มไม้ใหญ่ทำให้ได้ผลผลิตน้อย ต้นไม่สมบูรณ์เพราะสารอาหารมีน้อย ระบบรากเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ .... มะนาวบนพื้นราบ อายุต้น 5 ปี ทรงพุ่มสูง 5 ม. กว้าง 6 ม. ให้ผลเต็มที่ได้ 1,000 ผลต่อต้น ขณะที่มะนาววงปูนได้ผลผลิตมากสุดไม่เกิน 100 ผลเท่านั้น
เป็นการยากที่จะบอกได้ว่ามะนาววงปูนต้องให้สารอาหารอะไร เท่าไร เมื่อไร จึงจะพอเพียง มะนาวในวงปูนต้องพึ่งพาคนเลี้ยง แต่มะนาวบนพื้นปกติสามารถหาอาหารเองได้ กับทั้งอาหารในธรรมชาติซึมเข้าไปหาได้อีก
- คิดจะปลูกมะนาวบนพื้น ให้ทำเป็นพูนโคก สูงจากพื้นระดับ 50-80 ซม. กว้าง 2-3 ตร.ม. มีช่องทางระบายน้ำยามฝนตกให้ไหลผ่านพูนโคกไปเร็วๆ ถ้าแก้ปัญหารากแช่น้ำ น้ำแช่รากได้ มะนาวก็จะออกดอกติดลูกได้ตลอดปีปี
- การควบคุมน้ำช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. สำหรับทำมะนาวหน้าแล้ง กรณีมะนาววงปูนทำโดยใช้พลาสติกคลุมปากวงปูน แต่มะนาวบนพื้นยกโคก มีช่องทางระบายน้ำพร้อม ก็สามารถใช้พลาสติกคลุมแปลงป้องกันน้ำได้เช่นกัน
----------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะม่วงออกดอก ช่อดอกมียางเป็นก้อน มีผลเสียต่อดอกมะม่วงไหม ? .... เพลี้ยจั๊กจั่น
ตอบ :
- ศัตรูคู่กัดช่อดอกมะม่วง คือ เพลี้ยจั๊กจั่น ที่เข้ามาดูดกินน้ำเลี้ยงที่ช่อดอก นอกจากเพลี้ยจั๊กจั่นแล้ว ยังหนอนเจาะดอก กับราดำแถมมาอีกด้วย
- เพลี้ยจักจั่นตัวโตขนาดปลายไม้จิ้มฟัน เวลาเดินผ่านโคนต้นมะม่วงจะตกใจบินว่อน ชนใบไม้ กิ่งไม้ ได้ยินเสียงเป๊ะป๊ะๆ ไปยืนโคนต้นจะมีหยดน้ำเล็กๆปลิวลงมากระทบตัวให้รู้สึก เอารถไปจอดโคนต้น หยดน้ำเล็กๆนี้จะทำสีรถเสียได้ .... หยดน้ำเล็กๆที่ว่านี้ คือ มูลของเพลี้ยจั๊กจั่น ที่ขับถ่ายออกมา ภาษาวิชาการเรียกว่า มูลน้ำหวาน นั่นเอง
- ยางเป็นก้อนๆที่เห็นนั้น นั่นคือ มูลหวาน ของเพลี้ยจักจั่นที่สะสมกันนานๆ คู่กัดตัวต่อไป คือ ราดำ ที่กำลังล่องลอยอยู่ในอากาศจะเข้ามาอาศัยกินมูลหวานตัวนี้ ได้กินอาหารแล้วก็จะขยายเผ่าพันธุ์ เกาะตัวกันเป็นแผงสีดำตามดอก กิ่ง ใบ ดำทั้งต้น เป็นเหตุให้ใบสังเคราะห์แสงไม่ได้ ดอกหรือผลจึงไม่มีการพัฒา
- คนโบราณบอกว่า มะม่วงออกช่อแล้วมีฝนตก เรียกว่า ฝนชะช่อมะม่วง แล้วมะม่วงจะติดผลดี เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ก็คือ น้ำฝนช่วยชะล้างมูลหวานเพลี้ยจักจั่นให้ จึงใม่มีราดำมารบกวน นั่นเอง....แม้ไม่มีราดำ แต่เพลี้ยจั๊กจั่นก็ได้สร้างเสียหายไปแล้วระดับหนึ่ง ลงท้ายก็คือ ไม่ได้ผลมะม่วงนั่นเอง
- แนวทาง ป้องกัน/กำจัด คือ เลียนแบบธรรมชาติ จากที่ฝนก็คือน้ำ เมื่อไม่มีฝนเราก็ทำน้ำฝนซะเอง โดยการฉีดพ่นน้ำไงล่ะ จากน้ำเปล่าๆ ปรับเป็น เพิ่ม/เสริม/เติม/บวก สมุนไพรเข้าไปด้วย ไม่ใช้แค่สมุนไพรกำจัดเพลี้ยจักจั่นอย่างเดียว แต่ใส่สมุนไพรกำจัดราดำ สมุนไพรกำจัดหนอนเจาะดอก เข้าไปด้วย นี่คือ ยิงนกตัวเดียวได้กระสุนสามนัดไปเลย .... การปฏิบัติ :
** ใช้สารสมุนไพร หางไหล หนอนตายหยาก กลอย ซาก น้อยหน่า สำหรับกำจัดเพลี้ยจั๊กจั่น .... +เพิ่มสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด สะเดา สำหรับกำจัดหนอนเจาะดอก.... +เพิ่มสมันไพรเผ็ดจัดๆ (พริกแกง) สำหรับกำจัดราดำ .... ทั้ง 3 สิงห์สมุนไพรปริมาณเท่าๆกัน ผสมน้ำแล้วฉีดทั่วทรงพุ่ม เน้นส่วนยอดดอกมากหน่อย เพราะตัวเพลี้ยจั๊กจั่นเกาะอยู่ที่ก้านดอก ฉีดบ่อยๆ วันต่อวัน หรือวันเว้นวัน ฉีดตอนเย็น รวม 3-4-5 รอบ หรือจนกว่าดอกจะกลายเป็นผล .... งานนี้ต้อง อดทน-ขยัน มิฉะนั้นจะไม่ได้มะม่วงไว้ยลเลย
การใช้สารเคมี กำจัดเพลี้ยจักจั่น / หนอนเจาะดอก / ราดำ สำเร็จแต่ก็ได้แค่ สะใจ เท่านั้น เพราะแมลงธรรมชาติโดยเฉพาะผึ้งจะไม่เข้ามาช่วยผสมเกสร ดอกมะม่วงก็พัฒนาเป็นผลไม่ได้ สุดท้ายก็คือ ไม่ได้ผลมะม่วงอยู่ดีนั่นเอง
----------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : เศษข้าวสุก ใส่ให้ไม้กระถางได้ไหม.....?
ตอบ :
- ได้ .... ยิ่งกว่าได้ซะอีก ในข้าวสุกมีสารอาหารอะไร เมื่อใส่ลงไปในดินแล้วจุลินทรีย์ก็จะย่อยสลายข้าวสุก เอาสารอาหารตัวนั้นออกเป็นปุ๋ยแก่พืชได้ เรียกว่า ปุ๋ยชีวภาพ ชนิดหนึ่ง นั่นเอง
- จากข้าวสุกอย่างเดียวเดี่ยวๆ เศษอาหารอย่างอื่น เช่น กับข้าว ของหวาน ของคาว ของว่าง ที่คนกินได้ แม้แต่เศษผัก ผลไม้ที่คนไม่กินก็ใช้ได้ เอาทุกอย่างมาปั่นด้วยโมลิเน็กซ์ให้ละเอียด แล้วผสมคลุกกับดิน อัตราส่วน เศษอาหาร : ดิน = 10 : 1 ก็เหลือเฟือ
- การปั่นให้ละเอียดก็เพื่อป้องกันมดเข้ามากิน
- การใส่เพียง 10 : 1 ก็เพื่อไม่ให้มากจนเกินไป ถ้าจุลินทรีย์ย่อยสลายไม่ทันจะเกิดการบูดเน่าเหม็น กับขณะที่เศษอาหารกำลังถูกย่อยสลายใหม่ๆจะเกิดแก๊ซไฮโดรเจน ซันไฟลด์จนเป็นพิษต่อต้นพืช เพราะฉะนั้น อย่าใจร้อน อย่าโลภ อย่าเร่ง ต้นไม้ต้นพืชไม่มี่คน
----------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : อยากให้โกสนใบใหญ่ สีจัด ต้นสมบูรณ์ ให้ปุ๋ยธาตุรอง/ธาตุเสริม ตัวไหน....?
ตอบ :
- เอาเศษอาหารสารพัด บดละเอียด ผสมดินปลูกเหมือนเมื่อกี้นี้
- ก้นกระถางใส่กระดูกสัตว์ ไก่ หมู วัว หัวปลา สดก็ได้ สุกแล้วก็ดี แค่ 1 ชิ้นเท่านิ้วมือ ผสมดินปลูกก้นกระถาง จะช่วยให้ไม้ใบสี อย่างโกสน บอนสี สีเข้มจัด ใบใหญ่ ต้นสมบูรณ์ดี
----------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : (088) 173-32xx
ข้อความ : ผู้พันครับ ผมเคยไปไร่กล้อมแกล้ม 2-3 ครั้ง แต่ไม่เคยพบผู้พันเลย เพราะวันที่ ผมไปไม่ตรงกับวันที่ผู้พันไป และผมก็ไม่ได้นัดล่วงหน้า นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัญหาใหญ่กว่าอยู่ที่ ผมเห็นแล้ว คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ อย่างที่ผู้พันสอน ชอบมากคือ หลุมเดียว กันลงไม้ผล 3-4 อย่าง ปล่อยให้โตด้วยกัน ที่ผมอยากรู้ คือ ผู้พันเตรียมเทคนิคบำรุงไม้ผล แต่ละอย่าง แต่อยู่ในหลุมเดียวกันอย่างไร .... ขอบคุณครับ
ตอบ :
- เพราะวัฒนธรรมไทย จะไปบ้านใครซักคน ไม่สอบถามล่วงหน้าก่อนว่า อยู่บ้านไหม ? ไปเที่ยวบ้านได้ไหม ? นึกจะไปก็ไปเลย .... เพราะรู้ยังงี้เลยล็อคเวลา วันเสาร์ ไว้ให้เลย ทุกวันเสาร์จะอยู่ทำงานให้ปุ๋ยต้นไม้ที่ไร่กล้อมแกล้ม ใครว่างเสาร์ไหนก็ไปเสาร์นั้น ก็แล้วกัน ไปเช้าๆหน่อยดี บ่ายๆถ้าไม่มีใครมาก็เผ่นกลับบ้าน
- แนวคิดเบื้องต้นมาจาก เกษตรธาตุสี่ ของ ป๊ะหลน ภาคไต้ จังหวัดอะไรจำไม่ได้ นัยว่า เงาะ-ทุเรียน-มังคุด-ลองกอง อย่างละ 1 ต้น รวม 4 ต้น อยู่ในหลุมเดียวกัน โตด้วยกัน ออกดอกติดลูกพร้อมกัน บำรุงสูตรเดียวกันทั้งทางใบทางราก .... กรณีของ ป๊ะหลน ไม่ใส่ เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก อะไรทั้งสิ้น ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ทุกอย่างปล่อยตามธรรมชาติเหมือนไม้ในป่าทุกประการ ถึงฤดูกาลออกดอกติดผล ต้นอะไรก็ติดผลนั้น
- ไม้ผลในหลุมเดียวกัน มีความต่างบนความเหมือน และมีความเหมือนบนความต่าง ตามธรรมชาติของแต่ละชนิด
.... ความต่าง คือ ไม้ผลคนละอย่าง, การเจริญเติบโตที่ต่างกัน อาจจะปรับแต่งให้ทุกต้นทั้งต้นได้รับแสงแดดเสมอกัน โดยการตัดกิ่งของต้นที่บังแดดต้นอื่นออก,
.... ความเหมือน คือ ออกดอกติดผลฤดูกาลเดียวกัน, การบำรุงสูตรเดียวกัน ทั้งขณะมีผลบนต้น และไม่มีผลบนต้น, เป็นไม้ผลยอดนิยมเหมือนๆกัน,
- ไม่ได้หวังผลทางเศรษฐกิจ แต่ทำไว้เพื่อยืนยันหลักการธรรมชาติ ถ้าผลผลิตนั้นขายได้ก็ถือว่า ถูกหวย เท่านั้นเอง
- ไม่ได้ทำทุกต้นทุกหลุม แต่ทำเพียงบางหลุมเท่านั้น กับไม่ได้เจาะจงว่าต้องต้นไม้นั้นต้นไม้นี้เป๊ะๆ ดูว่า ต้นอะไรที่มีการเจริญเติบโตฟอร์มเดียวกัน ออกดอกติดผลฤดูกาลเดียวกัน บำรุงอย่างเดียวกัน ก็จับมันมาอยู่รวมกันซะ ก็แค่นี่แหละ เรื่องแบบนี้ คนบ้าเท่านั้นที่กล้าทำ คนไม่บ้าไม่กล้าทำหรอก ว่ามั้ยล่ะ
บนเนินที่เตรียมไว้ปลูกบ้าน วันนี้มีแผนเอาไม้เดิมออกแล้วเปลี่ยนไม้ใหม่ที่ไม่หวังผลผลิตเพื่อจำหน่าย แต่เน้นเป็นไม้แปลก ไม้ไทยต่างถิ่น ไม้ต่างประเทศ ที่สนใจ คือ บ๊วย พลับ เบาบับ อินทผลัม ท้อ โกโก้ สะตอ ฯลฯ ลงไม่เป็นแถวเป็นแนว แต่ลงคละกันเหมือนไม้ป่าในธรรมชาติ เช่นเคย โตเลี้ยงตายตัด
----------------------------------------------------------------------------------------------------
จาก : (089)182-49xx
ข้อความ : ลุงคิมคะ หนูซื้อฝรั่งแป้นสีทองที่ร้านพี่น้ำส้ม เห็นผิวฝรั่งของลุงมันเรียบดี ฝรั่งแป้นสีทองของหนูผิวมันตะปุ่มตะปั่มทั้งลูก ฝรั่งของลุงอร่อยมาก ทุนคนกินติดใจ ลุงบำรุงยังไงคะ .... ฝรั่งมือใหม่ค่ะ
ตอบ :
- น่าจะเป็นผลงานของ ยูเรก้า 412 คงไม่ผิด ผลฝรั่งรุ่นนี้ในจำนวน 100 ลูก ได้ไซส์จัมบ้า 5 ลูก, ไซส์จัมโบ้ 25 ลูก, ไซส์เล็ก 10 ลูก, ที่เหลือเป็นไซส์เล็ก .... ทุกลูกตั้งแต่ไซส์จัมบ้าลงมาถึงไซส์เล็ก ผิวเรียบไม่มีตะปุ่มตะปั่ม สีขาวนวลเนียน เนื้อในรสจัดจ้าน ทุกลูก เรียกว่าการันตีได้เลย ที่สำคัญ ปลอดสารเคมียาฆ่าแมลง 1,000% เอาไปฝากใครก็ไม่ต้องกลัวเสียชื่อ
@@ เทคนิคการบำรุง :
** ทางใบ : ให้สูตรสหปะชาติ น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 60 ซีซี. + ไทเป 60 ซีซี. + ยูเรก้า 412 (60 ซีซี.) + สมุนไพร 1 ล. 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน ล็อคเวลาไว้วันเสาร์ ให้ทุกเสาร์
** ทางราก : ให้ยิบซั่ม, ตราคนกับควาย, ปีละ 2 ครั้ง, ให้น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง 21-7-14 (1 ล.) /ไร่ /เดือน, ให้ 21-7-14 (1-2 กำมือ) /ต้น /เดือน โรยโคนต้นแล้วตามด้วยน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงที่ไปกับสปริงเกอร์
หมายเหตุ :
- การให้ปุ๋ยทางใบอาทิตย์ละครั้งที่สามารถทำได้ก็ด้วยเครื่องทุ่นแรงสปริงเกอร์กับหม้อปุ๋ยหน้าโซนนี่แหละ ถ้าขืนยังลากสายยาง เดินฉีดพ่นทีละต้นๆ คงไม่ทันกิน .... ไม่ใช่แต่ฝรั่งเท่านั้นที่ให้ทางใบอาทิตย์ละครั้งได้ ไม้ผลตัวอื่น ทุกตัว ก็ให้ทางใบอาทิตย์ละครั้งเหมือนกัน .... เนื้อที่ทั้งสวน แบ่งเป็นโซน โซนเล็ก 20 ต้น โซนใหญ่ 50 ต้น รวมทั้งสิ้น 20 โซน ใช้เวลาทำงานเพียง 2-3 ชั่วโมง/ครั้ง ด้วยแรงงานคนเดียวเท่านั้น
- เพราะเครื่องทุ่นแรงอย่างสปริงเกอร์ช่วยให้การบำรุงสามารถทำได้เต็มที่ 100% เมื่อบำรุงเต็มที่ ผลที่ได้รับจึงเต็มที่ด้วย .... ต้นไม้ต้นพืชทุกชนิด ควรได้รับสารอาหารทางใบอาทิตย์ละครั้งถึงจะดี จึงจะพอเพียงต่อความต้องการอย่างแท้จริง ที่เกษตรกรชาวสวนให้บ่อยไม่ได้เพราะเครื่องมือเครื่องทุ่นแรงไม่พร้อมนี่เอง
- ยูเรก้า 412 ถึงจะเป็นสูตรใหม่ล่าสุด ออกมาจากงานวิจัยระดับมหาลัยเชียงใหม่-แม่โจ้ แกะกล่องสดๆซิงๆ ก็ไม่ใช่ของวิเศษ ตราบใดที่ดินไม่ O.K. ความสมบูรณ์สะสมภายในต้นไม่ O.K. ต่อให้ อภิมหาซุปเปอร์เดอร์ลุกซ์สเปเชียลเอ็กซ์ตร้า ยูแรก้า ก็ช่วยไม่ได้ หรืออย่างดีก็แต่ดีกว่าไม่ได้ให้ หรือดีกว่ายูเรก้าเดิม หน่อยนึงเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องทำทุกอย่าง ทุกขั้นตอนให้ถูกต้อง เหมาะสม สม่ำเสมอ
- การเกษตรที่มีการใช้เทคโนโลยีเครื่องทุ่นแรง เมื่อคิดในด้าน เศรษฐศาสตร์การลุงทุน แล้ว ถือว่า คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แม้จะต้องลงทุนสูงในครั้งแรกแต่ก็สามารถทำให้ต้นทุนนั้นต่ำได้ ด้วยการทำทีละโซนๆ นอกจากต้นทุนค่าสปริงเกอร์แล้ว ต้นทุนเวลาในการทำ งานต่อครั้ง, แรงงาน, พลังงาน (ไฟฟ้า), ยังต่ำกว่าการทำด้วยมือ (ลากสายยาง แล่นเรือปากเป็ด แอร์บลาสส์) กับทั้งประ สิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน, คุณภาพของผลผลิต, โดยเฉพาะสปริงเกอร์ฉีดพ่นสารสมุนไพรได้บ่อยครั้งตามต้องการดีกว่าสารเคมี ซึ่งนอกจากเป็นสาร พิษแล้วยังจ่ายในราคาแพง และเครดิตชื่อเสียงประเทศชาติอีกด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
.
กลับไปข้างบน
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้ คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group