ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
puun หนาวดึ่ง
เข้าร่วมเมื่อ: 27/11/2013 ตอบ: 2
|
ตอบ: 03/02/2014 8:16 pm ชื่อกระทู้: อยากเริ่มต้นชีวิตเกษตร ! |
|
|
.
สว้สดีค่ะ
หนูชื่อ "ปูน" นะคะ เข้ามาอ่านเอาความรู้ในเวบนี้มาสักพักหนึ่งค่ะ
หนูเป็นคนเมือง เกิดในเมือง โตในเมือง ตอนนี้ทำงานในเมือง แต่มีภาระใจอยากทำเกษตร มีชีวิตที่สามารถพึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืน เพราะหนูเชื่อว่าการเกษตร คือ วิถีชีวิตที่ยั่งยืน และอยากให้การเกษตรเป็นทั้งชีวิตของหนู ไม่ใช่ทำเตรียมไว้ไปอยู่ในบั้นปลายชีวิต แต่ปัญหาคือ หนูไม่มีความรู้ด้านการเกษตร เติบโตมาในเมือง ปลูกต้นไม้ไม่เป็น จนกระทั่งได้ลองปลูกพืชผักในกระถางเมื่อ 1 ปีก่อน หลักๆ เลย คือ หาความรู้ในอินเตอร์เนตค่ะ
บ้านเกิดคุณพ่อคุณแม่หนู อยู่ที่เขาสามสิบหาบกับที่ลูกแก ตอนนี้ให้ญาติเช่าทำไร่อ้อย (ประมาณ 1 ไร่ กับ 2 ไร่ ค่ะ) หนูวางแผนไว้ว่า ช่วงแรกที่เริ่มทำจะมาทำช่วง เสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาก็ทำงานประจำตามปกติ
ที่คิดไว้ หนูอยากทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกต้นไม้/ผักที่ชอบกิน เลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด มีบ่อน้ำไว้ใช้ทำเกษตร (อาจจะเลี้ยงปลา แต่หนูก็จับปลา ทำปลาไม่เป็น) ปลูกไม้ใหญ่เล็กน้อย แล้วก็มีไผ่บ้างนิดหน่อย ไว้เผื่อเอาไม้ไปใช้สอย (ไม่ใช่สอยมะม่วงนะคะ) สุดท้าย อยากปลูกข้าวไว้กินเองสัก 1 งาน ไม่รู้ว่ารวมๆ ที่อยากปลูกแล้วพื้นที่จะพอรึเปล่าค่ะ
หนูมีคำถาม รบกวนพิจารณาให้คำแนะนำดังนี้ค่ะ...
1. ถ้าหนูจะเริ่มต้นจาก 0 เลย ควรทำอะไรก่อนคะ ปลูกต้นไม้ ขุดบ่อ บำรุงดิน ถ้าหนูค่อยๆมาทำเดือนละ 3-4 ครั้ง ช่วงวันหยุด
2. พื้นที่ทำไร่อ้อย (แบบที่เขาเผาเวลาเก็บเกี่ยว) ต้องเริ่มต้นพัฒนาดินอย่างไรคะ ?
3. ถ้าหนูจะขุดบ่อน้ำ ในพื้นที่ 2 ไร่ ควรขุดใหญ่แค่ไหนจึงจะพอมีน้ำใช่ในการเกษตรช่วงฤดูแล้งคะ แล้วบ่อน้ำควรขุดไว้ตรงกลางที่ หรือตรงริมๆ ที่ มีทิศทางที่เหมาะสมไหมคะ ?
4. ต้นไม้ชนิดไหนที่ควรปลูกก่อนคะ ต้นไม้ใหญ่รึเปล่าคะ หรือถ้าจะปลูกไผ่แล้วมาดูละอาทิตย์ละครั้งจะรอดไหมคะ ?
การเกษตรยังเป็นสิ่งยากและใหม่สำหรับหนู ถ้ามีคำแนะนำอะไรก็กรุณาด้วยนะคะ ขอละเอียดๆ เลยค่ะ ไม่มีพื้นฐานเลยค่ะ ....
^_^
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
ตอบ: 03/02/2014 8:54 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
พวกเรา.... ช่วยกัน "รุม" ตอบหน่อยเป็นไง....
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 05/02/2014 9:11 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 03/02/2014 10:12 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม คุณ puun และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
คำถามของคุณ puun สั้นๆ ถ้าจะตอบกันจริงๆ ยาวตั้งแต่แม่สาย ถึง สุไหงโกลก และอ่านจากคำถามแล้ว ไม่ได้ถามแบบคนไม่รู้มาก่อน ก็คิดว่าคุณต้องมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว เมื่อลุงคิมบอกให้ช่วยกัน รุม ตอบ ก็เลยขอ สทร. เข้ามาแจมครับ
สำหรับน้องใหม่ คนเมือง ที่สนใจเกษตร นอกจากเว็ปที่ลุงคิมแนะนำแล้ว ลองเปิดเว็ปนี้ดูอีก 1 เว็ปครับ อยู่ในเมืองแถว ๆ เมืองนนท์บุรีนี่เอง
http://www.thaicityfarm.com/
ขอฝาก ข้อคิดสำหรับผู้เริ่มต้นจะทำอาชีพเกษตร.....
ตอนที่ 1 ข้อคิดฝากให้คนที่จะเกษียณหรือจะลาออกจากงานมาทำอาชีพเกษตร
คนที่จะลาออกจากงานหรือเกษียณออกมา คิดจะทำเกษตรต้องวางแผนล่วงหน้าให้ดี
มีบางท่านมาคุยกับผมว่าอีก 78 เดือนจะเกษียณอายุ มีเงินก้อนหนึ่งอยากไปหาซื้อที่ทำเกษตรที่บ้านเกิด
ที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ คนที่จะลาออกจากงาน หรือคนที่จิตใจไม่อยู่กับที่ทำงานในบริษัท หรือหน่วยงานราชการ บุคคลประเภทนี้จะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม เพราะบนเส้นทางเกษตรนั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือปูด้วยพรมบน แคทวอล์ค นะครับ หากต้องการมาเป็นเกษตรกรจริงๆแล้ว ต้องเตรียมความพร้อมหลายอย่าง ซึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณามีหลายประการ คือ
1. มีที่ดิน เดี๋ยวนี้มีที่ดินเพียง12 ไร่ก็รวยได้ อยู่ที่เราวางแผนว่าจะใช้ที่ดินนั้นทำอะไร คนที่มีที่ดิน 50 ไร่ ปลูกพืชเชิงเดี่ยวอาจจะจนมากกว่าคนที่ทำเกษตรแบบผสมผสานเพียง 1 ไร่ ก็ได้
.
1 ไร่ได้ 3 แสนเป็นเรื่องที่เป็นได้แน่นอน เคยมีคนทำมาแล้ว ขออย่างเดียวให้มี "น้ำ" ถ้ามีน้ำชีวิตการทำเกษตรจะดีแน่ๆ .. ที่ 1 ไร่ ถ้าฝนตกเรามีที่เก็บไว้ได้หมดเราจะมีน้ำเพียงพอใน 1 ปี แน่นอน
2. มีทุน เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่น้อย ลางานออกมาแล้วจะกินอะไร เอาเงินที่ไหนใช้จ่าย การเริ่มต้นชีวิตเกษตรกรไม่ใช่ว่าทำเดือนสองเดือนแล้วมีเงินเข้ามา ต้นไม้พืชผักจะบังคับให้มันโตตามใจเราไม่ได้ ถามว่า มีเท่าไหร่ถึงจะพอ (หมื่นล้านยังไม่พอเล๊ย) ยิ่งถ้ามีภาระทางครอบครัวแล้วคิดให้หนัก
ต้องเตรียมปรับปรุงดิน แล้ววางแผนปลูกต้นไม้แบบค่อยเป็นค่อยไปตามเวลาก่อนจะลาออกอย่างน้อย 12 ปี พอลาออกปุ๊บเก็บผลผลิตขายได้เลย แต่ถ้าไม่วางแผนหรือทำล่วงหน้าไว้ก่อน ขอบอกว่า ท่านครับ เป็นลูกจ้างเหมือนเดิมดีกว่า
3. ต้องมีใจ และ .....
4. มีกำลัง อันนี้คนที่เกษียณอายุควรคิดให้มาก ยิ่งอายุมากกำลังวังชาถดถอย เคยขุดดินได้ก็เริ่มขุดไม่ไหว อย่าคิดว่ามีเงินจ้างเขาทำ ชี้นิ้วสั่งก็ได้ แบบนี้เก็บเงินไว้ให้ลูกหลานใช้ดีกว่า บางคนมีเงินลุยทำเกษตรตั้งชื่อฟาร์มเสียโก้หรู โดนลูกน้องหลอกมาหลายราย สุดท้ายก็เป็นฟาร์มที่ใช้เงินสร้าง ไม่ได้สร้างด้วยกำลังกาย และกำลังใจ
5. มีความรู้ ...อย่าเพิ่งรีบลาออก ต้องเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมก่อน ที่ดิน, ทุน, ใจ, กำลัง, หาได้สร้างได้ แต่ความรู้ต้องมีเพื่อเป็นพื้นฐาน ระหว่างที่ทำงานอยู่หาความรู้ไปด้วย สะสมเงินทุน ปลูกพืชบำรุงดินไปก่อน อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจลาออกกะทันหัน เพราะตอนที่เราทำงานอยู่ เราสามารถใช้เวลาว่างหาความรู้ได้เต็มที่ ทุกคนไม่มีพรสวรรค์ แต่ถ้ามีพรแสวงอยู่บ้าง รับรองพออยู่ พอกิน พอใช้แน่นอน การเสาะแสวงหามีความรู้นั้นไม่ยาก
ต้องตั้งโจทย์ก่อนว่า คุณอยากทำอะไร ? สนใจอะไร ? หาความรู้ไว้ก่อนยิ่งมีสื่ออินเทอร์เน็ต ยิ่งสะดวกสบายใหญ่ ค้นข้อมูลแป๊บเดียวก็ได้แล้ว
แต่อย่าเชื่อจนหมด เราต้องปฎิบัติจริงแล้วปรับ มาใช้กับบริบทของตนเอง ต้องนำหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้ามาใช้ โดยเฉพาะนักวิชาการบางคนรู้แต่ทฤษฎีไม่เคยลงมือทำ อย่าเชื่อปราชญ์ เพราะบางคนเป็นปราชญ์โปรโมท เชื่อเขาทั้งหมด ทำตามหมดก็เจ๊งได้ อย่าเชื่อเพราะผมเป็นครู ผมอาจจะนำคติส่วนตัวมาบอกซึ่งมันเป็นคนละเรื่องเดียวกันกับที่คุณต้องการ.... จงเชื่อตัวเราเองที่ได้นำความรู้จากที่ต่างๆ มาตกผลึกผสมผสานปนกับของเราเอง
6. ใจ ใจนั้นสำคัญ ถ้ามีใจและมีการเริ่มต้มที่ดีก็มีชัยไปครึ่งหนึ่ง (Good Start is a Half Done)
ที่สำคัญ ถ้ารู้ว่าอยู่ไม่ได้ต้อง (โดนเค้าถีบ) ออกจากงานแน่ๆ อยากให้ทุกคนปลูกต้นไม้บำนาญตามขอบเขตของที่ดินไว้ก่อน เช่น ต้นสักทอง ยางนา พะยูง ตะแบก ฯลฯ เป็นต้น จะได้ผลตอบแทนในบั้นปลายมากกว่าดอกเบี้ยของธนาคารใดๆในโลกนี้ ....ก่อนลาออกต้องถามใจตัวเองก่อนว่า คุณทนตากแดดตากฝน มือเท้าติดดิน ทนมือแตก ทนกลิ่นเหม็น และทนต่อการดูถูกเหยียดหยาม จากคนรอบข้างได้หรือไม่
.
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 03/02/2014 10:38 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 03/02/2014 10:32 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
บอกแล้วว่า คำถามคุณ puun ถามสั้นๆ แต่ต้องตอบกันยาวตั้งแต่แม่สายยันสุไหงโกลก.....
นี่แค่ เซิฟๆ อารัมภบทเท่านั้น
ข้อคิดสำหรับผู้เริ่มต้นจะทำอาชีพเกษตร.....
ตอนที่ 2 ข้อคิดจากปราชญ์เดินดิน
อย่าบอกนะว่า ไม่มีที่-ไม่มีเวลา ที่ว่างทุกที่แม้แต่ในน้ำก็ปลูกผักได้ภาพนี้คือ สวนผักริมคลอง ปลูกมันในน้ำแบบนี้แหละ แบบเดียวกับชาวพม่าปลูกผักในน้ำที่ อินเล
ข้อคิดสำหรับผู้เริ่มต้นทำการเกษตรจาก คุณนฤทธิ์ คำธิศรี ปราชญ์เดินดิน (อย่าอ่านเพี้ยนเป็นเปรตเดินดินล่ะครับ และอย่ารู้เลยว่า ผมดันไปรู้จักกับคุณนฤทธิ์ ได้ยังไง...)
นฤทธิ์ คำธิศรี เกิดที่ ตำบลโพธิไพศาล อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร
อำเภอกุสุมาลย์ ชื่อไพเราะเพราะพริ้ง แต่เป็นอำเภอที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดของจังหวัดสกลนคร...
คุณนฤทธิ์ เห็นความทุกข์ยากลำบากของชาวบ้าน เลยคิดอยากเรียนเกษตร กลับมาทำให้เป็นล่ำเป็นสัน มีความคิดอยากจะเป็นเกษตรกรตั้งแต่อายุสิบสามปีแล้ว
คุณนฤทธิ์ เรียนจบคณะประมง จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เคยทำงานอยู่ในฟาร์มกุ้งมาสิบกว่าปี จนได้เลื่อนเป็นผู้จัดการ ตัดสินใจลาออก ทิ้งรายได้เดือนละเป็นแสน มาทำการเกษตร เพราะคิดว่าทำการเกษตรแล้วจะได้มากกว่า ทั้งๆ ที่ความเชื่อของสังคมทั่วๆ ไปบอกว่า ทำการเกษตรมีแต่ยากจนและไม่ต้องใช้ความรู้ แต่เขารับรองว่า หากเกษตรกรค้นคว้าหาความรู้ และมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ จะสามารถหลุดพ้นจากความยากจนไปสู่ความร่ำรวยได้
เริ่มแรกทำการเกษตร จะต้องทำอย่างไร ?
ถ้าทำเกษตรแบบจ้างคนมาทำทุกอย่าง รับรองว่าขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ลงมือทำอย่างแน่นอน
ในขั้นแรกเค้าบอกว่า ทำการเกษตรแบบเราๆ จะหวังผลทางธุรกิจตั้งแต่เริ่มแรกยังไม่ได้ จะต้องพึ่งตนเองให้มากที่สุด คุณนฤทธิ์จึงให้สมการว่า
ภูมิปัญญาชาวบ้าน + เทคโนโลยีสมัยใหม่ = ทำแบบให้ง่ายๆ ลดต้นทุนให้มากที่สุดเข้าไว้ จะมีกำไร
จากนั้น เริ่มทดลองซื้อต้นไม้พันธุ์ดี กว้านซื้อจากทั่วประเทศมาปลูกบนที่ดิน (35 ไร่) ของตัวเอง ปลูกเมื่อตอนเริ่มเข้าหน้าฝน ปลูกบนดินลูกรัง ไม่ฟังคำทัดทานของใครทั้งสิ้น ปลูกแล้วไม่เหลียวแลมันอีกเลย พอสิ้นปีกลับมาดู ปรากฏว่า ต้นไม้ไม่ยักตาย เหมือนอย่างที่ชาวบ้านบางคนบอก ...จึงมาคิดว่า ถ้าเราใส่ปุ๋ยคอกสักนิด ให้น้ำสักหน่อย มันคงจะให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ
..
[color=red]
.เกษตรกรส่วนมาก จะทำแบบที่คิดว่าตัวเองอยากจะทำ เดี๋ยวใส่ปุ๋ย เดี๋ยวถางหญ้า เดี๋ยวรดน้ำ แล้วตั้งเป้าว่า จะต้องได้ผลผลิตเท่านั้นเท่านี้ เอาตัวเองเป็นเกณฑ์ไปหมดทุกอย่าง พอเหนื่อยมากๆเข้า ก็บอกว่าทำเกษตรมันทุกข์ยากแม้น้อ....
ความจริงแล้ว ต้นไม้มันเกิดก่อนเรา มันอยู่รอดมาได้ มันต้องเก่งกว่าเรา ดังนั้น เราต้องดึงศักยภาพของมันออกมา วิธีนี้เป็นวิธีทำอะไรง่ายๆ แต่จะได้เงินในที่สุด.....[/color]
ทำการเกษตรที่ดี ต้องวางแผน (ทำเกษตร) ในกระดาษก่อน
เมื่อได้ศึกษาข้อมูล เรื่องดิน เรื่องน้ำ และเรื่องอื่นๆ แล้ว ก็ต้องวางแผนในกระดาษก่อนว่า จะปลูกอะไรตรงไหนในสวน เพื่อจะได้ไม่ต้องมาขุดย้ายทีหลังให้ลำบาก คุณนฤทธิ์ ปลูกในเนื้อที่ทั้งหมด ๓๕ ไร่
คุณนฤทธิ์ วางแผนการปลูกพืช ออกเป็น ๔ ระยะ คือ
พืชระยะสั้นมาก
พืชระยะสั้น.... พืชระยะยาว.... และ พืชระยะยาวมาก
(1) พืชระยะสั้นมาก.....พืชบางชนิดปลูกไม่กี่วันก็ได้กินผล เช่น บวบ แตง ฟักทอง ตำลึง ฯลฯ .., พวกนี้เป็นพืชระยะสั้นมาก 4560 วัน ก็เก็บขายได้เงินมาหมุนเวียนก่อนแล้ว......(35 ไร่ ปลูกอย่างละไร่ ก็ได้พืชระยะสั้น 35 อย่าง แต่ระบบการบริหารจัดการต้องเยี่ยมยุทธ์ )
(2) พืชระยะสั้น อย่างเช่น กล้วย พริก ฝรั่ง ฯลฯ....กินไป ขายไป,
(3) เมื่อพืชระยะสั้นให้ผลผลิตซักสองหรือสามปี เดี๋ยวไม้ผลระยะยาวก็ให้ผลผลิต,
(4) ส่วนพืชระยะยาวมาก ๆ คือ ไม้ป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พวกนี้ไม่ได้ใช้หรอก แต่เอาไว้ให้ลูกหลาน บางครั้งนำไม้เศรษฐกิจมาปลูกเสริม เช่น สัก พะยูง ชิงชัน ฯลฯ
ต้นไม้รู้จักเกื้อกูลพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ต้นไม้บางชนิดรู้จักเกื้อกูลพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ปลูกในหลุมเดียวกันได้ เช่น ต้นยาง ต้นกล้วย และต้นพริก เป็นต้น
ต้นยาง ต้นพริก เมื่อตอนยังเล็กอยู่สู้แดดไม่ไหว ต้นกล้วยก็ช่วยบังแดดให้ กล้วยมีความชื้นเยอะก็แบ่งให้เพื่อน ต้นไม้ทั้งสามก็เติบโตเป็นเพื่อนกัน พริกสุกก็กินพริก กล้วยออกเครือก็กินกล้วย พอกล้วยตาย พริกตาย ต้นยางก็โตพอดี
เวลาปลูก ก็หย่อนเมล็ดยางลงหลุมเป็นลำดับแรก ตามด้วยหน่อกล้วยโตประมาณลำแขนในระดับไม่ลึกนัก ปิดท้ายด้วยพริกขี้หนู ใส่ปุ๋ยคอกตรงกลางระหว่างต้นไม้ทั้งสาม พร้อมกับเทน้ำลงไปหนึ่งแก้ว ก็เสร็จพิธีปลูกแล้ว
ปลูกต้นไม้รดน้ำแค่หนึ่งแก้ว ถามว่าเพียงพอไหม ? ไม่พอหรอกครับ...
แต่ถ้า ต้นไม้อยากมีชีวิต อยากเติบโต ก็ต้องใช้รากชอนไชหาอาหารเอาเอง ต้นไหนทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ตายไป ตายก็ปลูกใหม่ ไม่เห็นจะยาก ...(แต่ก็ไม่เห็นมันตายซักต้น)
พอโตขึ้นมาหน่อย ก็จะเพิ่มน้ำจากหนึ่งแก้วเป็นหนึ่งขัน แต่พอพ้นจากปีที่สองแล้ว เราก็เลิกให้น้ำ ปล่อยหญ้าขึ้นคลุมเลย จะอยู่จะตายก็เป็นเรื่องของเอ็ง
คุณนฤทธิ์ ถางหญ้าโคนต้นนิดหน่อยแล้วให้ปุ๋ยขี้วัวสดๆ ทุก ๆ ๒๐ วัน ใส่ครั้งละหนึ่งกิโลกรัม โดยไม่ต้องพรวนดิน ไม่ต้องตากปุ๋ยอะไรทั้งนั้น ใส่ปุ๋ยขี้วัวเปียกๆ อย่างนั้นแหละ เอาหญ้าที่ถางออกคลุมโคนต้น ต้นไม้มันรู้เอง มันแยกแยะได้ ถ้ามันแหย่รากเข้าไปหาแล้วเจอปุ๋ยยังร้อนอยู่ มันจะรอให้ปุ๋ยเย็นก่อน เดี๋ยวค่อยกิน
อีกอย่างคือ เรื่องหญ้า คุณนฤทธิ์จะไม่ถอนหญ้า คน (โง่ที่ใช้ยา) ฆ่าหญ้าเพราะคิดว่าหญ้าจะมาแย่งอาหารพืช แต่หารู้ไม่ว่า ถ้ากำจัดหญ้า หน้าแล้งจะต้องให้น้ำในปริมาณมาก เพราะดินไม่มีความชื้นที่ไหนเลย แต่ถ้าเราเก็บหญ้าคลุมหน้าดินเอาไว้ หญ้าจะถ่ายความชื้นให้ต้นไม้ พอสูญเสียความชื้นจนทนไม่ไหว หญ้าก็ตายไปเอง แต่พอหญ้าตายก็คลุมดินให้อีก ความชื้นในดินที่ระเหยขึ้นมาเจอหญ้าก็กลับลงไปในดินอีกรอบ ความชื้นก็หมุนวนอยู่อย่างนั้น นี่คือการเกื้อกูลกันของธรรมชาติ (เหมือนที่ไร่กล้อมแกล้มเป๊ะเลย....)
การนำเสนอของผม ชอบมีรูปแสดง ให้สมกับเว็ป "สีสันชีวิตไทย" ไปดูรูป 1 ไร่ 1 แสนแบบพอเพียงกันหน่อยนะครับ
(1) ถ้าคุณ puun บอกพิกัดมาให้ว่าที่ดินอยู่ตรงไหน แบบคุณ anonsoneel นะครับลุงคิมจะร่ายยาวได้เลยว่า อะไรเป็นอะไร ...
(2)
(3)
(4)
(2-4) แผนผังคร่าวๆ ต่อเนื้อที่ 1 ไร่ ซึ่งปราชญ์ชาวบ้าน หรือปราชญ์เดินดิน เค้าทำกันได้ไร่ละแสนมาแล้ว ....ลองพิจารณาตามที่คุณต้องการ
** อยากดูรูปขยายใหญ่ คลิกที่รูปครับ ***
ความจริงเรื่องมันต้องคุยกันยาว แต่ขอแค่นี้แหละครับ เผื่อเพื่อนๆ คนอื่นจะมีแนวคิดที่จะเสนอแนะกันบ้าง
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 05/02/2014 8:12 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Phinyo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 25/01/2014 ตอบ: 59 ที่อยู่: นครสวรรค์
|
ตอบ: 04/02/2014 12:56 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
เป็นการเปิดประเด็นที่ดี เป็นประเด็นเดียวกับที่คิดที่ฝันไว้เลยเหมือนกัน ปัญหาก็คล้ายๆ
กัน คือ ไม่มีความรู้ด้านเกษตร แต่ก็อยากเอาเกษตรนำชีวิตอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเริ่ม
ต้นอย่างไร
งั้นก็ขอติดตามกระทู้นี้ติดๆ เลยแล้วกัน
ไม่รู้จะเป็นการแนะนำที่เกินตัวไปหรือเปล่า เพราะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ตัวผมเองก็ไม่ได้มีความรู้ด้านเกษตรสักเท่าไร แต่ถ้าจะให้เริ่มทำเกษตรสำหรับคนไม่
มีความรู้ ผมแนะนำให้ทำแค่คำว่า "กิน" ก่อน ก็คือ ปลูกเอาไว้แค่เรากิน กินของที่ปลูก
ปลูกของที่กิน .... ประมาณนั้น
เพราะถ้าทำเป็นการค้าเลยจะเหนื่อย สำหรับคนไม่มีความรู้ ปลูกไปแล้วก็ค่อยๆ ศึกษา
ไปด้วย
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/02/2014 8:35 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม คุณ puun และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ข้อคิดสำหรับผู้ที่จะทำเกษตร แต่ต้องซื้อผักมาแช่ตู้เย็นเก็บไว้กิน
ตอนที่ 3 ตู้เย็นข้างครัว กับพืชผักสมุนไพรข้างบ้าน วิถีแห่งความพอเพียง
คุณ Puun เจ้าของกระทู้ ถามมาแล้ว เงียบหายไปเลย หรือว่าที่ผม Comments มานี่เป็น Job เล็กเกินไปสำหรับสิ่งที่คุณมีความต้องการ .....ถ้าคนไม่เคยทำเกษตร ไม่ลองทำเริ่มจาก 0 เพื่อเป็นการฝึกฝีมือ เลข 1 จนถึง ล้าน ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้
ลองอ่านอีกซักนิด ก่อนคิดจะทำเกษตร.....และลองปลูกผักแบบง่าย ๆ ดูก่อนมั๊ยว่า ทำได้ (ดี) หรือเปล่า ....ปลูกไปเถอะ ต้นไม้ที่คุณปลูก มันจะบอกคุณเอง .....
ก่อนเดินออกจากครัวหันกลับไปมองตู้เย็นในบ้าน ปัจจุบันมันกลายเป็นสิ่งจำเป็นขาดมิได้ วันใดขาดหมายถึง วันนั้นไม่มีอาหารจะรับประทาน จริงๆ แล้วมันไม่ควรเป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทำไมเราต้องเอาผักผลไม้ไปยัดเข้าไปในตู้เย็น
พืชผักผลไม้ที่เก็บไว้ในตู้เย็นจะเหี่ยวเฉา คุณค่าทางอาหาร วิตามิน จะสลายตัวไปตามธรรมชาติ ทำไมเราไม่สร้างตู้เย็นไว้ข้างครัว สร้างอย่างไร
ไม่ยากครับเพียงแต่เปลี่ยนข้างบ้าน ข้างครัว ให้เป็นแปลงปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกพืชนานาชนิดขิงข่าตะไคร้ ใบมะกรูด สารพัดผักที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน แค่นี้เราก็มีตู้เย็นข้างครัวที่มีอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และสดที่สุดในโลกไว้รับประทาน
ส่วนผักสมุนไพรข้างบ้าน หมายถึงเรามีตู้ยาประจำบ้านไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เช่น.....
ว่านหางจระเข้ไว้แก้ตอนถูกน้ำร้อนลวกไฟไหม้ .... กระเทียมแก้กลากเกลื้อน... ถ้าปวดท้องใช้ข่าแก่ๆ ท้องอืดใช้ขมิ้น..... เป็นแผลฟกช้ำใช้ไพลประคบ ดอกแค กินแก้ไข้หัวลม (ไข้เปลี่ยนฤดูกาล) เป็นต้น
..ดังนั้นถ้าแต่ละบ้านสร้างตู้เย็นไว้ข้างครัว ปลูกสมุนไพรไว้ข้างบ้านได้ รับรองความสุขตามวิถีพอเพียงจักบังเกิด
ตู้เย็นข้างบ้านทำให้เรามีอาหารตุนไว้รับประทาน ไม่เปลืองค่าไฟ ได้กำไรจากสุขภาพที่แข็งแรง.... ส่วนสมุนไพรข้างบ้านใช้ภูมิปัญญารักษาสุขภาพ ประหยัดไม่ต้องไปหาหมอ
แต่การสร้างวิถีชีวิตแบบนี้ คนในเมืองอาจคิดว่าทำงยาก. มันยากที่ตรงไหน มันยากที่ใจครับ....ปลูกในกระถางก็ได้น้อง .... (ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะมีรูปปลูกผักในเมืองให้ดู)
. บ้านผมอยู่ในสวน เด็กๆ มันชอบเล่นดินเละๆ อยู่แล้ว....เวลาจะปลูกอะไรก็เรียกเด็กๆ ลูกๆ หลานๆ มาช่วยกันเพาะกล้าผักสวนครัว (รับรองว่า มอมแมมสุดๆ) เมื่อผักงอกขึ้นมาก็ช่วยกันแซะไปปลูกลงแปลง เป็นบ้างตายบ้างช่างหัวมัน ..
..ของใครปลูกแล้วตาย ก็โดนโห่ ....ไม่เป็นไร ปลูกใหม่ได้ลูกเอ๊ย .... อีกไม่ช้าไม่นาน เด็กมันก็จะรู้ละว่า จะบำรุงดินยังไง จะรดน้ำมากน้อยแค่ไหน ผักอย่างนี้ปลูกยังไง ..... ทีนี้ก็บำรุงรักษาแข่งกัน ใครงามกว่า ใครดีกว่า ...เหลือกินก็แจก เหลือแจกก็ไปตลาดนัด..ขาย ..
..ผักปลอดสารพิษจ้า เด็ก ๆ เสียงน่ารักๆ ร้องขาย เขียนป้ายติดว่า ผักปลอดสารพิษ สดๆ ใหม่ๆ จากสวน กำใหญ่ๆ โลละ 20 ถูกกว่าแม่ค้าในตลาด ใครจะไม่ซื้อ บางคนให้แบงค์ 50 บอกไม่ต้องทอนให้ค่าขนมเด็ก ......
.... ขายได้เท่าไหร่ ....แบ่งไปเลย 60 / 40 ข้าคนขุดดิน 60 เอ็งคนปลูก 40 เอาเปรียบเด็กรึ....เด็กมันไม่โง่ครับ....40 มันเก็บเงียบ ....ไอ้ 60 ที่เหลือ เดี๋ยวมาแล้ว..
.. คุณลุง ไอติม มา ....
ควักจ่ายไปแล้ว คนละ 20 สองคนก็ 40 เหลืออีก 20 เดี๋ยวก็ขนมถุงๆ อีกคนละ 20 อีกแล้ว .
...เฮ้ย เกินเค้าแล้วเว๊ย...
.คุณลุงเป็นลุงนะ เดี๋ยวแม่มาจะฟ้องปล่อยให้หลายอดอยาก .....
....เออแน่ะ เอากะมันซิ ......
ไปตลาดนัดทีไรก็เห็นบางคนมีที่ดินมหาศาล แต่มาซื้อผักสวนครัวพื้นๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบโหรพา กิน ผมมองอย่างสมเพศ
ผมเคยไปแนะนำถามเด็กที่โรงเรียนข้างบ้านให้ปลูกผักที่โรงเรียนเอาไว้เป็นอาหารกลางวัน ต้นกล้ามันเหลือแยะก็บอกให้เด็กเอาไปปลูกที่บ้าน จะมีการติดตามผลงาน....ก็ถามเด็กว่า
.....ต้นกล้าผักที่ให้ไป ปลูกแล้วหรือยัง
เด็กบอกว่า ยังครับ
ผมก็ถามว่า ......ทำไมไม่ปลูก
เด็กบอกว่า......พ่อแม่ขี้เกียจรดน้ำ ซื้อทีละ 5 บาท 10 บาท สะดวกกว่า
นี่แหละครับ ประเทศไทย แสดงว่าความคิดของตูล้มเหลวอีกแล้ว คนบางคนนี่ยากมากที่จะเปลี่ยนสันดาน ต้องเปลี่ยนสันดานที่เด็กครับ
ผมบอกครูช่วยบังคับเลย ใครไม่ปลูก เวลาครูไปเยี่ยมบ้านจะตัดคะแนน ได้ผลครับปลูกกันเป็นแถว พ่อแม่ช่วยกันรดน้ำ วันที่เสนอผลงาน....ผมก็ถามดูว่าปลูกผักสวนครัวแล้วเป็นไง ผู้ปกครองตอบว่า...
....กลัวลูกไม่ได้คะแนนเลยไม่กล้าเก็บมากิน ซื้อตลาดมากินเหมือนเดิม
....ชะอุ๊ย แบบนี้ก็มีด้วยว่ะเฮ๊ย.....โอ้.....ชีวิตตูทำไมเป็นเช่นนี้หนอ...
...หลวงพี่พงษ์เทพ (ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียน เกษตรสัญจร 9 ถวายพระ) ล่ะครับ เด็กและผู้ปกครองที่โรงเรียนของโยมหลวงพี่ มีเป็นเช่นนี้บ้างไหม.....เด็กและผู้ปกครองที่โรงเรียนข้างบ้านอาตมา เป็นตามที่เล่ามานั่นแลฯ .... อาตมาขอนมัสการ
ลุงคิมน่ะแค่ "จิ้งหรีดอกหัก" .... แต่ผมซีครับ "แมงมุมใยขาด" ไม่เหลือแม้แต่ใย...เฮ้ออออออ...
......ลุงคิม จะ Comments ว่าจะใด เชิญตามอัธยาศัย เด๊อ...ครับ .....
.
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/02/2014 9:45 am ชื่อกระทู้: คับที่ปลูกได้ |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม คุณ puun และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ข้อคิดสำหรับผู้ไม่มีที่ แต่อยากจะปลูกผัก ต้องซื้อผักมาแช่ตู้เย็นเก็บไว้กิน
ตอนที่ 4 คับที่ปลูกได้
จาก www.thaicityfarm.com
การนำเสนอโดยไม่มีรูปประกอบ สำหรับผม มันดูยังไง ๆ ก็ไม่รู้ เพราะบางครั้งขี้เกียจอ่าน แต่พอดูจากรูป ไอเดีย ก็ ปิ๊ง เลยละครับ ลองดูครับ
คับที่ปลูกได้....
เมื่อพูดกันถึงเรื่องสถานการณ์ของระบบอาหารที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาต่างๆมากมายมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพทั้งของผู้บริโภค และผู้ผลิต รวมถึงเรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยังไม่รวมถึงเรื่องปัญหาความเป็นธรรมต่างๆ
หลายคนก็มักจะรู้สึกว่าตนเองไร้ทางเลือก ไม่มีทางออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มคนที่อยู่ในเมือง ส่วนใหญ่ก็มักจะรู้สึกว่าตัวเองมีข้อจำกัดในชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา เรื่องทักษะความรู้ หรือเรื่องที่ดิน คำถามก็คือเราไม่มีทางเลือกจริงหรือ
รูปที่ 1 คุณศิริกุล ซื่อต่อชาติ หรือคุณป้อม เป็นหนึ่งคนเมืองกรุง ที่ไม่เคยมีทักษะความรู้เรื่องการปลูกผักมาก่อน แถมยังอาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่มีพื้นที่ดินว่างให้ปลูกผักเลยแม้แต่น้อย
แต่ปัจจุบัน กลายเป็นคนที่มีพืชผักที่ปลูกเองกับมืออยู่รอบบ้าน เวลาจะทำอาหารก็สามารถเดินออกเป็นเก็บมาปรุงได้โดยที่แทบไม่ต้องไปจ่ายตลาด ที่สำคัญยังกลายเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถในการปลูกผักในเมืองจนสามารถเป็นทั้งครู และผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนเลยทีเดียว
คุณป้อมเล่าให้ฟังว่า ตัวเองเป็นแม่บ้าน ก็สนใจเรื่องการกิน เวลามีงานตลาดสีเขียว ก็จะไปเดินเที่ยว ก็เริ่มมีความรู้เรื่องอาหารมากขึ้นว่า อะไรควรกิน อะไรไม่ควรกิน เช่นรู้ว่าถั่วงอกที่ซื้อในตลาดอาจมีสารพิษเจือปน หรือรู้ว่าผักสลัดที่ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ซึ่งเคยซื้อกินอยู่เป็นประจำนั้น ไม่ปลอดสารเคมีอย่างที่คิด
เมื่อรู้แล้ว ก็เริ่มสนใจอยากปลูกผักกินเองมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยมีความรู้ ก็เลยลองไปอบรมปลูกผักที่ศูนย์อบรมสวนผักบ้านคุณตา ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์อบรมในโครงการสวนผักคนเมืองดู
รูปที่ 2 3
สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้คุณป้อมได้พัฒนาทักษะ ความรู้ของตนเองจนเก่งอย่างทุกวันนี้ก็คือ การไปเรียนรู้แล้วกลับมาลงมือปฏิบัติทันที
ด้วยความที่บ้านไม่มีที่ กลับมาก็ลองเพาะถั่วงอกกินเองก่อน พอทำสำเร็จ ก็เริ่มหาที่ปลูกผักตรงระเบียง เห็นพอจะมีที่ที่ได้แดดอยู่บ้าง ก็เริ่มปลูกง่ายๆ เช่นกระเพรา โหระพา ต้นหอม ก็ได้ผลดี เลยเริ่มมีกำลังใจ เริ่มเรียนรู้ที่จะปรุงดิน แล้วก็ปลูกผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า จนในที่สุด เมื่อเริ่มชำนาญขึ้น ก็ลองลงมือปลูกผักสลัดซึ่งเป็นผักที่ปลูกค่อนข้างยาก แต่คิดอยู่ในใจมาตลอดว่าอยากปลูกให้ได้ เพราะชอบกินสลัด
(4)
(5)
รูปที่ 4 5 จากพื้นที่ระเบียงบ้านเล็กๆ ก็เริ่มหาที่ขยับขยายมากขึ้น มองไป มองมารอบบ้าน ก็เห็นว่าตรงกำแพงข้างบ้านเป็นที่ที่ได้รับแดดดี
คุณป้อมกับคุณจุ๊น คู่ชีวิต จึงช่วยกันออกแบบการปลูกผักบริเวณกำแพงข้างบ้าน ทำเป็นสวนผักแนวตั้งโดยใช้ไม้ระแนงตี และนำกระถางผักมายึดกับไม้ระแนง เป็นแนวยาว พร้อมกับทาสีกำแพงบ้านใหม่เป็นสีส้ม ให้ตัดกับสีเขียวของผัก เชื่อว่าใครผ่านไปผ่านมาในซอยนี้ คงอดตื่นตาตื่นใจ และหลงเสน่ห์ความสวยงามที่กินได้บนกำแพงบ้านคุณป้อมไม่ได้
นับว่าเป็นนวัตกรรมรูปแบบการปลูกผักในเมืองอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ดินในบ้านไปได้อย่างน่าชื่นชม
รูปที่ 6
เราให้เวลาเขามากแค่ไหน เขาก็ให้ผลผลิตเราได้มากแค่นั้น นี่คือสิ่งที่คุณป้อมมักบอก เวลามีคนถามถึงเคล็ดลับในการปลูกผักในงอกงาม
(7)
(8 )
รูปที่ 7 8 จากกำแพงบ้านตัวเอง คุณป้อมก็เริ่มขยายพื้นที่ปลูกผักออกไปยังหน้าบ้านที่ถูกทิ้งร้างไว้ด้านตรงข้ามด้วย เรียกว่า 2 ข้างทางของซอยนี้ เต็มไปด้วยพืชผักที่กินได้ ที่ผู้ปลูกพร้อมจะแบ่งปันให้เพื่อนบ้านที่ผ่านไปผ่านมา ที่สำคัญบางบ้านในซอย เมื่อเห็นคุณป้อมปลูก ก็เริ่มออกมาปรับปรุงดิน ทำแปลงปลูกหน้าบ้านตัวเองร่วมด้วย
(9)
(10)
(11)
(12)
รูปที่ 9 12 หลังจากที่ปลูกผักกินเอง พึ่งตนเองด้านอาหารได้ระดับหนึ่งแล้ว คุณป้อมก็ยังเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเองด้านอื่นๆมากขึ้น เช่น....
หัดทำน้ำยาอเนกประสงค์.... หัดทำแชมพูมะกรูด.... หรือหัดทำสบู่ไว้ใช้เองด้วย แถมใครสนใจ คุณป้อมก็พร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ ให้เสมอ หรือหากมีผลผลิต มีเมล็ดพันธุ์ ต้นกล้าผักอะไรที่เพาะไว้ คุณป้อมก็มักจะนำมาแบ่งปันเช่นกัน.... ยังไม่นับอาหารอร่อยๆ ที่ทำจากผักปลูกและปรุงเองกับมืออีกด้วย
รูปที่ 13 อาจกล่าวได้ว่า คุณป้อม ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของคนเมืองที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะสร้างทางเลือกให้กับชีวิตตัวเอง เปลี่ยนจากการเป็นผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว มาเป็นผู้สร้าง หรือผู้ผลิต เรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตนเองมากขึ้น และส่งต่อความรู้ ความสามารถเหล่านี้เผื่อแพร่สู่ผู้อื่น เกิดเป็นชุมชนแห่งการแบ่งปันเล็กๆ ที่ทำให้สังคมเมืองน่าอยู่มากขึ้นต่อไป
ที่สำคัญ การเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องที่มาของอาหารที่เรากิน รู้จักตั้งคำถามกับสิ่งที่คนอื่นหรือโฆษณาบอกต่อๆกัน จนตระหนักถึงสถานการณ์ปัญหาเรื่องระบบอาหารที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และเริ่มลงมือปฏิบัติการณ์สร้างทางเลือกให้กับตัวเอง เช่นเลือกที่จะปลูกผักกินเอง เลือกที่จะซื้ออาหารท้องถิ่นที่ปลอดสารเคมีเลือกที่จะทำของใช้จากธรรมชาติไว้ใช้เองมากขึ้น นี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่เราทุกคนสามารถทำได้ และเป็นการช่วยกันทำที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตามมาได้เช่นกัน
ขอบคุณรูปภาพบางส่วนจากผลงาน คุณบุญชัย โตธนายานนท์ ครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
ตอบ: 05/02/2014 10:21 am ชื่อกระทู้: |
|
|
.
มีอีกมั้ย คิดอะไรอยู่ บอกมาเลย เท่ากับ "ฝึกสมอง" ไปในตัว
ที่นี่ ไม่มีผิด-ไม่มีถูก อยู่แล้ว.....O.K. ?
แปลกแต่จริง เว้บนี้เหมือน (เน้นย้ำ....เหมือน) มี สมช.เยอะ แต่มี COMMENT แค่คนเดียว ก็แสดงว่า สมช.น้อย
แล้วเลขที่โชว์จำนวน สมช. ที่หน้าแรก เก๊าะเป็นตัวเลขมั่วน่ะซี....เนาะ !
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/02/2014 1:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
kimzagass บันทึก: | .
มีอีกมั้ย คิดอะไรอยู่ บอกมาเลย เท่ากับ "ฝึกสมอง" ไปในตัว
ที่นี่ ไม่มีผิด-ไม่มีถูก อยู่แล้ว.....O.K. ?
แปลกแต่จริง เว้บนี้เหมือน (เน้นย้ำ....เหมือน) มี สมช.เยอะ
แต่มี COMMENT แค่คนเดียว ก็แสดงว่า สมช.น้อย
แล้วเลขที่โชว์จำนวน สมช. ที่หน้าแรก เก๊าะเป็นตัวเลขมั่วน่ะซี....เนาะ !
. |
แปลกแต่จริง เว้บนี้เหมือน (เน้นย้ำ....เหมือน) มี สมช.เยอะ แต่มี COMMENT แค่คนเดียว ก็แสดงว่า สมช.น้อย
ลุงครับ ขนาดเจ้าของกระทู้ ...ถามแล้วยังเงียบฉี่ไปเลยไม๊ แล้วลุงจะไปกลัวอะไรกับใครที่จะ
เข้ามา เม้นต์ หรือ ไม่เมนต์ มีหน้าที่บรรเลงก็บรรเลงไปครับ.... แต่ มีคนเข้ามาอ่านแน่ ๆ เชื่อผมเต๊อะ...
สมาชิกมี 4 ประเภทครับลุง .....กลัว ..... กลัว ๆ กล้า ๆ..... กล้า.....
แล้วก็ บ้า (แบบผมนี่แหละ อ้อ รู้สึกว่า จะมี ป้าห่านอีกคนที่ไม่บ้าไกล้าทำ..)
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 06/02/2014 5:48 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
cherm สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011 ตอบ: 237
|
ตอบ: 05/02/2014 1:59 pm ชื่อกระทู้: มีอีกค่ะ |
|
|
.
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดแดง สมช.พลังเงียบ (อิอิ)
โปรดจงรู้ ว่ามีอยู่ตรงนี้อีกคน
กับชีวิตที่วกวน
ยัยเฉิ่ม จะเป็น ชาวนา
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
hans สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 28/04/2013 ตอบ: 146
|
ตอบ: 05/02/2014 8:56 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
สวัสดีค่ะลุง ทิดแดง และ สมาชิกทุกคน
ขอบอกคนอ่านเยอะค่ะแต่เขียนไม่เก่ง ป้าอ่านทุกวันทุกเรื่องและก็จดใส่สมุดไว้อ่านเมื่อเวลาจะปฎิบัติ
ให้ทิดเขาบรรเลงดีแล้วเบ็ดเสร็จ ทุกความรู้ทุกเรื่องราวครบแล้ว
แค่ลุงกับทิดคุณภาพเกินคุ้ม ขอเป็นผู้อ่านและกำลังใจ เด้อค้าเด้อ
ป้าห่าน
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
anonsoneel สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 08/01/2013 ตอบ: 44
|
ตอบ: 06/02/2014 6:05 am ชื่อกระทู้: |
|
|
.
สวัสดีครับ คุณลุงคิม อ้ายหนานแดง และ สมาชิกทุกท่าน
ผมก็อีกคน เหมือนคุณป้า hans เป็นรากหญ้า และก็บ้า บ้า บ้า กล้าทำ แต่ปัญญาน้อย
ได้แต่เป็นกำลังให้ คุณลุง กับอ้ายหนานแดง เท่านั้นครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
ตอบ: 06/02/2014 7:35 am ชื่อกระทู้: |
|
|
DangSalaya บันทึก: |
ลุงครับ ขนาดเจ้าของกระทู้ ...ถามแล้วยังเงียบฉี่ไปเลยไม๊
|
เก๊าะ หน่าน นา ซี.....สงสัยสงสัย ถามทิ้งถามขว้าง (ว่ะ)....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
puun หนาวดึ่ง
เข้าร่วมเมื่อ: 27/11/2013 ตอบ: 2
|
ตอบ: 06/02/2014 7:49 am ชื่อกระทู้: กลับมาแล้วค่ะ |
|
|
สวัสดีค่ะ ปูนไม่ได้หายไปไหนนะคะ ยังคงติดตามกระทู้อยู่ค่ะ ตอบช้าเล็กน้อย ขออภัยนะคะ
ขอบคุณแดง สำหรับข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์สังเคราะห์สรุปมาให้เป็นข้อๆ แสดงถึงความเข้าใจที่ถ่องแท้จริงๆ
สำหรับข้อคิดของคนที่จะเริ่มทำเกษตร ปูนดูทุกข้อแล้ว ก็จะขอนำเอาความคิดความสงสัยมาบอกกล่าวนะคะ พี่แดง ลุงคิม หรือสมาชิกท่านอื่นๆ ที่มีคำแนะนำตรงไหนก็กรุณาด้วยค่ะ
1. เริ่มจากมีที่ดิน เป็นที่ดินของพ่อแม่ แล้วตอนนี้ก็มีคนเช่าอยู่ ไม่รู้ว่าเรียกว่ามีที่ดินเป็นของตนเองได้รึยัง ตอนนี้ก็เก็บเงินไว้เผื่อซื้อที่เป็นของตัวเองด้วย เรื่องซื้อที่ดินก็ไม่ค่อยมีความรู้ก็ไปศึกษาประเภทของโฉนด เอกสารสิทธิ อยู่พักหนึ่ง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า แบบไหนดี โฉนดก็แพง เอกสารสิทธิบางคนก็แนะนำ บางคนก็บอกว่าไม่ดี ตอนนี้ก็เลยยังกล้าๆกลัวๆ เรื่องซื้อที่ดินของตัวเอง....
2. มีทุน.... การมีงานประจำนี่ถือว่ามีทุนได้ไหมคะ เคยเห็นมีคนหลายคนลาออกไปทำเกษตร ดูแล้วก็โก้ดีจัง เคยคิดว่า อยากลาออกซะตอนนี้แล้วมุ่งมั่นทำเกษตรเลยพร้อมเงินเก็บอันน้อยนิด... แต่เขาเป็นคนที่มีต้นทุนเดิมที่บ้านทำเกษตรอยู่แล้ว เคยจับจอบ เคยทำนามาก่อน คิดๆดูแล้ว ถ้าตัวเองลาออกไปทำคงทุลักทุเล ออกแนวทุเรศๆ ด้วยแน่ๆ ปูนก็เลยคิดว่าทำงานประจำไป ทำเกษตรไป ช้าๆ แต่มั่นคง น่าจะเข้ากับเรามากกว่า....
3. มีใจ ...ความอยากนี่มีเยอะค่ะ ^_^ ตอนแรกคนไม่เคยจับดิน จับต้นไม้ พอได้เริ่มทำ เริ่มรัก จากที่เคยคิดว่าดินเป็นสิ่งสกปรก ขยะแขยงหนอน กระโดดหนีเวลาคางคกกระโดดออกมาจากกระถาง ปวดหัวกับกลิ่นของน้ำหมัก และอีกหลายๆอย่าง ตอนนี้มันเปลี่ยนไป คิดว่าเป็นเพราะความรัก ความเข้าใจที่มีต่อธรรมชาติค่ะ
4. มีกำลัง.... ไม่ค่อยมั่นใจเรื่องกำลัง มารยาหญิงน่าจะพอใช้แทนกำลังได้ไหมคะ ? ^_^
5. มีความรู้.... กำลังศึกษาอยู่ค่ะ มีคนบอกว่าไม่ต้องศึกษามาก ให้ลองทำจะเรียนรู้เอง เอาแต่ศึกษาหาอ่านก็ไม่ได้ลองทำสักที.... เลยคิดว่า ถึงจะยังไม่เป็น ไม่รู้ทุกอย่าง แต่ลองทำควบคู่ไป เรียนรู้จากการทดลองทำ มันต้องมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติถึงจะดี...เห็นด้วยค่ะ แต่การเริ่มต้นนี่มันยาก ลังเลๆ กลัวๆ อยู่เหมือนกัน
คำพูด: | ....ก่อนลาออกต้องถามใจตัวเองก่อนว่า คุณทนตากแดดตากฝน มือเท้าติดดิน ทนมือแตก ทนกลิ่นเหม็น และทนต่อการดูถูกเหยียดหยาม จากคนรอบข้างได้หรือไม่
|
ชอบคำนี้ค่ะ เรื่องของการดูถูกเหยียดหยามของคนนอกนี่ ปูนเฉยๆค่ะ แต่ครอบครัวปูนพ่อแม่ออกจากบ้านมา ทิ้งเกษตรมาเรียน มาหางานทำ มาทำค้าขายในเมืองแล้วประสบความสำเร็จ เขาคิดว่าเกษตรเป็นอาชีพของคนอีกระดับหนึ่ง แต่ปูนก็เชื่อว่าสักวันเขาจะเปิดใจมากขึ้นค่ะ
---------------------------------------------------
ชอบติดตามดูเกี่ยวกับเรื่องราวเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ รู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจค่ะ ท่านเหล่านี้มีข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต มีการใช้ ความรู้ภูมิปัญญา/นวตกรรม เปลี่ยนวิกฤติที่เข้ามาให้เป็นโอกาส เข้าใจในความไม่แน่นอนของธรรมชาติ รวมถึงมีการบริหารจัดการที่ดี ชื่นชมมากๆค่ะ รู้สึกว่าเกษตรกรเท่มากๆ เป็นผู้ผลิตอาหารเลี้ยงตัวเองและคนทั้งโลก
----------------------------------------------------
1 ไร่ 1 แสน นี่ปูนเคยได้ยิน แต่ก็ยังสงสัยหลายๆอย่าง อย่างการนำโมเดลไปใช้เลยจะใช้ได้กับทุกพื้นที่หรือเปล่า คือ ปูนไม่มีความรู้เรื่องภูมิทัศน์การเกษตรอะไรพวกนี้ กลัวว่าบ่อน้ำไม่เหมาะจะไว้ตรงนี้ตรงนั้น ต้นไม้แบบนี้ต้องอยู่ทิศนี้ทิศนั้น ภูมิอากาศ/ภูมิประเทศ จะมีผลรึเปล่า.......หรือเพราะหนูคิดมากกังวลเกินไปเลยไม่ได้ลงมือทำจริงๆสักที
---------------------------------------------------------
เรื่องระบบน้ำในพื้นที่ก็ไม่มีความรู้เลยค่ะ เคยเห็นสวนมะพร้าวของเพื่อนเขามีการทำร่องน้ำไว้ การทำร่องแบบนี้ใช้ได้กับพืชทุกชนิดไหมคะ แล้วมันมีความเหมาะไม่เหมาะกับพื้นที่แบบไหนรึเปล่า มันเหมือน/ต่างกับการให้น้ำแบบสปริงเกอร์ รึเปล่าคะ ? หรือร่องแบบนั้นเขาเอาไว้เลี้ยงปลาเฉยๆ ไม่ได้ช่วยให้น้ำต้นไม้
-----------------------------------------------------------
เดี๋ยวจะค่อยๆมาตอบต่อนะคะ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
toodtoo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 13/10/2012 ตอบ: 95
|
ตอบ: 06/02/2014 9:11 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุง
ผมไม่กล้าที่จะชี้แนะ คุณ PUUN เพราะยังเป็น มือใหม่หัดทำ อยากจะบอกว่า ลองอ่านดูครับ....
ผม กับแม่ ช่วยพ่อทำนามานานหลายปี ....มีแต่หนี้กับหนี้ แล้วก็หนี้กับหนี้ แล้วก็ที่ของพ่อต้องติดจำนอง......กินข้าวกับน้ำพริกแทบจะทุกมื้อ ประหยัดสุด ๆ .....
ผมกับแม่ เจอทิดแดงในงานศพญาติ...คุยกันเรื่องทำนาข้าว ทิดแดงบอก..... มึงต้องบอกพ่อมึง ให้ทำบ้าๆ แบบกู พ่อมึงจะหมดหนี้(คำในภาษาไทยคำว่า...มึง กู ..ความสนิทแนบแน่น....เอ็ง ข้า - สนิทแบบธรรมดาหรือผู้ใหญ่พูดกับเด็ก.....คุณ ผม ...คำนิยมพูดทั่ว ๆ ไป...ถ้าเรียก..ท่าน..เมื่อไหร่ห่างไกลสุดมือเอื้อมถึง)..
กลับถึงบ้านแม่ถามผม ...ไอ้หมา...ที่เอ็งคุยกับทิดแดง ข้านั่งฟังตลอด มันจะทำได้จริงหรือวะ...
...ผมบอกแม่ อยากได้วิชาต้องไปหาครู....ต้องไปเห็นกับตา ไปดูนาทิดแดง จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมญาติโยมของแม่ด้วย ค้างซักคืนสองคืน เอาให้มันรู้เรื่อง.. ชวนพ่อไปด้วย ไปหรือไม่ไปก็ตามใจ
สุดท้าย ผมไปกับแม่....ทิดแดงบอก(อัดเสียงมาครับ)....มึงได้แต่ฟังแต่กูพูด ได้แต่ครับ ๆๆๆ ไม่มีหลวม ..เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เข้าตำรา กูสีซอให้หมาฟัง..กลับถึงบ้านก็ลืมหมด..
มึงถ่ายรูปไป แล้วจด เอ้านี่สมุดปากกา ...รูปที่ 1 ว่าอะไร.. 2 ว่าอะไร .3 ว่าอะไร ...โน๊ตสั้น ๆ พอรู้..กลับถึงบ้านเปิดดู เขียนขยายความตามที่มึงเข้าใจ จะได้รู้...ทำตามสูตรลุงแบบนี้ กูก็ทำแบบนี้ ไอ้ทิดบัติก็ทำแบบนี้ ไอ้หริ่งกะไอ้หนานปัน ก็ทำแบบนี้ มึงไปลองทำ ดัดแปลงเอา ไปทำให้ป้ามึงด้วย ป้าอะไรว๊ากูลืมชื่อ พี่สาวพ่อมึงน่ะ....ถ้าทำแล้วไม่ได้ผล กูยอมให้มึงเหยียบ...
ทำตามความเหมาะสมกับดินบ้านมึง เหมาะสมแค่ไหน กูบอกไม่ได้ แต่ต้นไม้จะบอกมึงเอง.มึงดูมะเขือพวงของกู .20 ซีซี น้ำ 20 ลิตร ใบเหลืองร่วงกราว เจ๊มึงบ่นกูซะกระบุงโกย ปุ๋ยห่ะ.. อะไรไม่รู้ ไม่เคยเจอ แรงชิบโหง.(ทิดแดงพูดแบบนี้จริง ๆ ครับลุง) มะเขือทุกชนิด เอาแค่ 10 ซีซี พอ .
..สงสัยอะไรให้โทรไปถามลุง เพราะกูก็ถามลุง แต่เจ๊ใหญ่บอก แม่มึงเก่งเรื่องนาอยู่แล้ว ..นั่นดูแม่มึงนั่น ถอนข้าวขึ้นมาทั้งกอ ...เอาดินขึ้นมาดม....เป็นไงเจ๊ศรี เชื่อชั้นรึยัง.....
ตามที่ว่างหัวคันนา ปลูกแม่งทุกอย่าง ทำอย่างของกู ไม่เกิน 5 ... 6 รุ่น พ่อมึงหมดหนี้ได้โฉนดกลับคืนแน่ ๆ....นามึงแยะ มึงต้องเหนื่อยเพื่อทำให้พ่อมึง.เหนื่อยตรงไหน เหนื่อยตรงที่มึงต้องบ้าพ่นสมุนไพร ทุก 5 วัน 7 วัน ตรงนี้แหละที่คนเค้าจะว่ามึงบ้า ...ถึงวันนั้น มึงจะร้องไห้เพราะความปลื้มปิติและความภูมิใจ....
.แล้วอย่าลืม ก่อนลงไถลงทุบ ก่อนหว่าน บอกเจ้าที่เจ้าทางกะแม่โพสพท่านซะด้วย เรื่องนี้แม่กูถือ
นักหนา...มองไม่เห็น แต่มี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มึงลองเยี่ยวรดศาลพระภูมิดูก็ได้ เพราะตอนเป็นเด็กกูเคยมาแล้ว บวมตุ่ยเลยมึงเอ๊ย ต้องเอาพวงมาลัยไปขอขมา...อย่างน้อยทำในสิ่งดี อะไร ๆ ย่อมดี
........... สรุปสุดท้าย(ทิดแดงบอก)มึงเขียนแปะติดไว้ที่หน้าโต๊ะแป้ง จะได้จำได้ พ่อมึงจะได้เห็นด้วย
ทำเทือก......... ระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ลิตร) + สูตรคนบ้าหมักเอง(3 ลิตร) +16-8-8 (10 กก.) / ไร่ (ไม่มี 16-8-8 ใช้ 18-8-8 ได้)
แต่ 16-8-8 แถวบ้านมันไม่มีขาย ทิดแดงบอกให้ถามทิดบัติ เค้าบอกว่า ...." ให้เอ็งเอา 16-16-16 ...1 กระสอบ + 46-0-0 ...ครึ่งกระสอบ ผสมให้เข้ากัน... จะออกมาเป็น 18-8-8 โดยประมาณ ใช้ตามปริมาณที่ลุงบอก อาจจะมากกว่า 10 กก./ไร่ นิดหน่อยไม่เป็นไร (ตามความเหมาะสม) ส่วนผสมที่เหลือ เก็บใส่กระสอบ เอาสารดูดความชื้น หรือเอาแป้งมันใส่ลงไปป้องกันปุ๋ยละลาย จะเก็บไว้ได้เป็นปี ๆ ".... ว๊าวพี่ชายกู......
** ระยะกล้า + ระยะแตกกอ ..... น้ำ 200 ล.+ไบโออิ+ 18-38-12 (1 กก.)+ยูเรีย จี. 500 กรัม+สมุนไพร 1-2 ล.
** ระยะต้นกลม.... ระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) + 16-8-8 (10 กก.) / ไร่
** ระยะออกรวง.... น้ำ 200 ล. + ไทเป 200 ซีซี. + ยูเรีย จี 500 กรัม + สมุนไพร 1-2
** ระยะน้ำนม...... น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 100 ซีซี. + ยูเรก้า 100 ซีซี. + สมุนไพร 1-2 ล.
ส่วนประกอบเนื้อสารอาหาร :
- ระเบิดเถิดเทิง.... กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด, ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว(อินทรีย์)....ธาตุหลัก, ธาตุรอง, ธาตุเสริม, แม็กเนเซียม, สังกะสี (เคมี)
- ไบโออิ..แม็กเนเซียม, สังกะสีอะมิโนคีเลต, ยูเรีย จี. ธาตุรอง, ธาตุเสริม, แคลเซียม โบรอน (เคมี)
- ไทเป..ไข่, นม, กลูโคส, น้ำมะพร้าว (อินทรีย์)...13-0-46, 0-52-34, ธาตุรอง, ธาตุเสริม (เคมี)
- ยูเรก้า..21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน, ธาตุรอง, ธาตุเสริม, แคลเซียม โบรอน (เคมี)
หมายเหตุ : ลุงบอกว่า
ต้นไม้ต้นพืช ไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักสี/กลิ่น/รส ไม่ฟังโฆษณา....รู้จักแต่ "เนื้อสารอาหาร" เท่านั้น
ทิดแดง.....ให้มึงดู ปุ๋ยราคาถูกอาจดีกว่าปุ๋ยราคาแพงเพราะแรงโฆษณา ปุ๋ยเยอรมัน สูตรต่ำ แต่เต็มครบ 3 สูตร ราคาถูกกว่า ปุ๋ยตราหัวหมากับคันธนู มีแค่สูตรเดียวกับ 2 สูตร แพงเพราะโฆษณา และค่านิยม
จากบทสรุปเรื่องทำนาข้าว
สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นแต่โคลนตม
คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว....
แค่นี้ก็ทำให้ผม มองเห็นทางโล่ง สดใส....ไกลสุดขอบฟ้า .
..ผมบอกพ่อแล้ว ตอนนั้นพ่อยังไม่เอาด้วย แต่แม่เอา 100 % . รุ่นแรก ขอแบ่งทำ 10 ไร่ รุ่น 2 ขอทำ 15 รุ่น 3 ทำ 20 รุ่น 4 ...30 ไร่ แม่ยื่นคำขาด ตั้งแต่ปีนี้ แกไม่ต้องยุ่ง ชั้นกะไอ้หมาทำเอง.....เข้าทำนอง พี่ไม่ต้องน้องทำเอง
ข้าวรุ่น 4 ที่ผ่านมา
.ไม่รุ่นที่ 5 ก็ รุ่นที่ 6 โฉนดคงจะกลับบ้านได้ละครับลุง....
ผมเคยเขียนให้ลุงหลังที่ขายข้าวจบการทำนารุ่นแรก 10 ไร่ว่า
แม่กับผมเอาเงินใส่พาน คลานเข้าไปกราบพ่อ...แม่ยื่นพานให้พ่อ...
"....พี่ทิด เงินขายข้าวจากรำไพ่ 10 ไร่ ฉันกะไอ้ตู่ ยกให้พี่ทิด เอาไปใช้หนี้เขา ถึงจะไม่หมดแต่ก็เบาไปได้หลาย งวดหน้าขอเพิ่มเป็น 15 ไร่ ...."
พ่ออึ้ง นั่งนิ่ง ไม่พูดโต้ตอบ หันหน้าไปทางอื่น ...ผมรู้ว่าพ่อ น้ำตาซึม เพราะเห็นเอาผ้าขะม้า ขึ้นเช็ดน้ำตา ...แม่สะกิดผมออกมา พูดลอยๆ
"...ไปโว๊ย ไอ้ตู่ ไปหาอะไรแพงๆ กินกันซักมื้อ พ่อมึงเค้าผงเข้าตาว่ะ...."
.ทิดแดงพูดไว้ไม่มีผิดว่า ..ถึงวันนั้น มึงจะร้องไห้เพราะความปลื้มปิติและความภูมิใจ....
ใช่แล้วครับลุง มันเป็นตามนั้นจริง ๆพูดอย่างไม่อายว่า ...ผมร้องไห้ครับลุง....
...ทุกวันนี้ ให้พ่อได้พักผ่อน แต่คนเคยทำมันหยุดไม่ได้ ผมกับแม่ทำตรงนี้ พ่อไปทำตรงโน้น ผมไปทำตรงโน้น พ่อมาทำตรงนี้ .แม่ไม่พูด ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าให้ผมดูพ่อ
...พ่อก็ไม่พูด แต่ทำตามผมกับแม่ โดยไม่มีการคัดค้าน อะไรไม่ว่า พ่อเป็นคนหาสมุนไพรต่าง ๆ มาต้มให้ซะอีกด้วย
...เวลานั่งกินข้าว แม่กับผมจะไม่พูดเรื่องนาข้าว ....ความจริงผมคันปากอยากจะพูด แต่นึกถึงคำที่ลุงกับทิดแดงบอกว่า ห้ามพูดว่าอะไรพ่อแม่เป็นอันขาด.. มันบาป ..ก็เลยคุยเรื่องอื่น
ขอบคุณครับลุง...ขอบคุณอย่างที่สุด ขอบคุณทิดแดงที่ทำให้มีวันนี้
.....ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 06/02/2014 10:05 am ชื่อกระทู้: เรื่องของน้องมินต์ |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม คุณ puun และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ข้อคิดสำหรับผู้ที่อยากทำเกษตร แต่ยังกลัว ๆ กล้า ๆ
ตอนที่ 4 น้องมินท์
อยากทำเกษตรอินทรีย์ แต่จะเอาชนะใจแม่ได้อย่างไร
จาก www.thaicityfarm.com
กำลังใจสำหรับคุณ puun มาเพียบเลยนะครับ (ขอเรียก คุณปูน ได้มั๊ยขี้เกียจพิมพ์ภาษาต่างด้าว)
ปัญหาของคุณปูน แยะจัง ....เปิดใจตัวเอง หยุดคิดมาก แล้วเริ่มก้าวเดิน ถ้าไม่เริ่มนับ 1 เลข 2, 3, 4 และ 5.....จะไม่มี ลองดูเรื่องของน้องมินต์ครับ ....น้องมินต์กล้าตัดสินใจที่จะทำโดยไม่รั้งรอ
รูปที่ 1 นี่แหละครับ น้องมินท์ หรือมณีกาญจน์ บุญส่ง เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกโครงการสวนผักคนเมือง ....ทำโครงการที่ชื่อว่าสวนผักคนเมืองกลุ่มเกษตรอินทรีย์ ที่บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นโครงการที่น้องมินท์รวมกลุ่มกับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ปลูกผักแบบไม่ใช้สารเคมี ผลผลิตที่ได้นอกจากกินเองแล้ว ก็ยังรวมกลุ่มกันไปส่งขายให้กับทางบริษัทที่อยู่ใกล้ๆบ้าน บางส่วนก็แบ่งปันให้คนในชุมชน โดยเฉพาะคนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
ฟังดูผิวเผิน อาจจะรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่เมื่อได้พูดคุย ฟังเรื่องราวแรงบันดาลใจของหญิงสาววัย 23 ปีคนนี้แล้ว ต้องยอมรับว่าหัวใจพองโต มองเห็นทั้งไฟ และแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และความฝันของเธอจริงๆ
(2)
(3)
รูปที่ 2 3 น้องมินท์เล่าให้ฟังว่าตอนแรกที่จบมาใหม่ๆ ก็ไปทำงานเหมือนคนอื่นเขา งานที่ทำก็คือขายปุ๋ย แต่หลังจากทำไปสักพัก คุณยายผู้เป็นที่รักก็มีอันล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง และเสียชีวิตไป เธอเชื่อว่าสาเหตุหลักที่ทำให้คุณยายเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งนั้น น่าจะมาจากการที่ทำเกษตรแบบใช้เคมีมานาน
ที่สำคัญเธอยังพบว่า ไม่เพียงแค่คุณยายเธอเองเท่านั้น แต่ในชุมชนที่เธออยู่ซึ่งมีอาชีพเป็นเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ก็มีคนล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
เธอจึงหันมาสนใจศึกษาเรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ ตัดสินใจลาออกจากงาน กลับไปอยู่บ้าน ด้วยความใฝ่ฝันว่าจะกลับมาช่วยที่บ้านทำเกษตร และจะปรับเปลี่ยนให้เป็นการทำเกษตรอินทรีย์ แถมยังฝันเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆในชุมชน หวังจะให้พวกเขาสนใจ และหันมาทำเกษตรอินทรีย์กันมากขึ้นด้วยเช่นกัน
(4)
(5)
รูปที่ 4 5 จะว่าไป โครงการสวนผักคนเมือง ก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นเล็กๆที่ทำให้เธอมีโอกาสได้ลงมือปลูกผักอย่างจริงจัง และได้มีโอกาสแบ่งปันเทคนิค ความรู้เรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ให้กับชาวบ้านรอบข้าง และเปิดโอกาสให้เขาได้ลองลงมือทำ เพื่อให้เกษตรกรที่พึ่งเคมีมาตลอดเกิดความมั่นใจว่าสามารถทำได้โดยไม่ใช้สารเคมีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เส้นทางฝันของน้องมินท์ ก็ใช่จะสวยงาม โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดสาย อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่และต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญและก้าวผ่านไปให้ได้นั้น นอกจากเป็นปัญหาเรื่องการทำเกษตรที่จะต้องเรียนรู้ และแก้ไขตลอดเวลา ด้วยความที่แม้ว่าจะเป็นลูกชาวนา แต่เธอก็บอกว่าไม่เคยมีความรู้เรื่องการทำเกษตรเลย
แล้ว เธอยังต้องเผชิญกับการไม่ยอมรับของครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่อีกด้วย
รูปที่ 6
น้องมินท์เล่าให้ฟังว่า..ที่บ้านแม่รับไม่ได้อย่างมากที่เรากลับมาอยู่บ้าน คิดอยากจะทำเกษตร เขาอยากให้เราไปทำงาน ตอนแรกถึงเราจะพยายามช่วยทำน้ำหมักชีวภาพ ช่วยทำปุ๋ยหมักเพื่อนำไปบำรุงนาข้าวให้แม่ แต่เขาก็ไม่สนใจ และก็ไม่เชื่อด้วยว่าจะทำเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมีได้
ความขัดแย้งครั้งนี้รุนแรงขนาดที่น้องมินท์บอกว่าแม่แทบจะตัดขาดกัน
หลายครั้งที่ได้ฟังเรื่องราวจากปากน้องมิ้นท์ คนเล่าก็มักจะเล่าด้วยน้ำตาเปื้อนใบหน้า เราคนฟังก็มักจะฟังด้วยน้ำตาคลอเบ้าแทบทุกครั้ง
เราต้องอดทน ให้แม่เห็นว่าเราทำจริงๆ
น้องมินท์พูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
ตอนแรกเราทำ เราก็คิดตลอดว่าจะชนะใจแม่ได้ยังไง แต่คิดไปคิดมา ก็คิดว่าเราต้องทำต่อไปจนชนะใจตัวเองนี่แหละ
(7) น้องมินต์ ทำนาโยน กำลังโยนกล้าด้วยตัวเอง (จ้างเค้ามันแพงค่ะ อะไรทำเองได้ต้องทำ)
(8 )
รูปที่ 7 8 เกือบ 2 ปีผ่านไปกับการฝ่าฝันปัญหา อุปสรรคต่างๆ .
...วันนี้นอกจากปลูกผักแล้ว น้องมินท์ก็ทำนา ปลูกข้าวบนพื้นที่ที่แม่ยกให้ทดลองทำขนาด 3 ไร่ โดยมีทั้งแม่ พ่อ และคนอื่นๆในชุมชนมาช่วยกันลงแรง ตอนนี้เก็บเกี่ยวได้ผลผลิตให้ทั้งคนในครอบครัวกิน และแจกจ่ายให้ทั้งคนป่วยในชุมชน และผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณทั้งหลายจำนวนมาก
ข้าวที่ได้เป็นข้าวแปลงแรกที่ทำ รู้สึกดีใจ ก็เลยอยากแจกเป็นหลัก
ส่วนที่เหลือก็ขายบ้างนิดหน่อย ในราคาที่หลายคนมาเห็นก็มักจะท้วงติงว่าทำไมขายถูก ให้ขึ้นราคาให้เท่าๆกับคนอื่น แต่น้องมินท์ก็มักจะปฏิเสธ และบอกว่าความตั้งใจว่า
ข้าวนี้หนูปลูกเอง อยากจะให้คนอื่นที่ไม่ต้องมีเงินมากนักมีโอกาสได้กินด้วย
รูปที่ 9 วันนี้ นอกจากแม่จะสนับสนุนให้ลูกทำเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมีแล้ว น้องมินท์บอกว่า ตัวแม่เองก็เริ่มหันมาสนใจ และศึกษาข้อมูลเรื่องนี้เองแล้วด้วย เวลามีคนไปเยี่ยมที่แปลง เธอก็จะเปิดโอกาสให้แม่เป็นผู้อธิบายให้ความรู้คนอื่น
เกษตรกรคิดว่าตัวเองจบแค่ป.4 ไม่มีความรู้ แต่ความจริงเขามีประสบการณ์มาก เราเปิดโอกาสให้เขาพูด เขาจะได้รู้ว่าตัวเองก็เก่งนะ เธอพูดพร้อมกับบอกว่าอยากจะพัฒนาตัวแม่ด้วย
(10)
(11)
รูปที่ 10 11 นอกจากผลผลิตที่น่าพอใจแล้ว การทำนาแบบไม่ใช้สารเคมีของน้องมินท์ยังมีส่วนช่วยทำให้สภาพแวดล้อมกลับมาดีขึ้นด้วย เรียกว่าในนามีนก ปลา ปู เต่า กลับมา เรียกว่าอุดมสมบูรณ์มากขึ้น กลายเป็นแหล่งอาหารให้กับชาวบ้าน หรือคนงานที่อยู่รอบข้างได้มาจับกินกันด้วย ส่วนพืชผักปลูก หรือปลาที่เลี้ยงไว้กิน หากมีคนมาขอซื้อ เธอก็มักจะเน้นแบ่งปันให้ไป พร้อมกับแนะนำวิธีให้ลองกลับไปปลูกเองดู เพราะเห็นว่าชาวบ้านรายได้น้อย จะได้ช่วยประหยัดเงินได้
(12)
(13)
รูปที่ 12 -13 มาถึงตรงนี้ หลายคนก็อาจเกิดคำถามว่า กลับมาทำเกษตรอย่างนี้จะอยู่รอดจริงหรือ น้องมินท์ก็ตอบว่า.
... ตอนแรกที่ปลูกผัก เราเน้นขายๆ เหลือกินน้อย ก็ไม่พอกิน แต่ตอนนี้เราปรับใหม่ คือ ปลูกกินเองทั้งผัก ทั้งข้าว แล้วก็เลี้ยงปลา เน้นกินเองก่อน ไม่เน้นขาย เราก็แทบไม่ต้องซื้ออะไร ก็อยู่ได้
รูปที่ 14 ...คงต้องยอมรับว่า แม้ว่าเส้นทางที่เธอเริ่มก้าวเดินอาจจะไม่สวยงามตลอดสายนัก แต่ความฝันและหัวใจของเธอช่างยิ่งใหญ่ และงดงามจริงๆ
รูปที่ 15 รอยยิ้มแห่งชัยชนะ ชนะใจแม่ ชนะใจตัวเอง ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด ๆ
เชื่อว่าหลายคน คงมีฝันคล้ายๆกันกับน้องมินท์ กำลังเริ่มจะออกเดิน ... กำลังจะเริ่มก้าวเดิน หรือ ....ยังไม่กล้าคิดออกเดิน .
..ก็อาจได้รับพลัง และแรงบันดาลใจบางอย่างจากเธอในการสานฝันตัวเอง ..
...ใครจะรู้ว่า บางที การจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงโลก โดยเฉพาะการเปลี่ยนแนวเกษตรกรรม..สู่ความยั่งยืนได้นั้น เกษตรกรรุ่นใหม่อย่างน้องมินท์ หรือ คุณ คุณ และคุณ นี่แหละคือพลังสำคัญ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณปูนครับ
ผมคงต้องขอพักการนำเสนอแค่นี้ก่อน เนื่องจาก ถูก พระกับเด็กนักเรียน ต่อว่ามาหลังไมค์ว่า ผมเอาเรื่องการปลูกผักริมทาง ที่ควรนำเสนอในเกษตรสัญจร 9 มาแยกไว้ต่างหาก ทำให้ค้นหา ติดตามยากเพราะไม่รู้ว่าผมเอาไปแหมะไว้ที่ไหนบ้าง .....
โถ โยมหลวงพี่ กับน้อง ๆ หนู ๆ ก็พยายามอ่านจากหลาย ๆ กระทู้หน่อยเป็นไร อาตมาก็นำเสนอไปทั่วนั่นแหละ มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกัน
โยมหลวงพี่กับน้อง ๆ หนู ๆ จะให้อาตมาทำยังไงล่ะ จากที่น้อง ๆ หนู ๆ มีอาหารกลางวันไม่พอกิน หลังจากที่ทำตามคำแนะนำ ตอนนี้ก็ปลูกผักหลังโรงเรียน จนล้นเลยออกมาริมถนนหน้าโรงเรียน เหลือกินเกินพอ เอาผักปลอดสารพิษออกขายจนมีเงินกองทุนหลายกะตังค์แล้วมิใช่หรือ....การแบ่งปันให้ผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดีนะครับ...
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำท่านบอกไว้ว่า
ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด หมดก็ไม่มา
ถ้าเรายิ่งให้ เราจะไม่อด เมื่อหมดเดี๋ยวก็มีมา
ลองทำดูเถอะ ยิ่งให้ ยิ่งไม่อดจริง ๆ (สอนพระนี่บาปมั๊ยครับลุง)
คนบ้ายังถูกต่อว่าเลยว่ะ.....นับประสาอะไรกับคนดี ๆ...แบบนี้ หนีขึ้นดอย อยู่ตามป่าตามเขาดีกว่ามั๊ง....
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 07/02/2014 10:14 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
ตอบ: 06/02/2014 12:05 pm ชื่อกระทู้: Re: อยากเริ่มต้นชีวิตเกษตร ! |
|
|
puun บันทึก: | .
- "ภาระใจ"
COMMENT :
ชอบใจจังกับ "ภาระใจ" คำนี้ นี่ไง "ใจ" ต้องมาก่อน ยาก/ง่าย อยู่ที่ใจ....
- "วิถีชีวิตที่ยั่งยืน"
COMMENT :
ยั่งยืน แปลว่า "ดีตลอดไป" ตรงกันข้ามกับ "ล้มทั้งยืน"
- "ไม่มีความรู้ด้านการเกษตร"
COMMENT :
- ใครรู้มาจากท้องพ่อท้องแม่บ้าง เกืดมาแล้วต้องมาเรียนเอาทั้งนั้น แม้แต่พระศาสดา
- งานที่ทำอยู่น่ะ ได้เรียนเรื่องนี้มาโดยตรงหรือเปล่า เรียนวิชาหนึ่งแล้วมาทำงานอีกอย่างหนึ่ง ทำได้ไง ทำได้ก็เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ด้วยตัวอง ใช่ไหม ?
- แล้วการเกษตรล่ะ เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงได้ไหม ? ประสบการณ์ตรงของคนอื่น + ประสบการณ์ตรงของตัวเอง กลายเป็น ก.ทำกับมือ ไงล่ะ
- จาก "วิชาการ + ประสบการณ์ + เป้าประสงค์ + แรงบันดาลใจ + บ้าบ้า" เพราะไม่ได้เรียนมาโดยตรงจึงกลับใหม่เป็น "บ้าบ้า + แรงบันดาลใจ + เป้าประสงค์ + ประสบการณ์ + วิชาการ" ได้ไหม
- "ความรู้ในอินเตอร์เนต"
COMMENT :
- ในโลก ไอที. มีความจริงแค่ "ครึ่ง" เดียว นอกจากรายละเอียดปลีกย่อยมากจนบอกได้ไม่หมดแล้ว อาจมีกั๊กไว้เผื่อ "โจรปล้นความคิด" ด้วย ข้อมูลในโลก ไอที. จึงใช้เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานในการ "คิด/วิเคระห์/เปรียบเทียบ" ก่อนตัดสินใจเท่านั้น
- อยากได้ "ความลับสุดยอด" จากใครสักคน คุณควรต้องทำอย่างไร ?
- "ตอนนี้ให้ญาติเช่าทำไร่อ้อย (ประมาณ 1 ไร่ กับ 2 ไร่ ค่ะ)
COMMENT :
- ได้ที่ดินคืนมา ทำอ้อยต่อ เหมือนแปลงข้างๆ แต่ "คิดใหม่ทำใหม่" ทำยังไงถึงจะได้อ้อยถึงตอ 10 ผลผลิต 30 ตัน /ไร่ /รุ่น
- ทำอ้อย ไปดูเดือนละครั้งยังได้ ใช้สมองอย่าใช้กำลัง จ้างแรงงานแล้วให้ทำตามเราสั่ง อย่าให้คนงานขี่คอ
- "ช่วงแรกที่เริ่มทำจะมาทำช่วง เสาร์-อาทิตย์ วันธรรมดาก็ทำงานประจำตามปกติ"
COMMENT :
มีเวลาแค่ 2 วันใน 1 อาทิตย์ เล่นอ้อยน่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะ 1.รายการงานน้อย 2.ได้ผลผลิตคุ้มทุน 3.มีโอกาสศึกษาวางแผนงานใหม่ข้างหน้าตามภาระใจ 4.ได้เพื่อนบ้าน 5.ได้ความมั่นใจ 6.ฯลฯ
- "ทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกต้นไม้/ผักที่ชอบกิน เลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด มีบ่อน้ำไว้ใช้ทำเกษตร ปลูกไม้ใหญ่เล็กน้อย แล้วก็มีไผ่บ้างนิดหน่อย
- "อยากปลูกข้าวไว้กินเองสัก 1 งาน"
COMMENT :
- "ผสมผสาน" หมายถึงหลายๆอย่าง ที่อยากทำเนี่ยถูกต้องทั้งนั้น ในเมื่อ 1 วันมี 24 ชม. แต่ 1 อาทิตย์คนมีเวลาแค่ 2 วัน เวลาพอเหรอ....?
- ผัก .............. ต้องรดน้ำทุกวัน ๆละ 2 เวลา
- เป็ดไก่ ........... ต้องกินทุกวัน ๆละ 1 เวลา
- ต้นไม้/ต้นไผ่ ..... กลัวว่า "ขะโมย" จะเอากินหมดซะก่อนน่ะซี
- ข้าว 1 งาน ปลูกอย่างอื่นขายได้เงินมากกว่าข้าวแล้วเอาเงินไปซื้อข้าวกิน คุ้มกว่ามั้ง
- ข้าว 1 งาน เศรษฐศาตร์การลุงทุนสูงมากๆ เมื่อเทียบกับนา 20 ไร่ เริ่มจากทำเทือก ถึง เกี่ยวเอาไปสีเป็นข้าวสารพร้อมกินได้ .... คิดดู 1 งานได้ข้าวเปลือก 200 กก. สีเป็นข้าวสารได้ 100 กก. กินวันละ ครึ่ง กก. ได้แค่ 200 วัน คุ้มเหรอกับทุน เงิน (พันธุ์/ปุ๋ย/ยา/อื่นๆ), เนื้อที่, เวลา, แรงงาน, โอกาส, อารมย์
1. ถ้าหนูจะเริ่มต้นจาก 0 เลย ควรทำอะไรก่อนคะ ปลูกต้นไม้ ขุดบ่อ บำรุงดิน ถ้าหนูค่อยๆมาทำเดือนละ 3-4 ครั้ง ช่วงวันหยุด
COMMENT :
- เลขล้านเริ่มจากหนึ่ง .... ระยางทางหมื่นลี้่ เริ่มจากก้าวแรก
- งานเกษตรน้ำต้องมาก่อน เพราะฉะนั้น "ขุดบ่อ" อันดับแรก
- ช่วงเวลาทำงานสำหรับคนอาทิตย์ละครั้งพอได้ แต่สำหรับต้นไม้ต้นพืชเขารอได้เหรอ ?
2. พื้นที่ทำไร่อ้อย (แบบที่เขาเผาเวลาเก็บเกี่ยว) ต้องเริ่มต้นพัฒนาดินอย่างไรคะ ?
COMMENT :
- เลิกเผา .... นี่แหละประสบการณ์ตรงของชาวบ้าน เราต้องเอามา คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ ว่า "ได้อะไร/เสียอะไร" จากการ "เผา/ไม่เผา"
- ชาวบ้านทำ อ้อยตอ 1 ฝนดีได้ 12 ตัน/ไร่ อ้อยตอ 2 ฝนดีได้ 6 ตัน/ไร่ อ้อยตอ 3 ฝนดีได้ 3 ตัน/ไร่ .... ทำไมยิ่งทำยิ่งลด เป็นยังงี้มานานตั้งแต่เกิด
- วังขนายทำอ้อยได้ 100 ตัน/ไร่, มิตรผลทำอ้อยได้ 50 ตัน/ไร่, ของเราเอาแต่ 25 ตัน/ไร่ .... จะได้ไหม ?
- สมช.ลุงคิม อ้อย 20 ไร่ ตอ 8 ได้ 14 ตัน/ไร่ ใช้ปุ๋ย 8-24-24 ไม่ถึง 1 กส. ...ทำได้ไง
3. ถ้าหนูจะขุดบ่อน้ำ ในพื้นที่ 2 ไร่ ควรขุดใหญ่แค่ไหนจึงจะพอมีน้ำใช่ในการเกษตรช่วงฤดูแล้งคะ แล้วบ่อน้ำควรขุดไว้ตรงกลางที่ หรือตรงริมๆ ที่ มีทิศทางที่เหมาะสมไหมคะ ?
COMMENT :
- บ่ำน้ำขนาด 2 ไร่, 1 ไร่, 1 งาน มีค่าเท่ากัน น้ำเต็มบ่อใช้งานได้แต่ 3 เดือนเท่านั้น
เพราะน้ำระเหยไปในอากาศวันละ 1 ซม. ซึมลงไต้ดินอีกไม่รู้เท่าไหร่ ไม่รู้
- บ่อน้ำเปรียบเสมือนโอ่ง น้ำในบ่อแห้ง น้ำในโอ่งหมด ก็หาน้ำมาใส่ ปัญหาอยู่ที่ว่า มีบ่อแล้วมีน้ำจากธรรมชาติเติมบ่อไหม เท่านั้นแหละ .... โอ่งแห้ง ตากแแดดโอ่งแตก บ่อไม่มีน้ำก็คือหลุมชนิดหนึ่ง เรียกว่า "หลุมอุกาบาต" ไงล่ะ
- เงินค่าขุดบ่อเอามาเจาะบาดาล ใช้เงินน้อยกว่า หรือขุดบ่อแล้วก็ต้องมีบาดาลสำหรับปั๊มน้ำขึ้นมาเติมบ่อ ถ้าไต้ดินมีน้ำเท่ากับมีน้ำใช้ตลอดปีตลอดชาติ
4. ต้นไม้ชนิดไหนที่ควรปลูกก่อนคะ ต้นไม้ใหญ่รึเปล่าคะ หรือถ้าจะปลูกไผ่แล้วมาดูละอาทิตย์ละครั้งจะรอดไหมคะ ?
COMMENT :
- ต้นไม้ชนิดไหน ตอบแบบฟันธงไม่ได้ ต้องถามคนปลูกว่ามี "ความพร้อม" สำหรับเขามากน้อยแค่ไหน
- ปลูกพืช ยืนต้น/ล้มลุก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พืช แต่อยู่ที่คนต่างหาก .... ปลูกเรือนตามใจคนอยู่ ผูกอู่ตามใจคนนอน
- ปลูกพืชอะไรก็สุดแท้ ....ปลูกกินถามคนในบ้าน บางทีซื้อกินถูกกว่าทำเอง ปลูกขายถามคนรับซื้อ บางครั้งคนปลูกยังไม่กิน เพราะะของไม่ได้เกรด พอขายไม่ออกก็ไปปิดถนน เห็นอยู่บ่อยๆ
- ประเทศไทยมีกิจกรรมทางการเกษตรให้เลือกทำมากชนิดที่สุด มากที่สุดในโลกด้วย แต่คนไทยไม่รู้จะทำเกษตรอะไร ว่าแล้วก็ทำตามกัน เหมือนหลงกระแส....ทำตามคนที่้ล้มเหลวจะล้มเหลวยิ่งกว่า ทำตามคนที่สำเร็จจะสำเร็จยิ่งกว่า
|
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 07/02/2014 12:15 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
ตอบ: 06/02/2014 1:42 pm ชื่อกระทู้: Re: กลับมาแล้วค่ะ |
|
|
puun บันทึก: |
1. เริ่มจากมีที่ดิน เป็นที่ดินของพ่อแม่ แล้วตอนนี้ก็มีคนเช่าอยู่ ไม่รู้ว่าเรียกว่ามีที่ดินเป็นของตนเองได้รึยัง ตอนนี้ก็เก็บเงินไว้เผื่อซื้อที่เป็นของตัวเองด้วย เรื่องซื้อที่ดินก็ไม่ค่อยมีความรู้ก็ไปศึกษาประเภทของโฉนด เอกสารสิทธิ อยู่พักหนึ่ง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า แบบไหนดี โฉนดก็แพง เอกสารสิทธิบางคนก็แนะนำ บางคนก็บอกว่าไม่ดี ตอนนี้ก็เลยยังกล้าๆกลัวๆ เรื่องซื้อที่ดินของตัวเอง....
COMMENT :
- ระหว่างที่เขาเช่าก็เป็นของเขา เราคงเข้าไปทำอะไรตามใจชอบไม่ได้ .... ขึ้นชื่อว่า ที่ดินให้เขาเช่าน่ะง่าย แต่ครั้นจะเอาคืนแสนยาก ยากมากๆ ชาวบ้านหัวหมอ
- เรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดินสารพัดแบบ เคยเจอมาเยอะ ปัญหาซับซ้อน อิทธิพล เช่น อ้างสิทธิแบบชี้เอาเลย ที่ผมไม้ต้นนั้นถึงต้นไม้นี้ ไม่มีหลักฐานเอกสารใดๆ, เอาเกาะในอ่างน้ำเหนือเขื่อนมาบอกขาย ทั้งๆที่ นั่นคือที่ดินของการไฟฟ้า, เอาน้ำตกกลางที่มาขาย ทั้งๆที่นั่นคือป่าต้นน้ำ .... เลยตัดสินใจซื้อที่ดินโฉนด ที่ติดจำนอง ธ.ก.ส. แน่นอนที่สุด
2. มีทุน.... การมีงานประจำนี่ถือว่ามีทุนได้ไหมคะ เคยเห็นมีคนหลายคนลาออกไปทำเกษตร ดูแล้วก็โก้ดีจัง เคยคิดว่า อยากลาออกซะตอนนี้แล้วมุ่งมั่นทำเกษตรเลยพร้อมเงินเก็บอันน้อยนิด... แต่เขาเป็นคนที่มีต้นทุนเดิมที่บ้านทำเกษตรอยู่แล้ว เคยจับจอบ เคยทำนามาก่อน คิดๆดูแล้ว ถ้าตัวเองลาออกไปทำคงทุลักทุเล ออกแนวทุเรศๆ ด้วยแน่ๆ ปูนก็เลยคิดว่าทำงานประจำไป ทำเกษตรไป ช้าๆ แต่มั่นคง น่าจะเข้ากับเรามากกว่า....
COMMENT :
- ก่อนลงมือทำอะไรให้ศึกษาส่วนที่จะเป็น "ปัญหา" ให้ครบทุกมิติ ทุกประเด็นอย่างละเอียดก่อน ป้องกันปัญหาก่อนแล้วจึงลงมือทำ เมื่องลงมือทำแล้วจะไม่มีปัญหาเพราะได้ป้องกันไว้ก่อนแล้ว ตรงกันข้าม หากศึกษาแต่ความสำเร็จ ทำ1 ไร่ได้ 1 ตัน ทำ10 ไร่ได้ 10 ตัน ทำ20 ไร่ต้องได้ 20 ตัน ครั้นทำจริงๆเข้ามีแต่ปัญหา ปัญหา และปัญหา นอกจากสูญเสียทุกอย่างแล้วยังบังเกิดอาการต๊อแต๊ มะเร็งกินอารมย์อีกต่างหาก....มีเงินลงทุนแล้วใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป เจ้าของมีเงินจ้างแต่ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ ส่วนคนรับจ้างไม่มีเงิน ไม่มีความรู้ ก็ถ้ามีความรู้เขาจะมารับจ้างเรารึ .... ระวัง คนจ้างให้ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ คนรับจ้างเถียงแย้ง ทำอย่างนั้นไม่ได้ ทำอย่างนี้ไม่ดี แถวนี้ไม่มีใครทำ ความที่นายจ้างเจ้าของเงินไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์จึงเชื่อลูกจ้าง ผลก็คือ "ล้มเหลว" .... ระวังนะ นายจ้าง V.S. ลูกจ้าง .... ลูกจ้างด่าไม่ได้ ด่าเมื่อไหร่ไปเมื่อนั้น เพราะรู้ว่า ถ้าไม่มีลูกจ้าง นายจ้างก็อยู่ไม่ได้ ลูกเราซะอีกยังด่าได้ อย่างดีก็แต่ไปติดยาบ้า
[b]3. มีใจ ...ความอยากนี่มีเยอะค่ะ ^_^ ตอนแรกคนไม่เคยจับดิน จับต้นไม้ พอได้เริ่มทำ เริ่มรัก จากที่เคยคิดว่าดินเป็นสิ่งสกปรก ขยะแขยงหนอน กระโดดหนีเวลาคางคกกระโดดออกมาจากกระถาง ปวดหัวกับกลิ่นของน้ำหมัก และอีกหลายๆอย่าง ตอนนี้มันเปลี่ยนไป คิดว่าเป็นเพราะความรัก ความเข้าใจที่มีต่อธรรมชาติค่ะ
COMMENT :
- "ความอยาก" มีในคนทุกคนเป็นธรรมชาติ ความอยากถูกกำหนดโดยใจ ถ้าใจ โลภ-โกรธ-หลง ย่อมมีแต่เสียกับเสีย แต่หากใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ ไม่เอาชนะธรรมชาติแต่ เสริม/เตืม/เพิ่ม/บวก ให้กับธรรมชาติแล้วธรรมชาติจะเร็วเอง
[b]4. มีกำลัง.... ไม่ค่อยมั่นใจเรื่องกำลัง มารยาหญิงน่าจะพอใช้แทนกำลังได้ไหมคะ ? ^_^
COMMENT :
- ใช้สมองอย่าใช้กำลัง ทำเกษตรใช้เครื่องทุ่นแรงแทนไง
- มารยาหญิงหรือจะะเท่ามารยาชาย....มายาหญิงแค่ร้อยเล่มเกวียน แต่มารยาชายร้อยตู้รถไฟ....อย่าคุย !
[b]5. มีความรู้.... กำลังศึกษาอยู่ค่ะ มีคนบอกว่าไม่ต้องศึกษามาก ให้ลองทำจะเรียนรู้เอง เอาแต่ศึกษาหาอ่านก็ไม่ได้ลองทำสักที.... เลยคิดว่า ถึงจะยังไม่เป็น ไม่รู้ทุกอย่าง แต่ลองทำควบคู่ไป เรียนรู้จากการทดลองทำ มันต้องมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติถึงจะดี...เห็นด้วยค่ะ แต่การเริ่มต้นนี่มันยาก ลังเลๆ กลัวๆ อยู่เหมือนกัน
COMMENT :
- รู้อะไรรู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
- เรียนรู้ทั้งทฤษฎีกับปฏิบัติ ควบคู่กันไปเลย
[b]
คำพูด: | ....ก่อนลาออกต้องถามใจตัวเองก่อนว่า คุณทนตากแดดตากฝน มือเท้าติดดิน ทนมือแตก ทนกลิ่นเหม็น และทนต่อการดูถูกเหยียดหยาม จากคนรอบข้างได้หรือไม่
|
COMMENT :
- สังคมวันนี้ มีเงินมากกว่าเขา เขาจะฟังเรา .... มีเงินให้เขายืม เขาจะยกมือไหว้ แต่ทวงเงินเมื่อไหร่ ด่าเมื่อนั้น
- ให้มากกว่ารับ ไปไหนก็ได้ หัวเราะเสียงดังได้ ยิ้มได้เต็มหน้า .... คนที่ได้รับจากเราไป ถึงจะด่าเราแต่ก็แอบด่าลับหลัง
- คนอิจฉาดีกว่าคนสงสาร
- ทำให้คนที่เคยด่าเรากลืนน้ำลายตัวเองได้ นั่นคือ ความสะใจ
[b]
ชอบคำนี้ค่ะ เรื่องของการดูถูกเหยียดหยามของคนนอกนี่ ปูนเฉยๆค่ะ แต่ครอบครัวปูนพ่อแม่ออกจากบ้านมา ทิ้งเกษตรมาเรียน มาหางานทำ มาทำค้าขายในเมืองแล้วประสบความสำเร็จ เขาคิดว่าเกษตรเป็นอาชีพของคนอีกระดับหนึ่ง แต่ปูนก็เชื่อว่าสักวันเขาจะเปิดใจมากขึ้นค่ะ
COMMENT :
- พ่อแม่ให้ได้แค่ชีวิต ให้การศึกษา แต่ชีวิตเป็นของเรา เราต้องสร้่างตัวเองแล้วย้อนกลับไปตอบแทนพ่อแม่ นี่คือ อภิชาติบุตร....
[b]
ชอบติดตามดูเกี่ยวกับเรื่องราวเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ รู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจค่ะ ท่านเหล่านี้มีข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต มีการใช้ ความรู้ภูมิปัญญา/นวตกรรม เปลี่ยนวิกฤติที่เข้ามาให้เป็นโอกาส เข้าใจในความไม่แน่นอนของธรรมชาติ รวมถึงมีการบริหารจัดการที่ดี ชื่นชมมากๆค่ะ รู้สึกว่าเกษตรกรเท่มากๆ เป็นผู้ผลิตอาหารเลี้ยงตัวเองและคนทั้งโลก
COMMENT :
- สิ่งเหล่านีัมีคำตอบใน วิชาการ + ประสบการณ์ หรือ ประสบการณ์ + วิชาการ
- ชีวิต COPPY ไม่ได้แต่ APPLY ได้
- ความเก่ง ความสามารถ มีเท่ากันทุกคนแต่ แพ้/ชนะ กันที่โอกาส
- บางอย่าง ช้าๆได้พร้าเล่มงาม .... บางอย่าง น้ำขึ้นให้รีบตัก
[b]
1 ไร่ 1 แสน นี่ปูนเคยได้ยิน แต่ก็ยังสงสัยหลายๆอย่าง อย่างการนำโมเดลไปใช้เลยจะใช้ได้กับทุกพื้นที่หรือเปล่า คือ ปูนไม่มีความรู้เรื่องภูมิทัศน์การเกษตรอะไรพวกนี้ กลัวว่าบ่อน้ำไม่เหมาะจะไว้ตรงนี้ตรงนั้น ต้นไม้แบบนี้ต้องอยู่ทิศนี้ทิศนั้น ภูมิอากาศ/ภูมิประเทศ จะมีผลรึเปล่า.......หรือเพราะหนูคิดมากกังวลเกินไปเลยไม่ได้ลงมือทำจริงๆสักที
COMMENT :
- 1 ไร่ได้ 1 แสน รู้ไหมเขาทำทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำงาน 24 ชม.เลยนะ
- ทหารนโปเลียน :
ประเภท 1 ..... ฉลาด ขยัน ..... ปูนบำเน็จ เพราะทำสำเร็จทุกอย่าง
ประเภท 2 ..... โง่ ขยัน ......... เอาไปประหารชีวิต เพราะทำเสียทุกอย่าง
ประเภท 3 ..... ฉลาด ขี้เกียจ ... ปล่อยมันไว้ เพราะวันไหนมันขยันจะดีเอง
ประเภท 4 ..... โง่ ขี้เกียจ ....... ปล่อยมันไว้ เพราะไม่ทำอะไรเสียหาย
[b]
เรื่องระบบน้ำในพื้นที่ก็ไม่มีความรู้เลยค่ะ เคยเห็นสวนมะพร้าวของเพื่อนเขามีการทำร่องน้ำไว้ การทำร่องแบบนี้ใช้ได้กับพืชทุกชนิดไหมคะ แล้วมันมีความเหมาะไม่เหมาะกับพื้นที่แบบไหนรึเปล่า มันเหมือน/ต่างกับการให้น้ำแบบสปริงเกอร์ รึเปล่าคะ ? หรือร่องแบบนั้นเขาเอาไว้เลี้ยงปลาเฉยๆ ไม่ได้ช่วยให้น้ำต้นไม้
COMMENT :
- ไม่รู้ แก้ไขโดยถาม คนรู้
- ไม่เคยเห็น ไปดูให้เห็น
- คำตอบที่ได้ คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ ใช่/ไม่ใช่่ มีหลักการเหตุผลหรือขี้โม้
[b]
|
ถามจริง..... เหนื่อยไหม
เชื่อไหม .... คนสอน ยังไม่ประสบความสำเร็จเลย เหมือนลูกครูสอบตก
จากมนุษย์เงินเดือนจะเปลี่ยนมาเป็นเกษตรกร....คิดใหม่ คิดผิด ได้นะ
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 06/02/2014 7:32 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
cherm สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011 ตอบ: 237
|
ตอบ: 06/02/2014 4:08 pm ชื่อกระทู้: สู้ๆๆค่ะ |
|
|
.
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะทิดแดง สมช.ทุกท่านค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณปูน นะคะ
ขอมูลเพี่ยบ เหนื่อยหน่อยนะคะ่
แล้วคิดได้หรือยังค่ะว่าจะปลูกอะไร ลุงบอกสำคัญที่ "ใจ" คุณปูนมีเป็นร้อย ที่นี้ก็เหลือแต่ลงมือทำ
คุณปูนไม่ต้องห่วงนะคะ เรามีลุงคิมเป็นครู มีที่ทิดแดง เป็นที่ปรึกษา มีอะไรถามทิดแดงส่งต่อไปยังลุง ใครๆๆก็ทำค่ะ อิอิ
ยัยเฉิ่ม ชาวนา
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 07/02/2014 7:43 pm ชื่อกระทู้: Re: สู้ๆๆค่ะ |
|
|
cherm บันทึก: | .
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะทิดแดง สมช.ทุกท่านค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณปูน นะคะ
ขอมูลเพี่ยบ เหนื่อยหน่อยนะคะ่
แล้วคิดได้หรือยังค่ะว่าจะปลูกอะไร ลุงบอกสำคัญที่ "ใจ" คุณปูนมีเป็นร้อย ที่นี้ก็เหลือแต่ลงมือทำ
คุณปูนไม่ต้องห่วงนะคะ เรามีลุงคิมเป็นครูค่ะ............. อิอิ
...ค่ะ อิอิ
ยัยเฉิ่ม ชาวนา
. |
สวัสดีครับลุงคิม....สวัสดีครับ ยัยเฉิ่ม....
ต้องขออภัย ผมขออนุญาตตัดข้อความ คำว่า มีที่ทิดแดง เป็นที่ปรึกษา มีอะไรถามทิดแดงส่งต่อไปยังลุง ใครๆๆก็ทำค่ะ ออกนะครับ....เพราะผมเพียงแต่มีข้อเสนอแนะเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่มีความรู้แค่ หางอึ่ง เท่านั้น ไม่กล้าบังอาจที่จะเป็นที่ปรึกษาอะไรใครได้เลยแหละครับ ....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|