-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ชาวนาไทย ไร้ฝีมือ จริงหรือ ?
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ชาวนาไทย ไร้ฝีมือ จริงหรือ ?
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ชาวนาไทย ไร้ฝีมือ จริงหรือ ?

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11635

ตอบตอบ: 02/07/2015 8:58 am    ชื่อกระทู้: ชาวนาไทย ไร้ฝีมือ จริงหรือ ? ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
TITLE :

ที่นี่ รายการนี้ รายการสีสันชีวิตไทย สอนให้ คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ .... พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีเลือกซื้อ .... สอนวิธีแก้ปัญหา วิธีป้องกันปัญหา ทุกปัญหา

จากคำพูดเพียงคำเดียว จากคนบางคน จากบางโอกาส ได้ฟังได้ยินแล้วนำมา “คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ” แล้วนำมาใช้ จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลายเป็นดีได้ (เซอร์ วิลส์ตัน เชอร์ชิล รัฐบุรุษอังกฤษ) ......

คุณมงคลฯ ไปสัมมนาที่ ม.ขก. เล่าให้ฟังว่า นักวิชาการบนเวทีได้ตัดพ้อด้วยความเหนื่อยใจว่า ผมแนะนำให้ทำการเกษตรโดยใช้ ทั้งอินทรีย์และเคมี ผสมผสานกัน แต่พวกคุณรับไปแล้วใช้แค่อย่างเดียว เพราะในอินทรีย์กับเคมี ต่างก็มีทั้ง จุดด้อย/จุดเด่น ในตัวเอง กับอีกหลายๆ เรื่อง อาทิ เรื่องน้ำเพื่อการเกษตร เรื่องศัตรูพืช เรื่องทัศนคติของของเกษตร ....

ทุกหัวข้อเรื่อง ที่นี่ รายการนี้ รายการสีสันชีวิตไทย วารสารเกษตรใหม่ อินเตอร์เน็ตเกษตรลุงคิมดอทคอม พูดมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะสิ่งที่พูด สิ่งที่นำเสนอ สิ่งที่เขียน เป็นความสัจจริงทั้งสิ้น แม้แต่ที่นี่ก็ขายของ แต่ขายในสิ่งที่ถูกต้อง โฆษณาอย่างโปร่งใส เนื้อในสินค้าตัวนั้น คืออะไร .....

ที่นี่ รายการนี้ รายการสีสันชีวิตไทย บอกว่า พืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่ฟังโฆษณา ไม่รู้สี ไม่รู้กลิ่น ไม่รู้จักแม้แต่เจ้าของคนปลูก ต้นไม้ต้นพืชรู้จักแต่ “เนื้อใน” หรือ “ส่วนประกอบ” เท่านั้น ทั้งหมดทั้งสิ้น “คน คิดเอง-ทำเอง-ซื้อเอง” ทั้งนั้น ....

ที่นี่ รายการนี้ รายการสีสันชีวิตไทย เพียงคนเดียวที่กล้าบอกว่า หนี้สินเกษตรกรเกษตรกรสร้างขึ้นมาเอง ความล้มเหลวทางการเกษตรเกษตรกรสร้างขึ้นมาเอง เพราะ มิจฉาทิฐิ อัตตา โลภโกรธหลง ยึดติด....


---------------------------------------------------------------------



ชาวนาไทย ไร้ฝีมือ จริงหรือ ?

ลำดับที่ 1 ประเทศเวียดนาม ผลิตข้าวได้ ........ 803.2 กก.ต่อ 1 ไร่
ลำดับที่ 2 ประเทศอินโดนีเซีย ผลิตข้าวได้ ....... 801.6 กก.ต่อ 1 ไร่
ลำดับที่ 3 ประเทศมาเลเซีย ผลิตข้าวได้ ......... 588.8 กก.ต่อ 1 ไร่
ลำดับที่ 4 ประเทศลาว ผลิตข้าวได้ .............. 579.2 กก.ต่อ 1 ไร่
ลำดับที่ 5 ประเทศฟิลิปปินส์ ผลิตข้าวได้ ........ 576.6 กก.ต่อ 1 ไร่
ลำดับที่ 6 ประเทศไทย ผลิตข้าวได้ .............. 454.4 กก.ต่อ 1 ไร่
ลำดับที่ 7 ประเทศกัมพูชา ผลิตข้าวได้ .......... 443.2 กก.ต่อ 1 ไร่
ลำดับที่ 8 ประเทศพม่า ผลิตข้าวได้ ............. 422.4 กก.ต่อ 1 ไร่

http://board.postjung.com/637292.html

COMMENT :
ตัวเลขนี้ได้มาโดย "อเมริกา" .... ค่าความน่าเชื่อถือ = จ-6
(จ-6 แปลหรือหมายถึงอะไร ..... ถาม CIA)

นาข้าวไทย ในเขตชลประทาน 30% นอกเขตชลประทาน 70%
นาข้าวเวียดนาม ในเขตชลประทาน 70% นอกเขตชลประทาน 30%
คิดเฉลี่ยรวมกัน ไทยต้องน้อยกว่าเวียดนามเป็นธรรมดา

......... ถ้าคิดเฉลี่ยแยกระหว่าง ...........
นอกเขตชลประทาน กับ นอกเขตชลประทาน
................. กับ ....................
ในเขตชลประทาน กับ ในเขตชลประทาน
.......... แล้วใครจะมากกว่า ..........

นี่คือ ความอ่อน ปชส. ของไทย

-----------------------------------------------

สาเหตุที่ทำให้ข้าวไทยสู้เวียดนามไม่ได้นั้นมี 10 ข้อ คือ :

................ ฯลฯ .................

2. เวียดนามมีต้นทุนการปลูก และผลิตข้าวต่ำกว่าไทยถึง 16.5% แต่ได้กำไรสูงกว่าถึง 67%
3. ทางการเวียดนามได้ส่งเสริมให้ชาวนาใช้นโยบาย 3 ลด 3 เพิ่ม คือ ลดปริมาณเมล็ดให้เหมาะสมต่อพื้นที่เพาะปลูก , ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และลดการใช้ยาปราบศัตรูพืช รวมทั้งการเพิ่มผลผลิต, เพิ่มคุณภาพ และเพิ่มกำไร ซึ่งจากนโยบายดังกล่าวทำให้ชาวนาเวียดนามมีกำไรเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15-20

.................. ฯลฯ ...................

8. รัฐบาลเวียดนามส่งเสริมการผลิตข้าวอย่างเต็มที่ ทั้งให้การอุดหนุนลดต้นทุนการผลิต ยกเว้นภาษี ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย และตั้งกองทุนช่วยเหลือ

9. รัฐบาลเวียดนามบังคับให้พ่อค้าคนกลางที่จะรับซื้อข้าวจากชาวนา ต้องเหลือกำไรให้ชาวนาอย่างน้อย 30% ของต้นทุน และมีโครงการช่วยเหลือชาวนาด้านอื่น ๆ

10. รัฐบาลเวียดนามเร่งเพิ่มการลงทุนตลาดค้าข้าวในต่างประเทศ เช่น ในฟิลิปปินส์ แทนซาเนีย กานา แอฟริกาใต้ และพม่า

.................... ฯลฯ ....................

------------------------------------



ผลผลิตข้าวไทย อยู่ในอันดับที่ 17 จาก 22 ประเทศที่ปลูกข้าว

ผลผลิตข้าวไทย อยู่ในอันดับที่ 17 จาก 22 ประเทศที่ปลูกข้าว ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดประมาณ 70 ล้านไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 31.65 ล้านตันข้าวเปลือก หรือมีผลผลิตเฉลี่ยแค่ 459 กก. /ไร่

ข้อมูลจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ล่าสุดเกี่ยวกับผลผลิตข้าวของประเทศผู้ปลูกข้าว 22 ประเทศทั่วโลกระบุว่า ประเทศที่มีผลผลิตข้าวต่อไร่สูงสุด คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลผลิตเฉลี่ย 1,270.59 กก. /ไร่ รองลงมาอันดับ 2 คือ ประเทศเกาหลีใต้ ผลผลิตเฉลี่ย 1,216 กก. /ไร่

COMMENT :
อเมริกา ได้ 1,270.59 กก. /ไร่ ... เป็นข้าวทำแป้ง .... ถามหน่อยข้าวจัสมิน ยูได้เท่าไหร่ ?
เกาหลีใต้ ได้ 1,216 กก. /ไร่ ...... มีตลาดแค่เกาหลีกับญี่ปุ่น เป็นคนละพันธุ์กับข้าวไทย
แถมจีน ได้ 2,000 กก./ไร่ ......... ทำข้างหุงไม่ได้ ต้องทำแป้งเท่านั้น


ผลผลิตเฉลี่ยที่ประเทศไทยและเพื่อนบ้านผลิตได้ เช่น
เวียดนาม ........... 836.45 กก. /ไร่ อยู่ในอันดับ 5
อินโดนีเซีย ......... 799.76 กก. /ไร่ อยู่ในอันดับ 6
พม่า ............... 653.63 กก. /ไร่ อยู่ในอันดับ 9
ลาว ................ 576.43 กก. /ไร่ อยู่ในอันดับ 11
ฟิลิปปินส์ .......... 574.22 กก. /ไร่ อยู่ในอันดับที่ 12
ไทย ................ 459.17 กก. /ไร่ อยู่ในอันดับที่ 17
กัมพูชา ............ 453.73 กก. /ไร่ อยู่ในอันดับที่ 18

โดยผลผลิตข้าวเฉลี่ยทั่วโลกจะอยู่ที่ 677 กก. /ไร่ หากมองถึงอนาคต ถ้าเราสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ได้ ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีความยิ่งใหญ่ด้านข้าว และมีความมั่งคั่งด้านอาหารอย่างมาก เพราะในปัจจุบัน แม้ผลผลิตจะอยู่ในอันดับที่ 17 แต่ปริมาณการส่งออกข้าวกลับเป็นอันดับ 1 ของโลก

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่สุดในการเพิ่มผลผลิตข้าวก็คือ “น้ำ” ดังนั้นการขยายพื้นที่ชลประทานจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน จากข้อมูลการสำรวจผลผลิตข้าวต่อไร่ของประเทศไทยเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาพบว่า


ข้าวไทยนาปี พื้นที่นอกเขตชลประทาน ได้ผลผลิตเฉลี่ยเพียง 364 กก. /ไร่ แต่พื้นที่ในเขตชลประทาน ได้ผลผลิตเฉลี่ย 542 กก. /ไร่

ข้าวไทยนาปรัง พื้นที่ชลประทานทั้งประเทศ ได้ผลผลิตเฉลี่ยถึง 702 กก. /ไร่

พื้นที่ชลประทานภาคกลางไทย ผลผลิตข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 เฉลี่ยต่อไร่ สูงถึง 785 กก. สูงกว่าค่าเฉลี่ยผลผลิตข้าวทั่วโลก

ถ้าเกษตรกรในพื้นที่ชลประทานการปลูกข้าวโดยเทคโนโลยีที่ถูกต้องและเหมาะสม ตามที่กระทรวงเกษตรฯ แนะนำแล้ว ผลผลิตข้าวจะสูงมาก เช่น

เกษตรกรไทยในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี สามารถทำนาได้ผลผลิตข้าวเฉลี่ยถึง 1,000 กก. /ไร่

เกษตรกรไทย พื้นที่ภาคกลางตอนล่าง ทำนาได้ผลผลิต 900–1,000 กก. /ไร่

เกษตรกรไทย พื้นที่ชลประทานในภาคเหนือของไทย ข้าวหอมมะลิ 105 ยังได้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 700 กก. /ไร่

ส่วนข้าวไทยพันธุ์สุพรรณบุรี 1 หรือ ข้าวปทุมธานี 1 ได้ผลผลิตเกิน 1,000 กก. /ไร่
COMMENT :
ไม่ใช่แต่ปริมาณเท่านั้น คุณภาพก็ยังเหนือกว่าอีกด้วย



ล่าสุดเพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้เร่งทบทวนโครงการจัดทำแผนพัฒนาการชลประทานระดับลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ ทั้ง 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ เพื่อขยายพื้นที่ชลประทานให้ได้ 60 ล้านไร่ โดยพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มเติมตามศักยภาพอีก 26,603 ล้านลูกบาศก์เมตร และกรมชลประทานสามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้อีก เมื่อโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีการก่อสร้างคลองส่งน้ำสายใหม่ เพื่อขยายพื้นที่ชลประทานอีก 44,000 ไร่ อันจะทำให้ผลผลิตข้าวต่อไร่ในเขตพื้นที่อำเภอท่าตะเกียบ อำเภอสนามชัยเขต และอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ความหวังที่ผลผลิตข้าวต่อไร่ของไทยจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกย่อมมีความเป็นไปได้หากการดำเนินการในโครงการเหล่านี้บรรลุผล.

http://www.farmkaset.org/html5/contents.aspx?con_id=920#


-------------------------------------------------------------------


.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/07/2015 4:46 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11635

ตอบตอบ: 02/07/2015 1:16 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
จริงหรือ ? ชาวนาไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจดิน ไม่เข้าใจปุ๋ย

วันนี้ยังมีชาวนาไทยอีกมากที่ยังไม่เข้าใจเรื่องดินและปุ๋ย ในวันนั้น ดร.ประทีป วีระพัฒนนิรันดร์ มูลนิธิพลังนิเวศและชุมชน และ คุณวีรวัฒน์ นิลรัตนคุณ กรมวิชาการเกษตร ให้ข้อมูลว่า จากการลงพื้นที่พบว่า

มีชาวนาอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้จักดิน ไม่รู้จักปุ๋ย ชาวนาหลายรายเชื่อว่า “ถ้าใส่ปุ๋ยมาก จะได้ผลผลิตมากด้วย” ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด การใส่ปุ๋ยมากเกินไปโดยเฉพาะธาตุไนโตรเจน ทำให้ข้าวอวบ เต่งตึง สีเขียวจัด แมลงชอบเข้าทำลาย อีกทั้งการใช้ปุ๋ยเคมีเกินความจำเป็น ทำให้ปุ๋ยตกค้างในดิน ทำให้ดินเสื่อม

หากชาวนารู้จักดินในนาตัวเอง ใช้ปุ๋ยได้อย่างถูกต้อง ทั้งถูกชนิด ถูกปริมาณ ถูกเวลา และถูกวิธี จะช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีลดลง เปรียบเสมือนคนกินอาหารถูกสัดส่วน สุขภาพจะสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ล้มป่วยง่าย

การใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้องนอกจากจะลดค่าปุ๋ยเคมีแล้ว ยังลดค่าปัจจัยอื่นๆ ได้อีก จากการวิจัยของ ศ.ดร.ทัศนีย์ อัตตะนันทน์ และทีมงาน ในโครงการบูรณาการลดต้นทุนการปลูกข้าวในเขตชลประทานภาคกลาง ปีพ.ศ. 2550 พบว่า

ลดต้นทุนการผลิตได้ 510 บาท /ไร่ /ฤดูปลูก ซึ่งเป็นค่าปุ๋ยเคมี 241 บาท ค่าเมล็ดพันธุ์ 91 บาท และค่าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 178 บาท


ปีพ.ศ. 2553 ผู้ใหญ่ร่ม วรรณประเสริฐ และสมาชิกชาวนาศูนย์วิสาหกิจชุมชนผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ห้วยขมิ้น จ.สระบุรี จำนวน 13 ราย เปรียบเทียบการใส่ปุ๋ยแบบเกษตรกรและแบบปุ๋ยสั่งตัด พบว่า

แบบปุ๋ยสั่งตัดมีค่าปุ๋ยเคมีน้อยกว่าวิธีเกษตรกร 52% และได้ผลผลิตมากกว่าถึง 175 กก./ไร่....

ปัญหาเรื่องแม่ปุ๋ยที่จะนำไปเป็นปุ๋ยผสมใช้เองตามค่าวิเคราะห์ดินและชุดดินเดี๋ยวนี้ไม่ยากแล้ว หากชาวนารวมกันสั่งซื้อเป็นกลุ่ม 15 ตัน/ครั้ง บริษัท สินธุ์สุวรรณเคมีคัล จำกัด ยินดีบริการส่งให้ถึงที่ หรือติดต่อที่ กลุ่มผู้ใหญ่ร่ม โทร. 08-1948-0952 จะช่วยให้ท่านลดต้นทุนค่าปุ๋ยลงไปได้อีก

วารสารอู่ข้าว ฉบับที่ 16 เดือนมกราคมนี้ มีสาระที่จะเป็นประโยชน์กับชาวนาและผู้สนใจทั่วไปหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง “ข้าวและชาวนาก้าวหน้า จ.ฉะเชิงเทรา” จังหวัดต้นกำเนิดข้าวขาวดอกมะลิ 105 ตัวอย่างชาวนาก้าวหน้าใช้หลักวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และกำไรสุทธิจากการทำนาเพิ่มขึ้นทุกปี โดยนาปีในรอบที่ผ่านมามีต้นทุนการผลิต 3,493 บาทต่อไร่

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยของอีรีส์ที่....

- นักวิจัยญี่ปุ่นค้นพบการใช้ยีน SPIKE จากพันธุ์ข้าวจาโปนิก้า ของอินโดนีเซีย เพิ่มผลผลิตข้าวได้สูงขึ้น 13-36% ทั้งยังปรับปรุงลักษณะต้นข้าวให้ดีขึ้น โดยที่คุณภาพเมล็ดข้าวและการเจริญเติบโตไม่เปลี่ยนแปลง

- อนาคตข้าวที่อินเดีย
- นำเสนอความคืบหน้าการพัฒนาข้าวลูกผสมของจีนซึ่งก้าวหน้ามากที่สุดในโลก ได้ผลผลิตสูงถึง 2,149 กก. /ไร่

ต่อไปเรื่องของ “มาตรฐาน” จะมีบทบาทในวงการเกษตรมากยิ่งขึ้น พี่น้องชาวนาก็ต้องรู้ เข้าใจ และผลิตข้าวได้ตามมาตรฐานต่างๆ มาตรฐานเบื้องต้น คือ GAP ในอู่ข้าวเล่มนี้มีตัวอย่างการจัดทำมาตรฐาน GAP โดยระบบบริหารจัดการคุณภาพข้าวไทยด้วย Mobile GAP Assessment ณ บ้านสามขา ต.หัวเสือ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง โดยการสนับสนุนของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา หรือการทำ GAP online เพื่อให้ชาวนาและผู้เกี่ยวข้องบันทึกการปฏิบัติงานตามระบบมาตรฐาน GAP ได้ง่าย รวดเร็ว และแม่นยำขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่ชาวนาจะก้าวไปสู่การใช้เทคโนโลยีปุ๋ยสั่งตัด เทคโนโลยี Mobile GAP Assessment หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้พื้นฐานการทำเกษตรให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่เช่นนั้นเรื่องเล็กๆ ใกล้ตัวที่ถูกมองข้ามอาจทำความเสียหายให้ข้าวไทยทั้งระบบมูลค่ามหาศาลก็ได้

ในวารสารอู่ข้าว ฉบับที่ 16 เดือนมกราคม 2557 ยังมีเรื่อง “ข้าวและชาวนา” ที่น่าสนใจอีกหลายเรื่อง ติดตามได้ในเล่ม โดยหาซื้อได้แล้วตามแผงหนังสือชั้นนำทั่วไป เล่มละ 20 บาทเท่านั้น หรือเพื่อให้ท่านไม่พลาดอู่ข้าวสักฉบับ ขอเชิญ สมัครสมาชิก 1 ปี ในราคาพิเศษ 150 บาท (จำนวน 12 ฉบับ) โทร. 0-2503-2054-5 หรือ email : ricebowlmagazine@gmail.com

-----------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11635

ตอบตอบ: 03/07/2015 5:34 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

สัมภาษณ์ "ดร.มิซาบุโร ทานิกุจิ" : วิพากษ์ชาวนาไทยในมุมมองเกษตรกรญี่ปุ่น


ทรงวุฒิ จันธิมา


"ถ้าคุณอยากเห็นอนาคตการเกษตรของไทยในอีก 20 ปี ก็ให้มองการเกษตรญี่ปุ่น"
"ชาวนาต้องปรับตัว ไม่อย่างนั้นสูญพันธุ์กันหมด"
"เชื่อเถอะว่า เด็กที่เรียนเกี่ยวกับการเกษตรในประเทศไทย ไม่มีทางที่จะกลับมาทำการเกษตรของตนเอง พวกเขาต้องการทำการเกษตรกับบริษัท"

"จนถึงเดี๋ยวนี้ มีการควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวไปแล้วกว่า 70% เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ บริษัทใหญ่ยึดพันธุ์ข้าวไปหมดแล้ว"

"ในความคิดของผม ผมเชื่อว่าเกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย"
"ข้าวแพง ... คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ กลุ่มนายหน้า พ่อค้านายทุน ... มันกลายเป็นเพียงเกม ส่วนชาวนาต้องรับกรรม"



เกษตรกรญี่ปุ่นกับไทยต่างกันเพียงใด

ความต่างข้อแรก เป็นเรื่องความรู้ เมื่อ 25 ปีก่อน คนญี่ปุ่นสามารถอ่านออกเขียนได้กันแทบทุกคน พวกเขาสามารถศึกษาเรื่องเทคนิคด้านการเกษตรได้มาก แต่สำหรับคนไทย ตอนนั้นเกษตรกรที่อ่านหนังสือไม่ออกยังมีอยู่ และถึงมีพวกเขาก็ไม่ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเกษตร

จุดสำคัญยังมีอีกอย่างคือ ชาวญี่ปุ่น มีการเปรียบเทียบความรู้ระหว่างกัน อย่างน้อยหนึ่งวันหรือสองวันก็มีการไปเยี่ยมพื้นที่การเกษตรระหว่างกัน ส่วนคนไทยพอมีงานพอมีการพบปะกัน ก็คุยกันเรื่องอื่น ไม่มีการคุยเรื่องการเกษตร

แต่คนไทยก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน

ถ้ามองในด้านเทคโนโลยีเราจะเห็นว่า ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่เมืองไทย เราจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เริ่มจากควาย เป็นรถไถ เป็นแทร็กเตอร์ มีเครื่องเกี่ยว เครื่องดูดข้าว และจะมีเครื่องมืออื่นอีกมากมายในอนาคต แต่ยังเทียบกับญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะเรามีเครื่องมือที่พร้อมกว่า เกษตรกรญี่ปุ่นสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยทำงานได้ โดยเฉลี่ยคนญี่ปุ่น 1 คน สามารถทำนาได้ 50 ไร่

สำหรับคนไทยยังใช้มือทำ ถ้าคุณอยากเห็นอนาคตการเกษตรของไทยในอีก 20 ปี ก็ให้มองการเกษตรญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ทุกคนก็เจอปัญหาเหมือนกัน เพราะราคาน้ำมันแพง ชาวนาญี่ปุ่น ชาวนาไทย ตอนนี้เดือดร้อนเรื่องต้นทุนการผลิตเหมือนกัน

มีความเห็นอย่างไร เรื่องลูกหลานชาวนาไม่ยอมทำนา

อันนี้มันเป็นปัญหาของสำคัญทั่วโลก ประเทศไทยไม่แตกต่างจากญี่ปุ่น เรื่องคนหนุ่มเลือกอย่างอื่น ตอนนี้อายุเฉลี่ยของชาวนาญี่ปุ่นอยู่ที่ 61 ปี ตอนนี้คนไทยก็คงอยู่ประมาณ 45 ปี มันสะท้อนให้เห็นเลยว่า ชาวนาต้องปรับตัว ไม่อย่างนั้นสูญพันธุ์กันหมด เชื่อเถอะว่า เด็กที่เรียนเกี่ยวกับการเกษตรในประเทศไทย ไม่มีทางที่จะกลับมาทำการเกษตรของตนเอง พวกเขาต้องการทำการเกษตรกับบริษัท

แต่เดี๋ยวนี้นักศึกษาหลายคนของญี่ปุ่นหลายคน มีความสนใจในการทำการเกษตรมากกว่าเดิม มีหลายคนบอกว่า เมื่อทำงานจบแล้วจะกลับมาทำเกษตรกรรม

แล้วมองการรวมตัวของเกษตรกรไทยในตอนนี้อย่างไรบ้าง ?

รัฐบาลไทยความจริงมีการส่งเสริมด้านการเกษตรกรรมมาก รัฐสนับสนุนมาก แต่กลุ่มเกษตรกรไม่ไขว่คว้า มันเป็นเพียงการรวมตัวเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ไม่มีความเหนียวแน่นเลย อย่างช่วงที่ผ่านมา ที่ศูนย์มีการอบรมเรื่องสารเคมี โดย ธกส.หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เป็นคนออกค่าใช้จ่าย แต่ปรากฎว่า หลังการอบรม ไม่มีใครใช้ประโยชน์จากการอบรมเลย หาคนทำปุ๋ยหมักไม่มีเลย นี่ทำให้เห็นความหละหลวมของการรวมกลุ่มของเกษตรชาวไทย

ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องพันธุ์ข้าว มันกลายเป็นปัญหาใหญ่อยู่แล้วเรื่องกลุ่มทุน ไม่ต้องมองที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ แต่ไปมองที่โลกตะวันตก มองอเมริกา ผมนั่งอ่านนิตยสารของญี่ปุ่นฉบับหนึ่งชื่อว่า World Watch เขาบอกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จนถึงเดี๋ยวนี้ มีการควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวไปแล้วกว่า 70% เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ บริษัทใหญ่ยึดพันธุ์ข้าวไปหมดแล้ว

อย่าง GMOs หรือการตัดต่อพันธุกรรมพืช ถ้าหากว่ามันต้องใช้ ใช้แล้วไม่มีผลกระทบมันก็ต้องลองดู แต่ในความคิดของผม ผมเชื่อว่าเกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย แม้จะได้ข้าวน้อยกว่า แต่ประโยชน์ของข้าว ของคนที่รับประทานข้าวมีมากกว่า

ทำอย่างไรจึงจะให้เด็กหันมาทำการเกษตร

ก็ต้องมองไปที่เงิน รัฐต้องเข้ามาสนับสนุนกลุ่มเกษตรกร โดยมองไปที่รายได้ สมมุติว่า จบปริญญาตรีได้เงินเดือน 7,300 บาท เราก็ต้องทำให้ชาวไร่ชาวนาได้เงินเท่านั้น โดยมองไปที่ราคาข้าว จากนั้น ทำให้ชาวนาได้เงินเดือนเท่านั้น เด็กไทยก็ไม่ต้องเข้าไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม

แต่บางที่มันก็ต้องยอมรับนะว่า นาบ้านเรามันเป็นนาปี ทำปีละครั้งที่เหลือมันก็คือ ว่างงาน ถ้าทำงานทุกวันแล้วสามารถได้เงินเยอะกว่าโรงงาน รับรองว่ามีคนเข้ามาทำการเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนข้าวแพงมีผลต่อเกษตรกรหรือไม่ ในความคิดของผม คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ กลุ่มนายหน้าพ่อค้านายทุน

ตอนนี้ราคาข้าวมันก็เหมือนกับตลาดหุ้น มีการปั่นราคา เป็นเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ ยิ่งได้รับประมูลข้าวมาก ก็ยิ่งได้มาก มันกลายเป็นเพียงเกม ส่วนชาวนาต้องรับกรรม

http://www.prachatai.com/journal/2008/05/16630

--------------------------------------------------------------------


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11635

ตอบตอบ: 03/07/2015 5:35 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ปุจฉา วิสัชนา :

ชาวนาไทยทำนา ได้ข้าวมากที่สุดในโลก แต่กลับยากจนที่สุดในโลก....


เพราะอะไร ? .....
เชิญชวนออกความคิดเห็นครับ....



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11635

ตอบตอบ: 03/07/2015 6:28 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
kimzagass บันทึก:


เกษตรกรญี่ปุ่นกับไทยต่างกันเพียงใด :
ความต่างข้อแรก เป็นเรื่องความรู้ เมื่อ 25 ปีก่อน คนญี่ปุ่นสามารถอ่านออกเขียนได้กันแทบทุกคน พวกเขาสามารถศึกษาเรื่องเทคนิคด้านการเกษตรได้มาก แต่สำหรับคนไทย ตอนนั้นเกษตรกรที่อ่านหนังสือไม่ออกยังมีอยู่ และถึงมีพวกเขาก็ ไม่ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเกษตร
COMMENT :
คนญี่ปุ่นได้ชื่อว่าอ่านหนังสือมากที่สุดในโลกชนชาติหนึ่ง เขาปฏิติกันมาจนเป็นวัฒนธรรม
คนไทย สำรวจกันเองพบว่า อ่านหนังสือปีละ 6 บันทัด น้อยที่สุดในโลกหรือเปล่า ไม่รู้

เมื่อรู้ว่าคนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ คนทำหนังสือจึงต้องพยายามทำหนังสือสั้นๆ 1เรื่อง 1หน้าจบ อ่านแล้วปฏิบัติตามได้เลย ประมาณนั้น

นั่นคือ แรกๆให้ "ทำตามโผ" ไปก่อน รอบหน้ารุ่นหน้ารุ่นต่อไปก็ทำได้เอง

-------------------------------------------------------------------

จุดสำคัญยังมีอีกอย่าง คือ ชาวญี่ปุ่น มีการเปรียบเทียบความรู้ระหว่างกัน อย่างน้อยหนึ่งวันหรือสองวันก็มีการไปเยี่ยมพื้นที่การเกษตรระหว่างกัน ส่วนคนไทยพอมีงานพอมีการพบปะกัน ก็ คุยกันเรื่องอื่น ไม่มีการคุยเรื่องการเกษตร
COMMENT :
คนไทย : นี่เป็น "วัฒนธรรมประจำชาติ" เป็นความผิดหรือเจตนาของพระเจ้า ไม่รู้ ที่ใหัคนไทยมาอยู่ในแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ไม่ต้องทำงานอะไรก็มีกินได้ นี่คือมูลเหตุที่เกษตรกรไทยไม่ชอบคุยเรื่องเกษตรแต่ชอบคุยเรื่องการเมือง....
เพราะการเกษตรไม่มีปัญหา ส่วนการเมืองมีปัญหาตลอด .... ไงล่ะ

คุณญี่ปุ่น : จำเป็นต้องคุยกันเรื่องเกษตรมากๆ เพราะความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินมีน้อย ในขณะที่ การเมืองไม่มีปัญหาจึงไม่ต้องคุย .... ไงล่ะ

บัญชาพระเจ้า ให้.... :
ยิว. ไปอยู่ที่ประเทศอิสราเอล มีแต่ทราย ยิว.อยู่ได้ ..........................เพราะ "หัวดี"
ยุ่น. ไปอยู่ประเทศญี่ปุ่น แผ่นดินไหวมาก ยุ่น.อยู่ีได้ .........................เพราะ "อดทน"
ยวน. ไปอยู่ประเทศเวียดนาม มรสุมจากทะเลมาก ยวน.อยู่ได้ ...............เพราะ "ขยัน"
ไทย. มาอยู่ประเทศไทย ความสบูรณ์มาก ถ้าไม่สมบูรณ์คนไทยจะอดตาย ....เพราะ "ขี้เกียจ"

--------------------------------------------------------------------

แต่คนไทยก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเหมือนกัน :
ถ้ามองในด้านเทคโนโลยีเราจะเห็นว่า ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่เมืองไทย เราจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เริ่มจากควาย เป็นรถไถ เป็นแทร็กเตอร์ มีเครื่องเกี่ยว เครื่องดูดข้าว และจะมีเครื่องมืออื่นอีกมากมายในอนาคต แต่ยังเทียบกับญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะเรามีเครื่องมือที่พร้อมกว่า เกษตรกรญี่ปุ่นสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยทำงานได้ โดยเฉลี่ย คนญี่ปุ่น 1 คน สามารถทำนาได้ 50 ไร่
COMMENT :
คนไทย : เพราะความอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินสูง ความจำเป็นในการดำรงชีวิตไม่สูง จึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ .... ถึงก็ชั่ง ไม่ถึงก็ชั่ง ที่นี่ สถานีรถไฟบ้านป๊อกแป๊ก ที่นี่สถานีรถไฟบ้านป๊อกแป๊ก ฯลฯ

คนญี่ปุ่น : เจอภัยธรรมชาติบ่อย ภูเขาไฟระเบิด-ซืนามิ (ทั่วโลกยอมรับชื่อและใช้เป็นภาษาพูด) แถมต้องมาชดใช้ค่าปฏิกรรมสงคราม เพราะแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 (ดีนะ ที่พระมหาจักรพรรดิ์ไม่ต้องขึ้นศาลสงคราม) คนญี่ปุ่นจ่ายภาษีแพงที่สุดในโลก ค่าครองชีพในญี่ปุ่นแพงที่สุดในโลก ฉนี้ หากญี่ปุ่นอยู่อย่างไทยไทย ถึงก็ชั่ง ไม่ถึงก็ชั่ง มีหวังอดตายทั้งประเทศ ถึงกระนั้นก็ยังไม่วาย สถิติคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายเพราะล้มเหลวทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก

พูดถึงสงครามโลก ครั้งที่ 2 แล้ว ต้องกราบสักการะงามๆ แด่พระสยามเทวาธิราช ที่ดลใจให้นายกรัฐมนตรีไทย (จอมพล ป.) ไม่เข้าร่วมเป็นมิตรสงครามกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นบุกไทยผ่านไปพม่า (สร้างรถไฟสายมรณะ) กับดลใจให้เสรีไทย (มรว.เสนีย์ ปราโมช บก.ใหญ่อยู่อเมริกา) ต่อต้านทหารญี่ปุ่นในไทยทุกรูปแบบ (อนุสาวรีย์จ่าดำ นครศรีธรรมราช-พยัคฆ์ร้ายไทยถีบ) สุดท้ายทำให้ไทยไม่ใช่คู่สงครามกับอเมริกา แล้วก็ไม่ต้องชดใช่ค่าปฏิกรรมสงครามด้วย....ไชโย ไทยแลนด์

----------------------------------------------------------------------

สำหรับคนไทยยังใช้มือทำ ถ้าคุณอยากเห็นอนาคตการเกษตรของไทยในอีก 20 ปี ก็ให้มองการเกษตรญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ทุกคนก็เจอปัญหาเหมือนกัน เพราะราคาน้ำมันแพง ชาวนาญี่ปุ่น ชาวนาไทย ตอนนี้ เดือดร้อนเรื่องต้นทุนการผลิตเหมือนกัน
COMMENT :
ต้นทุนค่าน้ำมัน = เท่ากัน
ต้นทุนค่าอย่างอื่นก็คง = เท่ากัน หรือต่างกันไม่มากนัก

ชาวนาญี่ปุ่นทำข้าวจาปอนนิก้า ขายได้แค่ในประเทศ
ชาวนาไทยทำข้าวหอมมะลิ ข้าวที่ดีที่สุดในโลก ขายได้ทั่วโลก .... ขายให้จีนประเทศเดียวได้ก็เหลือจะรวยแล้ว

จาปอนนิก้า 50 ไร่ มูลค่าเท่ากับหอมมะลิ 10 ไร่
วันใดที่ชาวนาไทย "ฮึด !" ขึ้นมา วันนั้นทั่วโลกจะหนาวววว !

-----------------------------------------------------------------------


มีความเห็นอย่างไร เรื่องลูกหลานชาวนาไม่ยอมทำนา :
อันนี้มันเป็นปัญหาของสำคัญทั่วโลก ประเทศไทยไม่แตกต่างจากญี่ปุ่น เรื่องคนหนุ่มเลือกอย่างอื่น ตอนนี้อายุเฉลี่ยของชาวนาญี่ปุ่นอยู่ที่ 61 ปี ตอนนี้คนไทยก็คงอยู่ประมาณ 45 ปี มันสะท้อนให้เห็นเลยว่า ชาวนาต้องปรับตัว ไม่อย่างนั้นสูญพันธุ์กันหมด เชื่อเถอะว่า เด็กที่เรียนเกี่ยวกับการเกษตรในประเทศไทย ไม่มีทางที่จะกลับมาทำการเกษตรของตนเอง พวกเขาต้องการทำการเกษตรกับบริษัท
COMMENT :
การทำเกษตรมี 2 รูปแบบ คือ ผลิตเพื่อจำหน่ายผลผลิต และ จำหน่ายผลิตภัณท์เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร (ขายปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์ เครื่องทุ่นแรง เทคโนโลยี ตลาด ฯลฯ)

ประชากรอเมริกา 52% ทำอาชีพเกษตร โดย 48% ทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร และ 4% ผลิตเพื่อจำหน่ายผลผลิต

เกษตรกรหนุ่มสาวอเมริกา มีที่ 100 เฮกต้า (700 ไร) สองคนผัวเมียคงทำไม่ไหว จึงรวมกลุ่มรวมพื้นที่กับบ้านข้างเคียงได้ 3-4-5 ราย รวมเนื่อที่ 1,000-2,000 เฮกต้า แล้วให้บริษัททำการเกษตรเข้ามา TAKE OVER แล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์ (เน้นย้ำ....เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เหมาเฮกต้าละ = ? หรือค่าเช่าที่) เป็นเหตุให้บริษัทที่เข้ามาทำต้องทำให้ได้ผลผลิตมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์สูงๆ

อนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้า เด็กไทยที่จบปริญญา (ปริญแหญะ....สอนโดย ดร.กรอบสัก) ตกงานถาวรล้นบ้านล้นเมือง ต้องลงนาแน่ เพราะถ้าไม่ลงนาก็จะไม่มีกิน ความมีปริญแหญะจะสอนให้เขา "คิด" แล้ววางแผนทำนารูปแบบใหม่ หรือทำเกษตรอย่างอื่นก็ว่ากันไป

---------------------------------------------------------------------


แต่เดี๋ยวนี้นักศึกษาหลายคนของญี่ปุ่นหลายคน มีความสนใจในการทำการเกษตรมากกว่าเดิม มีหลายคนบอกว่า เมื่อทำงานจบแล้วจะกลับมาทำเกษตรกรรม
COMMENT :
สัจจะธรรม ประเทศอุตสาหกรรม สร้างเครื่องบินมูลค่าลำละพันล้าน สร้างได้มากแค่ไหน คนก็ต้องกิน

ญี่ปุ่นเป็นเมืองหนาว ในรอบ 1 ปี มีเวลาทำการเกษตรเพาะปลูกพืชได้แค่ 4 เดือนเท่านั้น กอร์ปกับ รัฐบาลให้การส่งเสริมอย่างมาก ตัวเกษตรกรหนุ่มสาว ขยัน-ฉลาด จึงเกิดอาชีพ "เกษตรกรวันหยุด" ไม่ใช่น้อย

วัฒนธรรมสาวๆ ญี่ปุ่นแต่งงานแล้วมักลาออกจากงานอยู่บ้านเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก วันนี้ลูกโตช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว คนที่เคยเป็นแม่บ้านจึงลงแปลงทำการเกษตรเสริมรายได้ให้ครอบครัว

หนุ่มสาวรุ่นใหม่ไม่ใช่น้อย หันมาทำเกษตรอย่างเต็มตัวเต็มหัวใจ ทำเป็นธุรกิจ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง คือ OTOP ที่ไทยแลนด์เลียนแบบไง

----------------------------------------------------------------------


แล้วมองการรวมตัวของเกษตรกรไทยในตอนนี้อย่างไรบ้าง ? :
รัฐบาลไทยความจริงมีการส่งเสริมด้านการเกษตรกรรมมาก รัฐสนับสนุนมาก แต่กลุ่มเกษตรกรไม่ไขว่คว้า มันเป็นเพียงการรวมตัวเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ไม่มีความเหนียวแน่นเลย อย่างช่วงที่ผ่านมา ที่ศูนย์มีการอบรมเรื่องสารเคมี โดย ธกส.หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เป็นคนออกค่าใช้จ่าย แต่ปรากฎว่า หลังการอบรม ไม่มีใครใช้ประโยชน์จากการอบรมเลย หาคนทำปุ๋ยหมักไม่มีเลย นี่ทำให้เห็นความหละหลวมของการรวมกลุ่มของเกษตรชาวไทย
COMMENT :
เพราะคนไทยถือ "ศักดิ์ศรี" เป็นเรื่องสำคัญมาก (อ้างอิง : หน.คสช./นายกฯ) ไม่เชื่อใครง่ายๆ ....คนมีหนี้มี "ศักดิ์ศรี" ด้วยเหรอ ? (อ้างอิง : ลุงคิม) ถึงไม่ยอมเชื่อคนที่ประสบความสำเร็จ

เกษตรกรเอ๋ยยยย .... ทบทวนความทรงจำซิ ที่เคยผ่านงาน .... :
ทัศนศึกษา-ดูงาน-สัมมนา-สาธิต-บรรยาย-เรียน-ฝึก-ฯลฯ
จากคนระดับ ศ.ดร.-ปราชญ์ชาวบ้าน-เกษตรกรดีเด่น-อาสาสมัคร-จนท.เกษตร-ตำรวจ-ทหาร-ฯลฯ

แล้ววันนี้ได้อะไรมา ปรับ/ใช้ ให้เเกิดประโยชน์กับตัวเอง กับญาติพี่น้อง กับฯลฯ บ้างหรือไม่ ?

-----------------------------------------------------------------------

ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องพันธุ์ข้าว มันกลายเป็นปัญหาใหญ่อยู่แล้วเรื่องกลุ่มทุน ไม่ต้องมองที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ แต่ไปมองที่โลกตะวันตก มองอเมริกา ผมนั่งอ่านนิตยสารของญี่ปุ่นฉบับหนึ่งชื่อว่า World Watch เขาบอกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จนถึงเดี๋ยวนี้ มีการควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวไปแล้วกว่า 70% เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ บริษัทใหญ่ยึดพันธุ์ข้าวไปหมดแล้ว
COMMENT :
ลิขสิทธุ์สายพันธุ์ข้าวมีแต่สายพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาใหม่โดยนักวิชาการเอกชน เช่น ไรซ์เบอรี่, สุโขทัย 1,2, ซีพี 111 ฯลฯ เท่านั้น ทำไปเถอะ ถ้าเจ้าของลิขสิทธิ์ฟ้องศาลก็ไม่ต้องกลัวเพราะศาลเข้าข้างชาวนาอยู่แล้ว อย่างดีศาลก็สั่งให้ชาวนาชดใช้หนี้เดือนละ 500 เท่านั้นแหละ

ลิขสิทธุ์สายพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาใหม่โดยนักวิชาการราชการ เช่น ปทุมธานี สุพรรณบุรี พิษณุโลก กข.ต่างๆ ฯลฯ มีหรือไม่มีลิขสิทธิ์ไม่ทราบ แต่ไม่หวงห้าม

ข้าวสายพันธุ์เก่า เช่น หอมมะลิ สังข์หยด ลืมผัว มะลิแดง เจ๊กเชย ข้าวจีไอ. ฯลฯ ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นของพระเจ้า

---------------------------------------------------------------------


อย่าง GMOs หรือการตัดต่อพันธุกรรมพืช ถ้าหากว่ามันต้องใช้ ใช้แล้วไม่มีผลกระทบมันก็ต้องลองดู แต่ในความคิดของผม ผมเชื่อว่า เกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย แม้จะได้ข้าวน้อยกว่า แต่ประโยชน์ของข้าว ของคนที่รับประทานข้าวมีมากกว่า
COMMENT :
เรื่อง จีเอ็มโอ วันนี้ ผู้ส่งเสริมกับผู้ต่อต้าน ไม่ตั้งโต๊ะพูดกัน ต่างคนต่างพูดคนละที คนละที่ คล้ายๆ (เน้นย้ำ...คล้ายๆ) ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์อยู่เบื้อหลัง ยังงั้นแหละ

จีเอ็มโอ ถูกหรือผิด คำตอบอยู่ที่คนรับซื้อ

เกษตรอินทรีย์ แยกให้ออกระหว่าง "อินทรีย์มั่วซั่ว-อินทรีย์ตกขอบ v.s. อินทรีย์เกาะขอบ-อินทรีย์เคมี - อินทรีย์นำ เคมีเสริม - เคมีนำ อินทรีย์เสริม" .... ว่า :
เหมือนกัน ต่างกัน อย่างไร ?
เหมะสมกับพืชแต่ละชนิด หรือไม่ ? อย่างไร ?

นาข้าวอินทรีย์ ได้ผลผลิตข้าวน้อยแต่จำหน่ายได้ราคาสูง +ปัจจัยเกี่ยวเนื่องอื่นๆ สูงด้วย
นาข้าวเคมี ได้ผลผลิตมากแต่จำหน่ายได้ราคาต่ำ +ปัจจัยเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ต่ำด้วย

สมการ ปุ๋ยอินทรีย์ .... ?
สมการ ปุ๋ยเคมี ....... ?
สมการ ดิน ........... ?
สมการ น้ำ ........... ?
สมการ อากาศ ....... ?
สมการ อุณหภูมิ ...... ?
สมการ ฯลฯ .......... ?

-----------------------------------------------------------------------


ทำอย่างไรจึงจะให้เด็กหันมาทำการเกษตร :
ก็ต้องมองไปที่เงิน รัฐต้องเข้ามาสนับสนุนกลุ่มเกษตรกร โดยมองไปที่รายได้ สมมุติว่า จบปริญญาตรีได้เงินเดือน 7,300 บาท เราก็ต้องทำให้ชาวไร่ชาวนาได้เงินเท่านั้น โดยมองไปที่ราคาข้าว จากนั้นทำให้ชาวนาได้เงินเดือนเท่านั้น เด็กไทยก็ไม่ต้องเข้าไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม
COMMENT :
สร้างมูลเหตุจูงใจ
สร้างทัศนคติ
สร้างค่านิยม
สร้างวัฒนธรรม
สร้าง ฯลฯ

โดย....
พ่อแม่ ผู้นำ ........... หมายเลข 1
ญาติพี่น้อง ผู้นำ ...... หมายเลข 2
ครูอาจารย์ ผู้นำ ...... หมายเลข 3
รัฐ ผู้นำ ............... หมายเลข 4
สังคม ผู้นำ ............ หมายเลข 5
หมอดู ผู้นำ ........... หมายเลข 6

ที่ดิน 10 ไร่ (สมมุติ) ลงชะอม 3 ไร่, ผักหวานบ้าน 3 ไร่, มะกรูดตัดใบ 4 ไร่, มีรายได้วันละ 2,000 .... ถาม : ได้เดือนละ ?
นอกจากผลผลิตแล้ว ปุ๋ย-ฮอร์โมน-ยาสมุนไพร ทำใช้ ขายด้วย ... ถาม : ได้เดือนละ ?

ขยัน + ฉลาด + วิสัยทัศน์ = รวย

-----------------------------------------------------------------------


แต่บางที่มันก็ต้องยอมรับนะว่า นาบ้านเรามันเป็นนาปี ทำปีละครั้งที่เหลือมันก็คือ ว่างงาน ถ้าทำงานทุกวันแล้วสามารถได้เงินเยอะกว่าโรงงาน รับรองว่ามีคนเข้ามาทำการเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนข้าวแพงมีผลต่อเกษตรกรหรือไม่ ในความคิดของผม คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ กลุ่มนายหน้าพ่อค้านายทุน
COMMENT :
ทำนาปีละครั้ง 4 เดือน ช่วงเวลาที่เหลือ 8 เดือน ปลูกพืชไร่
ทำนาปีละ 2 ครั้ง 8 เดือน ช่วงเวลา 4 เดือนที่เหลือปลูกพืชไร่
ปลูกผักสวนครัวบนคันนา มีรายได้ตลอดปี

ไม่มีความยากจนในหมู่ของคนขยัน
ไม่มีความร่ำรวยในหมู่ของคนขี้เกียจ

--------------------------------------------------------------------


ตอนนี้ราคาข้าวมันก็เหมือนกับตลาดหุ้น มีการปั่นราคา เป็นเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ ยิ่งได้รับประมูลข้าวมาก ก็ยิ่งได้มาก มันกลายเป็นเพียงเกม ส่วนชาวนาต้องรับกรรม
COMMENT :
งานนี้ไม่ใช่เกม ไม่ใช่กรรม แต่....
ชีวิต คือ การแข่งขัน
คนเรา แพ้/ชนะ กันที่โอกาส
พระเจ้าสร้างให้ทุกคนเท่าๆกัน แต่ แต่ละคนค้นหาตัวเองไม่พบ

........... ที่นี่ ให้ปรัชญาชีวิตไว้มากมาย คิดเอาเอง .......

--------------------------------------------------------------------




.[/quote
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©