-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ปลูกพร้าวน้ำหอม กาฬสินธ์ จะขาดทุนไหม ?
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบปัญหารายการวิทยุ 8 SEP *มะคาดิเมีย ถั่วแพงที่สุดในโลก
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบปัญหารายการวิทยุ 8 SEP *มะคาดิเมีย ถั่วแพงที่สุดในโลก

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11571

ตอบตอบ: 08/09/2015 6:10 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบปัญหารายการวิทยุ 8 SEP *มะคาดิเมีย ถั่วแพงที่สุดในโลก ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 8 SEP

AM 594 เวลา 06.30-07.00 (ทุกวัน) และ 08.10-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...

* บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

http://kasate.site88.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1
* ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

http://www.mysuccessagro.com
* บ.มายซัคเซส อะโกร---ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
7) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

----------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
...... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .......
...... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .......

-----------------------------------------------------------



จาก : (090) 183-69 xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ ผมซื้อมะคาดีเมียในห้างมากิน ทุกคนในบ้านบอกว่าอร่อยมากอยากถามว่า เมืองไทยปลูกได้ไหม ปลูกที่ไหนบ้าง ผมมีที่อยู่เชียงราย 100 ไร่ อยากทำสวนเกษตร ขอให้ผู้พันแนะนำพืชไม้ผลยืนต้นสำหรับเชียงรายด้วยครับ .... ขอบคุณครับ

ตอบ :

เส้นทางสู่ความสำเร็จ :
ความรู้ .... ความรู้วิชาการ + ความรู้รอบตัว
ความรู้ .... วิชาการ + ประสบการณ์
พื้นฐานการตัดสินใจ : วิชาการ + ประสบการณ์ + จินตนาการ + จุดขาย + UNSEEN

- พืชไม้ผลยืนต้นสำหรับเชียงราย มีอยู่ตามรายทาง ข้างบ้าน แปลงสาธิต นั่นแหละ ตอบฟันธงตรงๆเลยไม่ได้หรอก จะเลือกอะไรก็ว่าไป ปลูกขายตามใจคนซื้อ ปลูกกินตามใจคนในบ้าน ปลูกแล้วบำรุงเขาตามความต้องการของเขา คือ ตามใจพืช ไม่ใช่ตามใจคน

- น่าจะดีกว่า มีอนาคตดีว่า “ดาวอินคา” มั้ง อย่างน้อยก็รู้แล้วว่า ทำอะไรกิน กินแล้วถูกรสนิยมคนไทย .... ไอ้ดาวอินคา เก็บมาแล้วเอามา ต้ม/คั่ว/นึ่ง/ดอง/บด/ฯลฯ ยังไงก่อนแล้วกิน ขนาดเอามาทำอะไรกินยังไม่รู้ คนไทยจะกินไหม ไม่รู้ก็ยังคิดจะปลูกอีกแน่ะ .... ลืมแล้วเหรอ ว่านหางจระเข้ สบู่ดำ ตะกู คนขายต้นพันธุ์รวยไปตามๆกัน แล้วคนปลูกล่ะ

มะคาดิเมีย ได้ฉายาว่าเป็น “ถั่วอร่อยที่สุดในโลก” อันนี้ทั่วโลกยอมรับ .... ยืนยันว่า เมืองไทยปลูกได้ มีคนปลูกแล้ว

รักมะคาดิเมีย อย่าฝากอนาคตไว้กับมะคาดีเมียอย่างเดียว ปลูกอย่างอื่นไว้เป็นหลักประ กันบ้าง วันไหนต้นมะคาดีเมียล้มทับก็จะได้มีไม้อื่นเป็นตัวตายตัวแทน เรียกว่า “เกษตรเผื่อเลือก” นั่นแหละ

ก่อนลงมือทำอะไร ขอให้ศึกษาส่วนที่จะเป็น “ปัญหา” ก่อน รู้แล้วป้องกัน ป้องกันได้ปัญหาก็จะไม่เกิด เมื่อปัญหาไม่เกิดย่อมสำเร็จเป็นธรรมดา แต่ถ้าไม่ป้องกันปัญหาไว้ก่อน ทำๆไปแล้วเจอแต่ปัญหา ปัญหา ปัญหา เดี๋ยวก็ต๊อแต๊ ลงท้ายก็ล้มเหลว

ที่ 100 ไร่ น่าจะพิจารณาสวนเกษตรเพื่อการท่องเที่ยว ลงไม้ผล 5 อย่าง ๆละ 10 ไร่ ระยะชิด ทำให้เกรด เอ. พรีเมียม. .... ที่เหลืออีก 50 ไร่ทำอย่างอื่น

มะคาเดเมีย :

ปัจจุบันมีแปลงต้นพันธุ์มะคาเดเมียขนาดใหญ่ 100 - 200 ไร่ อยู่ที่สถานีทดลองเกษตรที่สูงวาวี จังหวัดเชียงราย สถานีทดลองเกษตรที่สูงแม่จอนหลวง จังหวัดเชียงใหม่ และสถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ จังหวัดเลย รวมพื้นที่ทั้ง 3 แห่งประมาณ 500 ไร่ สามารถขยายพันธุ์ได้ปีละ 35,000 - 50,000 ต้น

การปลูกมะคาเดเมีย :

ระยะปลูกระหว่างต้น - แถว 8 x 10 ม. และปลูกพืชแซมในระหว่างแถวช่วง 10-12 ปีแรก ได้แก่ กาแฟ, สตรอเบอรี่, ผัก เป็นต้น ขนาดหลุม75 x 75 x 75 ซม. หรือ 1 x 1 x 1 ม. ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ ของดินรองก้นหลุมด้วยยิบซั่มหลุมละ 1-2 กก. และใช้ปุ๋ยคอกปุ๋ยอินทรีย์ เช่น เศษซากพืชแห้ง แกลบหรือปุ๋ยหมัก คลุกเคล้ากับดิน

การใส่ปุ๋ย

ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 , 12-12-17-2 และยูเรียโดยปีที่ 1, 2, 3 และ 4 ใส่ปุ๋ย 15-15-15 ต้นละ 400, 800, 1,200 และ 1,800 กรัม และผสมยูเรีย 45, 90, 135 และ 180 กรัม ตามลำดับ ส่วนปีที่ 5 เป็นต้นไป ใช้ปุ๋ยสูตร 12-12-17-2 หรือ 13-13-21 อัตรา ต้นละ 2.5 กก. และเพิ่มขึ้นปีละ 500-600 กรัมและผสมยูเรียเพิ่ม 10% และโปแตสเซียม 15% ของปุ๋ยสูตร ทุกปี ปุ๋ยแห่งใส่ปีละ 4 ครั้ง คือ ช่วง 3 เดือน ก่อนออกดอก (ต.ค.-พ.ย.) ระยะติดผลขนาดเล็ก ระยะต้นฝน และปลายฝน

การให้น้ำ

ควรให้น้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ระยะติดผลและผลกำลังพัฒนาไม่ควรขาดน้ำ

การตัดแต่งกิ่ง

มะคาเดเมียมีการตัดแต่งน้อยมาก เพราะจะออกดอกภายในทรงพุ่มเป็นส่วนใหญ่ และออกจากกิ่งแขนงเล็กๆ อายุประมาณ 2 ปี การตัดแต่งจะทำระยะแรกที่เริ่มปลูก คือ 6-12 เดือนแรก ต้องบังคับให้มีกิ่งหรือต้นประธานเพียง 1 กิ่ง เมื่อกิ่งประธานสูงเกิน 80-100 ซม. และยังไม่แตกกิ่งข้างต้องเด็ดยอดกิ่งประธานออก เพื่อให้กิ่งข้างแตกอย่างน้อย 2-3 กิ่ง และเลือกกิ่งตั้งตรงเพื่อใช้เป็นกิ่งประธานต่อไป หลังติดผลจะตัดเฉพาะกิ่งที่เป็นโรคและแน่นเกินไป

การขยายพันธุ์

ทาบกิ่ง ติดตา เสียบยอด โดยใช้ต้นตอจากการเพาะเมล็ด

การเก็บเกี่ยว

บนที่สูงออกดอกช่วง พ.ย. - ธ.ค. และ ก.ค. - ส.ค. อายุตั้งแต่ดอกบานถึงแก่ประมาณ 6 - 9 เดือน ขึ้นกับบริเวณปลูกยิ่งสูงยิ่งเก็บช้า มะคาเดเมียเมื่อแก่จะร่วงลงพื้น หลังเก็บผลต้องรับกะเทาะเปลือกเขียวข้างนอกออก เพราะถ้าผลกองรวมซ้อนกันมากๆ จะเกิดความร้อนทำให้เนื้อในคุณภาพไม่ดี การเก็บเมล็ดหลังกะเทาะเปลือกนอกออก ควรผึ่งในที่มีผมผ่านสะดวก หรือวางบนตะแกรงเป็นชั้นๆ เพื่อลดความชื้นขณะรอส่งขายหรือก่อนเข้าตู้อบเพื่อกะเทาะเปลือกแข็ง

ผลผลิต :

หลังปลูก 4-5 ปี เริ่มให้ผลผลิตปีแรก 1-3 กก. /ต้น และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี 10 ปีขึ้นไป ให้ผลผลิต 20-30 กก. /ต้น อายุ 20 ปีขึ้นไป 40 - 60 กก. /ต้น อายุให้ผลผลิตยาวนานไม่น้อยกว่า 50 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา

การขายผลผลิต :

อาจขายเป็นเมล็ดทั้งกะลา ความชื้นประมาณ 10-15 % หรือ กะเทาะกะลาออกและขายเนื้อในดิบ ความชื้นประมาณ 3-5 %

ข้อควรคำนึงในการปลูกมะคาเดเมีย :

1. พื้นที่ที่มีการระบายน้ำได้ดี มีหน้าดินลึก
2. ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1,220-1500 มิลลิเมตรต่อปี .... (ไม้เมืองเหนือทั่วไป)
3. มะคาเดเมียเจริญเติบโตได้ดีในช่วงอุณหภูมิ 10-35 องศา
- ช่วงฤดูหนาวมีอุณหภูมิระดับ 18 องศา ลงมา นานประมาณ 1 เดือน เพื่อกระตุ้นในการออกดอก
- ช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิไม่ควรเกิน 35 องศา เพราะจะทำให้กะลาแข็งตัวเร็ว เนื้อในเล็กและพืชชะงักการเจริญเติบโต
4. ต้องการความชื้นสัมพัทธ์ สูงช่วงออกดอกและเริ่มติดผล 75% ขึ้นไป
5. มีแสงแดดอย่างน้อยวันละ 10-12 ชั่วโมง เพื่อปรุงอาหารได้เต็มที่ทำให้เนื้อในมีคุณภาพดีขึ้น
6. ควรปลูกหลายพันธุ์ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อช่วยการผสมเกสรข้ามพันธุ์ ทำให้ติดผลมาก
7. ควรมีไม้บังลมเพราะเป็นระบบรากตื้นอาจทำให้โคนล้มง่าย
8. ควรเป็นพื้นที่ที่สามารถให้น้ำได้ในช่วงฤดูแล้ง หากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงและมีขนาดเล็ก
9. เนื่องจากเป็นพืชอุตสาหกรรม จึงต้องปลูกรวมกันในพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 1,000-1,500 ไร่ขึ้นไป เพื่อให้พอกับปริมาณที่ส่งโรงงานได้

10. ผลผลิตจะคุ้มทุนประมาณปีที่ 12-14 ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และควรปลูกพืชแซมช่วง 10-12 ปีแรก
11. พื้นที่ปลูกที่เหมาะสม 700 เมตร ขึ้นไป จากระดับน้ำทะเล ถ้าเป็นพื้นที่ต่ำกว่า 700 เมตร คือ 400-600 เมตร ควรอยู่ในเขตเส้นรุ้งที่ 19.8 องศาเหนือขึ้นไป ได้แก่ พื้นที่ภาค เหนือตอนบน

พันธุ์มะคาเดเมีย :

สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ได้แนะนำพันธุ์มะคาเดเมีย ที่ได้จากการวิจัยเปรียบเทียบพันธุ์ที่เป็นการค้าของต่างประเทศ และคัดเลือกเป็นพันธุ์ดีสำหรับแนะนำเกษตรกร จำนวน 3 พันธุ์ ได้แก่

1. พันธุ์เชียงใหม่ 400 (HAES 660)
:
ทรงต้นตั้งตรง คล้ายปิรามิด ความสูงต้น 15-20 เมตร พุ่มแน่น กว้าง 10-15 เมตร
ขนาดผลเล็กถึงปานกลาง กะลาบาง เมล็ดรูปร่างกลม ผิวกะลาเรียบ
สีผิวเมล็ดสีน้ำตาลอ่อน มีจุดลายประ
น้ำหนักเมล็ดแห้งทั้งกะลา 5-8 กรัม
จำนวนเมล็ดต่อ กก. 175-190 เมล็ด

ขนาดของเนื้อในใช้เป็นมาตรฐานในการคัดเลือกพันธุ์
เนื้อในรูปร่างกลม สีขาว
น้ำหนักเมล็ดเนื้อใน 1.5-2.7 กรัม
เปอร์เซ็นต์เนื้อในหลังกะเทาะสูง 34-42%
เกรดหนึ่ง 35-41%
เปอร์เซ็นต์เนื้อในลอยน้ำ 93-100%
ผลผลิตต่อต้น (อายุ 11 ปี) 11-17 กก.
อายุเบา ออกดอกดก ใช้ปลูกร่วมกับพันธุ์อื่น เพื่อช่วยผสมเกสรให้กับพันธุ์อื่น

เหมาะสมในระดับพื้นที่ 700 เมตร ขึ้นไป ถ้าพื้นที่ต่ำ 400-600 เมตร ต้องอยู่ในเขตเส้นรุ้ง (ละติจูด) ที่ 19.8 องศาเหนือ ขึ้นไป ได้แก่ อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นต้น


2. พันธุ์เชียงใหม่ 700 (HAES 741) :

ทรงต้นกึ่งต้นตรง พุ่มแน่น คล้ายปิรามิด
ความสูง 15-20 เมตร ทรงพุ่มกว้าง 10-15 เมตร
ขนาดผลปานกลาง กะลาบาง
เมล็ดรูปร่างกลม ผิวเรียบ สีน้ำตาลอ่อนมีจุดลายประ
น้ำหนักเมล็ดแห้งทั้งกะลา 6-8 กรัม
จำนวนเมล็ดต่อกิโลกรัม 135-150 เมล็ด
รูปร่างเนื้อในกลม
น้ำหนักเนื้อในสูงและสม่ำเสมอดีกว่าพันธุ์เชียงใหม่ 400

น้ำหนัก 2.0-2.9 กรัม สีขาวสวยเป็นที่ดึงดูดตา
ผลผลิตต่อต้น (อายุ 11 ปี) 13-21 กก.
เจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดีในพื้นที่สูง 700 ม. ขึ้นไป

3. พันธุ์เชียงใหม่ 1000 (HAES 508) :

ทรงต้นกึ่งต้นตรง ทรงพุ่มค่อนข้างแน่น ทรงกลม แผ่กว้างกว่าทุกพันธุ์
ความสูงต้น 15-20 ม. ทรงพุ่มกว้าง 12-15 ม.
ขนาดผลปานกลาง เมล็ดรูปร่างกลม ผิวเรียบ สีน้ำตาลอ่อน มีจุดประเล็กน้อย
มีรอยแตกสีดำชัดเจน กะลาหนาเล็กน้อย
ขนาดเมล็ดเล็กปานกลาง น้ำหนักแห้งทั้งกะลา 5- 8 กรัม จำนวนเมล็ด /กก. 148-170 เมล็ด
รูปร่างเนื้อในกลม น้ำหนัก 107-205 กรัม สีขาว ผลผลิตต่อต้น (อายุ 11 ปี) 21-33 กก.
เนื้อในมีคุณภาพยอดเยี่ยม คือ มีรูปร่างลักษณะและสีสวยเจริญเติบโตดีและให้ผลผลิตสูง ในสภาพอากาศหนาวเย็นที่ระดับ ความสูง 1,000 ม.ขึ้นไป

พันธุ์เชียงใหม่ 1000 ทนแล้งไม่ทนร้อน ถ้าปลูกในพื้นที่ต่ำกว่า 700 ม. ลงมา ไม่ทนร้อน จะเกิดอาการแพ้ความร้อน คือ ใบเหลืองซีด ขอบใบไหม้ ช่วงออกดอก ติดผลและเก็บเกี่ยว แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่และพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธุ์เชียงใหม่ 400 เป็นพันธุ์เบา มีอายุการเก็บเกี่ยวผลประมาณ 180-200 วัน หลังจากดอกบานในสภาพื้นที่สูง 800-1,300 ม. เหนือระดับน้ำทะเล มะคาเดเมีย จะออกดอก 2 ช่วงใหญ่ๆ แต่ในสภาพพื้นที่ต่ำกว่า 800 เมตรลงมา จะออกดอก ติดผลครั้งเดียว

พื้นที่ปลูกในระดับความสูงเหนือน้ำทะเล 800-1,300
ช่วงออกดอก พ.ย.- ก.พ.
ช่วงเก็บเกี่ยว มิ.ย.- ก.ย.
อายุตั้งแต่ดอกบาน-เก็บเกี่ยว (180-240 วัน)

การแปรรูปมะคาเดเมีย :

หลังจากเก็บเกี่ยวมะคาเดเมียแล้ว ในกรณีที่เป็นผลสุกนานแล้ว สีเปลือกจะมีสีน้ำตา ถ้าดำควรนำไปเข้าโรงงานกะเทาะเปลือกออก และนำไปอบแห้งภายใน 24 ชั่วโมง มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดความร้อน และเนื้อในมีคุณภาพไม่ดี เครื่องกะเทาะเปลือกมะคาเดเมียอาจดัดแปลงจากเครื่องสีข้าวโพดได้ เมล็ดที่กะเทาะเปลือกออกแล้วต้องนำมาผึ่งลม หรือวางบนตะแกรง ไม่ซ้อนกันมากเกินไป โดยวางตะแกรงเป็นชั้นๆ และใช้พัดลมเป่า หรืออยู่ในที่ที่มีผมพัดผ่านสะดวก เมล็ดที่นำมาลดความชื้น จะมีเปอร์เซ็นต์ความชื้นอยู่ ระหว่าง 15-27% นำมาผึ่งลม 2-3 วัน แล้วนำเข้าตู้อบใช้อุณหภูมิจากต่ำและเพิ่มสูงขึ้นจาก 38 องศา นาน 1-2 วัน 42 องศา นาน 1-2 วัน 48 องศา นาน 1-2 วันและ 52 องศา นาน 1-2 วัน ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิอย่างช้าๆ ได้เท่าไร ผลเนื้อในจะมีคุณภาพดีเท่านั้น คือ มีสีขาวนวล มีความชื้นของเนื้อในเหลือเพียง 1-1.5% เท่านั้น

เมื่อลดความชื้นได้ต่ำขนาดนั้นแล้ว ทำการบรรจุถุงพลาสติก ปิดปากถุงด้วยระบบสุญญา กาศ นำไปเก็บไว้ในห้องเย็น อุณหภูมิประมาณ 5 องศา จะสามารถเก็บไว้ ได้นาน เป็นปีโดยไม่เสื่อมคุณภาพ เมล็ดที่อบแห้งจนเหลือความชื้น 1.5% นำมาคัดเลือกเอาเมล็ดพันธุ์ที่มีตำหนิจุดด่างดำเล็กๆ น้อยๆ จากการทำลายของศัตรูพืชออก นำเอาเฉพาะเมล็ดที่มีคุณภาพดีมาอบ หรือ ทอดในน้ำมันมะพร้าว โดยใช้อุณหภูมิประมาณ 135 องศา โดยใช้เวลาทอดประมาณ 12-15 นาที แต่ถ้าอบแห้งใช้เวลานาน 40-50 นาที ในอุณหภูมิที่เท่ากันจึงจะสุก ถ้าเป็นเนื้อในของมะคาเดเมีย ชนิด M. tetraphylla ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์น้ำตาลสูง ควรลดอุณหภูมิลงเหลือ 127 องศา ใช้เวลา 12 นาที การใช้น้ำมันมะพร้าวในการทอด เพื่อลดความเหม็นหืน หลังจากทอดด้วยน้ำมันมะพร้าวไประยะหนึ่ง น้ำมันมะคาเดเมียซึ่งมีคุณภาพสูงกว่าน้ำมันมะพร้าว จะออกมาผสมกับน้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันที่มีคุณภาพในการทอดยอดเยี่ยมที่สุด และเก็บรักษาได้นานดีกว่าการใช้น้ำมันพืชธรรมดาทอด

ถั่วแพงที่สุดในโลก – แมคคาเดเมีย :

ถั่วที่มีราคาแพงที่สุดในโลก คือ ถั่วแมคคาเดเมีย ถั่วชนิดนี้จะให้ผลผลิตต่อเมื่อมีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป ซึ่งการปลูกให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้นจะต้องหมั่นคอยดูแลใส่ปุ๋ย และปลูกในที่ๆ มีฝนตกชุก ถั่วชนิดนี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน โดยมีถิ่นกำเนิดที่

ประเทศออสเตรเลียมากถึง 7 สายพันธุ์
ที่นิวคาเลโดเนีย 1 สายพันธุ์ และ
ที่เมืองสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย อีก 1 สายพันธุ์

สายพันธุ์ที่มีความสำคัญ และมีมูลค่าในเชิงการค้ามากที่สุดมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ Macadamia integrifolia และ Macadamia tetraphylla ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ และควีนสแลนด์ ของประเทศออสเตรเลีย

---------------------------------------------------------------


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©