kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11658
|
ตอบ: 02/06/2022 4:04 pm ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 3 มิ.ย. .. * ข้าวโพดหวาน เก็บได้ห |
|
|
.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 3 มิ.ย.
***********************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม .. ? ..
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....
รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***
งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ..... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ...... ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน 30 เม.ย. ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด
- งานสีสันสัญจรวันเสาร์ วันที่ 4 มิ.ย. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน ไปวัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี....งานนี้ ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถม ไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม....
****************************************************************
****************************************************************
จาก : (089) 173-26xx
ข้อความ : ลุงครับ ช่วยจัดคิวปลูกข้าวโพดหวาน ให้มีผลเก็บได้หลายรอบต่อปี
จาก : (062) 729-18xx
ข้อความ : ข้าวโพดฝักสด เลือกพันธุ์ไหนดี
ตอบ :
- ข้าวโพดฝักสด 1 ไร่ ปลูกห่างกันรุ่นละ 4 เดือน ทำงาน 1 ปีเก็บได้ 3 ครั้ง
- ข้าวโพดฝักสด 12 ไร่ แบ่งเป็นโซน ๆละ 2 ไร่ ปลูกห่างกัน 2 เดือน ทำงาน 1 ปีเก็บได้ 6 ครั้ง
- ใช้ เทคนิค/เทคโนโลยี บำรุงให้ เกรด เอ. จัมโบ้. ปลอดสารเคมี 100%. สีสวยสด. รสจัดจ้าน. ผลผลิตเพิ่ม. ต้นทุนลด. อนาคตดี. เกษตรพันธะสัญญา.
บ่น :
ผลผลิตต่อไร่ :
ข้าวโพดหวาน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,800 กก./ไร่
ข้าวโพดฝักอ่อน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,500 กก./ไร่
ข้าวโพดข้าวเหนียว ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,600 กก./ไร่
ข้าวโพดเทียน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,600 กก./ไร่
แนวโน้มในอนาคตของข้าวโพดฝักสด :
1. เป็นพืชที่มีศักยภาพในการแข่งขันการส่งออกสูงเพราะข้าวโพดฝักสดสามารถแปรรูปผลผลิตได้หลายรูปแบบ สามารถส่งออกได้ทั้งในตลาดยุโรป อเมริกา อาฟริกา นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศก็มีความต้องการบริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมือง
2. การส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดฝักสดไม่มีปัญหาทางด้านโภชนาการ เนื่องจาก ในขั้นตอนการผลิตมีการใช้สารเคมีน้อย ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคสูง เพราะไม่มีสารพิษตกค้าง หรือมีน้อยมาก
3. เป็นพืชที่มีศักยภาพการผลิตสูง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ง่ายเพราะเป็นพืชระยะเวลาการผลิตสั้น (ใช้ระยะเวลาเพียง 45-50 วัน สำหรับข้าวโพดฝักอ่อน และ 70-75 วัน สำหรับข้าวโพดหวาน) และสามารถปลูกได้ตลอดปี ดูแลรักษาง่าย ให้ผลผลิตสูงมีความเสี่ยงต่ำ ใช้สารเคมีน้อย การเพิ่มคุณภาพและผลผลิตสามารถทำได้โดยใช้พันธุ์และวิธีการผลิตที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรในชนบท โดยเฉพาะในเขตที่มีน้ำชลประทาน
4. เป็นพืชที่มีศักยภาพในการนำไปผลิตเป็นพืชอินทรีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวโพดฝักอ่อนและข้าวโพดหวาน เพราะเป็นพืชที่มีแมลงศัตรูพืชน้อย นอกจากนี้ พันธุ์ที่ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่มีความต้านทานโรคที่สำคัญได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวโพดฝักอ่อน
ตลาดและผลตอนแทน :
ข้าวโพดหวานประมาณร้อยละ 50 ที่ผลิตได้ในประเทศไทยจะถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานเพื่อส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ เช่น ในปี 2548 คิดเป็นประมาณ 109,774 ตัน มูลค่า 3,200 ล้านบาท ซึ่งจัดอยู่ในลำดับที่ 4 ของประเทศผู้ส่งออกข้าวโพดหวานในตลาดโลกข้าวโพดหวานและข้าวโพดฝักอ่อนที่เก็บส่วนของฝักออกไปใช้ประโยชน์แล้วส่วนของต้นและใบยังคงเหลือในแปลงรวมไปถึงกาบหุ้มฝัก ไหม ช่อดอกตัวผู้ของข้าวโพดฝักอ่อนและ ซังข้าวโพดที่เหลือจากโรงงานอุสาหกรรมยังสามารถนำเป็นอาหารสัตว์ได้ดี
ปัจจุบัน ความต้องการข้าวโพดหวานของโรงงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นผลให้ในปี ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยส่งออกข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องเป็นปริมาณ 125,308 ตัน มูลค่า 4,291.0 ล้านบาท และส่งออกข้าวโพดหวานแช่แข็งปริมาณ 4,730 ตัน มูลค่า 166.6 ล้านบาท โดยเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดหวานกระป๋องอันดับ 1ของโลก
ลักษณะทางธรรมชาติ :
* เป็นพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียว ต้องการน้ำสม่ำเสมอเหมือนผักสวนครัว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้น้ำ ทุก 2-3 วัน ซึ่งต่างจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ต้องการน้ำน้อยพอน้าดินชื้นเท่านั้น
* ดอกตัวผู้ของข้าวโพด เรียกว่า ดอกยอด อยู่ที่ปลายยอดของต้น ส่วนดอกตัวเมี เรียกว่า "ไหม" อยู่ที่ปลายฝักของแต่ละฝัก.... ดอกตัวผู้เกิดก่อนดอกตัวเมีย 7-10 วัน
* แช่เมล็ดพันธุ์ใน "โบรอน" เมื่อนำไปปลูกจะให้ "ดอกยอด" มากกว่าปกติ 2-3 เท่า
* จังหวะที่เกสรดอกตัวผู้พร้อมผสมมักตรงหรือใกล้เคียงกับเกสรตัวเมียของฝักแรก กับช่วงต้นๆของฝักที่ 2 เท่านั้น ครั้นดอกตัวเมียของฝักที่ 3 หรือ 4 ออกมาจึงไม่มีละอองเกสรตัวผู้เข้าผสม ทำให้ฝักที่ 3 หรือ 4 ไม่ติดเป็นฝัก
* แนวทางแก้ไข คือ หลังจากหยอดเมล็ดข้าวโพดรุ่นแรกไปแล้ว 10-15 วัน ให้หยอดเมล็ดรุ่นที่ 2 หรือรุ่นที่ 3 อีกรุ่นก็ได้ โดยให้แต่ละรุ่นห่างกัน 7-10 วัน ทั้งนี้เพื่ออาศัยเกสรตัวผู้ของต้นรุ่นหลังไปผสมด้วยมือให้แก่ฝักที่ 2-3-4 ของต้นรุ่นแรกนั่นเอง
ปลูกข้าวโพดรุ่น 2-3 เพื่อเอาเกสรตัวผู้นี้ ใช้วิธีปลูกแซมแทรกระหว่างต้นรุ่นแรก กระจายทั่วแปลงปลูกโดยเฉพาะด้านเหนือลม เพื่ออาศัยสายลมช่วยพัดละอองเกสรส่วนหนึ่ง กับช่วยผสมด้วยมืออีกส่วนหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ต้นรุ่น 2-3 ก็สามารถเอาฝักได้เพราะมี ฝัก+ เกสรตัวเมีย เช่นกัน สำคัญแต่ว่าจะหาละอองเกสรตัวผู้จากที่ไหนมาช่วยผสมด้วยมือให้เท่านั้น
กรณีที่ไม่ได้ปลูกต้นข้าวโพดต่างรุ่นไว้ในแปลงปลูกของตนเอง ก็อาจจะขอแบ่งปันจากแปลงข้างเคียงก็ได้แต่ต้องเป็นข้าวโพดสายพันธุ์เดียวกันมาใช้ช่วยผสมด้วยมือแทนก็ได้
* ตรวจสอบลักษณะเกสรตัวผู้ที่พร้อมผสมโดยเคาะเบาๆใส่แผ่นกระดาษแล้วมีละอองเกสรร่วงลงมา และตรวจสอบลักษณะเกสรตัวเมียที่พร้อมผสมโดยสัมผัสเบาๆด้วยปลายนิ้วมือ ถ้าเป็นยางเหนียวติดปลายนิ้วแสดงว่าพร้อมผสมแล้ว
* วิธีช่วยผสมด้วยมือ ให้ตัดก้านดอกยอดเบาๆ นำไปป้ายเบาๆใส่ให้กับไหมที่ปลายฝัก 2-3 รอบ (เหมือนผสมเกสรสละ) หรือเคาะละอองเกสรตัวใส่กระบอกพลาสติกแห้งสะอาด ผสมกับแป้งทาตัวเด็ก อัตราส่วน 1: 1 แล้วใส่ในกระบอกฉีดพ่นเกสร (เครื่องฉีดละอองเกสรทุเรียน) นำไปฉีดพ่นใส่ไหมที่ปลายฝักก็ได้ ทั้งนี้ไหมของฝักใดได้รับละอองเกสรดอกยอดก็จะติดเป็นฝักสมบูรณ์และไม่เป็นข้าวโพดฟันหลอได้ทุกฝัก
* ข้าวโพดมีเมล็ดไม่เต็มฝัก เรียกว่า "ฟันหลอ" เกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น เกสรตัวเมียกับเกสรตัวผู้ (ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย) ไม่สมบูรณ์แข็งแรงแล้วผสมกัน หรือเกสรตัวผู้หมดอายุ หรือสภาพอากาศไม่เหมาะสม (ร้อน/ชื้น) หรือขาดสารอหาร
* ธรรมชาติชาติข้าวโพดทุกสายพันธุ์ออก ฝัก + ดอก ได้ต้นละหลายๆฝัก ตราบเท่าที่ได้รับสารอาหารกลุ่ม สร้างดอก-บำรุงผล อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ก่อนฝักแรกจนถึงฝักสุดท้าย
* แปลงปลูกที่ผ่านการเตรีมดินมาอย่างดี ปฏิบัติต่อเนื่องมาหลายๆรุ่นปลูก กับต้นข้าวโพดที่ได้รับการบำรุงด้วยธาตุอาหารครบถ้วนสม่ำเสมอ เมื่อต้นนั้นโตขึ้นจะมีกิ่งแขนงงอกออกมาตามข้อ แต่ละกิ่งแขนงสามารถออกดอกแล้วติดเป็นฝักคุณภาพดีได้
* การจัดระยะปลูกห่าง ลมพัดผ่านเข้าไปในใจกลางแปลงได้ทั่วถึง ใบไม่เกยทับซ้อนกันและรับแสงแดดได้เต็มที่ จะได้ผลผลิตทั้งปริมาณและคุณภาพเหนือกว่าแปลงที่ปลูกชิดกันมาก
* ข้าวโพดหวานที่เกิดจากการผสมพันธุ์ในพื้นที่หนึ่ง เมื่อนำไปปลูกในอีกพื้นที่หนึ่งซึ่งภูมิอากาศค่อนข้างแตกต่างกัน คุณภาพผลผลิตมักจะแตกต่างกันด้วย ดังนั้น จึงควรใช้เมล็ดพันธุ์ที่เกิดจาการผสมพันธุ์ในพื้นที่ใกล้เคียง หรือแหล่งสร้างเมล็ดพันธุ์ที่มีสภาพภูมิอากาศคล้ายคลึงกัน
* เก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานช่วงเช้ามืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้นแล้วนำไปนึ่งทันทีจะได้รสชาติของข้าวโพดหวานดีมาก หากต้องการเก็บไว้นานหลังเก็บเกี่ยวเมื่อเก็บเกี่ยวมาแล้วควรเก็บในที่เย็น (ตู้เย็น) ซึ่งความหวานจะลดลงน้อยกว่าการเก็บในที่แจ้ง......ข้าวโพดหวานนึ่งให้รสชาติดีกว่าการต้ม
* เมื่อต้นโตได้ความสูงประมาณ 1 ม. หรือเริ่มมีรากเหนือพื้นดินงอกออกมาจากข้อเหนือพื้นดิน ให้ เอ็นเอเอ. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ระบบรากเหนือพื้นดินจะเจริญเติบโต สมบูรณ์ แข็งแรง ดีมาก
นอกจากนี้ยังทำให้ข้าวโพดต้นนั้นแตกยอกจากข้อแล้ว พัฒนาเป็นกิ่ง ซึ่งกิ่งนี้สามารถออกฝักได้เหมือนลำต้นประธาน และเมื่อบำรุงดี ฝักจากกิ่งนี้ก็จะเจริญพัฒนาเป็นฝักสมบูรณ์ได้เช่นกัน
ปลูกข้าวโพดกินสดเดือนละ 1 รุ่น ปลูก 12 รุ่น 12 เดือน มีผลผลิตเก็บตลอดปีแน่นอน
ข้าวโพดหวานประมาณร้อยละ 50 ที่ผลิตได้ในประเทศไทยจะถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานเพื่อส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ เช่น ในปี 2548 คิดเป็นประมาณ 109,774 ตัน มูลค่า 3,200 ล้านบาท ซึ่งจัดอยู่ในลำดับที่ 4 ของประเทศผู้ส่งออกข้าวโพดหวานในตลาดโลกข้าวโพดหวานและข้าวโพดฝักอ่อนที่เก็บส่วนของฝักออกไปใช้ประโยชน์แล้วส่วนของต้นและใบยังคงเหลือในแปลงรวมไปถึงกาบหุ้มฝัก ไหม ช่อดอกตัวผู้ของข้าวโพดฝักอ่อนและ ซังข้าวโพดที่เหลือจากโรงงานอุสาหกรรมยังสามารถนำเป็นอาหารสัตว์ได้ดี
ปัจจุบัน ความต้องการข้าวโพดหวานของโรงงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นผลให้ในปี ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยส่งออกข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องเป็นปริมาณ 125,308 ตัน มูลค่า 4,291.0 ล้านบาท และส่งออกข้าวโพดหวานแช่แข็งปริมาณ 4,730 ตัน มูลค่า 166.6 ล้านบาท โดยเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดหวานกระป๋องอันดับ 1ของโลก
สายพันธุ์ :
พันธุ์ข้าวโพด : พันธุ์ข้าวก่ำหวาน, พันธุ์ข้าวเหนียวหวาน, พันธุ์สำลีอีสาน, พันธุ์ข้าวเหนียวข้าวก่ำ, พันธุ์หวานดอกคูน, พันธุ์เทียนสลับสี, พันธุ์เทียนลาย, พันธุ์เทียนเหลือง, พันธุ์เทียนขาว, ข้าวโพดหวานราชินีทับทิม.
* การปลูก การบำรุง :
เตรียมดิน :
ไถดะไถแปร ใส่ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ไถพรวนชักร่องเป็นร่องลูกฟูก คลุมสันแปลงด้วยแห้งหนาๆ รดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 ปล่อยไว้ 15-20 วัน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน และสร้างสารอาหารรอไว้ก่อน .... ลงทุนเรื่องดินไม่เสียหลาย ได้ข้าวโพดแล้ว ได้ดินสำหรับปลูกข้าวรุ่นหน้า รุ่นต่อๆไป หรือถ้าไม่ปลูกข้าวจะปลูกอย่างอื่น อะไรก็ได้ ดีทั้งนั้น เพราะดินดีอยู่แล้ว
เตรียมเมล็ดพันธุ์ :
แช่เมล็ดพันธุ์ใน น้ำ + สังกะสี. + ไคโตซาน + โบรอน นาน 6 ชม. .... นำขี้นห่มชื้น 24-36 ชม. เมล็ดเริ่มมีรากปริ่มออกมา นำไปหยอด หลุมละ 2 เมล็ด....ดินในหลุมปลูกคลุกด้วย ใบสาบ เสือ ใบยูคา ตากแห้งบดละเอียด ป้องกันแมลงในดินกินเมล็ด..หยอดเมล็ดแล้วรดด้วยน้ำหมักชีวภาพตัวเดิม 1 ครั้ง เป็นการให้น้ำ ....
บำรุง ระยะต้นเล็ก :
รดด้วยน้ำหมักชีวภาพสูตรเดิม 30-10-10 (1 ล.) สำหรับเนื้อที่ 1 ไร่ โดยรดโคนต้น ให้ตอนเย็นก่อนค่ำดีกว่าให้ตอนกลางวัน ....ให้ 2 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน .... ระยะนี้หาโอกาสให้แคลเซียม โบรอน ฉีดทางใบ 1 ครั้ง
บำรุง ระยะก่อนออกดอกยอด :
ทางดิน : ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรเดิม 1 ล. + 8-24-24 (1 กก.) ละลายให้เข้ากันดี สำหรับเนื้อที่ 1 ไร่ 1 รอบ รดโคนต้น ตอนเย็นก่อนค่ำดีกว่าให้ตอนกลางวัน
ทางใบ : ให้ไทเป 3-4 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน ระยะนี้หาโอกาสให้แคลเซียม โบรอน ฉีดทางใบ 1 ครั้ง ทุกครั้งที่ให้ทางใบถือโอกาส +ยาน็อคเข้าไปด้วย เพื่อไม่เสียเวลา
บำรุง ระยะเป็นฝักแล้ว :
ทางดิน : ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 21-7-14 (1 ล.) สำหรับเนื้อที่ 1 ไร่ ให้ 1 รอบ รดโคนต้น ตอนเย็นก่อนค่ำ ดีกว่าให้ตอนกลางวัน
ทางใบ : ให้ ไบโออิ + ยูเรก้า 2 รอบ สลับด้วยแคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน ทุกครั้งที่ให้ทางใบถือโอกาส +ยาน็อคเข้าไปด้วย เพื่อไม่เสียเวลา
หมายเหตุ :
- ระยะ 7 วันแรกหลังปลูก ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น ถ้าขาดน้ำช่วงนี้จะทำให้การงอกไม่ดี ส่งผลถึงช่วงต้นโตให้ผลผลิตลดลงไปด้วย
-------------------------------------------------------------------------------
.
|
|