-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-* เทคโนโลยีเกษตร
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - * เทคโนโลยีเกษตร
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

* เทคโนโลยีเกษตร

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11454

ตอบตอบ: 09/11/2023 12:07 pm    ชื่อกระทู้: * เทคโนโลยีเกษตร ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.


เทคโนโลยีเกษตร :


......................................................................................................

จีนใช้เทคโนโลยีทำการเกษตรทดแทนแรงงานคน :
https://thai.cri.cn/20220328/237f24d6-7b28-596e-3e7c-60f6bdde5984.html


จีนสร้าง “ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีเกษตร” สุดอลังการ พื้นที่ 1.26 แสนไร่ :
http://smartcitythailand.com/china-agriculture-technology-center/


จีนทำเกษตรยังไงให้ใช้คนน้อยที่สุด :
https://www.youtube.com/watch?v=MAGhOiykR_M


จีนทำเกษตรอัจฉริยะ จนแทบไม่ต้องใช้แรงงานคนทำนา :
https://www.google.com/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99&rlz=1C1GCEA_enTH1067TH1067&oq=&gs_lcrp=EgZjaHJvbWUqCQgAEEUYOxjCAzIJCAAQRRg7GMIDMgkIARBFGDsYwgMyCQgCEEUYOxjCAzIJCAMQRRg7GMIDMgkIBBBFGDsYwgMyCQgFEEUYOxjCA9IBCTI4MzVqMGoxNagCBrACAQ&sourceid=chrome&ie=UTF-8#fpstate=ive&vld=cid:f45a4ce4,vid:HbYItU7TAk0,st:0



จีนใช้เทคโนโลยี ‘รถดำนา’ ช่วยปักชำต้นกล้า หนุนเพิ่มผลผลิต :
https://www.mcot.net/view/0cAXUwXg



ทำไมชาวนาญี่ปุ่นจึงรวย ? :
https://www.winnews.tv/news/9654


วิเคราะห์ความต่าง “ชาวนาไทย” กับ “ชาวนาญี่ปุ่น” :
https://cheechongruay.smartsme.co.th/content/23990


เทคนิคทำนาข้าวเวียดนาม ใช้วิธีไหนเพิ่มผลผลิต ? :
https://www.youtube.com/watch?v=8xnWPp2UTRU


ข้าวเวียดนาม…ได้ผลผลิตสูงกว่าข้าวไทย :
https://www.kasetkaoklai.com/home/2017/06/%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1/


ข้าวไทย โดนข้าวอินเดียและเวียดนาม แซงหน้า :
https://www.longtunman.com/37335


เวียดนามผุดไอเดีย ‘นาข้าวอัจฉริยะ’ พัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน :
https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency.th/posts/2356930271189648/


10 อันดับประเทศผู้ผลิตทางการเกษตรของโลก :
https://www.kasetsanjorn.com/5161/


นาข้าว ยุคใหม่ :
https://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7198&sid=70fd88f85289d085e86bec681847f6cd



นาข้าวแบบประณีต :
https://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1700&page=1


นาข้าวแบบเหมาจ่าย :
https://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1701




29. ข้าว 9 เมล็ด ปลูกได้ 30 ไร่ :
"คุณบังอร" อยู่สุพรรณบุรี ได้ข้าวเปลือกไรซ์เบอร์รี่มาจากอาจารย์ที่ ม.เกษตรกำแพงแสน เจ้าของลิขสิทธิ์เมล็ดพันธุ์ จำนวนเพียง 9 เมล็ดเท่านั้น ด้วยความอยากได้ข้าวสายพันธุ์เป็นที่้สุด นำมาเพาะลงในแปลงที่เตรียมไว้ ประคบประหงมอย่างประณีตที่สุด ด้วยแนวทาง อินทรีน์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของต้นข้าว

รุ่นแรกได้เมล็ดพันธุ์มาแล้วขายพันธุ์ต่อเป็นรุ่นที่ 2 จากรุ่นที่ 2 ขยายพันธุ์ต่อเป็นรุ่นที่ 3 คราวนี้ได้เนื้อที่ 30 ไร่ จนเต็มเนื้อที่นาที่มี ถึงวันนี้ทำมาแล้ว 4-5 รอบ

นอกจากนี้ ในเนื้อที่ 30 ไร่ ยังได้จัดแปลงส่วนหนึ่งสำหรับทำเมล็ดพันธุ์โดยเฉพาะด้วยเทคนิคการบำรุง การแยกข้าวปน ทุกขั้นตอนต้องอดทนอย่างที่สุด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากหากต้องการทำ .....

วันนี้ คุณบังอรฯ ประสบความสำเร็จอย่างมีคุณธรรม ใครๆขายข้าวปลูกไรซ์เบอร์รี่ ถังละ 1,500-1,700 แต่คุณบังอรฯ ขายถังละ 500 ก็ได้ข้าวเกวียนละ 50,000 แล้ว สบายๆๆ

ไรซ์เบอร์รี่ ล้มตอซัง ประหยัดต้นทุน :
- ทำนาแบบ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของนาข้าว ยิ่งใช้ปุ๋ยลุงคิม ประจำหลายๆรุ่น จะยิ่งใช้น้อยลง จำนวนครั้งฉีดทางใบน้อยลง ให้ทางดินก็ใส่น้อยลงด้วย อันนี้น่ะจะเป็นเพรา “ดินดีแบบสะสม” กับต้นสมบูรณ์ที่ได้จากดิน ให้ปุ๋ยทางใบน้อยครั้งลงต้นก็ยังงามได้ ออกรวงดี น้ำหนักดี สำคัญที่สุด คือ โรคแมลงไม่วอแววี้ดว้ายกระตู้วูเลย

- ไถกลบฟาง ย่ำเทือกประณีตกำจัดวัชพืชไปในตัว เลิกยาฆ่าหญ้าแต่ใช้วิธีถอนเพราะมีไม่มาก เลิกสารเคมีฆ่าแมลงแต่ใช้สารสมุนไพรแบบเดี่ยวๆ หรือแบบผสมปุ๋ยทางใบ ฉีดบ่อยๆ ฉีดล่วงหน้าก่อนศัตรูพืชมา ถือหลัก กันก่อนแก้ แย่แล้วแก้ไม่ทัน

- หลายๆรุ่นมานี้ เฉพาะต้นทุนค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ลดสุดๆ ลดกว่าเดิมหลายเท่าตัวเห็นได้ชัด .... ไม่จ้างแรงงาน ทำเองสองคนผัวเมียเท่านั้น ลงแปลงเดินย่ำลงไปในนาทุกวัน .... ขยันจนน่ากลัว ขยันแล้วรวยใครจะไม่เอา ผิดกับบางคนที่ "ขี้เกียจ" อ้างโน่นอ้างนี่ ไม่มีเวลา ยุ่งยากเสียเวลา ทำไม่เป็น ไม่มีความรู้ ไม่มีใครมาส่งเสริม แบบนี้ก็จง "จน+หนี้" ต่อไปเถอะ

- รู้ดีว่า สายพันธุ์ข้าวไรซ์เบอร์รี่ยังไม่นิ่ง เพราะฉะนั้น ทุกรุ่นทุกรอบที่ปลูก จะแยกข้าวปนโดยการเดินลุยลงไปแล้ว “ถอนทิ้งทั้งกอ” ถอนทุกอย่าง วัชพืช ข้าวสีขาวที่ติดมากับรถเกี่ยว ไรซ์เบอร์รี่เมล็ดสีขาวอมเทา อย่าเสียดาย อย่างก

- รุ่นนี้ทำนาไรซ์เบอร์รี่แบบ “ย่ำตอซัง” ได้ผลชัดเจนมากๆ ประหยัด “ค่าไถ ค่ำย่ำเทือก ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าดำ ค่าแรง ฯลฯ” ....

วิธีการ :
เกี่ยวข้าวเสร็จ เกลี่ยฟางให้เสมอกัน แล้วใช้ล้อย่ำตอทันที
บริเวณกลางแปลงล้อย่ำทำงานเรียบร้อยดี แต่ตอข้าวริมคันนาล้อย่ำทำงานไม่สะดวก ต้องใช้เครื่องตัดหญ้าช่วยตัดตอแทน ดูแล้วเรียบร้อยดีกว่าย่ำ

(..... คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ .... ใช้เครื่องตัดหญ้าแบบเส้นเอ็นดีกว่าวิธีใช้ใบมีดเหล็กหรือวิธีใช้ล้อย่ำ ทั้งนี้ ต้นข้าวจะขาดตอเสมอกันทั่วทั้งแปลง ส่งผลให้การแทงหน่อใหม่ดี....)

หลังย่ำตอ 5-7 วัน หน่อข้าวเริ่มแทงขึ้นมาจากพื้นดิน สำรวจได้ประมาณ 75-80% ทิ้งไว้อีก 3-5 วัน ส่วนที่เหลือเริ่มงอก รวมข้าวงอกมากกว่า 95 % ที่เหลือช่วยเขาโดยแซะข้าวกอข้างเคียงมาดำเสริ (.... ก่อนย่ำตอไม่ใส่น้ำ ปล่อยให้หน้าดินแห้งเพื่อให้ตอแหลกสลายดี แม้ผิวดินจะแห้งแต่มีน้ำอยู่ไต้ผิวดิน อันเป็นผลพวงมาจากการไถกลบฟางซ้ำหลายๆรุ่น ฟางไต้ดินจึงทำหน้าที่เสมือนฟองน้ำเก็บน้ำไว้ให้ หล่อเลี้ยงตอข้าวยามรอแตกหน่อใหม่ได้....)

- เมื่อมั่นใจ ทั้งหน่อข้าวแตกใหม่ หน่อใหม่ที่ปลูกซ่อม ยืนต้นได้แล้ว สิริรวมระยะเวลาทั้งสิ้นกว่า 10-12 วัน ใครเห็นก็คิดว่า ตอข้าวขาดน้ำนานปานนี้น่าจะตายหมดแล้ว แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ นอกจากในดินมีฟองน้ำคอยอุ้มน้ำไว้ให้แล้ว ระบบรากที่สมบูรณ์แข็งแรง จากการบำรุงต้นข้าวส่งผลให้ตอข้าวยืนรอแตกหน่อใหม่ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน จึงสูบน้ำเข้านา จากนั้นทุกอย่างทุกขั้นตอน ปฏิบัติเหมือนการทำนาปกติ

- ฟางในดินอุ้มน้ำไว้ในเนื้อดินได้นานนับเดือน เป็นน้ำระดับ "ชื้น" งานนี้นอกจากได้น้ำแล้วยังมีจุลินทรีย์ประจำถิ่น +จุลืนทรีย์ที่ใส่ลงไปอีกด้วย

- แปลงข้างๆ เห็นนาแปลงนี้มาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ข้าวปลูกมา 9 เมล็ด, การเปลี่ยนจากข้าวสีขาวมาเป็นข้าวสีดำ, การปฏิบัติบำรุง, ทุกอย่างทุกขั้นตอนประจักษ์แจ้งเห็นกับตา จับกับมือ แม้กระทั่งรายได้แต่ละรุ่นก็รู้อยู่แก่ใจ .... งานนี้นอกจาก ไม่ใส่ใจ-ไม่คิด-ไม่วิเคราะห์-ไม่เปรียบเทียบ กับนาตัวเอง กับนาแปลงอื่นๆ แล้ว ยังค่อนขอดนาๆว่า นาอินทรีย์ไปไม่รอด ข้าวสีดำโรงสีไม่รับซื้อ มาถึงรุ่นนี้ ไรซ์เบอร์รี่ล้มตอซัง ก็ยังค่อนขอดอีกว่า ต้นข้าวไม่ใช่ต้นกล้วยถึงจะเอาหน่อได้ กระทั่งหน่อข้าวขึ้นมาเต็มแปลง เห็นเต็มตาว่านั้นคือต้นข้าว ก็ยังไม่วายสงสัยอีกว่า มันมาได้ยังไง ?

กรอบแห่งความคิด :
คุณภาพเพิ่ม :

- ไม่อยู่ในเกณฑ์ถูกตัดราคา (ปลอม ปน ป่น ไข่ เรื้อ ลีบ)
- ปริมาณเท่ากันแต่ขายได้ราคาสูงกว่า
- ผลิตตามความต้องการของตลาด หรือผู้รับซื้อ (การตลาด นำการผลิต)
- แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม (ขายส่ง ขายปลีก)
- ปรับ/เปลี่ยน วิธีการปฏิบัติเมื่อสภาพอากาศผิดปกติ เพื่อให้ได้ผลผลิต
- อินทรีย์นำ เคมีเสริม หรือ เคมีนำ อินทรีย์เสริม ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
- ฯลฯ

ต้นทุนลด :
- เขียนรายการต้นทุนที่เป็นเงิน (เช่า ไถ ย่ำ พันธุ์ หว่าน/ดำ ฉีด ปุ๋ย ยา ฯลฯ) ขึ้นมาก่อน ทุกรายการ
- เขียนรายการต้นทุนที่ไม่ได้ซื้อ (ที่ดิน เวลา แรงงานตัวเอง โอกาส ฯลฯ) ขึ้นมาก่อน ทุกรายการ
- ประมาณการตลาดล่วงหน้าราคาขายว่า ขายแล้วจะได้เท่าไหร่
- คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ ต้นทุนระหว่างทำเอง 100% กับ ทำเองครึ่งนึ่งซื้อครึ่งนึง
- ลงทุนแก้ปัญหาครั้งเดียว เพื่อป้องกันปัญหาระยะยาว
- ใช้ เทคโนโลยีวิชาการ ผสมผสาน เทคโนโลยีชาวบ้าน
- ฉลาดเลือก ฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ ฉลาดวางแผน ฉลาดทำ เพื่อต้นทุนที่ต่ำกว่าแต่ประสิทธิภาพเหนือกว่า
- ใช้เครื่องทุ่นแรง เพื่อประสิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน
- ฯลฯ

อนาคตดี :
- ดิน น้ำ ดีขึ้นเรื่อยๆ
- ชื่อเสียง เคดิต
- รวมกลุ่มสร้างผลผลิตเพื่อผู้รับซื้อมั่นใจ
- เปิดตัวเปิดใจรับรู้ข้อมูลทางวิชาการ แล้วต่อยอดขยายผล สำหรับรุ่นหน้า รุ่นต่อๆไป
- ฯลฯ

**** ทฤษฎีนี้ นำไปใช้กับนาข้าวได้ทุกชนิด ทุกสายพันธุ์ ทุกประเทศ ****


นาข้าวล้มตอซัง ....
จาก : (082) 177-23xx
ข้อความ : ลุงคิมมีข้อมูลเรื่องต้นทุนนาย่ำตอซังไหมคะ ....ขอบคุณค่ะ

จาก : (064) 893-15xx
ข้อความ : เห็นด้วย นาข้าวใส่ปุ๋ยไร่ละ 2 สอบ 100 โล ต้นข้าวได้ปุ๋ยแค่ 2 ตัว เม็ดลีบ ท้องไข่ ไม่ใส ไม่แกร่ง ความชื้นสูง ได้ข้าวน้อย ถูกตัดราคา ให้ลุงสู้ต่อไป .... หนุ่มโรงงาน ลูกชาวนา

จาก : (089) 053-10 xx
ข้อความ : ผมทำนาตามสูตรของลุงคิม ผลผลิตดีขึ้นกว่าเดิม อีก 3 วันจะเกี่ยวข้าวนาดำ ขอให้ลุงคิมแนะนำการล้มตอซัง เพื่อลดต้นทุนหน่อยครับ ท้ายนี้ขอให้ลุงคิม....(ข้อความไม่ครบ)

ตอบ :
ว่ามั้ย....
* นี่คือ เทคนิค-เทคโนโลยี การผลิต .... เทคนิค คือ วิธีการ .... เทคโนโลยี คือ หลักวิชาการ
* ปรัชญา 10 ล้อ .... พื้นที่เท่าเดิม-ต้นทุนเท่าเดิม-ระยะเวลาเท่าเดิม-แรงงานเท่าเดิม แต่ ทำแบบใหม่ เอาเทคนิคเทคโนมาจับมาใช้ = ได้มากกว่า
* ทำแบบเดิม ทำตามคนที่ล้มเหลว สถานการณ์ชีวิตคงไม่มีอะไรดีขึ้น
* รัฐช่วย + ตัวเองช่วย + ข้างบ้านช่วย + ธรรมชาติช่วย + ลุงคิมช่วย = ได้ 5 เด้ง
* ต้นตอที่แท้จริงของปัญหาอยู่ที่ “ใจ” เพราะใจไม่รับ สิ่งใหม่-วิธีใหม่ ที่ถูกต้องตามธรรมชาติของพืช คือ ปลูกพืชตามใจพืช ไม่ใช่ตามใจคน คนที่ว่าก็ไม่ใช่ตัวเอง กลับเป็นคนอื่น
*

ข้อดีของการปลูกข้าวแบบล้มตอซัง
1. ลดต้นทุนการผลิต ค่าเตรียมดิน ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าสารเคมีควบคุมและกำจัดวัชพืช ฯลฯ ไร่ละประมาณ 900 บาท
2. ย่นระยะเวลาการปลูกข้าวให้เร็วขึ้น 10-15 วัน (ไม่เสียเวลาเตรียมดินและหว่านข้าว)
3. เป็นการรักษาสภาวะแวดล้อม เพราะลดการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชและหอยเชอรี่
4. ลดปัญหาการเผาฟางข้าว โดยนำมาใช้ประโยชน์ในการคลุมแปลงนาเพื่อรักษาความชื้นในดิน

ต้นทุนนาข้าว 1 ไร่ :
.. รายการ ............. การทำนาหว่านน้ำตม (บาท/ไร่) ............ การปลูกข้าวตอซัง .
1. ค่าเตรียมดิน........................ 250 .................................... -
2. ค่าล้มตอ กระจายฟาง……........... - ....................................... 80
3. ค่าเมล็ดพันธุ์....................... 120 ..................................... -
4. ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง.................. 300 .................................... 150
5. ค่าปุ๋ยเคมี.......................... 480 ……………......................... 282
6. ค่าสารกำจัดวัชพืช................. 165 ……………............................ –
7. ค่าสารกำจัดหอย..................... - …………….............................. -
8. ค่าสารกำจัดศัตรูพืช.................141....................................... 91
9. ค่าจ้างหว่านข้าว..................... 40 ....................................... -
10. ค่าจ้างหว่านปุ๋ย.................... 120 ...................................... 80
11. ค่าจ้างพ่นสารกำจัดวัชพืช ......... 80 ........................................ -
12. ค่าจ้างพ่นสารกำจัดศัตรูพืช ....... 120 ...................................... 80
13. ค่าจ้างเก็บเกี่ยว.................... 250 ..................................... 250
14. ค่าจ้างขนส่ง....................... 100 ..................................... 100

ต้นทุนการผลิตรวม (บาท/ไร่) ........ 2,166 .................................. 1,113
ผลผลิตข้าวเปลือก (กิโลกรัม/ไร่) ..... 958 ...................................... 975

ราคาขาย (บาท/กิโลกรัม) ............ 5.90 .................................... 5.90
รายได้รวม (บาท/ไร่).................. 5,652 .................................. 5,752
รายได้สุทธิ (บาท/ไร่)................. 3,486 ................................... 4,639
ที่มา : สำนักงานเกษตรจังหวัดปทุมธานี (2549)

ตารางเปรียบเทียบต้นทุนการผลิต ผลผลิต รายได้รวม และรายได้สุทธิจากการปลูกข้าวแบบล้มตอซัง กับการทำนาหว่านน้ำตม ปีการผลิต 2549 ของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

ข้าวล้มตอ : การทำนาสูตรประหยัด
เรื่อง/ภาพ เสมอชน ธนพัธ

CASE STUDY กรณีศึกษา คิด-วิเคราะห์-เปรียบเทียบ :
* ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้เป็นต้นทุนเพียวๆ ทำแบบเดิมๆ
* ต้นทุนทั้งหมดทั้งสิ้นนี้สามารถลดได้ด้วย เทคนิค-เทคโนโลยี
* ต้นทุนรายการไหน ตัด/ลด/ปรับ/เปลี่ยน ได้ ให้ทำ
* ต้นทุนรายการไหน หลายรายการรวมกันเป็นรายการเดียว ได้ ขอให้ทำ
* ต้นทุนค่าจ้าง จ้างให้ทำอะไร อย่างไร เท่าไหร่ เพราะอะไร เพื่ออะไร ฯลฯ

ข้าว .... นาข้าวล้มตอซัง :
หลักการและเหตุผล :

- ข้าว คือ พืชตระกูลหญ้า ลักษณะการขยายพันธุ์อย่างหนึ่งระหว่างต้นข้าวกับต้นต้นหญ้าที่เหมือนกัน คือ หลังจากลำต้นถูกตัดไปจนเหลือแต่ตอแล้ว ยังสามารถแตกหน่อใหม่จากข้อที่ตอแล้วเจริญเติบโตจนออกดอกติดผลได้ โดยผลผลิตที่ได้ยังมีคุณภาพและปริมาณไม่ต่างจากต้นข้าวหรือต้นหญ้าปลูกใหม่แต่อย่างใด ..... นั่นคือ ปลูก 1 ครั้ง เกี่ยวได้ 3 รอบ

ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำนาข้าวแบบล้มตอซังที่เห็นได้ชัด คือ ลดต้นทุนค่าไถ ทำเทือก หมักฟาง หว่าน/ดำ เมล็ดพันธุ์ และอื่นๆ ที่ต้องเตรียมการก่อนลงมือหว่านดำ

แนวทางปฏิบัติ :
1. หลังจากเกี่ยวข้าวด้วยมือหรือรถเกี่ยวเสร็จ ให้สำรวจหน้าดินว่ายังมีความชื้นเพียงพอต่อการที่จะทำนาแบบล้มตอซังต่อไปหรือไม่ กล่าว คือ ดินต้องมีความชื้นระดับนำขึ้นมาปั้นเป็นลูกยางหนัง สติ๊กได้พอดีๆ ไม่อ่อนเละหรือแข็งเกินไปจนปั้นเป็นลูกกลมๆไม่ได้

วัตถุประสงค์ของการสำรวจความชื้นหน้าดิน ก็เพื่อจะได้อาศัยความชื้นนี้ส่งเสริมให้เกิดการแตกยอดใหม่จากตอซังนั่นเอง

2. ผลสำรวจความชื้นน้าดิน ถ้ายังมีระดับความชื้นตามต้องการแล้ว ให้ลงมือเกลี่ยเศษฟางที่รถเกี่ยวพ่นออกมา ทั้งส่วนที่กองทับอยู่บนตอซังและบริเวณอื่นๆ หรือกรณีเกี่ยวด้วยมือก็ให้เกลี่ยตอซังที่ล้มทับกันให้แผ่กระจายออกเสมอกันทั่วทั้งแปลง

วัตถุประสงค์ของการเกลี่ยฟาง ก็เพื่อให้มีฟางปกคลุมหน้าดินหนาเสมอกันเท่ากันทั้งแปลงนั่นเอง

3. ดัดแปลงยางนอกรถบรรทุก 10 ล้อ จำนวน 6-8 วง นำมาต่อกันทางข้างเกิดเป็นหน้ากว้าง แล้วเชื่อมต่อเข้าด้วยกันโดยมีเพลาเป็นแกนกลาง เรียก ว่า ล้อย่ำตอซัง เมื่อจะใช้งานก็ให้ใช้รถไถเดินตามลากล้อย่ำตอซังนี้วิ่งทับไปบนฟาง วิ่งทับทั้งส่วนที่ยังเป็นตอซังตั้งอยู่ และเศษฟางที่เกลี่ยแผ่กระ จาย ออกไป...กรณีรถที่ลากล้อย่ำตอซังควรเป็นรถไถเดินตามหรือรถไถนั่งขับขนาดเล็กเท่านั้นเพราะจะได้น้ำหนักที่พอดีต่อการย่ำตอ ไม่ควรใช้รถไถใหญ่เพราะจะทำให้ตอซังช้ำเสียหายมากเกินไป

วัตถุประสงค์ของการใช้รถย่ำน้ำหนักเบา ก็เพื่อรักษาข้อของลำต้นส่วนที่เป็นตอที่อยู่ต่ำกว่าระดับผิวดินไม่ให้แตกช้ำมาก เพราะต้องการให้เกิดการแตกยอดใหม่ออกมาจากข้อใต้ผิวดินมากกว่า แต่ส่วนของลำต้นที่อยู่เหนือผิวดินต้องให้แตกช้ำจนไม่สามารถแตกยอดใหม่ได้

ยอดที่แตกออกมาจากข้อของลำต้นส่วนที่อยู่เหนือผิวดิน จะเป็นยอดที่ไม่มีคุณภาพ แต่ยอดที่แตกออกมาจากข้อของลำต้นส่วนที่อยู่ใต้ผิวดินจะเป็นยอดที่มีคุณภาพดี จำนวนรอบในการย่ำกำหนดตายตัวไม่ได้ ทั้งนี้ให้สังเกตลักษณะตอหลังจากย่ำไปแล้วว่าแตกช้ำเฉพาะส่วนที่อยู่เหนือผิวดินแต่ส่วนที่อยู่ใต้ผิวดินยังดีอยู่ นอกจากนี้ระดับความชื้นหน้าดิน (อ่อน/แข็ง) กับน้ำหนักของล้อย่ำตอซังและน้ำหนักรถลากก็มีส่วนทำให้ตอเหนือผิวดินกับตอใต้ผิวดินแตกช้ำมากหรือน้อยอีกด้วย

4. หลังจากย่ำฟางและตอซังแล้ว ถ้าหน้าดินมีความชื้นพอดีก็ให้ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นแต่ถ้าหน้าดินมีความชื้นน้อยถึงน้อยมากจำเป็นต้องฉีดพ่นน้ำเปล่าบ้างเพื่อเพิ่มความชื้น ซึ่งขั้นตอนฉีดพ่นน้ำนี้ จะต้องพิจารณาความเหมาะสมว่าคุ้มค่าต้นทุนหรือทำได้หรือไม่และเพียงใด

- แปลงนาที่เนื้อดินมีอินทรีย์วัตถุและสารปรับปรุงบำรุงดินสะสมมานาน แม้หน้าดินจะแห้งถึงระดับรถเกี่ยวเข้าทำงานได้สะดวกดีนั้น เนื้อดินด้านล่างลึกจะยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ถึงระดับช่วยให้ตอซังแตกยอดใหม่ได้

- ฟางที่เกลี่ยดี นอกจากจะช่วยป้องกันแสงแดดจัดเผาหน้าดินจนแห้งแล้ว ยังช่วยรักษาความชื้นให้แก่หน้าดินและจุลินทรีย์อีกด้วย

5. หลังจาก ย่ำตอ-ปล่อยทิ้งไว้ หรือ ย่ำตอ-ฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้น แล้ว จะมียอดใหม่แตกออกมาจากข้อของตอใต้ผิวดินแล้วแทงทะลุเศษฟางขึ้นมาให้เห็น ให้รอจนระทั่งยอดแตกใหม่เจริญเติบโตเป็นต้นกล้าข้าวได้ใบใหม่ 2-3 ใบ ก็ให้ปล่อยน้ำเข้า พร้อมกับควบคุมระดับน้ำให้พอเปียกหน้าดินหรือท่วมคอต้นกล้าใหม่

- แปลงนาที่ผ่านการ “เตรียมแปลง” โดยปรับหน้าดินราบเสมอกันดี น้ำที่ปล่อยเข้าไปจะเสมอกันทั้งแปลง ส่งผลให้ต้นข้าวทั้งที่แตกใหม่และเป็นต้นโตแล้วได้รับน้ำเท่ากันทั่วทั้งแปลง ซึ่งต่างจากแปลงที่บางส่วนดอน (สูง) บางส่วนลุ่ม (ต่ำ) จึงทำให้ระดับน้ำลึกไม่เท่ากัน สุดท้ายก็ส่งผลให้ต้นข้าวเจริญเติบโตไม่เท่ากันอีกด้วย

- ต้นข้าวที่งอกขึ้นมาใหม่จะมีทั้งต้นที่งอกขึ้นมาจากข้อของตอ ต้นที่งอกขึ้นมาจากเมล็ดข้าวร่วง และเมล็ดที่หลุดออกมาจากรถเกี่ยว ซึ่งแหล่งกำเนิดของต้นข้าวเหล่านี้ไม่มีผลต่อคุณภาพและปริมาณในอนาคตแต่อย่างใด

บางบริเวณอาจจะไม่มีหน่อหรือยอดต้นข้าวแตกใหม่จากข้อของตอใต้ดิน เนื่องจากส่วนตอใต้ผิวดินบริเวณนั้น ถูกย่ำทำลายโดยล้อสายพานรถเกี่ยวช้ำเสียหายจนไม่อาจงอกใหม่ได้นั่นเอง

วิธีแก้ไข คือ ให้ขุดแซะต้นกล้าที่งอกจากตอบริเวณที่หนาแน่นกว่าบริเวณอื่น ขุดแซะพอให้มีดินหุ้มรากติดมาบ้างเล็กน้อยแล้วนำมาปลูกซ่อมลงในบริเวณที่ตอถูกทำลายจนไม่มีหน่อหรือยอดใหม่

- ต้นข้าวที่เกิดจากเมล็ดโดยการหว่านหรือดำ อัตราการแตกกอจะต่างกัน เช่น ข้าวพันธุ์สุพรรณ-1 มีอัตราการแตกหน่อดีมาก ส่วนข้าวพันธุ์ชัยนาท-1 และปทุมธานี-1 มีอัตราการแตกหน่อพอใช้ได้ หรือดีน้อยกว่าสุพรรณ-1 ในขณะที่การทำนาข้าวแบบล้มตอซังซึ่งจะมีต้นใหม่งอกออกมาจากข้อของตอซังนั้นการแตกกอก็ต่างกันอีก กล่าวคือ ข้าวพันธุ์สุพรรณ-1 อัตราการแตกกอไม่ค่อยดี ข้าวพันธุ์ ชัยนาท-1 แตกกอดีพอ ประมาณ และข้าวพันธุ์ปทุมธานี-1 อัตราการแตกกอไม่ดี

- ขั้นตอนปล่อยน้ำเข้าแปลงเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าวเกิดใหม่ หลังจากปล่อยน้ำเข้าจนได้ระดับที่เหมาะสมแล้วใส่ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 5 ล.+ 16-8-8(5 กก.)/1 ไร่” โดยการฉีดพ่นให้ทั่วแปลง

6. หลังจากต้นกล้าที่แตกออกมาจากข้อของตอใต้ผิวดิน ต้นกล้าปลูกซ่อม และต้นกล้าจากเมล็ดข้าวร่วง เจริญเติบโตขึ้นมาได้แล้วก็ให้เข้าสู่
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อต้นข้าวด้วยวิธี ทำนาข้าวแบบประณีตต่อไปจนกระทั่งถึงเก็บเกี่ยว

https://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6260

-------------------------------------------------------------------------------------


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©